ความรู้พนื้ ฐานทางวิศวกรรมไฟฟ้ า(252282) การแก้ ปัญหาวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้ อน(ตอน 2) กสิ ณ ประกอบไวทยกิจ ห้องวิจยั การออกแบบวงจรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CANDLE) ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้ า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Download ReportTranscript ความรู้พนื้ ฐานทางวิศวกรรมไฟฟ้ า(252282) การแก้ ปัญหาวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้ อน(ตอน 2) กสิ ณ ประกอบไวทยกิจ ห้องวิจยั การออกแบบวงจรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CANDLE) ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้ า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ความรู้พนื้ ฐานทางวิศวกรรมไฟฟ้ า(252282) การแก้ ปัญหาวงจรไฟฟ้าที่ซับซ้ อน(ตอน 2) กสิ ณ ประกอบไวทยกิจ ห้องวิจยั การออกแบบวงจรด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CANDLE) ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้ า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วัตถุประสงค์ เข้า ใจการต่ อ อนุ ก ลวงจรแบบเดลต้า และแบบ สตาร์ สามารถเปลี่ ย นการต่ อ วงจรแบบเดลต้า ให้เ ป็ น แบบสตาร์ และเปลี่ยนการต่อวงจรแบบสตาร์ ให้ เป็ นแบบเดลต้าได้ วัตถุประสงค์ เข้า ใจการหาปริ ม าณต่ า ง ๆ ทางไฟฟ้ าด้ว ยเมชเคอร์ เรนท์ เข้า ใจการหาปริ ม าณต่ า ง ๆ ทางไฟฟ้ าด้ว ยวิ ธี โ นด โวลต์เตจ สามารถแก้สมการที่ไม่ทราบค่า N ตัวแปร N สมการ ได้ การต่ อวงจรแบบเดลต้ าและแบบสตาร์ ตัวอย่ างที่ 1 การเปลีย่ นต่ อวงจรแบบเดลต้ าเป็ นแบบสตาร์ R 2R3 R 1R 3 R 1R 2 R y1 R y2 R y3 R1 R 2 R 3 R1 R 2 R 3 R1 R 2 R 3 ตัวอย่ างที่ 1 ตัวอย่ างที่ 2 ตัวอย่ างที่ 2 การเปลีย่ นต่ อวงจรแบบสตาร์ เป็ นแบบเดลต้ า R1R 2 R 2 R 3 R 3R1 R1R 2 R 2 R 3 R 3R1 RA RB R1 R2 R1R 2 R 2 R 3 R 3R1 RC R3 ตัวอย่ างการนากฎของเคอร์ ชอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา KCL ทีจ่ ุด B I I I 1 2 I3 0 หรือ I3 I1 I2 ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา KVL ในวง ABD E1 V1 V3 KVL ในวง CBD E2 V2 V3 จากกฎของโอมห์ เราทราบว่ า V1 R1I1 V2 R 2I2 V3 R3I3 ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา KVL ในวง ABD E1 R1I1 R 3I3 KVL ในวง CBD E2 R 2I2 R3I3 เมื่อแทนค่ าต่ าง ๆ ลงไปเราจะได้ว่า 16 5I1 4I2 และ 10 4I1 6I2 ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา KVL ในวง ABCD (3 7 10)I1 8(I1 I2 ) 15 15 KVL ในวง BEFC (5 15)I2 8(I1 I2 ) 25 15 เมื่อเราได้ สมการข้ างต้ นเราก็สามารถหาค่ าต่ าง ๆ ได้ ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา KVL ในวง BADC 10 I2 10 3 KVL ในวง BEFC 2 10 (I1 I2 ) 10 4 3 KVL ในวง BEGHFC 2 10 (I1 I2 ) 4 10 I3 10 3 3 ตัวอย่ างการนากฎของเคิร์ชฮอฟฟ์ ไปแก้ ปัญหา 0 3 2 10 2 103 I1 13 [mA] 1103 I1 10 0 I2 6 3 4 10 I3 10 0 2 10 2 10 3 3 I2 10 [mA] I3 1 [mA] ลองทาดู I3 0.1286 [A] วิธีเมชเคอร์ เรนท์ (Mesh Current) - คิดค้ นโดย เจมส์ คลาค แมกซ์ เวลล์ - สมมติให้ กระแสไหลวนอยู่ในวงปิ ด ซึ่งแบ่ งออกเป็ นวงจร ย่ อย ๆ และถือว่ ากระแสทีไ่ หลวนอยู่ในวงปิ ดต่ าง ๆ ต่ างแยก กันเป็ นอิสระต่ อกัน - โดยส่ วนใหญ่ จะกาหนดทิศทางไหลของกระแสไปตามเข็ม นาฬิ กา - ใช้ KVL ในการเขียนสมการ วิธีเมชเคอร์ เรนท์ - สัมประสิทธิ์หน้ ากระแสทีก่ าลังพิจารณาจะมีค่าเท่ากับผลรวมของความ ต้ านทานในวงปิ ดนั้น - สั มประสิ ทธิ์หน้ ากระแสตัวอืน่ ๆ จะเท่ ากับความต้ านทานที่ กระแสตัวนั้น ไหลในวงปิ ดทีก่ าลังพิจารณา โดยเครื่องหมายของความต้ านทานจะเป็ นลบ เมื่อทิศทางของกระแสตัวนั้นสวนทางกับกระแสทีส่ มมติในวงปิ ดทีก่ าลัง พิจารณา - ทางขวามือของสมการจะเป็ นค่ าของแหล่ งจ่ ายพลังงาน โดยเครื่องหมาย จะเป็ นลบเมื่อแหล่ งจ่ ายพลังงานมีทศิ ทางสวนกับกระแสในวงปิ ดที่กาลัง พิจารณา วิธีเมชเคอร์ เรนท์ ในวงปิ ดที่ 1 R1I1 R3 (I1 I2 ) E1 (R1 +R3 )I1 R3I2 E1 ในวงปิ ดที่ 2 R 2I2 R3 (I1 I2 ) E2 R3I1 +(R 2 +R3 )I2 E2 วิธีเมชเคอร์ เรนท์ ในวงปิ ดที่ 1 (R1 R 4 )I1 R1I3 ES1 ในวงปิ ดที่ 2 (R 2 R5 )I2 R 2I3 ES 2 ในวงปิ ดที่ 3 R1I1 R 2I2 +(R1 R 2 +R3 )I3 0 จานวนสมการของเมชเคอร์ เรนท์ จานวนสมการ = จานวนสาขา – (จานวนจุด – 1) จานวนสมการ = 6 – (4 – 1) = 3 ตัวอย่ าง ในวงปิ ดที่ 1 0.5 10 I1 5 3 ในวงปิ ดที่ 2 110 I2 5 2 3 ในวงปิ ดที่ 3 2 10 I3 2 3 ตัวอย่ าง ในวงปิ ดที่ 1 (2 3)I1 3I2 2I3 1 ในวงปิ ดที่ 2 3I1 (1 3)I2 2 ในวงปิ ดที่ 3 2I1 (2 4)I3 2 ตัวอย่ างเมชเคอร์ เรนท์ กบั แหล่งจ่ ายกระแส ในวงปิ ดที่ 1 I1 I ในวงปิ ดที่ 2 R 2I1 (R 2 R3 )I2 R3I3 E ในวงปิ ดที่ 3 R1I1 R3I2 (R1 R3 R 4 )I3 0 ซูเปอร์ เมช (Supermesh) - เมชทีเ่ กิดจากการรวมเมชสองเมชที่มีแหล่งจ่ ายกระแสเป็ นกิง่ ร่ วม - ใช้ KVL ในการเขียนสมการเหมือนกับเมชอืน่ ๆ ซูเปอร์ เมช ในวงปิ ดที่ 1, 3 7 1(I1 I2 ) 3(I3 I2 ) 1I3 0 ในวงปิ ดที่ 2 1(I2 I1 ) 2I2 3(I2 I3 ) 0 และความสั มพันธ์ ของกระแสเมช I1 I3 7 ตัวอย่ างเมชเคอร์ เรนท์ กบั แหล่งจ่ ายควบคุม ในวงปิ ดที่ 1 I1 15 [A] ในวงปิ ดที่ 2 1(I2 I1 ) 2I2 3(I2 I3 ) 0 ทีแ่ หล่ งควบคุม Vx 3(I I ) I3 I1 3 2 9 9 I 2 2I3 15 3 3 วิธีโนดโวลท์ เตจ(Node Voltage) - โนด คือจุดต่ อในวงจรทีม่ ีจานวนสาขาตั้งแต่ 2 สาขาขึน้ ไป - ปรินท์ ซิเปิ้ ลโนด(Principle Node) ถ้ ามีสาขาตั้งแต่ 3 สาขาขึน้ ไป - โนดโวลท์ เตจ (Node Voltage) คือความต่ างศักย์ ระหว่ างจุด 2 จุด หรือความต่ างศักย์ ระหว่ างโนด 2 โนดในวงจร วิธีโนดโวลท์ เตจ จาก KCL ทีจ่ ุดที่ 1 เราจะได้ ว่า I1 I2 I3 0 V1 E1 I1 R1 V1 I2 R2 V1 V2 I3 R3 วิธีโนดโวลท์ เตจ ดังนั้นเราจะได้ ว่า V1 E1 V2 V1 V2 0 R1 R2 R3 วิธีโนดโวลท์ เตจ จาก KCL ทีจ่ ุดที่ 2 เราจะได้ ว่า I I4 I5 0 ' 3 V2 V1 I R3 ' 3 V2 I4 R4 V2 E 2 I5 R5 วิธีโนดโวลท์ เตจ ดังนั้นเราจะได้ ว่า V2 V1 V2 V2 E 2 0 R3 R4 R5 เราจะสามารถจัดสมการทั้งได้ เป็ น ( ( 1 1 1 1 1 )V1 V2 ( )E1 R1 R 2 R 3 R3 R1 1 1 1 1 1 )V1 ( )V2 ( )E 2 R3 R3 R 4 R5 R5 วิธีโนดโวลท์ เตจ ถ้ าเราให้ 1/R = G เราจะได้ ว่า (G1 G2 G3 )V1 G3V2 G1E1 G3V1 (G3 G4 G5 )V2 G5E2 จานวนสมการของโนดโวลท์ เตจ จานวนสมการ = จานวนปรินท์ ซิเปิ้ ลโนด – 1 จานวนสมการ = 3 – 1 = 2 วิธีโนดโวลท์ เตจ - กาหนดโนดลงในวงจร ทั้งปรินท์ ซิเปิ้ ลโนดและโนดอ้ างอิง - การพิจารณาโนดโวลท์ เตจ จะให้ ระดับแรงดันที่ปรินท์ ซิเปิ้ ล โนดมีค่าสู งกว่ าระดับแรงดันทีโ่ นดอ้ างอิง - สมมติและกาหนดทิศทางของกระแสที่ปรินท์ ซิเปิ้ ลโนด - ใช้ KCL ในการเขียนสมการ วิธีโนดโวลท์ เตจ - สัมประสิทธิ์หน้ าแรงดันโนดทีก่ าลังพิจารณาจะมีค่าเท่ ากับผลรวม ของความนาไฟฟ้าทีต่ ่ อกันโนดทีก่ าลังพิจารณา - สั มประสิ ทธิ์หน้ าแรงดันโนดอืน่ ๆ จะเท่ ากับความนาไฟฟ้าระหว่ าง โนดนั้น ๆ กับโนดทีก่ าลังพิจารณาโดยใส่ เครื่องหมายลบเข้ าไป - ทางขวามือของสมการจะเป็ นผลรวมค่ าของแหล่งจ่ ายกระแส หรือถ้ า เป็ นแหล่งจ่ ายแรงดันจะเป็ นค่ าแรงดันคูณกับความนาไฟฟ้าในกิง่ นั้น ๆ โดยเครื่องหมายจะเป็ นลบเมื่อแหล่งจ่ ายพลังงานมีทศิ ทางออกจากโนด ที่กาลังพิจารณา ตัวอย่ าง สมการทีโ่ นด A 1 1 1 2 0.5 ( )VA ( ) 4 2 1 4 1 ตัวอย่ าง สมการทีโ่ นด A 1 1 1 ( )Va Vb Ia R1 R 2 R2 สมการทีโ่ นด B 1 1 1 1 Va ( + )Vb Ib R2 R 2 R3 R 4 ตัวอย่ าง สมการทีโ่ นด A สมการทีโ่ นด B 1 1 1 1 7.5 ( )VA ( )VB ( ) 4 4 2 2 4 1 1 1 1 10 ( )VA ( )VB ( ) 2 2 4 4 4 ตัวอย่ าง สมการทีโ่ นด A ( 1 1 1 1 1 9 )VA ( )VB ( )VC ( ) 2k 3k 5k 3k 5k 5k สมการทีโ่ นด B 1 1 1 1 1 ( )VA ( )VB ( )VC 0 3k 1k 1.5k 3k 1.5k สมการทีโ่ นด C ( 1 1 1 1 1 9 )VA ( )VB ( )VC 5k 1.5k 1.5k 4k 5k 5k ซูเปอร์ โนด (Supernode) - โนดที่เกิดจากการรวมโนดสองโนดที่ต่อเชื่อมกันด้ วยแหล่ งจ่ าย แรงดัน - ใช้ KCL ในการเขียนสมการทีโ่ นดเหมือนกับโนดอืน่ ๆ ซูเปอร์ โนด สมการทีโ่ นด 1 V1 V2 V1 V3 8 3 3 4 สมการทีโ่ นด 2, 3 V2 V1 V3 V1 V3 V2 3 25 3 4 5 1 และ V2 V3 22 ซูเปอร์ โนด สมการทีโ่ นด 1 V3 V1 V2 V1 I 0 R1 R2 สมการทีโ่ นด 2 V1 V2 V2 I1 0 R2 R3 และเราทราบว่ า V3 V2 E สมการทีโ่ นด 3 V3 V1 V3 I1 0 R1 R4 ตัวอย่ างโนดโวลท์ เตจกับแหล่ งจ่ ายควบคุม สมการทีโ่ นด 2 V2 V1 V2 V3 14 0.5 2 สมการทีโ่ นด 3, 4 (Supernode) และ V1 12[V] V3 V2 V4 V4 V1 0.5Vx 2 1 2.5 V3 V4 0.2Vy 0.2Vy 0.2(V4 V1 ) 0.5Vx 0.5(V2 V1 ) การแก้สมการที่มีตัวไม่ ทราบค่ าสามตัว ax by cz j dx ey fz k gx hy iz l 1. เขียนสมการในรู ปเมตริกส์ a d g b e h c x j f y k i z l การแก้สมการที่มีตัวไม่ ทราบค่ าสามตัว 2. หาค่ าตัวหารร่ วม D โดยเอาเมตริกส์ สัมประสิ ทธิ์มาหาค่ าดี เมอร์ มิแนนท์ a b c a b c a b d e f g h i d g e h f d i g e h D (aei bfg cdh) ( gec hfa idb) การแก้สมการที่มีตัวไม่ ทราบค่ าสามตัว 3. หาค่ า Nx, Ny, Nz โดยนาเมตริกส์ ค่าคงที่ไปแทนในคอลัม์์ X, Y, Z ตามลาดับ j b c j b c k l f i k e f k e l h i h e h j b l Nx ( jei bfl ckh) (lec hfj ikb) การแก้สมการที่มีตัวไม่ ทราบค่ าสามตัว a j c a b j a b d k f d e k d e g l i g h h l g N y (aki jfg cdl ) ( gkc lfa idj ) a b j a j c a j d e k g h d g k l f d i g k l l Nz (ael bkg jdh) ( gej hka ldb) การแก้สมการที่มีตัวไม่ ทราบค่ าสามตัว ์. หาค่ า X, Y, Z ได้ จาก Nx x D y Ny D Nz z D