การเขียนบทคัดย่อให้โดนใจ_1apr13

Download Report

Transcript การเขียนบทคัดย่อให้โดนใจ_1apr13

การเขียนบทคัดย่ อให้ โดนใจ
นพ.สมพนธ์ ทัศนิยม
ประธานฝ่ ายวิชาการ R2R สถาบันวิจยั ระบบสาธารณสุ ข
3 เมษายน 2556
ณ โรงแรมเซ็นทารา จ.อุดรธานี
1
ต้ องการโดนใจใคร
กรรมการ
ท่ านทราบหรือยังว่ าใจกรรมการเป็ นอย่ างไร
2
สิ่ งที่ท่านควรทราบและต้ องระลึกถึงเสมอ
ในการส่ งบทคัดย่ อประกวด (ทราบใจกรรมการ)
1. กรรมการแต่ ละท่ าน ต้ องอ่านเป็ นจานวนมาก
2. กรรมการยึดเกณฑ์ การคัดกรองเบือ้ งต้ น
โดยดูว่า “เป็ นงาน R2R หรือไม่ ” 4 ประการ
3. บทคัดย่ อเขียนได้ ตามรูปแบบทีก่ าหนด
4. เนือ้ หาสั้ นกระชับได้ ใจความ และไม่ เกินที่กาหนด
3
เกณฑ์ คดั กรองเบือ้ งต้ น
ดูว่าใช่ งาน R2R หรือไม่
1. โจทย์ วจิ ัย
คาถามวิจัยของงาน R2R ต้ องมาจากงานประจาของท่ าน
เพือ่ เป็ นการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานประจา
2. ผู้ทาวิจัย
ต้ องเป็ นผู้ทางานประจานั้นเอง และ
เป็ นผู้แสดงบทบาทหลัก (key actor) ของการวิจัย
4
เกณฑ์ คดั กรองเบือ้ งต้ น
ดูว่าใช่ งาน R2R หรือไม่
3. ผลลัพธ์ ของการวิจัย
ต้ องวัดทีผ่ ลทีเ่ กิดต่ อตัวผู้ป่วย หรือ
บริการทีม่ ีผลต่ อผู้ป่วยโดยตรง
ไม่ ใช่ วดั ทีต่ ัวชี้วดั ทุตยิ ภูมิเท่ านั้น เช่ น
ระดับสารต่ างๆ ในร่ างกายหรือผลการตรวจพิเศษต่ างๆ
5
เกณฑ์ คดั กรองเบือ้ งต้ น
ดูว่าใช่ งาน R2R หรือไม่
4. การนาผลการวิจัยไปใช้ ประโยชน์
ผลการวิจัยต้ องวนกลับไป
ก่อผลให้ เกิดการเปลีย่ นแปลง
ต่ อการให้ บริการผู้ป่วยโดยตรง หรือ
ต่ อการจัดบริการสาหรับผู้ป่วย
6
รูปแบบทีก่ าหนด
1) ที่มา
2) วัตถุประสงค์
3) ระเบียบวิธีวจิ ัย
4) ผลการศึกษา
5) การนาผลงานวิจัยไปใช้ ประโยชน์ ในงานประจา
6) บทเรียนทีไ่ ด้ รับ
7) ปัจจัยแห่ งความสาเร็จ
8) การสนับสนุนทีไ่ ด้ รับจากผู้บริหารหน่ วยงาน/องค์กร
7
จานวนอักษรบทคัดย่ อ
ที่มา
800 อักษร
วัตถุประสงค์ 200 อักษร
ระเบียบวิธีวจิ ัย 800 อักษร
ผลการศึกษา 800 อักษร
การนาผลงานวิจัยไปใช้ ประโยชน์ ในงานประจา
บทเรียนทีไ่ ด้ รับ
ปัจจัยแห่ งความสาเร็จ
การสนับสนุนทีไ่ ด้ รับจากผู้บริหาร/องค์กร
400 อักษร
400 อักษร
400 อักษร
300 อักษร
8
การเขียนเนือ้ หาของบทคัดย่อ
-นักวิจยั มัก Ignore คาแนะนา
เขียนยาว ไม่ ครบถ้ วน และส่ งช้ า(1)
-หรือเกรงว่ า
กรรมการจะไม่ เข้ าใจ
(1) How to write a paper. Hall GM. 3rd ed, 2003
9
การเขียนบทคัดย่ อ
เขียนแบบมีหัวข้ อ
(structured abstract)
10
ชื่อเรื่อง (Title)
- สั้ น (short)
- ได้ ใจความ (Informative)
- ดึงดูด (Attractive)
- ถูกต้ องตามจริง (Factually Correct)
คาที่ไม่ ควรมี
คาย่ อ (Abbreviation)
คาที่ไม่ ชัดเจน (Dull)
Scientific writing easy when you know how. Peat J, et.al. BMJ Book, 2002.
11
จานวนคาของชื่อเรื่อง
10 – 15 คา หรือ ไม่ เกิน 2 บรรทัด
12
ชื่อคน (Authors)
- ชื่อแรก เป็ นชื่อนักวิจยั หลัก
ที่คดิ /ทาผลงานนี้
และคาดว่ าเป็ นผู้นาเสนอ
- ชื่อหน่ วยงาน
- ทีอ่ ยู่
- อีเมล์
13
1. ที่มา (Background)
1-2 ประโยคที่กล่ าวถึงผลงานในอดีตที่ผ่านมา
ที่เกีย่ วข้ องกับงานวิจยั ของท่ าน
(การทบทวนวรรณกรรม)
ต่ อมากล่ าวถึง
ปัญหาทีม่ ีอยู่ ทีใ่ ห้ เห็นว่ าจาเป็ นต้ องทาวิจยั นี้
14
2. วัตถุประสงค์ (Objectives)
ต้ องการตอบคาถามอะไร
หรือ มีสมมุตฐิ านอะไร
ควรมีประมาณ 1-3 ข้ อ
15
3. ระเบียบวิธีวจิ ัย
รูปแบบการวิจัย (Design)
เชิงคุณภาพ ระบุ: PAR, Indepth Interview,
Focus group discussion
เชิงปริมาณ ระบุ: Case-control, RCT
พืน้ ที่ ที่ทาการศึกษา (Setting)
ระบุพนื้ ที:่ หมู่บ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล หรืออืน่ ๆ
16
ผู้ถูกศึกษา (Participants)
เป็ นใคร
ชาวบ้ าน นักเรียน คนไข้
จานวนกีค่ น แบ่ งเป็ น 2 กลุ่ม ด้ วยวิธีใด
ขนาดตัวอย่ าง คานวณมาด้ วยวิธีใด – ไม่ ต้องเขียนที่นี่
ให้ อะไรลงไป (Intervention)
ชาวบ้ าน
ให้ ความรู้ในเรื่องต่ างๆ
นักเรียน
ให้ ช่วยจับลูกนา้ ให้ อย่ างไร
คนไข้
ให้ ยา ยาอะไร ขนาดเท่ าไหร่ ให้ อย่ างไร
17
การวัดผล (Outcome measures)
- วัดผลอะไร
ชาวบ้ านวัดความรู้ ก่อนหลัง
นักเรียนดูฟันผุ ก่อนหลัง
- วิธีวดั
ชาวบ้ านใช้ แบบสอบถาม
นักเรียนตรวจฟัน นับจานวนฟันผุ ฟันอุด (DMF)
สถิติ (statistical method)
- ร้ อยละ เปอร์ เซนต์
- การเปรียบเทียบ ใช้ T-test Chi-square test
- Significance ตั้งไว้ ที่ P<0.05
18
4. ผลการศึกษา
- ควรนาเสนอผลที่สาคัญเพียง 2-3 เรื่อง
- ควรระบุเปอร์ เซนต์ ของการเปลีย่ นแปลง
- ตามด้ วยนัยสาคัญทางสถิติ
- ไม่ ควรมีตาราง หรือรู ปภาพ
19
5. การนาผลงานวิจัยไปใช้ ประโยชน์
ระดับที่ 0 เพิง่ ทาวิจัยเสร็จ
ระดับที่ 1 ได้ นาไปใช้ ในหน่ วยงานตนเองแล้ว
ระดับที่ 2 ได้ นาไปใช้ ในหน่ วยงานตนเองและหน่ วยงานอืน่ ๆ ในองค์ กรแล้ว
ระดับที่ 3 ได้ นาไปใช้ ได้ หลายแห่ งในจังหวัดเดียวกันแล้ว
ระดับที่ 4 ได้ นาไปใช้ ท้งั จังหวัดแล้ว
ระดับที่ 5 ได้ นาไปใช้ หลายจังหวัด หรือทั้งภูมิภาค หรือทัว่ ประเทศแล้ว
20
6. บทเรียนที่ได้ รับ
- ท่ านคิดว่ าท่ านได้ เรียนรู้ อะไรเพิม่ ขึน้
- สภาพปัญหาของงาน
- วิธีการแก้ ปัญหา ต้ องอาศัยอะไรบ้ าง
- การยอมรับความเห็นผู้อนื่
- การมีส่วนร่ วม
- การมีมนุษยสั มพันธ์
- วิธีการประสานงาน
- การสร้ างความตระหนัก
21
7. ปัจจัยแห่ งความสาเร็จ
เกิดขึน้ จากส่ วนใดบ้ าง
3.1 จากตัวเอง มีความคิดอยากแก้
มีเวลาให้
มีความสามารถในการประสาน
3.2 จากผู้ร่วมงาน ให้ ความร่ วมมือ
22
8. การสนับสนุนทีไ่ ด้ รับจากผู้บริหารหน่ วยงาน/องค์ กร
- มีนโยบาย
- มีการให้ ขวัญ กาลังใจ
- มีการจัดสรรเวลา งบ
- มีการสนับสนุนให้ ไปประชุม
- มีการให้ รางวัล ให้ โบนัสพิเศษ(2 ขั้น)
23
24