การจัดการความรู้ - มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

Download Report

Transcript การจัดการความรู้ - มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

Slide 1

บทที่ 7
การสื บค้ นสารสนเทศ
และการจัดการความรู้


Slide 2

หัวข้ อเนือ้ หา
 วิธีการสืบค้ นการสืบค้ นสารสนเทศ
 การหาข้ อมูลบนอินเทอร์ เน็ต
 ฐานข้ อมูลต่ าง ๆ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
 ความหมายและความสาคัญการจัดการความรู้


Slide 3

วัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรม
 มีความรู้ ความเข้ าใจเกี่ยวกับการสืบค้ นสารสนเทศ
 สามารถอธิบายวิธีการสืบค้ นการสืบค้ นสารสนเทศได้
 สามารถอธิบายวิธีการหาข้ อมูลบนอินเทอร์ เน็ตได้
 สามารถประยุกต์ ใช้ วิธีการสืบค้ นสารสนเทศเกี่ยวกับ
ฐานข้ อมูลต่ าง ๆ ได้
 มีความรู้ ความเข้ าใจเกี่ยวกับการจัดการความรู้


Slide 4

การวัดผลและประเมินผล









สังเกตการตังค
้ าถาม และการตอบคาถามของนักศึกษา
วัดผลจากการยกตัวอย่าง และการเสนอแนะแนวทางแก้ ไขปั ญหาของนักศึกษา
สังเกตความสนใจของนักศึกษาในการใช้ บริการจากเว็บไซต์ตา่ งๆ
สังเกตการณ์ร่วมกิจกรรมกลุม่ และการนาเสนอผลงานกลุม่
สังเกตความตังใจของนั

กศึกษาในการฟั งการนาเสนอผลงานกลุม่
ตรวจรายงานนาเสนอข้ อมูลรายบุคคล และรายกลุม่
การซักถามความเข้ าใจในประเด็นสาคัญ
ตรวจผลงานในการทาแบบฝึ กหัดท้ ายบท


Slide 5

"การสืบค้ น" (Retrieval)
 ตามความหมายในวิทยานุกรม
บรรณารักษศาสตร์ หมายถึง การสื บเสาะ
ค้นหาเรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง ซึ่งอาจจะได้รับคาตอบ
ในรู ปของบรรณานุกรม ต้นฉบับเอกสาร
คาตอบที่เฉพาะเจาะจง ตัวเลข หรื อข้อความ
ของเรื่ องนั้น


Slide 6

บริการสืบค้ นบัตรรายการ
ผ่ านระบบเครื อข่ าย


Slide 7

สามารถเข้ าใช้ บริการสืบค้ นได้ จากหน้ าเว็บไซต์
ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต www.dusit.ac.th


Slide 8

หรือเข้ าสู่เว็บไซต์ ของสานักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยพิมพ์ http://www.arit.dusit.ac.th


Slide 9

เลือกประเภทของการสืบค้ นที่ต้องการ
ซึ่งมีรายละเอียดที่สาคัญดังนี ้
 Title
 Author
 Subject
 Call Number
 Publisher
 Journal Title

สืบค้ นจากชื่อเรื่ อง
สืบค้ นจากชื่อผู้แต่ ง
สืบค้ นจากหัวเรื่ อง
สืบค้ นจากเลขเรี ยกหนังสือ
สืบค้ นจากสานักพิมพ์
สืบค้ นจากชื่อเรื่ องในหนังสือวารสาร


Slide 10

คลิกเลือก Online Catalog
เข้ าสู่ หน้ าการสื บค้ นทัว่ ไป


Slide 11

เลือกประเภทของการสืบค้ นที่ต้องการ
เช่ น ต้ องการสืบค้ นจากหัวเรื่ อง ให้ เลือกที่ Subject


Slide 12

ใส่ คาที่ต้องการสืบค้ น เช่ นถ้ าต้ องการสืบค้ นหนังสือ
เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศก็พมิ พ์ คาที่ต้องการ
สืบค้ นลงไป


Slide 13

ผลลัพธ์ การสืบค้ น
จะปรากฏหัวเรื่ องที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราต้ องการสืบค้ น
เช่ นเกี่ยวกับเรื่ องเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็ นต้ น


Slide 14

คลิกเลือกหัวข้ อที่ต้องการ
เช่ น เลือก หัวเรื่ อง “เทคโนโลยีสารสนเทศ”
จะปรากฏข้ อมูลหนังสือที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
สารสนเทศ


Slide 15

การสืบค้ นคาสาคัญรายการหลัก


Slide 16

สืบค้ นหนังสือสารอง


Slide 17

สืบค้ นฐานข้ อมูลภายนอก


Slide 18

สืบค้ นแบบเชี่ยวชาญ


Slide 19

การสืบค้ นฐานข้ อมูลที่มีให้ บริการ
ในสานักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต


Slide 20

ฐานข้ อมูลของ e-Journal


Slide 21

อ่ านค่ ูมือการใช้ งาน

 ทาการสืบค้ นฐานข้ อมูลที่ต้องการ


Slide 22

หน้ าหลักสืบค้ นฐานข้ อมูลe-Journal


Slide 23

การสืบค้ น E-Books


Slide 24

หน้ าจอการสืบค้ น E-book


Slide 25

เทคนิคการค้ นหาข้ อมูลบน

Internet


Slide 26

Search Engine Site
 หน้ าที่รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ ต่างๆ เอาไว้ โดย
จัดแยกเป็ นหมวดหมู่ ผู้ใช้ งานเพียงแต่ ทราบ
หัวข้ อที่ต้องการค้ นหาแล้ วป้อน คาหรื อข้ อความ
ของหัวข้ อนัน้ ๆ ลงไปในช่ องที่กาหนด คลิกปุ่ ม
ค้ นหา (หรือกดปุ่ ม Enter ) เท่ านัน้ ข้ อมูลอย่ าง
ย่ อๆ และรายชื่อเว็บไซต์ ท่ เี กี่ยวข้ องจะปรากฏ
ให้ เราเข้ าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ ทนั ที


Slide 27

Search Engine ที่นิยมใช้ ของคนทั่วโลก


Slide 28

ที่มา : http://www.customermagnetism.com/


Slide 29


Slide 30

หลักการใช้
Search Engine


Slide 31

1. ค้ นหาจาก Directory หรื อ Category
 Web Site ที่ใช้ ค้นหาส่ วนใหญ่ มักมีการจัดทา
หมวดหมู่ (Category หรื อ Directory) ของข้ อมูล
ต่ าง ๆ ไว้ แล้ ว ถ้ าเราทราบว่ าสิ่งที่เราต้ องการค้ นหา
ควรจะอยู่ ใ นหมวดหมู่ ห รื อหัว ข้ อใด ก็ควรเข้ า ไปดู
และตรวจสอบในหมวดหมู่ดังกล่ าว ซึ่งอาจทาให้ ได้
ข้ อ มู ล ที่เ กี่ ย วข้ อ งกั บ สิ่ ง ที่ต้ อ งการมากขึ น้ และยั ง มี
โอกาสเลือกสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมขึน้ อีกด้ วย


Slide 32

ตัวอย่ างเว็บไซท์ Directory หรื อ Category


Slide 33

2. ค้ นหาจาก Search Engine


Slide 34

3. การค้ นหาโดยใช้ คาสาคัญ (Keyword) คาที่
ใช้ เป็ นหลักในการค้ นหา จาเป็ นต้ องมีความ
เฉพาะเจาะจง หรื อเป็ นเอกลักษณ์


Slide 35

4. ใช้ Advanced Search ในหลายกรณีที่ไม่อาจหาคาที่
เฉพาะเจาะจงในการค้ นหาได้ จึงจาเป็ นต้ องใช้ หลาย ๆ
คาประกอบกัน เพื่อให้ ได้ ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้ องการ
Search Engine ส่วนมากจะรองรับการค้ นหา โดยใช้ คาสัง่
ที่เรี ยกว่า Boolean Operator ต่อไปนี ้
- AND
- OR
- NOT
- การใส่ เครื่ องหมาย * กากับ


Slide 36

5. ระวังเรื่องการขึน้ ต้ นด้ วยตัวอักษรใหญ่ หรือเล็ก
ปกติควรใช้ ตวั อักษรพิมพ์เล็กเนื่องจากผลการค้ นหา
จะได้ ทงตั
ั ้ วอักษรพิมพ์เล็กและใหญ่ แต่ถ้าใช้ ตวั อักษร
พิมพ์ใหญ่ (Capital Letter) จะได้ ผลการค้ นที่
เหมือนกับคีย์เวิร์ดทุกประการ
6. ศึกษาวิธีการใช้ งานของเว็บแต่ ละแห่ ง เพราะจะ
ช่วยให้ คณ
ุ เข้ าใจวิธีการค้ นหาได้ ดียิ่งขึ ้น


Slide 37

การจัดการความร้ ู
(Knowledge Management : KM)


Slide 38

 ฮิเดโอะ ยามาซากิ (Hideo Yamazaki) ให้ นิยาม
ของความรู้ในรูปของปิ ระมิดที่มีลาดับขันเริ
้ ่มจาก
ข้ อมูล (Data) ไปสูส่ ารสนเทศ (Information)ความรู้
(Knowledge) และปั ญญา (Wisdom)


Slide 39

ศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช
กล่ าวว่ า
 คาว่ า “การจัดการความรู้ ”
นิ ย า ม อ ย่ า ง สั ้ น ที่ สุ ด
หมายถึ ง การยกระดั บ
ความรู้ ขององค์ กร เพื่ อ
สร้ างผลประโยชน์ จาก
ต้ นทุนทางปั ญญา


Slide 40

ปิ รามิดแสดงลาดับของความรู้
Wishdom
Knowledge
Information
Data


Slide 41

ประเภทของความร้ ู
1. ความรู้ โดยนั ย หรื อ ความรู้ ที่ ม องเห็ น ไม่
ชัดเจน (Tacit Knowledge) จัดเป็ นความรู้
อย่างไม่เป็ นทางการ ซึ่งเป็ นทักษะหรื อความรู้
เ ฉ พ า ะ ตั ว ข อ ง แ ต่ ล ะ บุ ค ค ล ที่ ม า จ า ก
ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ค ว า ม เ ชื่ อ ห รื อ ค ว า ม คิ ด
สร้ างสรรค์ในการปฏิบตั ิงาน เช่น การถ่ายทอด
ความรู้ ความคิด ผ่านการสังเกต การสนทนา
การฝึ กอบรม


Slide 42

2. ความรู้ ท่ ชี ัดแจ้ ง หรื อความรู้ ท่ ีเป็ นทางการ
(Explicit Knowledge)
เป็ นความรู้ ที่ มี ก ารบัน ทึ ก ไว้ เ ป็ นลายลัก ษณ์
อัก ษร และใช้ ร่ ว มกั น ในรู ป แบบต่ า งๆ เช่ น
สิ่ ง พิ ม พ์ เอกสารขององค์ กร ไปรษณี ย์
อิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ เว็ บ ไซต์ อิ น ทราเน็ ต ความรู้
ประเภทนี เ้ ป็ นความรู้ ที่ แ สดงออกมาโดยใช้
ระบบสัญ ลัก ษณ์ จึง สามารถสื่ อ สาร และ
เผยแพร่ได้ อย่างสะดวก


Slide 43

ภาพแสดงการการเปรียบเทียบ
Explicit และ Tacit Knowledge ที่อยู่ในตัวคน
ความรู้ท่ชี ัดแจ้ ง
(Explicit Knowledge)
อธิบายได้
แต่ ยงั ไม่ ถูกนาไปบันทึก

(1)
อธิบายได้
แต่ ไม่ อยากอธิบาย

อธิบายไม่ ได้
(2)

ความรู้ท่ฝี ั งอยู่ในคน
(Tacit Knowledge)
9

(3)

Tomohiro Takanashi


Slide 44

องค์ ประกอบหลักของการจัดการความรู้
(Knowledge Process)

1. คน (People) ถือว่าเป็ นองค์ประกอบที่สาคัญที่สดุ เพราะเป็ นแหล่ง
ความรู้ เป็ นผู้รวบรวมข้ อมูลที่วาใครเชี่ยวชาญทางด้ านใดบ้ าง และควร
จะมอบหมายงานให้ ใครเพื่อตรงกับความรู้ที่มีอยู่ และนอกจากนันยั
้ ง
เป็ นผู้นาความรู้ไปใช้ ให้ เกิดประโยชน์
2. สถานที่ หมายถึง ที่ที่ทกุ คนในองค์กรสามารถมาระดมความคิด
ร่วมกัน หรื อเปิ ดประเด็นกันแสดงความคิดเห็นในเรื่ องใดเรื่ องหนึง่ อาจ
อยูใ่ นรูปของเว็บบอร์ ด วิดีโอคอนเฟอร์ เรนส์ หรื อโปรแกรมในลักษณะ
ที่ตรวจสอบได้ วา่ ใครออนไลน์อยู่ จะได้ ติดต่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความ
คิดเห็น
3. ข้ อมูล หมายถึง ทุกสิง่ ที่นาเก็บและให้ ผ้ ใู ช้ เข้ าถึงข้ อมูลเหล่านี ้ได้
โดยง่าย การวิเคราะห์แยกแยะหมวดหมูข่ องข้ อมูลที่เป็ นเรื่ องที่สาคัญ


Slide 45

การดาเนินการ 6 ประการต่ อความรู้
1. การกาหนดความรู้ หลักที่จาเป็ น
2. การเสาะหาความรู้ ท่ ตี ้ องการ
3. การปรั บปรุ ง สร้ างความรู้ บางส่ วนให้ เหมาะต่ อการใช้
การประยุกต์ ใช้ ความรู้ ในกิจการงานของตน
4. การนาประสบการณ์ ออกมาบันทึกไว้
5. การจดบันทึก “ขุมความรู้” และ “แก่ นความรู้ ” สาหรั บไว้
ใช้ งาน และปรั บปรุ งเป็ นชุด
6. ความรู้ ท่ คี รบถ้ วน ลุ่มลึก และเชื่อมโยงมากขึน้ เหมาะ
ต่ อการใช้ งานมากยิ่งขึน้


Slide 46

กระบวนการจัดการความร้ ู


Slide 47

1. การค้ นหาความร้ ู
(Knowledge Identification)
 เมื่อได้ วิสยั ทัศน์หรื อเป้าหมาย(Desired state) ที่
ต้ องการสาหรับการจัดการความรู้แล้ วขันตอนแรกที


ต้ องดาเนินการก็คือเป็ นขันตอนในการค้

นหาว่า
องค์กรมีความรู้อะไรบ้ างรูปแบบใด อยูท่ ี่ใคร และ
ความรู้อะไรที่องค์กรจาเป็ นต้ องมี เพื่อให้ องค์กรวาง
ขอบเขตการจัดการความรู้และสามารถจัดสรร
ทรัพยากรได้ อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล


Slide 48

2. การสร้ างและการแสวงหาความร้ ู
(Knowledge Creation and Acquisition)
เป็ นขันตอนในการดึ

งความรู้จากแหล่งต่าง ๆ ที่มีอยู่
อย่างกระจัดกระจายมารวมไว้ เพื่อจัดทาเนื ้อหาให้
เหมาะสมและตรงกับความต้ องการของผู้ใช้ สาหรับ
ความรู้ที่จาเป็ นต้ องมีแต่ยงั ไม่มีนนั ้ องค์กรอาจสร้ าง
ความรู้จากความรู้เดิมที่มีหรื อนาความรู้ จากภายนอก
องค์กรมาใช้ ก็ได้


Slide 49

3. การจัดการความร้ ู ให้ เป็ นระบบ
(Knowledge Organization)
เป็ นขันตอนในการจั

ดทาสารบัญ และ
จัดแบ่งความรู้ประเภทต่าง ๆ เพื่อให้
รวบรวม การค้ นหา การนาไปใช้ ทาได้
ง่ายและรวดเร็ว สามารถเข้ าถึงแหล่ง
ความรู้ได้ โดยง่าย


Slide 50

4. การประมวลและกลัน่ กรองความรู้
(Knowledge Codification and
Refinement)
เป็ นขันตอนการปรั

บปรุงและประมวลผลความรู้
ให้ อยูใ่ นรูปแบบและภาษาที่เข้ าใจและใช้ ได้ งา่ ย
กาจัดความรู้ที่ไม่เกิดประโยชน์ตามเป้าหมาย
วิสยั ทัศน์หรื อเป็ นขยะความรู้


Slide 51

5. การเข้ าถึงความร้ ู
(Knowledge Access)

โดยทัว่ ไปการกระจายความรู้ให้ ผ้ ใู ช้ มี 2 ลักษณะ คือ
- “Push” การป้อนความรู้ เป็ นการส่งข้ อมูล/
ความรู้ให้ ผ้ รู ับโดยผู้รับไม่ได้ ร้องขอ เช่นการส่ง
หนังสือเวียนแจ้ ง
- “Pull” การให้ โอกาสเลือกใช้ ความรู้ โดยผู้รับ
สามารถเลือกรับหรื อใช้ แต่เฉพาะ ข้ อมูล/ความรู้ที่
ต้ องการเท่านัน้


Slide 52

6. การแบ่ งปั นแลกเปลี่ยนความร้ ู
(Knowledge Sharing)
มี 2 ลักษณะ ดังนี ้
6.1 การแบ่ งปั นความรู้ ประเภทความรู้ ท่ ชี ัดเจน
(Explicit Knowledge) วิธีที่นิยม เช่น การจัดทา
เป็ นเอกสาร วีดีโอ ซีดี จัดทาฐานความรู้โดยนา
เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยจะทาให้ สามารถเข้ าถึง
ความรู้ได้ งา่ ยและรวดเร็วยิ่งขึ ้น


Slide 53

6. การแบ่ งปั นแลกเปลี่ยนความร้ ู
(Knowledge Sharing) (ต่ อ)

6.2
การแบ่ งปั นความรู้ ท่ ีอยู่ในคน (Tacit
Knowledge) สามารถทาได้ หลายรูปแบบขึ ้นอยู่กบั ความ
ต้ องการและวัฒนธรรมองค์กร ส่วนใหญ่มกั จะใช้ วิธีผสมผสาน
เพื่อผู้ใช้ ข้อมูลสามารถเลือกใช้ ได้ ตามความสะดวก เช่ น ระบบ
ทีมข้ ามสายงาน, ชุมชนนักปฏิบตั ิ (Community of Practice :
CoP), ระบบพี่เลี ้ยง (Mentoring System), การสับเปลี่ยนงาน
(Job Rotaion), การยืมตัวบุคลากรมาช่วยงาน (Secondment)
และเวทีสาหรับการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ (Knowledge Forum)


Slide 54

7. การเรี ยนร้ ู (Learning)
 วัตถุประสงค์ที่สาคัญที่สดุ ในการจัดการความรู้
คือ การเรี ยนรู้ของบุคลากรและนาความรู้ นันไป

ใช้ ประโยชน์ ใ นการตั ด สิ น แก้ ไขปั ญหาและ
ปรับปรุ งองค์กร การเรี ยนรู้ ของบุคลากรจะทา
ให้ เ กิ ด ความรู้ ใหม่ ๆ ขึน้ ซึ่ง จะไปเพิ่ ม พูน องค์
ความรู้ขององค์กรที่มีอยูแ่ ล้ วให้ มากขึ ้นเรื่ อย ๆ


Slide 55

ประโยชน์ ของการจัดการความร้ ู
1. ป้องกันความรู้ สูญหาย
2. เพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
3. ความสามารถในการปรั บตัว และมีความยืดหยุ่น
4. ความได้ เปรี ยบในการแข่ งขัน
5. การพัฒนาทรั พย์ สิน
6. การยกระดับผลิตภัณฑ์
7. การบริหารลูกค้ า
8. การลงทุนทางทรั พยากรบุคคล


Slide 56

สวัสดี