ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์

Download Report

Transcript ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์

การโปรแกรม
ภาษาคอมพิ
ว
เตอร
1
์
อาจารยพึ
์ งพิศ พิชญพิ
์ บุล
หลักการเขียนโปรแกรม
คอมพิวเตอร ์
• หลักการเขียนโปรแกรม
ภาษาคอมพิวเตอร ์
• Editor
• การติดตัง้ โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร ์
เบือ
้ งตน
้
หลักการเขียนโปรแกรม
ภาษาคอมพิวเตอร ์
•
•
•
•
ความหมายของการเขียนโปรแกรม
ประเภทของการเขียนโปรแกรม
ภาษาคอมพิวเตอร ์
กระบวนการประมวลผลโปรแกรม
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
• โปรแกรมคอมพิวเตอร ์ หมายถึง
ชุดคาสั่ งทีเ่ ขียนขึน
้ มาเพือ
่ สั่ งให้
คอมพิวเตอรท
์ างานตามทีเ่ ราตองการ
้
แบงออกเป็
น 2 ประเภทใหญๆ่
่
ไดแก
้ ่
1. ซอฟตแวร
ระบบ
(System
์
์
Software)
2. ซอฟตแวร
ประยุ
กต ์
์
์
(Application Software)
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
1.
ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software)
หมายถึง ซอฟตแวร
ที
่ าหน้าทีค
่ วบคุม
์
์ ท
การทางานของฮารดแวร
ทุ
านวย
่
์
์ กอยางและอ
ความสะดวกให้กับผู้ใช้เครือ
่ งคอมพิวเตอร ์ ซึง่
แบงตามหน
่ ารทางานไดดั
่
้ าทีก
้ งนี้
1.1 ระบบปฏิบต
ั ก
ิ าร (Operating
System : OS)
1.2 โปรแกรมแปลภาษา (Translation
Program)
1.3 โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
1.1 ระบบปฏิบต
ั ิ การ (Operating System)
• คือโปรแกรมทีท
่ าหน้าทีเ่ ป็ นตัวกลางเชือ
่ มตอ
่
ระหวางฮาร
ดแวร
่
์
์ (Hardware) กับ
ซอฟตแวร
ประยุ
กตทั
้ ลจากผู้ใช้
์
์
์ ว่ ไปซึง่ รับขอมู
• จะทาหน้าทีค
่ วบคุมการแสดงผล การทางาน
ของฮารดแวร
์
์ ให้บริการกับซอฟตแวร
์
์
ประยุกตทั
์ ว่ ไปในการรับส่งและจัดเก็บข้อมูล
กับฮารดแวร
์
์
• จัดสรรการใช้ทรัพยากรระบบ (Resources)
ให้เป็ นไปอยางมี
ประสิ ทธิภาพ
่
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
1.2 โปรแกรมแปลภาษา (Translation
Program)
• ทาหน้าทีแ
่ ปลภาษาคอมพิวเตอรให
์ ้เป็ น
ภาษาเครือ
่ ง มีอยู่ 3 แบบคือ
1) Assembler แปลภาษาแอสเซมบลี
(Assembly) โดยแปลทีละคาสั่ ง แลวท
้ างาน
เมือ
่ เสร็จแลวจะแปลค
าสั่ งตอไป
้
่
2) อินเตอรพรี
์ เตอร ์ (Interpreter)
แปลภาษาพรอมกั
บทางานตามคาสั่ งทีละคาสั่ ง
้
ไปทัง้ โปรแกรม เมือ
่ เรียกใช้ตองแปลใหม
ทุ
้
่ ก
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
1.3 โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility
Program)
• คือโปรแกรมทีต
่ ด
ิ มาพรอมกั
บระบบปฏิบต
ั ก
ิ าร
้
วินโดว ์
• เรียกงายๆ
วาเป็
่ ่ วยดูแลระบบ
่
่ นโปรแกรมทีช
การทางานของวินโดว ์
• มีหลากหลายประเภท เช่น ประเภทการจัด
ไฟล ์ ป้องกันไวรัส บีบอัดไฟล ์ เป็ นตน
้
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
1.4 โปรแกรมตรวจสอบข้อผิดพลาด
(Diagnostic Program)
• คือ โปรแกรมระบบทีท
่ าหน้าทีต
่ รวจสอบ
ขอผิ
้ ดพลาดใน การทางานของอุปกรณต
่
์ าง
ๆ ของเครือ
่ งคอมพิวเตอร ์
• ไดแก
้ ่ โปแกรม QAPLUS โปรแกรม
NORTON เป็ นตน
่ พบขอผิ
้ และเมือ
้ ดพลาดก็
จะแจ้งขึน
้ บนจอภาพให้ทราบ
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application
Software)
หมายถึง โปรแกรมทีผ
่ ้ใช
ู ้คอมพิวเตอร ์
เป็ นผู้เขียนมาใช้งานเอง เพือ
่ สั่ งให้
คอมพิวเตอรท
างหนึ
่งตามที่
่
่
์ างานอยางใดอย
ตองการ
ซึง่ แบงได
ดั
้
่
้ งนี้
2.1 User Program
2.2 Package Program
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
2.1 User Program
• คือโปรแกรมทีผ
่ ้ใช
ู ้เขียนมาใช้เอง ตามความ
ตองการเฉพาะด
าน
้
้
• เช่น โปรแกรมดานบั
ญชี โปรแกรมดาน
้
้
สิ นค้าคงคลัง โปรแกรมเงินเดือน เป็ นตน
้
โปรแกรมคอมพิวเตอร ์
2.2 Package Program
• คือโปรแกรมสาเร็จรูปทีถ
่ ก
ู สรางขึ
น
้ มาเสร็จ
้
เรียบรอยแล
ว
าไปใช้งานไดทั
้
้ พรอมจะน
้
้ นที
• เช่น Word Processer, Spreadsheet,
Database, Photoshop เป็ นตน
้
ความหมายของการเขียน
โปรแกรม
• การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร ์ (Computer
programming) หรือการเขียน
โปรแกรม (Programming) หรือ การเขียน
โค้ด (Coding) เป็ นขัน
้ ตอนการเขียน
ทดสอบ และดูแลซอรสโค
้ดของโปรแกรม
์
คอมพิวเตอร ์
• ซอรสโค
้ด (Source code) จะเขียนดวย
้
์
ภาษาคอมพิวเตอร ์ ซึง่
ซอรสโค
้ด
์
ของโปรแกรมจะอยูในรู
ปแบบของขอความ
่
้
ธรรมดา ไมสามารถน
าไปใช้งานได้ จะตอง
่
้
ผานการคอมไพล
ตั
่
้ดนั้นให้เป็ น
์ วซอรสโค
์
ประเภทของการเขียนโปรแกรม
1. การเขียนโปรแกรมโครงสรางแบบ
้
ลาดับ (Top/Down Structured
Programming)
2. การเขียนโปรแกรมโครงสรางแบบมี
้
การตัดสิ นใจ (Selection Structured
Programming)
3. การเขียนโปรแกรมโครงสรางแบบ
้
ทาซา้ (Iteration) หรือ วนรอบ
(Loop)
การเขียนโปรแกรมโครงสราง
้
แบบลาดับ (Top/Down
Structured Programming)
• ทางานจากบนลงลาง
่
• ไมมี
น
้ ตอน ตองประมวลผล
่ การขามขั
้
้
ทุกคาสั่ ง
ส่วนที่
1
ส่วนที่
2
ส่วนที่
3
การเขียนโปรแกรมโครงสราง
้
แบบมีการตัดสิ นใจ (Selection
Structured Programming)
• ตองตรวจสอบค
าตั
่ ตัดสิ นใจ
้
่ วแปร เพือ
เลือกการทางาน
• มีการขามขั
น
้ ตอน บางงานอาจไมถู
้
่ ก
ประมวลผล
• มี 3 ลักษณะ คือ
1) การตัดสิ นใจแบบ IF
2) การตัดสิ นใจแบบ IF/ELSE
3) การตัดสิ นใจแบบ CASE
การตัดสิ นใจแบบ IF
• เหมาะกับการตัดสิ นใจทีม
่ ท
ี างเลือกเดียว
• เป็ นการตัดสิ นใจเพือ
่ ทาหรือไมท
่ า
ทางเลือกนั้น
Grade
=‘F’
Y
“ลงทะเบียน
N
N
N>
10
Y
“Over”
เรียนใหม่”
N=0
การตัดสิ นใจแบบ IF/Else
• เหมาะกับการตัดสิ นใจทีม
่ ี 2
ทางเลือก
• ถาเงื
่ นไขเป็ นจริงจะทางานหนึ่ง ส่วน
้ อ
ถาเงื
่ นไขไมจริ
ง
จะท
างานอี
ก
อย
าง
้ อ
่
่
Age>
Y
N
หนึ่ง “ไม่มี
=18
สิทธิ
เลือกตัง้
”
“มีสิทธิ
เลือกตัง้
”
การตัดสิ นใจแบบ Case
• เหมาะกับการตัดสิ นใจทีม
่ ม
ี ากกวา่ 2
ทางเลือก
Level
=?
1
Rate=
200
2
Rate=
250
3
Rate=
300
4
Rate=
500
การเขียนโปรแกรมโครงสราง
้
แบบทาซา้ (Iteration) หรือ
วนรอบ (Loop)
เป็ นโครงสรางส
าหรับการทางานอยางเดี
ยวกัน
้
่
ซา้ ๆ
1) While/Do ทางานเมือ
่ เงือ
่ นไขเป็ นจริง
ตรวจสอบเงือ
่ นไขกอนท
างานในลูป
่
2) Do/While ทางานเมือ
่ เงือ
่ นไขเป็ นจริง
ทางานกอนแล
วตรวจสอบเงื
อ
่ นไขเพือ
่ วนรอบ
่
้
ตอไป
่
3) Do/Until ทางานเมือ
่ เงือ
่ นไขเป็ นเท็จ
ทางานกอนแล
วตรวจสอบเงื
อ
่ นไขเพือ
่ วนรอบ
่
้
ตอไป
่
การเขียนโปรแกรมโครงสราง
้
แบบทาซา้ (Iteration) หรือ
วนรอบ (Loop)
While/
Do
N
Do/Unti
l
Do/Whi
le
Y
N
Y
N
Y
For
ภาษาคอมพิวเตอร ์
ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์
1. ภาษาเครือ
่ ง (Machine
Language)
2. ภาษาระดับตา่ (Low-level
Language)
3. ภาษาระดับสูง (High-level
Language)
4. ภาษาระดับสูงมาก ( Very high-
ภาษาเครือ
่ ง (Machine
Language)
• เป็ นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรระดั
่ ุด
์ บตา่ ทีส
ซึง่ คอมพิวเตอรเข
ทั
้
้ นทีโดยไมต
่ ้องผาน
่
์ าใจได
ตัวแปลภาษา
• เขียนคาสั่ งและแทนขอมู
้ ลดวยเลขฐานสอง
้
(Binary Code) ทัง้ หมด ซึง่ เป็ นการเขียน
คาสั่ งดวยเลข
0 หรือ 1
้
ภาษาระดับตา่ (Low-level
Language)
• ไดแก
(Assembly
้ ภาษาแอสเซมบลี
่
Language)
• เป็ นภาษาทีพ
่ ฒ
ั นาตอมาจากภาษาเครื
อ
่ ง
่
• ภาษาแอสเซมบลีจะเขียนคาสั่ งเป็ นตัวอักษร
ภาษาอังกฤษ เพือ
่ ใช้แทนคาสั่ งภาษาเครือ
่ ง
• นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมได้
งายขึ
น
้ โดยการจดจารหัสคาสั่ งสั้ นๆ ทีจ
่ า
่
ไดง้ าย
ซึง่ เรียกวา่ นิวมอนิกโค้ด
่
(Mnemonic code)
ภาษาระดับสูง (High-level
Language)
• มีโครงสรางภาษาและชุ
ดคาสั่ งเหมือนกับ
้
ภาษาอังกฤษ
• สามารถใช้นิพจนทางคณิ
ตศาสตรในการ
์
์
คานวณได้
• ลดความยุงยากในการเขี
ยนโปรแกรมลงได้
่
มาก
• ใช้ตัวแปลภาษา ทีเ่ รียกวา่ อินเตอรพริ
์ เตอร ์
(Interpreter) หรือคอมไพเลอร ์ (Compiler)
เพือ
่ แปลภาษาระดับสูงไปเป็ นภาษาเครือ
่ งเพือ
่
สั่ งให้เครือ
่ งคอมพิวเตอรท
่
์ างานตอไป
ภาษาระดับสูงมาก ( Very highlevel Language)
• การทางานแบบไมจ
าดับของ
่ าเป็ นตองบอกล
้
ขัน
้ ตอนการทางาน
(Nonprocedural
language)
• เพียงกาหนดวาต
่ องการให
้
้โปรแกรมทาอะไร
โดยไมต
าท
่ องทราบว
้
่ าไดอย
้ างไร
่
• ภาษาระดับสูงมากทางานเหมือนกับภาษาพูด
วาต
และเขียนเหมือน
่ องการอะไร
้
ภาษาอังกฤษ
• ตัวอยางเช
่
่ น Report Generators, Query
Language, Application Generators และ
ภาษาธรรมชาติ ( Natural
Language)
• เป็ นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรยุ
่ ้า (
์ คทีห
Fifth generation language)
• การเขียนคาสั่ ง หรือสั่ งงานคอมพิวเตอร ์
ทางานโดยการใช้ภาษาธรรมชาติตางๆ
เช่น
่
ภาพ หรือ เสี ยง โดยไมสนใจรู
ปแบบ
่
ไวยากรณหรื
ก
้
์ อโครงสรางของภาษามากนั
• คอมพิวเตอรจะพยายามคิ
ดวิเคราะห ์ และ
์
แปลความหมายโดยอาศั ยการเรียนรูด
้ วย
้
ตนเองและระบบองคความรู
้ ( Knowledge
์
Base System) มาช่วยแปลความหมายของ
คาสั่ งตางๆและตอบสนองตอผูใชงาน
กระบวนการประมวลผลโปรแกรม
ขัน
้ ตอนการแปลเป็ นภาษาเครือ
่ ง
• รับโปรแกรมตนฉบั
บแลวแปลเป็
น object
้
้
program ซึง่ อยูในภาษาระดั
บตา่ (แตยั
่
่ ง
ไมสามารถประมวลผลได
เพราะยั
งไมได
่
้
่ แปลง
้
เป็ นภาษาเครือ
่ ง)
• ตอไปจะน
า object program นี้ไปอางอิ
งกับ
่
้
คาสั่ งทีอ
่ ยูในไลบรารี
เช่น คาสั่ ง write เมือ
่
่
แปลครัง้ แรกจะถูกเปลีย
่ นเป็ น write_cmd
ซึง่ เป็ นคาสั่ งอางอิ
งไปยังไฟลในไลบรารี
้
์
pascal.lib แลวดึ
่ ยูในไลบรารี
้ งชุดคาสั่ งทีอ
่
มาแทนทีค
่ าสั่ ง write โดยเกิดขึน
้ ในขัน
้ ตอน
การลิงค ์ (linker)
ขัน
้ ตอนการประมวลผลโปรแกรม
• เมือ
่ จบขัน
้ ตอนการแปล จะไดโปรแกรมใน
้
รูปแบบภาษาเครือ
่ งทีส
่ ามารถบันทึกเก็บไวได
้ ้
• เมือ
่ ตองการสั
่ งประมวลผล เราจะเรียก
้
โปรแกรมพรอมกระท
าการ (executable
้
program) โดยป้อนขอมู
้ ลเขากั
้ บโปรแกรมได้
ทันที
Editor ทีใ่ ช้ในการเขียน
โปรแกรม
1. Text Editor
• หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคาสั่ งทีเ่ ตรียมไว้
ในซอฟตแวร
ระบบ
(systems
์
์
software) ทีท
่ าหน้าทีป
่ รับแก้ขอความ
้
รวมทัง้ ปรับรูปแบบขอมู
้ ล ซึง่ นักเขียน
โปรแกรมจะใช้แกไขปรั
บปรุงโปรแกรมทีต
่ น
้
เขียนได้
• โปรแกรมจะมีการเก็บโค้ดเป็ นไฟลข
้
์ อความ
ธรรมดา ตาม Syntax ของภาษานั้นๆ แต่
สามารถเปลีย
่ นนามสกุลทีใ่ ห้เป็ นไฟลต
่
์ างๆ
เป็ นแตละโปรแกรมภาษาทีเ่ ลือกได
Editor ทีใ่ ช้ในการเขียน
โปรแกรม
2. IDE ( integrated development
environment )
• คือ องคประกอบหรื
อตัวช่วยตางๆ
ทีจ
่ ะคอย
่
์
ช่วยเหลือนักเขียนโปรแกรม เพือ
่ ความ
รวดเร็ว ถูกตอง
แมนย
้
่ า ตรวจสอบระบบที่
จัดทาไดทั
้
้ ง้ เชิงลึกหรือตืน
• ตองประกอบด
วย
Source code editor และ
้
้
compiler หรือ interpreter
Microsoft Visual Studio 2010
• Microsoft Visual Studio คือ IDE
(Integrated Development
Environment) พัฒนาขึน
้ โดย
ไมโครซอฟท ์ ซึง่ เป็ นเครือ
่ งมือทีช
่ ่ วย
นักพัฒนาซอฟตแวร
พั
์
์ ฒนาโปรแกรม
คอมพิวเตอร ์ เว็บไซต ์
เว็บแอปพลิเคชัน และ เว็บเซอรวิ
์ ส
• สามารถรองรับการทางานไมโครซอฟท ์
วินโดวส์ พ็อคเกตพีซี
Smartphone และ เว็บเบราวเซอร
์
์
• สามารถใชภาษาโปรแกรมทีเ่ ป็ นภาษาดอต
รุนของ
Microsoft Visual
่
Studio 2010
Visual Studio 2010 Professional
• มีความสามารถสูง ทาให้พัฒนาไดง้ าย
่
ผิดพลาดน้อย
• มีเครือ
่ งมือทีใ่ ช้พัฒนาไดทุ
้ กแพลตฟอรม
์ ทัง้
Windows, Web, Phone, Cloud
Computing, Office, SharePoint
• มีเครือ
่ งมือดานการทดสอบ
Software ทีด
่ ี
้
รุนของ
Microsoft Visual
่
Studio 2010
Visual Studio 2010 Premium
• มีทก
ุ อยางเหมื
อนรุน
่
่
่ Professional แตเพิ
่ ม
เครือ
่ งมือดานการพั
ฒนาแอพพลิเคชัน
้
Database โดยเฉพาะ
• มี Team Foundation Server เพือ
่ การ
พัฒนาเป็ นทีม
• มี MSDN เพือ
่ ให้ขอมู
คตางๆ
้ ลดานเทคนิ
้
่
รุนของ
Microsoft Visual
่
Studio 2010
Visual Studio 2010 Ultimate
• มีทก
ุ อยางเหมื
อนรุน
่
่
่ Premium แตเพิ
่ ม
เครือ
่ งมือในเชิงการจัดการ
• มี Lab Management เพือ
่ การทดสอบขัน
้
สูงสุด
รุนของ
Microsoft Visual
่
Studio 2010
Visual Studio Test Professional 2010
• เป็ นเครือ
่ งมือดานการทดสอบโดยเฉพาะ
้
• มีประสิ ทธิภาพสูงตามหลักการของวิศวกรรม
ซอฟตแวร
์
์
• มีระบบจัดการดานการทดสอบ
(ปกติมใี นรุน
้
่
Ultimate)
รุนของ
Microsoft Visual
่
Studio 2010
Visual Studio 2010 Express
• เป็ นรุนทดลองใช
่
้ฟรี
• ความสามารถจากัด เน้นทีก
่ ารเขียน
โปรแกรมอยางเดี
ยว
่
คุณสมบัตข
ิ องเครือ
่ งทีจ
่ ะติดตัง้
VS2010
องค์ประ คุณสมบัติขนั ้ ตา่
กอบ
แนะนา
CPU
ความเร็ว
2.6 GHz
พืน
้ ทีว่ าง
่ 20
GB
2 GB
Windows 7
ความเร็ว 2.0 GHz
ฮารดดิ
้ ทีว่ าง
่ 8 GB
์ สก ์ พืน
RAM
1 GB
ระบบปฏิบ ั - Windows XP
ติการ
Professional SP3
การเขียนโปรแกรมแบบ EventDriven
• คือการเขียนโปรแกรมโดยใช้เหตุการณ ์
กาหนดวาโปรแกรมจะต
องท
าอะไรบาง
่
้
้
• จะเขียนโปรแกรมเพือ
่ ตอบสนองกับเหตุการณ ์
ทีผ
่ ้ใช
ู ้กระทา เช่น เมือ
่ ผู้ใช้กดปุ่ม จะให้
เกิดอะไรขึน
้
Namespace
• เป็ นการจัดให้คลาสทีเ่ กีย
่ วของกั
นมาอยูไว
้
่ ใน
้
หมวดหมูเดี
่ ยวกัน
• ในเนมสเปซเดียวกันจะมีกค
ี่ ลาสก็ได้
• สามารถมีเนมสเปซซ้อนกันหลานชัน
้ ได้
Class
• คลาส คือ โครงรางที
ใ่ ช้ในการกาหนด
่
องคประกอบและวิ
ธก
ี ารทางานของออบเจ็กต ์
์
Object
• Object คือ สิ่ งทีม
่ ค
ี ุณสมบัตแ
ิ ละ
ความสามารถตามทีก
่ าหนดไวในคลาส
้
• Object ประกอบไปดวย
้
1) Property หรือคุณสมบัตข
ิ อง Object
2) Method หรือ ความสามารถของ
Object
• ตัวอยาง
่
Object รถยนต ์ จะมีคุณสมบัต ิ
เช่น
ยีห
่ ้อ รุน
่ สี เป็ นตน
้
Object รถยนต ์ จะมีความสามารถ เช่น
สตารท ขับ เลีย
้ วซาย/ขวา ถอยหลัง ดับ
คอนโทรล(Control) กับคอมโพเนนต ์
(Component)
• คอนโทรลคือออบเจ็กตที
์ ่ Visual Studio มี
ให้เลือกใช้ เช่น Button, Textbox, Label
เป็ นตน
้
• คอมโพเนนต ์ คือ ออบเจ็กตที
่ องไมเห็
่ น
์ ม
เวลาทีแ
่ อพพลิเคชันทางาน เช่น Timer
• ใน Visual Studio ไดมี
้ การแบงคอนโทรล
่
กับคอมโพเนนตไว
ดเจน
้ างชั
่
์ อย
ส่วนประกอบของโคดใน
C#
้
Block (ขอบเขตคาสั่ ง)
• คือ สั ญลักษณที
่ ะบอกขอบเขตการทางาน
์ จ
ของแตละ
function หรือ procedure
่
• เป็ นส่วนทีบ
่ รรจุคาสั่ งตางๆ
(ตัง้ แต่ 1
่
บรรทัดขึน
้ ไป) หรืออาจจะบรรจุบล็อกยอยๆ
่
ไดอี
้ กหลายบล็อกเช่นกัน
Block (ขอบเขตคาสั่ ง)
{ คาสั่ ง } // ตัวอยางของบล็
อกทีบ
่ รรจุคาสั่ งเพียงบรรทัดเดียว
่
(ในกรณีทม
ี่ ค
ี าสั่ งเพียง 1 บรรทัด ไมจ
{ } ก็ได)้
่ าเป็ นตองมี
้
{
}
{
}
คาสั่ ง 1 ;
คาสั่ ง 2 ; // ตัวอยางบล็
อกทีบ
่ รรจุคาสั่ งหลายบรรทัด
่
คาสั่ ง 3 ;
{
}
คาสั่ ง 1 ; // ตัวอยางบล็
อกทีบ
่ รรจุบล็อกยอย
่
่
คาสั่ ง 2 ;
Semi Colon เครือ
่ งหมายสิ้ นสุดคาสั่ ง
(;)
คือ สั ญลักษณแทนการสิ
้ นสุดคาสั่ งแตละ
่
์
คาสั่ ง (แตละค
าสั่ งจะตองปิ
ดทายด
วย
; ซึง่
่
้
้
้
หมายถึงจบคาสั่ งนั้นๆ) จะไมใช
่ ้ในการปิ ดบล็อก
(ขอบเขตของคาสั่ ง)
เช่น
คาสั่ ง 1;
คาสั่ ง 2;
คาสั่ ง 3;
คาสั่ ง 1; คาสั่ ง 2; คาสั่ ง 3;
Comment (ส่วนอธิบายโคด)
้
คือ การแทรกขอความหรื
อประโยคเพือ
่
้
ทาการอธิบายโค้ดโปรแกรมทีเ่ ราเขียน
ขึน
้ มา โปรแกรมจะไมให
่ ้ความสนใจคาอธิบาย
การแทรกส่วนอธิบายโค้ดมีอยู่ 2 แบบ คือ
// คาอธิบาย (ในกรณีทค
ี่ าอธิบายมีบรรทัด
เดียว)
เช่น // ส่วนคาอธิบาย โปรแกรมจะไมอ
่ านใน
่
ส่วนนี้
// โค้ดส่วนนี้ยงั ไมเสร็
่ จสมบูรณ ์ ควรแกไข
้
Comment (ส่วนอธิบายโคด)
้
/*คาอธิบาย
คาอธิบาย (ในกรณีทค
ี่ าอธิบายมีหลายบรรทัด)
คาอธิบาย*/
เช่น /* โค้ดการทางานของ if คือการ
ตรวจสอบเงือ
่ นไข
ซึง่ ถาเงื
่ นไขเป็ นจริงให้เขามาท
าใน { }
้ อ
้
ของ if แต่
ถาเงื
่ นไขเป็ นเท็จจะไมท
้ อ
่ าคาสั่ งใดๆ */