สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ เพชรบุรี              ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน กำรประเมินควำมต้

Download Report

Transcript สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ เพชรบุรี              ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน กำรประเมินควำมต้

สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน
ลุ่มนำ้ เพชรบุรี













ที่ตงั ้
ลักษณะภูมิประเทศ
พืน้ ที่ล่ ุมนำ้
ภูมิอำกำศ
ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน
- ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้
ทรั พยำกรดิน
กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ
พืน้ ที่ทำกำรเกษตร.
พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
กำรประเมินควำมต้ องกำรนำ้
ปั ญหำของลุ่มนำ้
ด้ ำนภัยแล้ ง
แนวทำงแก้ ไข
สว่ นอำนวยกำรและติดตำมประเมินผล
ทีต
่ ง้ั
พืน้ ที่ส่วนใหญ่ ของลุ่มนำ้ เพชรบุรี อยู่ใน
เขตจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดรำชบุรี
ลักษณะเป็ นรู ปสี่เหลี่ยม ผืนผ้ ำ วำงตัง้ ใน
แนวตะวันตก - ตะวันออก โดยมีทศิ เหนือติด
กับแม่ นำ้ แม่ กลอง ทิศใต้ ตดิ กับลุ่มนำ้ ชำยฝั่ ง
ทะเล - ตะวันตก ทิศตะวันตกติดกับประเทศ
พม่ ำ ทิศตะวันตกติดกับอ่ ำวไทย (ตำมรู ปที่
19.1)
รู ปที่ 19-1 แสดงทีต่ ้งั ลุ่มนำ้ เพชรบุรี
 ลักษณะภูมป
ิ ระเทศ
ตามรูปที่ 19-2
ลั ก ษณะภู มิ ป ระเทศของลุ่ มน ำ้ นี ้ พื น้ ที่ ท ำง
ตะวั น ตกจะค่ อย ๆ ลำดเทเข้ ำมำทำงทิ ศ
ตะวันออก และมีเทือกเขำเตีย้ ๆ ที่ทำให้ เกิดที่
รำบ ทำงตะวันตกของลุ่มนำ้ จะเป็ นเทือกเขำสูง
ซึ่งจะเป็ นต้ นกำเนิดของแม่ นำ้ สำยสำคัญ
ทำงตอนกลำงของลุ่มนำ้ เป็ นที่รำบลุ่ม แม่ นำ้
เพชรบุรีจะไหลผ่ ำนอ่ ำงเก็บนำ้ เขื่อนแกงกระจำน
และเขื่อนเพชรบุรี พืน้ ที่ตอนล่ ำงด้ ำนตะวันออก
ของลุ่มนำ้ มีลักษณะเป็ นที่รำบลุ่มชำยฝั่ งทะเล
รู ปที่ 19-2 สภำพภูมปิ ระเทศในเขตพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ เพชรบุรี
พืน
้ ทีล
่ มน
ุ ่ ้า
ลุมน
มีพน
ื้ ทีร่ วมทัง้ สิ้ น 5,603 ตารางกิโลเมตร แบงออกเป็
น
่ ้ าเพชรบุร ี
่
3 ลุมน
ตามตารางที่ 19-1 และรูปที่ 19-3 แสดงลุมน
่ ้ายอย
่
่ ้ายอย
่
ตำรำงที่ 19-1 ขนำดของพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ย่ อย
19.04
19.03
รหัส
19.02
19.02
ชือ
่ ลุมน
่ ้ายอย
่
แมน
ี อนบน
่ ้าเพชรบุรต
(ตร.กม.)
3,147
19.03 ห้วยแมประจั
นต ์
่
1,100
19.04
1,356
แมน
ี อนลาง
่ ้าเพชรบุรต
่
รวมพืน
้ ทีท
่ ง้ ั หมด
รู ปที่ 19-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย พืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ เพชรบุรี
พืน
้ ทีร่ บ
ั น้า
5,603
ภูมอ
ิ ากาศ
ข้อมูลภูมอ
ิ ากาศทีส
่ าคัญของลุมน
แล
่ ้านี้ไดแสดงไว
้
้ ว
้ ตามตารางที่ 19-2 ซึง่
แตละรายการเป็
นคาสู
ย
่ เป็ นรายปี
่
่ งสุด คาต
่ า่ สุด และคาเฉลี
่
ตารางที่ 19-2
แสดงขอมู
ิ ากาศทีส
่ าคัญ
้ ลภูมอ
ข้ อมูลภูมอิ ำกำศทีส่ ำคัญ
หน่ วย
ค่ ำสู งสุ ดรำยปี
ค่ ำต่ำสุ ดรำยปี
ค่ ำเฉลีย่ รำยปี
องศำ
เปอร์ เซ็นต์
27.8
76.5
27.6
74.0
27.7
75.3
น๊ อต
30.
2.6
2.8
เมฆปกคลุม
ปริมำณกำรระเหยจำกถำด
0-10
มิลลิเมตร
6.0
1,725.6
5.8
1,573.6
5.9
1,649.5
ปริมำณกำรคำยระเหยของ
พืชอ้ ำงอิง
มิลลิเมตร
1,880.2
1,835.1
1,857.6
อุณหภูมิ
ควำมชื้นสั มพัทธ์
ควำมเร็วลม
ปริมาณน้าฝน ลุมน
ี ป
ี ริมาณฝนผันแปรตัง้ แต่
่ ้าเพชรบุรม
900 มิลลิเมตร
จนถึง 1,400 มิลลิเมตร โดยมีปริมาณน้าฝนทัง้ ปี เฉลีย
่ ประมาณ1,063.8
มิลลิเมตร ลักษณะการผันแปรของปริมาณน้าฝนรายเดือนเฉลีย
่ ไดแสดงไว
แล
้
้ ว
้
เดือน
ตามตารางที่ 19-3
และมีลก
ั ษณะการกระจายของปริมาณน้าฝนของแตละลุ
ม
่
่
น้ายอย
ตามรูปที่ 19-4
่
เม.ย.
รู ปที่ 19-5 ปริมำณนำ้ ท่ ำเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
รู ปที่ 19-4 ปริมำณนำ้ ฝนเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
ปริมาณน้าท่า
ลุ่มน้ า เพชรบุ ร ีมพ
ี น
ื้ ที่ร บ
ั น้ า ทั้ง หมด 5,603 ตารางกิโ ลเมตร
และปริม าณน้ า ท่าตามธรรมชาติเ ฉลี่ย 1,384.7 ล้ านุ ลู ก บาศก เมตร
ตาม
์
ตารางที่ 19-3 หรือมีปริมาณน้าทารายปี
เฉลีย
่ ตอหน
้ ทีร่ บ
ั น้าฝน 7.84
่
่
่ วยพืน
ลิตร/วินาที/่ ตารางกิโลเมตร ตามรูปที่ 11-5 แสดงปริมาณน้าทาเฉลี
ย
่ ราย
่
เดือนของแตละลุ
มน
่
่ ้ายอย
่
ตารางที่ 19-3 ปริมาณนา้ ฝน
และนา้ ท่ ารายเดือนเฉลีย่
ปริมำณนำ้ ฝน
(มิลลิเมตร)
ปริมำณนำ้ ท่ำ
(ล้ำน ลบ.ม.)
31.8
45.2
พ.ค.
126.2
67.9
มิ.ย.
94.7
107.3
ก.ค.
115.7
142.3
ส.ค.
117.1
184.4
ก.ย.
177.9
204.9
ต.ค.
248.5
269.3
พ.ย.
114.3
201.5
ธ.ค.
7.9
55.7
ม.ค.
6.4
27.1
ก.พ.
7.4
35.6
มี.ค.
16.1
42.7
ฤดูฝน
880.0
976.0
ฤดูแล้ ง
183.8
408.7
ทั้งปี
1,063.8
1,384.7
ตารางเปรียบเทียบ ปริมาณน้าฝน - ปริมาณน้าท่า
กลุ่มลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลอ่ ำวไทยตะวันตก
ลำดับ
ที่
ลุ่มนำ้
1
ลุ่มนำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันตก
2
ลุ่มนำ้ เพชรบุรี
ปริมำณนำ้ ฝน
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
ทั้งปี
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ทั้งปี
903.6
144.1
1,047.7
1,207.6
135.7
1,343.3
1,059.1
174.7
1,233.8
892.4
232.4
1,124.8
ทรัพยากรดิน
พืน
้ ทีล
่ มน
ุ่ ้าเพชรบุรส
ี ามารถจาแนกชนิดดินตามความเหมาะสมของการพืชออกได้
4 ประเภท ซึ่งมีลก
ั ษณะการกระจายของกลุมดิ
มดิ
่ นตามรูปที่ 19-6 และแตละกลุ
่
่ น
จะมีจานวนพืน
้ ที่ ตามตารางที่ 19-4
ตำรำงที่ 1--4
ลักษณะดิน
รู ปที่ 19-6 กำรแบ่ งกลุ่มดินจำแนกตำมควำมเหมำะสมใช้ ปลูกพืช
จำนวนพืน้ ที่
(ตำรำงกิโลเมตร)
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับปลูกข้ ำว และพืชชนิดอืน่ ๆ
1,140.37
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชไร่ พืชผักและไม้ ผลไม้ ยนื ต้ น (ไม่ เหมำะสำหรับปลูกข้ ำว)
515.32
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสำหรับปลูกพืชโดยทัว่ ไป
(ต้ องได้ รับกำรปรับปรุงก่อนจึงจะปลูกพืชบำงชนิดได้ )
939.12
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสมสำหรับปลูกพืชชนิดใดๆเลย
2,765.19
พืน้ ที่ชุ่มนำ้ (wetland) เหมืองแร่ และอืน่ ๆ
243.00
รวม
5,603.00
้ ทีท
1) พืน
่ ำกำรเกษตร.....................37.12 %
พืชไร่.......................... 33.59 %
ไม้ผล-ไม้ยน
ื ต้น............ 14.46 %
ข้ำว............................ 50.99 %
พืชผ ัก......................... 0.96 %
รู ปที่ 19-7 กำรทำเกษตร
2) ป่ำไม้..................................... 52.24 %
ั ป่ำ......
เขตอนุร ักษ์พ ันธ์สตว์
0.08 %
อุทยำนแห่งชำติ................... 58.03 %
้ ทีป
พืน
่ ่ ำอนุร ักษ์.....................41.89 %
รู ปที่ 19-8 พืน้ ทีป่ ่ ำไม้ และเพือ่ กำรอนุรักษ์
ั
3) ทีอ
่ ยูอ
่ ำศย.........................
1.51 %
4) แหล่งนำ้ ..................................0.80 %
5) อืน
่ ๆ.................................... 8.33 %
รู ปที่ 19-9 กำรใช้ ประโยชน์ จำกทีด่ ิน
ลุ่มนำ้ เพชรบุรีมีพนื ้ ที่กำรเกษตรทัง้ หมด 2,079.74 ตำรำง
กิโลเมตร และมีพนื ้ ที่ท่ เี หมำะสมกับกำรเพำะปลูกพืชต่ ำงๆ
1,409.59 ตำรำงกิโลเมตร หรื อคิดเป็ นร้ อยละ 67.78
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกข้ ำว 1,060.52 ตำรำงกิโลเมตร (63.61%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชผัก
4.16 ตำรำงกิโลเมตร ( 0.02%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชไร่ 698.55 ตำรำงกิโลเมตร (25.28%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ น 300.75
(11.11%)
ตำรำงกิโลเมตร
พืน้ ที่ท่ มี ีควำมเหมำะสมกับกำรเพำะปลูก ส่ วนใหญ่ จะอยู่
บริเวณ ฝั่ งตะวันออกของพืน้ ที่ล่ ุมนำ้ โดยเฉพำะบริเวณที่รำบลุ่ม
ของแม่ นำ้ เพชรบุรีตอนล่ ำง ซึ่งรวมกันแล้ วประมำณ ร้ อยละ 25.16
ของพืน้ ที่กำรเกษตรทัง้ หมด
รู ปที่ 19-10 กำรใช้ ประโยชน์ ทดี่ นิ หลักด้ ำนกำรเกษตร
ในกำรทำกำรเกษตร พบว่ ำกำรใช้ พนื ้ ที่ปลูกพืช ส่ วนใหญ่ กำร
ปลูกข้ ำวได้ ปลูกบนพืน้ ที่ท่ มี ีควำมเหมำะสมดีอยู่แล้ ว แต่ กำรปลูก
พืชไร่ และไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ นบำงส่ วนยังปลูกบนพืน้ ที่ท่ ไี ม่ มีควำม
เหมำะสม
พืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ศ
ี ั กยภาพพัฒนาระบบชลประทาน
พืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ี
ศั ก ยภาพการพัฒ นาระบบชลประทานในพื้น ที่ลุ่มน้ า เพชรบุ ร ี ส่ วนใหญ่จะอยู่บริเ วณฝั่ ง
ตะวัน ออกของพืน
้ ที่ลุมน
โดยเฉพาะลุมน
โดยมีพ น
ื้ ที่
ประมาณ
่ ้า
่ ้ า เพชรบุ ร ีต อนล าง
่
1,026.55 ตารางกิโลเมตร และคิดเป็ นรอยละ
72.83 ของพืน
้ ทีก
่ ารเกษตรทีเ่ หมาะสมกับการ
้
เพาะปลูก หรือรอยละ
49.23 ของพืน
้ ทีก
่ ารเกษตรทัง้ หมด
้
ตารางที่ 19-5 ตารางเปรียบเทียบพืน
้ ทีก
่ ารเกษตรกับพืน
้ ทีท
่ ม
ี ศ
ี ั กยภาพสาหรับการพัฒนาระบบชลประทาน
จานวนพืน
้ ทีเ่ พาะปลูกพืชแตละชนิ
ด
่
(ตารางกิโลเมตร)
รายการ
ขาว
้
พืชไร่
พืชผัก
ไมผล้
รวม
ทัง้ หมด
อืน
่ ๆ
ไมยื
้ นต น
้
พืน
้ ทีท
่ าการเกษตรทัง้ หมด
1,060.52
698.55
4.16
300.75
15.77
2,079.74
พืน
้ ทีเ่ หมาะสมสาหรับการเพาะปลูก
896.62
356.38
-
156.60
-
1,409.59
พืน
้ ทีศ
่ ั กยภาพการพัฒนาระบบ
ชลประทาน
772.47
129.91
-
124.7
-
1,026.55
การประเมินความตองการน
้า
้
จากการศึ กษาดานเศรษฐกิ
จและสั งคมไดคาดคะเนอั
ตราการเจริญเติบโตของประชากรทีอ
่ าศั ยอยูใน
้
้
่
เขตเมืองและนอกเขตเมือง
รวมทัง้ ความต้องการน้ า สาหรับ การขยายตัวของภาคอุ ตสาหกรรม
ช่วงปี 2544-2564
สรุปไดตามรู
ปที่ 19-11
้
600
ชลประทำน
ปริมำณนำ้ (ล้ำน ลบ.ม.)
500
400
300
200
รักษำระบบนิเวศ
100
อุตสำหกรรม
อุปโภค - บริโภค
0
2510
2520
2530
2540
2550
2560
รู ปที่ 19-11 สรุปแนวโน้ มปริมำณควำมต้ องกำรนำ้ แต่ ละประเภท
2570
ปัญหาของลุมน
่ ้า

ด้ำนอุทกภ ัย สภำพกำรเกิดอุทกภ ัยในลุม
่ นำ้ นี้ แบ่งออกเป็น 2
ล ักษณะคือ∶้ ทีลม
1)
อุทกภ ัยทีเ่ กิดบริเวณพืน
ุ่ นำ้ ตอนบน เกิดจำกกำรทีม
่ ฝ
ี นตก
หน ก
ั และน ้ำ ป่ ำไหลหลำกจำกต้น ลงมำมำกจนล ำน ้ำ สำยหล ก
ั ไม่
้ ทำงคมนำคม
สำมำรถระบำยนำ้ ได้ท ันประกอบก ับมีสงิ่ กีดขวำงจำกเสน
ขวำงทำงนำ้ และมีอำคำรระบำยนำ้ ไม่เพียงพอ
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิด น ำ
้ ท่ว มเป็ นประจ ำ ได้แ ก่ อ ำเภอเขำย้อ ย อ ำเภอ
หนองหญ้ำปล้อง จ ังหว ัดเพชรบุร ี และอำเภอปำกท่อ จ ังหว ัดรำชบุร ี
้ ทีร
2)
อุท กภ ย
ั ทีเ่ กิด บริเ วณทีร
่ ำบลุ่ม เกิด บริเ วณทีเ่ ป็ นพืน
่ ำบลุ่ม
้ เขิน มีควำมสำมำรถระบำยนำ้ ไม่เพียงพอ ทำให้
และแม่นำ้ สำยหล ักตืน
ิ ธิภำพ
ไม่สำมำรถระบำยนำ้ ลงได้อย่ำงมีประสท
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิดนำ้ ท่วมเป็นประจำ ได้แก่ อำเภอชะอำ อำเภอท่ำยำง
อำเภอบ้ำนลำด และอำเภอเมือง จ ังหว ัดเพชรบุร ี
ปัญหาภัยแลงในลุ
มน
้
่ ้านี้เกิดจากภาวะ
ฝ น ทิ้ ง ช่ ว ง ย า ว น า น
ท า ใ ห้ พื้ น ที่
การเกษตรที่ อ ยู่ นอกเขตชลประทานเกิ ด
ความแห้ งแล้ ง
ขาดแคลนน้ า อุ ป โภคบริโภคและทาการเกษตร
รวมถึงการใช้
น้าในกิจกรรมอืน
่ ๆ
หมู่บ้ำนทีม่ นี ำ้ อุปโภค-บริโภค แต่ ขำดแคลนนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
หมู่บ้ำนทีข่ ำดแคลนนำ้ อุปโภค-บริโภค และนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
รู ปที่ 19-12 แสดงลักษณะกำรกระจำยตัวของหมู่บ้ำนทีป่ ระสบปัญหำภัยแล้ง
ตามข้อมูล กชช.2ค. ปี 2542
ในลุ่ มน้ า เพชรบุ ร ีม ีจ านวนหมู่ บ้ านทั้ง หมด
682 หมู่บ้าน
พบว่า มีห มู่บ้านทีป
่ ระสบ
ภัย แล้ ง จ านวน 482 หมู่ บ้ าน(ร้ อยละ
70.67) โดยแยกเป็ นหมู่บ้ านที่ข าดน้ า เพื่อ
การเกษตร 162 หมูบ
่ ้าน (ร้อยละ 23.75
แ ล ะ ห มู่ บ้ า น ที่ ข า ด แ ค ล น ทั้ ง น้ า เ พื่ อ ก า ร
อุ ป โภค-อุ ป โภคและการเกษตร
320
หมูบ
(ร้อยละ 46.96)
่ าน
้
หมู่บ้ านที่ป ระสบภัย แล้ ง
ส่ วน
ใ ห ญ่ จ ะ อ ยู่ ใ น พื้ น ที่ จ ั ง ห วั ด เ พ ช ร บุ รึ ถึ ง
442 หมู่บ้าน หรือคิดเป็ นร้อยละ 91.70
ของหมูบ
ป
่ ระสบภัยแลงทั
่ านที
้
้ ง้ หมด
• แนวทางแกไข
้
ปัญหาการเกิดอุทกภัย และภัยแลงในลุ
มน
ั ษณะคลายกั
บพืน
้ ทีล
่ ุมน
่ ๆ คือ
้
่ ้าเพชรบุร ี มีลก
้
่ ้าอืน
การผันแปรของปริมาณน้ าฝน ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งในช่วงทีฝ
่ นทิง้ ช่วง ในทางกลับกันเมือ
่ มีฝนตก
หนักก็ ทาให้ เกิดน้ า ไหลหลากท่วมพืน
้ ทีอ
่ ยู่อาศั ย และพืน
้ ทีก
่ ารเกษตร การแก้ไขปัญ หาดัง กล่าวจึง มีแนว
ทางแกไขในภาพรวมโดยสรุ
ปดังนี้
้
1) การกอสร
บน้าขนาดเล็ก ในพืน
้ ทีต
่ อนบนของแมน
่ าคัญ ไดแก
่
้างอางเก็
่
่ ้าสาขาทีส
้ ห
่ ้ วย
น้าผาก เพือ
่ เก็บกักปริมาณน้าหลากในฤดูฝนและส่งน้าให้กับพืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ค
ี วามตองการน
้าในช่วงฤดูแล้งของลุม
้
่
น้าสาขานั้นๆ
2) การขุดลอกลาน้าสายหลักในช่วงทีต
่ น
ื้ เขินเพือ
่ ให้มีประสิ ทธิภาพในการระบายน้า
3) การขุดลาน้าสายหลักในช่วงทีต
่ น
ื้ เขิน เพือ
่ เพิม
่ ประสิ ทธิภาพการระบายน้า
4) เพิม
่ ประสิ ทธิภาพ หรือขีดความสามารถกระจายน้าให้ทัว
่ ถึง
5) ปรับปรุงประสิ ทธิภาพการระบายน้า
6) ควบคุมการใช้ประโยชนที
่ น
ิ บริเวณเขตตัง้ เมือง และพืน
้ ทีโ่ ดยรอบมิให้ลุกลา้ แนวคลอง
์ ด
และลาน้าสาธารณะ
7) กอสร
่
้างถังเก็บน้า สระเก็บน้า ประจาไร่นา ฯลฯ
/ นอกเขตชลประทานตามความเหมาะสมของพืน
้ ที่
_________________________
ในพืน
้ ทีอ
่ ยูห
่ ่างไกลจากแหลงน
่ ้า