รหัสวิชา 23201 ระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เบือ้ งต้ น สื่ อกลางในการส่ งข้ อมูล ระบบเครือข่ ายไร้ สาย การสื่อสารข้อมูล รห ัสวิชา 23201 การสื่ อสารข้อมูล หมายถึง การรับส่งข้อมูลจากที่ หนึ่ งไปยังอีกที่หนึ่ งโดยผ่านสื่ อกลาง เช่น สายโทรศัพท์ สายเคเบิลไฟเบอร์ออพติก, คลื่นไมโครเวฟ, แสงอินฟราเรด, ระบบ ดาวเทียม. องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล การสื่

Download Report

Transcript รหัสวิชา 23201 ระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เบือ้ งต้ น สื่ อกลางในการส่ งข้ อมูล ระบบเครือข่ ายไร้ สาย การสื่อสารข้อมูล รห ัสวิชา 23201 การสื่ อสารข้อมูล หมายถึง การรับส่งข้อมูลจากที่ หนึ่ งไปยังอีกที่หนึ่ งโดยผ่านสื่ อกลาง เช่น สายโทรศัพท์ สายเคเบิลไฟเบอร์ออพติก, คลื่นไมโครเวฟ, แสงอินฟราเรด, ระบบ ดาวเทียม. องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล การสื่

1
รหัสวิชา 23201
ระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เบือ้ งต้ น
สื่ อกลางในการส่ งข้ อมูล
ระบบเครือข่ ายไร้ สาย
การสื่อสารข้อมูล
2
รห ัสวิชา 23201
การสื่ อสารข้อมูล หมายถึง การรับส่งข้อมูลจากที่
หนึ่ งไปยังอีกที่หนึ่ งโดยผ่านสื่ อกลาง
เช่น สายโทรศัพท์
สายเคเบิลไฟเบอร์ออพติก,
คลื่นไมโครเวฟ,
แสงอินฟราเรด,
ระบบ
ดาวเทียม.
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
การสื่ อสารข้อมูล ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ คือ
1.ข้อมู ล(Message)
2.หน่วยส่งข้อมู ล (Sending unit)
3.ช่องทางการส่งข้อมู ล (Transmission unit)
4.หน่วยรับข้อมู ล (Receiving unit)
5.ข้อตกลงหรื อกติกาในการรับส่งข้อมู ล (Protocol)
3
4
องค์ประกอบการสื่ อสาร
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
5
ข้อมูล (Message) เป็ นข้อมูลที่เราทาการส่งหรื อรับ ซึ่ง
ประกอบไปด้วย ข้อมูลตัวอักษร, รู ปภาพ, เสียง, video,
และอื่นๆ
2. หน่วยส่งข้อมู ล (Sending unit) ทาหน้าที่ ส่งข้อมู ล
ออกไป เช่น เครื่ องคอมพิวเตอร์
1.
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
6
3. ช่องทางการส่งข้อมูล (Transmission unit) ทาหน้าที่
นาข้อมูลจากหน่วยส่งข้อมูลไปยังหน่วยรับข้อมูล โดยใช้
ช่องทางการสื่ อสาร เช่น สายโทรศัพท์, สาย LAN,
สัญญาณวิทยุ เป็ นต้น
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
4.*หน่วยรับข้อมู ล (Receiving unit)
7
ทาหน้าที่ รับข้อมูลที่ถูก
ส่งจากหน่วยส่งข้อมูล หน่วยรับข้อมูล เช่น เครื่ อง
คอมพิวเตอร์
องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล
8
5. ข้อตกลงหรื อกติกาในการรับส่งข้อมูล (Protocol)
เป็นข้อตกลงหรื อกติกาในการสื่อสาร สามารถเปรียบได้กบั
ภาษา ในการสื่อสารถ้าเราเอาคนพูดคนละภาษามาพูดคุยกัน
ก็จะไม่สามารถสื่อสารข้อมูลในแต่ละฝ่ ายเข้าใจได้ เราจึง
จาเป็นต้องใช้กติกาเดียวกันในการสื่อสารทาหน้าที่กาหนด
รู ปแบบในการส่ง/รับว่าเป็นแบบ analog หรื อ digital
ระดับแรงดันไฟฟ้ าที่ใช้ ลักษณะกันเข้ารหัสสัญญาณ เป็นต้น
ชนิ ดของสัญญาณ
ชนิ ดของสัญญาณ ประกอบด้วยกัน 2 ชนิ ด คือ
1. การส่งสัญญาณแบบอนาล็อก (Analog)
2. การส่งสัญญาณแบบดิจิตอล (Digital)
9
1
0
11
ชนิ ดของสัญญาณ
การส่งสัญญาณแบบอนาล็อก (Analog) หมายถึง
สัญญาณข้อมูลแบบต่อเนื่อง โดยทัว่ ไปคือสัญญาณที่
มนุษย์สามารถสัมผัสได้ เช่น แรงดันของน้ า ค่าของ
อุณหภูมิ หรื อความเร็ วของรถยนต์ เป็ นต้น
2. การส่งสัญญาณแบบดิจิตอล (Digital) หมายถึง
สัญญาณข้อมูลแบบไม่ต่อเนื่อง โดยทัว่ ไปคือสัญญาณที่
มนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้ เช่น สัญญาณไฟฟ้ า เป็ นต้น
1.
12
วัตถุประสงค์ของการสื่อสารข้อมูล
1.
รเพื่อรับข้อมูลและสารสนเทศจากแหล่งกาเนิ ดข้อมูล
2.รเพื่อส่งและกระจายข้อมู ลได้อย่างรวดเร็ว
3.รเพื่อช่วยลดเวลาการทางาน
4.รเพื่อการประหยัดค่าใช้จา่ ยในการส่งข่าวสาร
5.รเพื่อช่วยการขยายการดาเนิ นการขององค์กร
6.รเพื่อช่วยปรับปรุ งการบริ หารขององค์กร
รูปแบบการสื่อสารข้อมูล
13
รู ปแบบของการสื่ อสารข้อมูล แบ่งเป็ น 3 ประเภท คือ
 แบบทิศทางเดียว (Simplex)
 แบบกึ่งสองทิศทาง(Half duplex)
 แบบสองทิศทาง (Full duplex)
แบบทิศทางเดียว (Simplex)

14
แบบทิศทางเดียว (Simplex) ข้อมูลจะถูกส่งไปในทาง
เดียวเท่านั้น เช่น การกระจายเสียงของสถานีวิทยุ
แบบกึ่งสองทิศทาง (Half duplex)

15
แบบกึ่งทางคู ่ (Half duplex) สามารถส่งข้อมูลสวน
ทางกันได้แต่ตอ้ งสลับกันส่ง เช่น วิทยุส่ ื อสารของ
ตารวจ
แบบทางคู่ (Full duplex)

16
แบบทางคู ่ (Full duplex) สามารถส่งข้อมูลสวนทาง
กันได้ตลอดช่วงเวลาเดียวกัน เช่น การพูดโทรศัพท์
17
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็ น 3 ประเภท
 ระบบเครื อข่ายระยะใกล้ (LAN: Local Area Network)
ระบบเครื อข่ายระหว่างเมือง (MAN: Metropolitan Area

Network)

ระบบเครื อข่ายระยะไกล (WAN: Wide Area Network)
ระบบเครือข่ายระยะใกล้ : LAN
18
เป็ นการเชื่อมต่อเครื อข่ายขนาดเล็กในพื้นที่ไม่ใหญ่มาก
นัก เช่น ภายในห้อง หรื อภายในตัวอาคาร
จุดประสงค์ของการเชื่อมต่อ คือ แบ่งปั นทรัพยากรที่มอี ยู ่
อย่างจากัด เช่น พริ นเตอร์ สแกนเนอร์ รวมทัง้ ข้อมู ลและ
โปรแกรมต่างๆ รวมถึงอานวยความสะดวกในการ
ติดต่อสื่ อสาร
ระบบเครือข่ายระยะใกล้ : LAN
19
ระบบเครือข่ายระหว่างเมือง : MAN
20
เป็ นการเชื่อมต่อเครื อข่ายที่มขี นาดที่ใหญ่ข้ ึนกว่า LAN
มักเกิดจากการเชื่อมโยงเครื อข่าย LAN ในบริ เวณเดียวกัน
เข้าด้วยกัน เช่น การเชื่อมต่อระบบระหว่างองค์กรกับองค์กร
ระบบเครือข่ายระยะไกล : WAN
21
เป็ นเครื อข่ายบริ เวณกว้าง ซึ่งอาจมีขอบเขตการ
เชื่อมต่อที่กว้างไกลขึ้นจาก LAN และ MAN ซึ่งเมื่อ
เชื่อมต่อแล้วจะก่อให้เกิดเป็ นระบบเครื อข่ายในระดับจังหวัด
ประเทศ หรื อข้ามทวีปได้
ระบบเครือข่ายระยะไกล : WAN
22
23
โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โครงสร้างของระบบเครื อข่าย แบ่งเป็ น 4 ประเภท
 โครงสร้างเครื อข่ายแบบบัส (Bus Network)
 โครงสร้างเครื อข่ายแบบดาว (Star Network)
 โครงสร้างเครื อข่ายแบบวงแหวน (Ring Network)
 โครงสร้างเครื อข่ายแบบผสม (Hybrid Network)
24
โครงสร้างเครือข่ายแบบบัส : Bus
เครื อข่ายแบบบัส คือ เป็ นเครื อข่ายการเชื่อมต่อ
คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ตา่ งๆเข้าด้วยกัน
ข้อดี ง่ายต่อการนาอุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ากับระบบเครื อข่าย
ข้อจากัด หากมีการส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สองเครื่ อง
พร้อมกันจะทาให้ขอ้ มูลสู ญหาย เนื่ องจากการชนของข้อมูล
ต้องทาการส่งข้อมูลใหม่
โครงสร้างเครือข่ายแบบบัส : BUS
25
26
โครงสร้างเครือข่ายแบบดาว : Star
เครื อข่ายแบบดาว คือ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่ องจะต่อกับ
อุปกรณ์ท่ อี ยูต่ รงกลาง HUB เพียงตัวเดียว เมื่อต้องการส่งข้อมูล
จะต้องส่งผ่าน HUB ก่อน เป็ นรู ปแบบการต่อที่นิยมมากที่สุด
ข้อดี ง่ายต่อการตรวจเช็คเมื่อคอมพิวเตอร์มปี ั ญหาส่ง
ข้อมูลไม่ได้, ลดปั ญหาการชนของข้อมูล
ข้อจากัด HUB เป็ นตัวกลางของการส่งข้อมูล ถ้าเสีย
ระบบก็ลม่
โครงสร้างเครือข่ายแบบดาว : Star
27
โครงสร้างเครือข่ายแบบวงแหวน : Ring
28
เครื อข่ายแบบวงแหวน คือ ต่อสายผ่านคอมพิวเตอร์แต่ละ
เครื่ องเป็ นวง การส่งข้อมูลจะส่งผ่านวงแหวนโดยผ่านเครื่ อง
คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่ องจนถึงเครื่ องที่รอ้ งขอข้อมูล
ข้อดี ไม่มปี ั ญหาเรื่ องการชนของข้อมูล
ข้อจากัด การส่งข้อมูลจะช้ากว่าทุกระบบ เพราะต้อง
ส่งผ่านที่ละเครื่ องจนถึงเครื่ องที่รอ้ งขอข้อมูล
โครงสร้างเครือข่ายแบบวงแหวน : Ring
29
โครงสร้างเครือข่ายแบบผสม : Mesh
30
เครื อข่ายแบบผสม เป็ นระบบที่ผสมผสานการเชื่อมต่อ
กับระบบทัง้ สามระบบข้างต้น โดยผ่านตัว HUB เป็ นการ
ขยายระบบเครื อข่ายให้สามารถรองรับคอมพิวเตอร์มากขึ้น
31
โครงสร้างเครือข่ายแบบผสม : Hybrid
สื่อกลางนาส่งข้อมูล
(Transmission Media)
สื่ อกลางนาส่งข้อมูล แบ่งเป็ น 2 ประเภท
 ชนิ ดใช้สาย (Wire)
 ชนิ ดไร้สาย (Wireless)
32
สายคู่ตีเกลียว (Twisted pairs cable)
33
34
สายคู่ตีเกลียว (Twisted pair cable)



สายคูบ่ ดิ เกลียวที่พบเห็นโดยทัว่ ไป คือ
สายโทรศัพท์
มีฉนวนหุ ม้ จับคูพ่ นั เป็ นเกลียว เพื่อลด
สัญญาณรบกวน
ประกอบด้วยสายทองแดง 2 เส้น
(สายคูต่ เี กลียว 1 คู ่ จะแทนการ
สื่อสารได้ 1 ช่องทางสื่อสาร
(Channel)
สายคู่ตีเกลียว (Twisted pair cable)
สายคูบ่ ดิ เกลียวที่ใช้กบั คอมพิวเตอร์ เป็ น
สายทองแดง 8 เส้น 4 คู ่ และเชื่อมต่อด้วย
คอนเน็กเตอร์ RJ-45
35
สายคู่ตีเกลียว (Twisted pair cable)
36
สายคูบ่ ดิ เกลียว แบ่งออกเป็ น 2 ชนิ ด
 สายคู บ
่ ดิ เกลียวไม่หุม้ ฉนวน (Unshield Twisted Pair
: UTP)
 สายคู บ
่ ิดเกลียวแบบมีฉนวนหุ ม้ (Shielded Twisted
pair : STP)
สายคู่ตีเกลียวไม่หมุ ้ ฉนวน
37
(Unshield Twisted Pair : UTP)
สายแบบ UTP เป็ นสายที่มรี าคาถูกและหาง่ายแต่ป้องกัน
สัญญาณรบกวนจากอานาจแม่เหล็กได้ไม่ดเี ท่าสายแบบ STP
สายคู่ตีเกลียวแบบมีฉนวนหุม้
38
(Shielded Twisted pair : STP)
สายแบบ STP เป็ นสายแบบมีฉนวนป้องกัน (ฉนวนโลหะ)
สัญญาณรบกวนที่ความถี่สูงได้ ราคาจะแพงกว่าสาย UTP มาก
สามารถเดินสายได้ยาวกว่าสาย UTP
สายโคแอกเชียล (Coaxial cable)
39
ประกอบด้วยแกนทองแดงหุ ม้ ด้วยฉนวน ภายนอกฉนวน
จะถูกหุ ม้ ด้วยโลหะอีกชัน้ หนึ่ งเพื่อป้องกันสนามไฟฟ้ ารบกวน
จากภายนอก และสายดิน (ลักษณะเป็ นฝอย) แล้วหุ ม้ ด้วย
ฉนวนบางอีกหนึ่ งชัน้
สายโคแอกเชียล (Coaxial cable)
40
สายโคแอกเชียล (Coaxial cable)
41
รองรับความเร็วสู งสุ ดในการรับ-ส่งข้อมูลที่ 10 Mbps สายนา
สัญญาณแบบนี้จะใช้ Connector เฉพาะในการเชื่อมต่อกับ
เครื่ องคอมพิวเตอร์ และจุดต่างๆ ภายในเครื อข่าย
 ปั จจุ บน
ั ได้เปลี่ยนสายดินจากลวดทองแดงเป็ นลวดเงิน ทัง้ นี้เพื่อ
ป้องกันอาการรบกวนที่เกิดจากสายสัญญาณข้างเคียง

42
สายใยแก้วนาแสง
(Fiber Optic Cable)




เป็นสายนาสัญญาณที่ใช้รูปแบบของแสงในการรับ-ส่งข้อมูล
อุปกรณ์ทงั้ สองตัวมีหน้าที่แปลงสัญญาณแสงให้เป็นสัญญาณที่
เครื่ องคอมพิวเตอร์รูจ้ กั (ดิจิตอล)
สายใยแก้วนาแสงมีประสิทธิภาพ ในการรับส่งข้อมูลที่เร็วที่สุดเมื่อ
เทียบกับสายนาสัญญาณชนิ ดอื่น
รองรับความเร็ว ในการรับ-ส่งข้อมูลสู ง 565-1300 Mbps
สายใยแก้วนาแสง
(Fiber optic Cable)
43
ข้อดีของสายใยแก้วนาแสง
44
1. ทนทานต่อคลื่นรบกวนด้วยฉนวนชัน้ นอก
2. สัญญาณคงที่ในการส่งข้อมูลแม้ในระยะทางไกลๆ ไม่ตอ้ ง
อาศัยอุปกรณ์ เพิ่มสัญญาณหรื อทวนสัญญาณ
3. แบนด์วิดท์สูง รองรับความเร็วในการส่งข้อมูลประมาณ 500
Mbps ขึ้นไป
ข้อจากัดของสายใยแก้วนาแสง
1. มีราคาแพงเนื่ องจากต้นทุนการผลิต
2. การติดตัง้ และการบารุ งรักษา
3. ความเปราะและแตกหักง่าย
45
46
ระบบไมโครเวฟ
(Microwave System)
47
ระบบไมโครเวฟ
(Microwave System)

ไมโครเวฟ คือ ช่วงสัญญาณคลื่นวิทยุ นามาใช้ในการรับส่งข้อมูล
ด้วยความเร็วสู งทัง้ สัญญาณเสียงและข้อมูล
 มีจานส่งและรับข้อมู ลตัง้ อยู บ
่ นเสาสู ง ยอดตึก หรื อภู เขา
 ส่งสัญญาณเป็ นเส้นตรง และจะไม่มอ
ี ะไรมาขวางกัน้ (แต่มกี าร
ลดทอนของสัญญาณ)
 ระยะทางของจานรับ/ส่งประมาณ 30-50 กม.
ระบบไมโครเวฟ
(Microwave System)
48
49
ระบบดาวเทียม (Satellite System)
04000102 คอมพิวเตอร์สารสนเทศขัน
้ พืน
้ ฐาน
50
ระบบดาวเทียม (Satellite System)

ดาวเทียม มีหน้าที่ขยายและทบทวนสัญญาณข้อมูล, รับและส่ง
สัญญาณข้อมูลกับสถานีดาวเทียมภาคพื้นโลก
 ดาวเทียมอยูห
่ า่ งจากพื้นโลกประมาณ 36,000 ก.ม.
 การส่งสัญญาณข้อมู ลขึ้นไปยังดาวเทียมเรียกว่า
“สัญญาณอัป-ลิงค์” (Uplink)
 การส่งสัญญาณข้อมู ลกลับมายังพื้นโลกเรียกว่า
“สัญญาณดาวน์-ลิงค์” (Downlink)
51
ระบบดาวเทียม (Satellite System)
36,000 km
52
ฮาร์ดแวร์ของเครือข่าย (อุปกรณ์พ้ ืนฐาน)

การ์ดเชื่อมโยงเครื อข่าย (Network interface card)
ฮับ/สวิทซ์ (Hub/Switch)
เราเตอร์ (Router)
โมเด็ม (Modem)

Access Point

Wireless Card



การ์ดเชื่อมโยงเครือข่าย
(Network interface card)
53
54
การ์ดเชื่อมโยงเครือข่าย
(Network interface card)
การ์ดเชื่อมโยงเครื อข่าย (Network interface card) เป็ น
อุปกรณ์ท่ ที าหน้าที่ เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับสายเคเบิล
ของเครื อข่าย และควบคุมการรับส่งข้อมูลระหว่าง
คอมพิวเตอร์กบั เครื อข่าย บางครั้งเรียกว่า Lan Card
ฮับ/สวิทซ์ (Hub/Switch)
55
ฮับ/สวิทซ์ (Hub/Switch)
56
ฮับ/สวิทซ์ (Hub/Switch) เป็ นอุปกรณ์ท่ ที าหน้าที่
เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่ องเข้าด้วยกัน และเป็ น
อุปกรณ์ท่ ชี ว่ ยในการกระจายสัญญาณ โดยที่ฮบั จะมีการ
แบ่งช่องสัญญาณตามจานวนผูใ้ ช้ แต่ Switch ไม่มกี ารแบ่ง
57
การทางานของ Hub
Com1
Com2
Server
Hub
Printer
Com4
Com3
58
ความแตกต่างระหว่าง Hub และ Switch
Hub เป็ นเพียงตัวขยายสัญญาณข้อมู ล
/ จัดการ
สัญญาณที่สง่ มาจากคอมพิวเตอร์และกระจายสัญญาณ
ไปยังคอมพิวเตอร์เครื่ องอื่นๆ
หากมีการส่งสัญญาณพร้อมๆกัน ความเร็วจะลดลง
ไม่เหมาะที่จะนามาใช้กบั เครื อข่ายขนาดใหญ่
59
ความแตกต่างระหว่าง Hub และ Switch
Switch จะมีการทางานที่ซบั ซ้อนกว่า
การรับ-ส่งข้อมู ลจากพอร์ทหนึ่ งของอุปกรณ์ ไปยัง
พอร์ทปลายทางที่เชื่อมอยูก่ บั อีกเครื่ องที่ตอ้ งการส่ง
ข้อมูลเท่านั้น
ส่งข้อมู ลได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน
เป็ นที่นิยมใช้งานในระบบเครื อข่ายมากกว่าฮับ
เราเตอร์ (Router)
60
เราเตอร์ (Router)
61
เราเตอร์ (Router) เป็ นอุปกรณ์ท่ ที าหน้าที่ เชื่อมต่อ
เครื อข่ายแต่ละประเภทเข้าด้วยกัน โดยค้นหาเส้นทางที่ดี
ที่สุดในการส่งผ่านข้อมูล
โมเด็ม (Modem)
62
โมเด็ม (Modem)
63
โมเด็ม (Modem) เป็ นอุปกรณ์ท่ ที าหน้าที่ แปลงสัญญาณ
ดิจิตอลของคอมพิวเตอร์ให้สามารถวิ่งบนสายโทรศัพท์
(สัญญาณอนาลอก) เพื่อทาการติดต่อสื่ อสารได้
มี 2 ชนิ ด คือแบบติดตัง้ ภายใน และแบบติดตัง้ ภายนอก
โมเด็ม (Modem)
Internal Modem
64
External Modem
65
ลักษณะการเชื่อมต่อโมเด็ม
The analog signal
(audible)
is sent through
telephone lines.
011010001
Digital signal
This modem converts
digital to analog.
MODEM
MODEM
011010001
Digital signal
This modem converts
analog to digital.
66
Access Point
• ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์
กับระบบเครือข่ายแบบไร้สาย (wireless)
• Access Point หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า AP
(เอ-พี) ซึ่งจะทาหน้าที่เป็ น “จุดกระจาย
และเชื่อมต่อสัญญาณ ไร้สาย เพื่อเชื่อมต่อ
อุปกรณ์ไร้สายทุกชนิ ด เข้า
Wireless Card
• ติดตัง้ บนเครื่อง
คอมพิวเตอร์เพื่อเชื่ อมต่อ
กับระบบเครือข่ายแบบไร้
สาย
PCMCIA
USB
67
PCI for PC
การนาเครือข่ายไปใช้ในด้านต่างๆ
68
การตลาดและการขาย
ในธุ รกิจที่ประกอบการค้าประเภทขายสินค้าที่มสี าขา
หรื อเครื อข่ายทางธุ รกิจระบบเครื อข่าย คอมพิวเตอร์ จะมี
ประโยชน์อย่างมากในการช่วยวิเคราะห์การตลาดโดยนา
ข้อมูลเกิดจากการขายที่สาขาต่างๆ มาประมวลผล
ตลอดจนสาขาต่างๆ สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ผา่ นระบบ
เครื อข่าย ได้ทนั ทีท่ ตี อ้ งการ
การนาเครือข่ายไปใช้ในด้านต่างๆ
69
งานการเงินและธนาคาร
ระบบการเงินการธนาคาร ต้องอาศัยระบบเครื อข่าย
คอมพิวเตอร์อย่างมากไม่วา่ จะเป็ น การบริ การฝาก - ถอน
ผ่านตูเ้ อทีเอ็ม หรื อการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิ กส์
การนาเครือข่ายไปใช้ในด้านต่างๆ
70
จดหมายอิเล็กทรอนิ กส์
จดหมายอิเล็กทรอนิ กส์เป็ นบริ การที่ได้รับความนิ ยม
สู งสุ ด นับตัง้ แต่เครื อข่ายอินเตอร์เน็ต ได้มบี ทบาทใน
ชีวิตประจาวัน
การนาเครือข่ายไปใช้ในด้านต่างๆ
71
การบริการข้อมูลข่าวสาร
บริ การนี้คือการนาเสนอข่าวสารต่างๆ ของ
หน่วยงาน องค์กรและบุคคลต่างๆ ที่ตอ้ งการจะ
เผยแพร่ ข่าวสารไปยังบุคคลอื่นๆ ทัง้ เพื่อหวังผลประโยชน์
ทางธุ รกิจและไม่ผลประโยชน์ มาเกี่ยวข้อง บริ การนี้ ได้รับ
ความนิ ยมและเป็ นที่รูจ้ กั ดีในชื่อของ WWW (World Wide
Web)
การนาเครือข่ายไปใช้ในด้านต่างๆ
72
งานการบริการแลกเปลี่ ยนข้อมูลทางอิเล็ กทรอนิ กส์
งานการบริ การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิ กส์
เป็ นการบริ การผ่านระบบเครื อข่ายบริ ษทั ที่ทาธุ รกิจร่วมกัน
สามารถส่งใบสั่งซื้อสิ้นค้า ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารอื่นๆ
ผ่านระบบเครื อข่ายได้
การนาเครือข่ายไปใช้ในด้านต่างๆ
73
การประชุมทางไกล
การประชุมทางไกลเป็ นการประชุมที่ผูร้ ่วมเข้าประชุม
ไม่จาเป็ นต้องอยูใ่ นสถานที่เดียวกันแต่สามารถ พิมพ์
ข้อความส่งไปยังผูเ้ ข้าร่วมประชุมคนอื่นๆ และยังสามารถ
สนทนารวมทัง้ เห็นภาพ ผูร้ ่วมเข้าประชุมผ่านทางจอภาพที่
เรียกว่าการประชุมวีดิทศั น์
การประชุมทางไกล (Videoconferencing)
74
75
THE END