มีหมู่บ้านพราน (คนล่าสัตว์ในป่า)

Download Report

Transcript มีหมู่บ้านพราน (คนล่าสัตว์ในป่า)

ณ ทางใต้ของเมืองพาราณสี มีหมูบ่ า้ นพราน (คนล่าสัตว์ในป่ า)
ั ่ น้า ผูใ้ หญ่บา้ นของทัง้ สองหมูบ่ า้ น
สองหมูบ่ า้ น ตัง้ อยูค่ นละฝงแม่
เป็ นเพือ่ นรักกัน จึงมักจะข้ามไปมาหาสูก่ นั เสมอ ทัง้ สองสัญญาว่า
ถ้ามีลกู ชายและลูกสาวก็จะให้แต่งงานกัน
แต่ถา้ เป็ นชายทัง้ คู่ หรือหญิงทัง้ คู่
ก็จะให้เป็ นเพือ่ นรักกัน
ต่อมา ผูใ้ หญ่ฝา่ ยหนึ่งมีลกู ชายชื่อว่า “ทุกลู ะ”
ส่วนอีกฝา่ ยมีลกู สาวชื่อว่า “ปาริกา”
เด็กทัง้ สองเป็ นเด็กทีม่ จี ติ ใจดี มีความเมตตากรุณา
เมือ่ เห็นใครทาร้ายหรือรังแกสัตว์
ก็จะรีบเข้าไปห้ามปราม
บิดามารดาของทัง้ สองจาคาสัญญาทีเ่ คยให้ไว้ได้
เมือ่ โตขึน้ จึงให้ทงั ้ สองแต่งงานกันและสอนวิธกี ารล่าสัตว์ให้ทุกลู ะ
เพือ่ ให้เป็ นนายพรานต่อไป
แต่ทงั ้ สองไม่อยากฆ่าสัตว์ หรือเบียดเบียนชีวติ คนอื่น
จึงตัดสินใจออกบวชและเดินทางเข้าปา่ เพือ่ บาเพ็ญศีล
(ประพฤติตนโดยรักษากาย วาจา ใจให้เรียบร้อย)
ฝา่ ยพระอินทร์เห็นว่าทัง้ สองมีใจมุง่ มันอยากออกบวช
่
จึงช่วยเนรมิต
(สร้างขึ้นโดยทันที) อาศรม (ทีอ่ ยู่ของผูบ้ าเพ็บศีล) ให้
อีกทัง้ ยังทรงทราบอีกว่าทัง้ สองจะตาบอด เนื่องจากกรรมเก่าทีเ่ คยทามา
จึงให้ทุกลู ะลูบท้องนางปาริกาสามครัง้
พร้อมตัง้ จิตอธิษฐานขอลูกเพือ่ มาคอยดูแล
ต่อมานางปาริกาก็ตงั ้ ครรภ์ (ท้อง)
นางปาริกาคลอดลูกออกมาเป็ นเด็กผูช้ าย ซึง่ มีผวพรรณสวยงามดังทองค
่
า
จึงตัง้ ชื่อว่า “สุวรรณสาม”
สุวรรณสามเป็ นเด็กทีม่ จี ติ ใจโอบอ้อมอารี มีความเมตตากรุณา และไม่ทาร้าย
สัตว์ทอ่ี ยูใ่ นปา่ ทาให้พวกสัตว์ไม่กลัวและเป็ นเพือ่ นกับสุวรรณสาม
ทัง้ ทุกูละและนางปาริการูต้ วั ว่าจะต้องตาบอด จึงสอนให้สวุ รรณสามรูห้ นทาง
ไปหาอาหารในปา่
วันหนึ่งทุกุละและนางปาริกาออกไปเก็บผลไม้ตามปกติ
แต่ดว้ ยผลกรรมทีพ่ ระอินทร์เคยบอกไว้ ทาให้ทอ้ งฟ้ามืดครึม้ ลมพัดแรง
ทัง้ สองจึงเข้าไปหลบฝนใต้ตน้ ไม้ ใกล้ๆ กันนัน้ มีจอมปลวก
ซึง่ มีงดู ุรา้ ยตัวหนึ่งอาศัยอยู่ งูรา้ ยจึงพ่นพิษใส่ตา ทาให้ทงั ้ สองตาบอดทันที
สุวรรณสามเห็นบิดามารดายังไม่กลับ จึงออกตามหาด้วยความเป็ นห่วง
พบทัง้ สองตามองไม่เห็น นังอยู
่ ใ่ ต้ตน้ ไม้ จึงพากลับมาทีอ่ าศรม
หลังจากนัน้ ทุกวันสุวรรณสามจะไปหาผลไม้มาให้ ตักน้าไว้ให้ใช้ และคอยดูแล
ปรนนิบตั ิ (เอาใจใส่) บิดามารดาเป็ นอย่างดี โดยมีสตั ว์ในปา่ มาห้อมล้อม
และเป็ นเพือ่ นเล่นกับสุวรรณสาม
ทีเ่ มืองพาราณสี มีพระราชาองค์หนึ่งชือ่ ว่า “กปิละ” มีนิสยั ชอบเข้าปา่ ล่าสัตว์
วันหนึ่งพระเจ้ากปิละเข้าปา่ ล่าสัตว์เพียงลาพัง ขณะซุ่มยิงสัตว์ เห็นสุวรรณสาม
กาลังตักน้า โดยมีสตั ว์ต่างๆ รายล้อมอยูไ่ ม่หา่ ง พระเจ้ากปิละเกิดความสงสัย
จึงยิงธนูเข้าใส่สวุ รรณสาม เพือ่ จะให้สลบ (หมดความรู้สึก) พระองค์จะได้เข้าไป
ดูใกล้ๆ แต่ลกู ศรกลับพุง่ เข้าปกั สีขา้ ง (ถัดรักแร้ลงมาถึงเอว) ของสุวรรณสาม
ทาให้สวุ รรณสามล้มลงทันที
แม้สวุ รรณสามจะถูกพระเจ้ากปิละยิง ก็ไม่โกรธเคืองอันใด
ได้แต่ขอร้องให้ชว่ ยดูแลบิดามารดาทีต่ าบอดแทนตน
พระเจ้ากปิละเกิดความละอายใจ จึงรับปากอย่างเต็มใจ
เมือ่ ได้ฟงั ดังนัน้ สุวรรณสามก็หมดห่วงและสิน้ ใจลงทันที
พระเจ้ากปิละไปหาบิดามารดาของสุวรรณสามและเล่าเรือ่ งทัง้ หมดให้ฟงั
ทัง้ สองจึงขอให้พระเจ้ากปิละพาไปหาสุวรรณสาม เมือ่ นางปาริกาคลาลาตัว
สุวรรณสามดู เห็นว่ายังตัวอุน่ อยู่ คิดว่าสุวรรณสามยังไม่ตาย จึงตัง้ จิตอธิษฐาน
ขอให้สวุ รรณสามฟื้นขึน้ มา ด้วยแรงอธิษฐานทาให้สวุ รรณสามฟื้นขึน้ ทันใด
ทุกลู ะและนางปาริกาก็กลับมองเห็นได้อกี ครัง้ สุวรรณสามดีใจมาก
ตัง้ ใจปรนนิบดิ ามารดาเหมือนเดิม ฝา่ ยพระเจ้ากปิละให้สญ
ั ญาว่าจะไม่ฆา่ สัตว์
จนชัวชี
่ วติ