สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ บำงปะกง             ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน ในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี.

Download Report

Transcript สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ บำงปะกง             ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน ในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี.

สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน
ลุ่มนำ้ บำงปะกง












ที่ตงั ้
ลักษณะภูมิประเทศ
พืน้ ที่ล่ ุมนำ้
ภูมิอำกำศ
ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน
- ตำรำงเปรี ยบเทียบนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน ในกลุ่มลุ่มนำ้
ทรั พยำกรดิน
กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร.
พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
กำรประเมินควำมต้ องกำรนำ้
ปั ญหำของลุ่มนำ้
ด้ ำนภัยแล้ ง
แนวทำงแก้ ไข
สว่ นอำนวยกำรและติดตำมประเมินผล
ที่ตั้ง
ลุ่มนำ้ บำงปะกงอยู่ทำงตะวันออก
ของประเทศไทย มีพนื ้ ที่ครอบคลุม 5
จังหวัด ได้ แก่ นครนำยก ชลบุรี
ฉะเชิงเทรำ ปรำจีนบุรี และสระบุรี
ทิศเหนือติดกับลุ่มนำ้ ป่ ำสักและ
แม่ นำ้ มูล ทิศใต้ ตดิ กับลุ่มนำ้ ชำยฝั่ ง
ทะเลตะวันออก ทิศตะวันออกติดกับ
กับลุ่มนำ้ ปรำจีนบุรี และทิศคะวันตก
ติดกับลุ่มนำ้ เจ้ ำพระยำและอ่ ำวไทย
(ตำมรู ป 16-1)
รู ปที่ 16-1 แสดงทีต่ ้งั ลุ่มนำ้ บำงปะกง
 ลักษณะภูมิประเทศ
ตามรูปที่ 16-2
ลุ่มนำ้ บำงปะกง พืน้ ที่ส่วนใหญ่ เ ป็ นที่รำบ
ทำงเหนื อจะมี เทือกเขำสู ง ซึ่ง เป็ นต้ น กำเนิ ด
ของแม่ น ำ้ นครนำยก ส่ ว นทำงตอนใต้ แ ละ
ทำงตะวันออกเฉียงใต้ ของลุ่มนำ้ มีเทือกเขำซึ่ง
แนวแบ่ ง เขตระหว่ ำ งจั ง หวั ด ชลบุ รี จั ง หวั ด
ฉะเชิงเทรำ และจังหวัดจันทบุรี
โดยแม่ น ้ำ นครนำยก จะไหลมำ
บรรจบกับแม่ น ำ้ ปรำจี น บุ รี ที่อ ำเภอบำงน ำ้
เปรี ย้ ว จั ง หวั ด ฉะเชิ ง เทรำ ก่ อนจะไหลลง
ทำงใต้ ผ่ ำนที่ ร ำบต่ ำ และไหลลงอ่ ำวไทยที่
อำเภอบำงปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรำ
รู ปที่ 16-2 สภำพภูมปิ ระเทศในเขตพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ บำงปะกง
พื้นที่ล่มุ น้ำ
ลุมน
ื้ ทีร่ วมทัง้ สิ้ น 7,978 ตารางกิโลเมตร
แบงออกเป็
น
่ ้าบางปะกง มีพน
่
4 ลุมน
ตามตารางที่ 16-1
และรูปที่ 16-3 แสดงลุมน
่ ้า
่ ้ายอย
่
ตำรำงที่ 16-1 ขนำดของพืน้ ทีล่ ่มุ ย่ อย
รหัส
ชื่อลุ่มนำ้ ย่ อย
16.02
16.03
แม่ นำ้ นครนำยก
คลองท่ ำลำด
2,114
2,478
16.04
คลองหลวง
779
16.05
ทีร่ ำบแม่ นำ้ บำงปะกง
2,606
รวมพืน้ ทีท่ ้งั หมด
7,978
16.05
16.03
16.02
16.04
รู ปที่ 16-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย พืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ บำงปะกง
พืน้ ที่รับนำ้
(ตร.กม.)
ภูมิอำกำศ
ข้ อมู ล ภู ม ิอ ากาศที่ส าคัญ ของลุ่มน้ า นี้ ไ ด้ แสดงไว้ แล้ ว ตามตารางที่ 16-2
ซึ่งแตละรายการจะเป็
นคาสู
คาต
และคาเฉลี
ย
่ เป็ นรายปี
่
่ งสุด
่ า่ สุด
่
ตำรำงที่ 16-2 แสดงข้ อมูลภูมิอำกำศที่สำคัญ
ข้ อมูลภูมิอำกำศที่สำคัญ
หน่ วย
อุณหภูมิ
องศำเซลเซียส
ควำมชื้นสั มพัทธ์
เปอร์ เซ็นต์
ควำมเร็วลม
น๊ อต
เมฆปกคลุม
0-10
ปริมำณกำรระเหยจำกถำด
มิลลิเมตร
ปริมำณกำรคำยระเหยของ
มิลลิเมตร
พืชอ้ ำงอิง
ค่ ำสู งสุ ดรำยปี
ค่ ำต่ำสุ ดรำยปี
ค่ ำเฉลีย่ รำยปี
28.2
72.9
3.0
6.0
1,808.0
28.1
72.7
1.5
5.7
1,653.7
28.1
72.8
2.3
5.8
1,730.9
1,929.5
1,826.8
1,878.1
ปริมาณน้าฝน
ตารางที่ 16-3 ปริมาณนา้ ฝนและนา้ ท่ ารายเดือนนเลลีย่
ลุมน
่ ้าบางปะกงมีปริมาณฝนผันแปร ตัง้ แต่
1,100 มิลลิเมตร จนถึง 2,600 มิลลิเมตร โดยมีปริมาณฝนทัง้ ปี เฉลีย
่
เดือน ปริมำณนำ้ ฝน ปริมำณนำ้ ท่ ำ
ประมาณ 1,346.0 มิลเิ มตร
ลักษณะการผันแปรของปริมาณฝนราย
(มิลลิเมตร) (ล้ำน ลบ.ม.)
เดือนเฉลีย
่ ไดแสดงตามตารางที
่
16-3
และ
มี
ล
ก
ั
ษณะการกระจาย
้
เม.ย.
69.1
20.1
ของปริมาณน้าฝนของลุมน
ตามรูปที่ 16-4
่ ้าตางๆ
่
รู ปที่ 16-5 ปริมำณนำ้ ท่ ำเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
รู ปที่ 16-4 ปริมำณนำ้ ฝนเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
ปริม าณน้ า ท่า
ลุ่ มน้ า บางปะกงมีพ ืน
้ ที่ร บ
ั น้ า ทั้ง หมด 7,977 ตาราง
กิโ ลเมตร จะมีป ริม าณน้ า ท่าตามธรรมชาติร ายปี เฉลี่ย ทั้ง หมด 3,344.0
ลานลู
กบาศกเมตร
ตามตารางที่ 16-3 หรือคิดเป็ นปริมาณน้าทารายปี
เฉลีย
่
้
่
์
ตอหน
้ ทีร่ บ
ั น้าฝนเทากั
และ
่
่ วยพืน
่ บ 13.29 ลิตร/วินาที/ตารางกิโลเมตร
ตามรูปที่ 16-5 แสดงปริมาณน้าทาเฉลี
ย
่ รายเดือนของแตละลุ
มน
่
่
่ ้ายอย
่
พ.ค.
150.7
68.0
มิ.ย.
172.0
219.4
ก.ค.
197.1
339.4
ส.ค.
237.8
665.5
ก.ย.
270.2
985.8
ต.ค.
158.2
804.9
พ.ย.
33.0
134.2
ธ.ค.
6.2
41.8
ม.ค.
6.4
28.5
ก.พ.
15.8
21.5
มี..ค.
29.5
14.5
ฤดูฝน
1,186.1
3,083.0
ฤดูแล้ง
159.9
261.0
ทั้งปี
1,346.0
3,344.0
ตำรำงเปรียบเทียบ ปริมำณน้ำฝน - ปริมำณน้ำท่ำ
กลุ่มลุ่มนำ้ บำงปะกง
ลำดับ
ที่
ลุ่มนำ้
ปริมำณนำ้ ฝน
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
ทั้งปี
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ทั้งปี
1
ลุ่มนำ้ บำงปะกง
1,186.1
159.9
1,346.0
3,083.0
261.0
3,340.0
2
ลุ่มนำ้ ปรำจีนบุรี
1,425.0
159.2
1,584.2
4,700.2
393.8
5,164.0
ทรัพยำกรดิน
พืน
้ ทีล
่ ุมน
่ ้าบางปะกงสามารถจาแนกชนิดของดินตามความเหมาะสมของการปลูก
พืชออกได้ 4 ประเภท
ซึ่งมีลก
ั ษณะการกระจายของกลุมดิ
่ นตามรูปที่ 16-6
และแตละกลุ
มดิ
้ ทีต
่ ามตารางที่ 16-4
่
่ นมีจานวนพืน
ตำรำงที่ 16-4
ลักษณะดิน
(ตำรำงกิโลเมตร)
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับปลูกข้ ำว และพืชชนิดอืน่ ๆ
2,531.95
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชไร่ พืชผักและไม้ ผลไม้ ยนื ต้ น (ไม่ เหมำะสำหรับปลูกข้ ำว)
1,427.23
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสำหรับปลูกพืชโดยทัว่ ไป
(ต้ องได้ รับกำรปรับปรุงก่อน จึงจะปลูกพืชบำงชนิดได้ )
2,246.51
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสมสำหรับปลูกพืชชนิดใดๆเลย
1,790.64
พืน้ ทีช่ ่ ุมนำ้ ( wet land ) เหมืองแร่ และอืน่ ๆ
รวม
รู ปที่ 16-6 กำรแบ่ งกลุ่มดินจำแนกตำมควำมเหมำะสมใช้ ปลูกพืช
จำนวนพืน้ ที่
61.67
7,977.00
● กำรใช้ประโยชน์จำกที่ดิน
รู ปที่ 16-7 กำรทำเกษตร
้ ทีท
1) พืน
่ ำกำรเกษตร........... 78.93 %
พืชไร่......................... 44.77 %
ไม้ผล – ยืนต้น.............
5.23 %
ปลูกข้ำว..................... 50.00 %
พืชผ ัก..........................
- %
2) ป่ำไม้............................17.41 %
ั ป่ำ..... 23.55 %
เขตอนุร ักษ์พ ันธ์สตว์
อุทยำนแห่งชำติ............... 4.10 %
้ ทีป
พืน
่ ่ ำอนุร ักษ์................ 72.35 %
รู ปที่ 16-8 พืน้ ทีป่ ่ ำไม้ เพือ่ กำรอนุรักษ์
ั
3) ทีอ
่ ยูอ
่ ำศย..........................
2.78 %
4) แหล่งนำ้ ............................ 0.43 %
5) อืน
่ ๆ................................... 0.45 %
รู ปที่ 16-9 กำรใช้ ประโยชน์ จำกทีด่ ิน
ลุ่มนำ้ บำงปะกงมีพนื ้ ที่ทำกำรเกษตรทัง้ หมด 6,296 ตำรำง
กิโลเมตร และมีพนื ้ ที่เหมำะสมกับกำรเพำะปลูกพืชต่ ำงๆ 3,330.81
ตำรำงกิโลเมตร หรื อคิดเป็ นร้ อยละ 52.90
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกข้ ำว
2,318.27 ตำรำงกิโลเมตร (69.60%)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชผัก
-
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชไร่
899.65 ตำรำงกิโลเมตร (27.01%)
ตำรำงกิโลเมตร ( - %)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ น 112.89 ตำรำงกิโลเมตร ( 3.39%)
พื น้ ที่ ก ำรเกษตรที่ เ หมำะสมกั บ กำรเพำะปลู ก ส่ ว นใหญ่ จ ะอยู่
บริ เวณตอนกลำงของพืน้ ที่ล่ ุมนำ้ โดย เฉพำะสองฝั่ งลำนำ้ ของแม่ นำ้
บำงปะกง ซึ่งรวมแล้ วประมำณร้ อยละ 41.76 ของพืน้ ที่ทัง้ ลุ่มนำ้
ในกำรทำกำรเกษตร พบว่ ำกำรใช้ พนื ้ ที่ปลูกพืชส่ วนใหญ่ กำรปลูก
ข้ ำวจะปลูกบนพืน้ ที่ท่ มี ีควำมเหมำะ สมดีอยู่แล้ ว แต่ กำรปลูกพืชไร่ และ
ี ีควำมเหมำะสมไม่ เพียงพอ
รู ปที่ 16-10 กำรใช้ ประโยชน์ ทดี่ นิ หลักด้ ำนกำรเกษตร ไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ นยังปลูกบนพืน้ ที่ท่ ม
พื้นที่ท่ีมศี ักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
พืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ศ
ี ั กยภาพสาหรับการพัฒนาระบบชลประทานในพืน
้ ทีล
่ ุมน
ส่วน
่ ้าบางปะกง
ใหญ่จะอยู่บริเวณตอนกลางของพืน
้ ที่ลุมน
โดยเฉพาะบริเวณสองฝั่ง ลาน้ า ของ
่ ้า
แม่น้ า บางปะกง โดยมีพ น
ื้ ที่ป ระมาณ 2,389 ตารางกิโ ลเมตร และคิด เป็ นร้ อยละ
71.73 ของพืน
้ ทีก
่ ารเกษตรทีเ่ หมาะสมกับการเพาะปลูก
หรือร้อยละ 37.95 ของ
พืน
้ ทีก
่ ารเกษตรทัง้ หมด
ตำรำงที่ 16-5 ตำรำงเปรียบเทียบพืน้ ที่กำรเกษตรกับพืน้ ที่ที่มีศักยภำพสำหรับกำรพัฒนำเกษตรชลประทำน
จำนวนพืน้ ทีเ่ พำะปลูกพืชแต่ ละชนิด (ตำรำงกิโลเมตร)
รวม
รำยกำร
ไม้ ผล
ข้ ำว
พืชไร่ พืชผัก
อืน่ ๆ ทั้งหมด
ไม้ ยนื ต้ น
พืน้ ทีท่ ำกำรเกษตรทั้งหมด
3,148.13 2,819.15
329.23
6,296.51
พืน้ ทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรเพำะปลูก 2,318.27 899.65
112.89
3,330.81
พืน้ ที่ศักยภำพกำรพัฒนำระบบ
2,149.01 194.95
45.36
2,389.32
ชลประทำน
กำรประเมินควำมต้องกำรน้ำ
จากการศึ กษาดานเศรษฐกิ
จและสั งคม
ไดคาดคะเนอั
ตราการ
้
้
เจริญเติบโตของประชากรทีอ
่ าศัยอยูในเขตเมื
อง
และนอกเขตเมือง
รวมทัง้
่
ความตองการน
ช่วงปี 2544 –
้าสาหรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม
้
2564 สรุปไดตามรู
ปที่ 16-11
้
900
ชลประทำน
800
ปริมำณนำ้ (ล้ำน ลบ.ม.)
700
600
500
400
300
200
รักษำระบบนิเวศ
100
อุตสำหกรรม
อุปโภค - บริโภค
0
2510
2520
2530
2540
2550
รู ปที่ 16-11 สรุปแนวโน้ มปริมำณควำมต้ องกำรนำ้ แต่ ละประเภท
2560
2570
ปัญหำของลุ่มน้ำ

ด้ำนอุทกภ ัย สภำพกำรเกิดอุทกภ ัยในลุม
่ นำ้ นี้ แบ่งออกเป็น
2 ล ักษณะ คือ∶1) อุทกภัยทีเ่ กิดจำกกำรทีม
่ ฝ
ี นตกหนัก และน้ ำป่ ำไหลหลำกจำกต ้นน้ ำลงมำ
มำกจนลำน้ ำสำยหลักไม่สำมำรถระบำยน้ ำได ้ทัน ประกอบกับมีสงิ่ กีดขวำง
้
จำกเสนทำงคมนำคมขวำงทำงน
้ ำ และมีอำคำรระบำยน้ ำไม่เพียงพอ
พืน
้ ทีท
่ เี่ กิดน้ ำท่วมเป็ นประจำ ได ้แก่ อำเภอบ ้ำนนำ จังหวัด
นครนำยก อำเภอพำนทอง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุร ี อำเภอบำง
์ อำเภอพนมสำรคำม กิง่ อำเภอคลองเขือ
คล ้ำ อำเภอรำชสำสน
่ น จังหวัด
ฉะเชงิ เทรำ
2) อุทกภัยทีเ่ กิดในพืน
้ ทีร่ ำบลุม
่ เกิดบริเวณทีเ่ ป็ นพืน
้ ทีร่ ำบลุม
่ และแม่น้ ำสำย
หลักตืน
้ เขิน มีควำมสำมำรถระบำยน้ ำไม่เพียงพอ ทำให ้ไม่สำมำรถระบำย
ิ ธิภำพ
น้ ำลงได ้อย่ำงมีประสท
สำหรับพืน
้ ทีท
่ เี่ กิดน้ ำท่วมเป็ นประจำ ได ้แก่ อำเภอองครักษ์
อำเภอปำกพลี อำเภอเมือง จังหวัดนครนำยก อำเภอพนมสำรคำม
ั เขต และอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชงิ เทรำ
อำเภอสนำมชย
ปั ญ หาภัย แล้ งของลุ่ มน้ า นี้ ที่ เ กิด จากเกิด
ภ า ว ะ ฝ น ทิ้ ง ช่ ว ง ย า ว น า น ท า ใ ห้ พื้ น ที่
การเกษตรนอกเขตชลประทานเกิด ความแห้ ง
แล้ง
ขาดแคลนน้ า เพือ
่ การอุ ป โภค-บริโ ภค
และการเกษตร
รวมทัง้ การใช้น้าในกิจกรรม
อืน
่ ๆ ดวย
้
ตามข้อมูล กชช.2ค. ปี 2542 ลุม
่
น้ า บางปะกงมีจ านวนหมู่บ้ านทั้ง หมด 1,428
หมูบ
พบวา่
มีหมูบ
ป
่ ระสบกับปัญหา
่ าน
้
่ านที
้
ภั ย แ ล้ ง จ าน วน 676 หมู่ บ้ าน (ร้ อ ยละ
47.34) โดยแยกเป็ น หมูบ
่ าดแคลนน้า
่ ้านทีข
เพือ
่ การเกษตร) จานวน 389 หมูบ
่ ้าน (ร้อย
ละ 27.24) และเป็ นหมูบ
่ าดแคลนทัง้ น้า
่ ้านทีข
เพือ
่ การอุปโภค-บริโภค และน้าเพือ
่ การเกษตร
จานวน 287 หมูบ
(รอยละ
20.10)
่ าน
้
้
หมู่บ้ำนทีม่ นี ำ้ อุปโภค-บริโภค แต่ ขำดแคลนนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
หมู่บ้ำนทีข่ ำดแคลนนำ้ อุปโภค-บริโภค และนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
โดยหมู่บ้ านที่ป ระสบปั ญ หาภัย แล้ง
ใหญ่จะอยู่ที่พ น
ื้ ที่จ งั หวัด ฉะเชิง เทราถึง
หมู่ บ้ าน หรื อ คิ ด เป็ นร้ อยละ 38.61
หมูบ
ป
่ ระสบปัญหาภัยแลงทั
่ านที
้
้ ง้ หมด
รู ปที่ 16-12 แสดงลักษณะกำรกระจำยตัวของหมู่บ้ำนทีป่ ระสบปัญหำภัยแล้ง
ส่ วน
261
ของ
แนวทำงกำรแก้ไข
ปัญหาการเกิดอุทกภัย และภัยแลงในลุ
มน
มีลก
ั ษณะคลายกั
บพืน
้ ที่
้
่ ้าบางปะกง
้
ลุมน
่ ๆ คือการผันแปรของปริมาณน้าฝน ส่งผลให้เกิดความแห้งแลงในช
่ นทิง้ ช่วง
่ ้าอืน
้
่ วงทีฝ
ในทางกลับ กัน เมื่ อ มี ฝ นตกหนั ก ก็ ท าให้ เกิด น้ า ไหลหลากท่ วมพื้ น ที่ อ ยู่ อาศั ย และพื้น ที่
การเกษตร การแกไขปั
ญหาดังกลาวจึ
งมีแนวทางแกไขในภาพรวม
โดยสรุปดังนี้
้
่
้
1) การกอสร
างอ
างเก็
บน้าขนาดใหญ่ และขนาดกลางในแตละลุ
มน
่
้
่
่
่ ้า
สาขาทีม
่ ศ
ี ั กยภาพเพือ
่ เก็บกักปริมาณน้าหลากในฤดูฝน และส่งน้า
ให้กับพืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ค
ี วามตองการน
มน
้าในช่วงฤดูแลงของลุ
้
้
่ ้าสาขานั้นๆ
2) เพิม
่ ประสิ ทธิภาพ หรือขีดความสามารถกระจายน้าให้ทัว่ ถึง
3)
ปรับปรุงประสิ ทธิภาพการระบายน้า
4)
ควบคุมการใช้ประโยชนที
่ น
ิ บริเวณเขตตัง้ เมือง และพืน
้ ทีโ่ ดยรอบ
์ ด
มิให้ลุกลา้ แนวคลองและลาน้าสาธารณะ
5)
กอสร
างถั
งเก็บน้า สระเก็บน้าประจาไรนา
ฯลฯ
ในพืน
้ ทีอ
่ ยูห
่
้
่
่ างไกล
่
จากแหลงน
้ ที่
่ ้า/นอกเขตชลประทานตามความเหมาะสมของพืน