Transcript ดูงาน
การวิวฒ
ั นาการของมนุษย์
ความหมายการวิวฒ
ั นาการ
การเปลีย่ นแปลงจากสภาพหนึง่ ไปสู่ อ ีก สภาพหนึง่ ในลัก ษณะจองการค่ อ ยเป็ น ค่ อ ยไป
ตามลาดับขึ้นโดยอาศัยระยะเวลาอันยาวนาน วิวฒ
ั นาการของสิง่ มีชวี ติ จึงหมายถึงการเปลีย่ นแปลงทีละ
น้อยจากสิง่ มีชวี ติ ดัง้ เดิมสืบต่อกันมาจนกลายเป็ นสิง่ มีชวี ติ ในปัจจุบนั ทีแ่ ตกต่างจากสิง่ มีชวี ติ ดัง้ เดิมอัน
เป็ นผลจากพันธุกรรมและสิง่ แวดล้อม
ดอบซานสกี (Dobzhansky) นักพันธุศาสตร์ และวิวฒ
ั นาการชาวรัสเซีย ได้ กล่าวไว้
ดังนี้ “วิวฒ
ั นาการของสิง่ มีชวี ติ คือกระบวนการเปลีย่ นแปลงส่วนประกอบของพันธุ กรรมของประชากรที่
เกิดขึน้ ต่อเนือ่ งกัน โดยการเปลีย่ นแปลงนีอ้ าจเกิดขึน้ เพียงบางส่วนหรือทัง้ หมดอันเป็ นผล มาจากปฏิกริ ยิ า
ทีส่ งิ่ มีชวี ติ มีการปรับตัวให้เหมาะสมกับสิง่ แวดล้อม กระบวนการนีเ้ มือ่ เกิดขึน้ แล้วจะไม่มกี าย้อนกลับเป็ นอย่าง
เดิมอีก”
ความหมายการวิวฒ
ั นาการ
เป็ นกระบวนการเปลีย่ นแปลง พัฒนาหรือวิวฒ
ั นาการ ทีท่ าให้สงิ่ มีชวี ติ (สัตว์เลีย้ งลูกด้วยนมประเภทลิงใหญ่ Ape) มีการเปลีย่ นแปลงสายพันธุ์ กลายเป็ นสปี ชสี ์ใหม่ จนในทีส่ ุดพัฒนาไปเป็ นมนุษย์ ปจั จุบนั วิวฒ
ั นาการของมนุษย์เป็ น
ส่วนหนึง่ ของวิชาชีววิทยา เป็ นสาขาวิชาทีท่ าการสืบค้ นอย่ างเป็ นวิทยาศาสตร์ เพือ่ ทาความเข้า ใจและอธิบาย ว่ า การ
เปลีย่ นแปลง และพัฒนาจากลิงใหญ่กลายเป็ นมนุษย์นเ้ ี กิดขึน้ ได้อย่างไร
การศึก ษาวิว ฒ
ั นาการของมนุ ษ ย์ รวบรวมวิท ยาศาสตร์ เ ข้า ไว้ ห ลายแขนง ทีเ่ ด่ น ชัด ก็คอื มานุ ษยวิท ยา
กายภาพ (physical anthropology) และพันธุศาสตร์ (genetics)
คาว่า 'มนุษย์' ในบริบทของการวิวฒ
ั นาการของมนุษย์ หมายถึง จีนสั โฮโม (Homo) แต่การศึกษา
วิวฒ
ั นาการมนุษย์กม็ กั จะรวมสมาชิกตระกูลมนุษย์ เรียกว่า โฮมินดิ (hominid) (Family Hominidae)
อย่าง australopithecines เข้าไปด้วย
ชาร์ลส์ ดาวิน
ชาวอังกฤษ ธรรมชาติวทิ ยา ผู ศ้ กึ ษาเรือ่ งราวของสิง่ แวดล้อมและธรรมชาติ
ทุกอย่างทีอ่ ยู่ใกล้มนุษย์และเป็ นผู บ้ ุกเบิกในการเดินทางรอบโลกเพือ่ สารวจด้านนิเวศวิทยา ผู ้
พิสูจน์ว่ามนุษย์มาจากลิง ซึง่ เมือ่ ก่อนจะเชือ่ กันว่าพระเจ้าสร้างโลกและเป็ นผู ส้ ร้างมนุษย์ด้วย
แต่ กลับมีฝรัง่ อีกคนยืนยันว่ า มนุษย์มวี วิ ฒ
ั นาการมาจากพืชและสัตว์ จนกลายร่ างมาเป็ น
มนุษย์ สัตว์ทมี่ ลี กั ษณะใกล้เคียงมนุษย์มากทีส่ ุ ดคือ ลิง ลิงซิมแปนซีทไี่ ม่มหี าง แต่มหี น้าตา
ท่าทาง ความเป็ นอยู่คล้ายมนุษย์ทุกอย่าง เช่น ดีใจ เสียใจ รักหรือโกรธ ทัง้ นี้กเ็ ป็ นผลมา
จากการทีเ่ ขาได้เดินทางไปสารวจมนุษย์และสัตว์มารอบโลกเป็ นเวลากว่า 6 ปี
หลังจากจบการศึกษาพอดีกบั รัฐบาลได้ส่งคนออกสารวจโลกด้านธรรมชาติ
วิทยา ชาร์ ล ดาวิน ได้ร่วมออกเดินทางด้วยเป็ นเวลากว่า 5 ปี เศษ เรือเดินทางไปอเมริกา
ใต้อ้อมแหลมออกมหาสมุทรแปซิฟิกไปสุมาตรา อ้อมแหลมกู๊ดโฮปกลับไปอังกฤษ ระหว่างการ
เดินทางเขาได้ พบทัง้ คน สัตว์ และพืชนานาชนิด เขาวาดภาพ และเก็บตัวอย่ างกลับมา
อังกฤษมากมาย จนเขาเชือ่ โดยมีหลักฐานยืนยันว่ าสัตว์ และพืชมีต้นกาเนิดมาจากแหล่ง
เดียวกันและคนมีววิ ฒ
ั นาการมาจากลิง
ก่อนจะมาเป็ นมนุษย์
จากการศึกษาซากดึกดาบรรพ์ (fossil)
ของสิง่ มีชวี ติ แรกทีส่ ุ ดจนถึงยุ คปัจจุ บ นั ทาให้
นักวิทยาศาสตร์ สรุปได้ว่ามนุษย์ได้ววิ ฒ
ั นาการมาจากไพรเมต (Primate คือสัตว์เลีย้ งลูกด้ วยน้านมชัน้ สูงมี
รูปร่ างคล้ายลิง) เมือ่ ประมาณ 60 ล้านปี มาแล้ว ไพรเมตเป็ นสัตว์ทมี่ ี 5 นิว้ ส่วนใหญ่ดารงชีวติ และหากินอยู่บนต้นไม้
โดยอาศัยนิว้ มือนิว้ เท้าทีค่ ่อนข้างยาวเกาะกิง่ ไม้
ต่อมาจึงวิวฒ
ั นาการมาเป็ นไดรโอพิทธีคสั (Dryopithecus คือบรรพบุรุษร่ วมกันระหว่างมนุษย์
กับ ลิง ) เมื่อ ประมาณ 12 - 28 ล้ า นปี ที่ผ่ า นมา หลัง จากนัน้ วิว ฒ
ั นาการต่ อ มาเป็ นรามาพิท ธี ค ัส
(Ramapithecus) เมือ่ ประมาณ 12 - 14 ล้านปี ก่อนปัจจุบนั จากรามาพิทธีคสั จึงได้ววิ ฒ
ั นาการ
ต่ อมาเป็ นออสตราโลพิทธีคสั (Australopithecus) และโฮโม ฮาบิลสิ (Homo Habilis
หมายถึงมนุษย์ผูถ้ นัดใช้มอื ) เมือ่ ประมาณ 4 - 5 ล้านปี มาแล้ว จากหลักฐานพบว่าออสตราโลพิทธีคสั และโฮโม ฮาบิ
ลิส กาเนิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเดียวกัน แต่ โฮโม ฮาบิลสิ ได้สูญพันธุ์ ไปก่อน นักวิทยาศาสตร์ จ งึ มีความเห็นว่า ออสต
ราโลพิทธีคสั คือบรรพบุรุษของโฮมินดิ (Hominid คือ สัตว์ในตระกูลมนุษย์) ในช่วงเวลาต่อมา นัน่ ก็คอื เป็ น
บรรพบุรุษของโฮโม อีเรคตัส (Homo Erectus หมายถึงมนุษย์ตวั ตรง) ซึง่ มีชวี ติ อยู่บนโลกเมือ่ ประมาณ
1,500,000 - 300,000 ปี มาแล้ว จากโฮโม อีเรคตัสได้ววิ ฒ
ั นาการต่ อมาเป็ น โฮโม ซาเพียน (Homo
sapien) ซึง่ เป็ นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์ปจั จุบนั
ก่อนจะมาเป็ นมนุษย์
เริม่ ต้น
70 ล้านปี แห่งห้วงเวลาของการกาเนิด
วิวฒ
ั นาการของมนุษย์ จากสายพันธุ์ ซ งึ่ เคยเป็ นลิง
ไม่มหี าง เดินหลังค่อม มีขนเต็มตัว ค่อยๆพัฒนามา
เป็ น การเดิน ล าตัว ตรง ขนตามตัว ลดน้อ ยลง มี
มัน สมองใหญ่ ข้ ึน โดยมีข นั้ ตอนในการพัฒ นา
ตามลาดับ
โปรคอนซูล เป็ นลิงไม่มหี าง หนึง่ ในสาย
พัน ธุ์ ข องมนุ ษ ย์ อาศัย อยู่ ใ นบริ เ วณแอฟริ ก า
ตะวันออก เมือ่ ประมาณ 20-25 ล้านปี มาแล้ว มี
มันสมองขนาดเล็ก แต่สามารถยืน ลาตัวตัง้ ตรงได้
แล้ว
เริม่ ต้น
ออสตราโลพิธคี สั
เป็ นสายพัน ธุ์ บรรพบุ รุ ษ มนุ ย์ ที่
พัฒนาขึ้นจนสามารถวิง่ ลาตัวตัง้ ตรงได้ ขน
ตามลาตัวน้อยลง มีความคล้ายคลึงมนุ ษย์ใน
ปัจจุบนั มาก สามารถผลิตเครือ่ งมือทีท่ าจาก
หิน ในการล่าสัตว์ได้แล้ว มีอายุอยู่ ระหว่าง 5
ล้านถึง 2 ล้านปี มาแล้ว
โฮโมอีเร็คตัส (มนุษย์ชวา ทางซ้าย)
เคยอาศัยอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
และอัฟริกาตะวันออก เมือ่ 1.5 ล้านปี มาแล้ว
มีความเป็ นมนุ ษย์เต็มตัวแล้ว ใบหน้า ตัง้ ตรง
เหมือ นมนุ ษ ย์ ใ นปัจ จุ บ นั และโฮโม แซเปี ย นส์
(ทางขวา) เคยอาศัยอยู่ในยุโรป และตะวันออก
กลาง มีอายุเมือ่ 250,000 ปี มาแล้ว
HOMO SAPIENS
จุดเริม่ ต้นของโฮโม ซาเพียน ซึง่ วิวฒ
ั นาการมาจาก โฮโม อีเรคตัส
เกิด ขึ้น มาบนโลกนี้ เมือ่ ประมาณ 300,000 ปี ม าแล้ว โครง
กระดูกของ โฮโม ซาเพียน ในยุคแรกๆ พบทัง้ ในบริเวณทวีปยุโรปและ
ทวีป แอฟริก า แต่ ใ นระยะหลัง ๆ ค้ นพบในบริเ วณต่ า งๆ ทัว่ โลก
(ยกเว้นทวีปอเมริกา)ฃ
โฮโม ซาเพียน ยุคเก่ามีลกั ษณะแตกต่างจาก โฮโม ซา
เพียน ยุ คใหม่ โฮโม ซาเพียน ยุ ค เก่ าจะมีลกั ษณะเชือ่ มต่ อระหว่ างโฮโม
อีเรคตัส กับ โฮโม ซาเพียน ส่วนโฮโม ซาเพียน ยุคใหม่ ซึง่ เกิดขึน้ มาเมือ่
ประมาณ 50,000 ปี มาแล้ว มีรูปร่ างเหมือนมนุษย์ปจั จุบนั โฮโม ซา
เพียนยุคใหม่ทมี่ รี ูปร่ างเหมือนมนุษย์ยุคปัจจุบนั ได้แก่มนุษย์โคร-มายอง
ซึง่ นักวิทยาศาสตร์ ได้พบโครงกระดูกของมนุษย์พวกนี้หลายโครงกระดูก
ด้ ว ยกัน ในบริเ วณถ้ า ที่โ คร-มายอง ประเทศฝรัง่ เศส โดยทัว่ ๆ ไป
นักวิทยาศาสตร์ส่วนมากมีความโน้มเอียงเชือ่ ว่ามนุษย์โคร-มายอง เป็ น
บรรพบุรุษทีแ่ ท้จริงของมนุษย์แบบปัจจุบนั
มนุษย์นแี อนเดอธัส
อาศัย อยู่ ในยุ โ รปและ ตะวัน ออกกลาง เมื่อ
ประมาณหนึง่ แสนปี ถงึ สามหมืน่ ห้าพันปี มาแล้ว ยืนตัวตรง
อาศัยอยู่ตามถ้า ล่าสัตว์เป็ นอาหาร เป็ นช่ วงเวลาทีเ่ ป็ นยุค
น้าแข็งของโลก น้าทะเลลดระดับต่ าลงมาก จึงมีถ้ามากมาย
ให้ใช้เป็ นทีอ่ ยู่อาศัย
มนุษย์โคมันยอง
เป็ นพวกนีแอนเดอธัส ทีส่ บื สายพันธุ์ บรรพ
บุรุษมนุษย์ต่อมา ถือว่าเป็ นต้นตระกูลของพวกคอเคซอยด์
รุ่นแรก มีกระโหลกศีรษะโค้งมนมากขึ้น ขากรรไกรหดสัน้
แก้มนูนเด่นชัด นิยมล่าสัตว์และนุ่งห่มด้วยขนสัตว์ มีอายุอยู่
ในช่วง 3 หมืน่ ถึง 4 หมืน่ ปี มาแล้ว
โครมายอง
จากหลักฐานต่ างๆ พบว่าทีอ่ ยู่อาศัยของมนุ ษย์ โคร-มายองส่วนใหญ่ คือบริเวณถ้ า และกระท่อม
หรือทีพ่ กั ทีท่ าด้วยหิน มนุษย์โคร-มายอง รู้จกั การล่าสัตว์ เช่น กวาง ม้าป่ า รู้จกั สร้ างเครือ่ งมือและ
อาวุธทีท่ าด้วยหิน กระดูก และเขากวาง รู้จกั การสร้างงานด้านศิลปะ มีการแกะสลักภาพบนแผ่นหินและกระดูก
สัตว์ งานศิลปะของมนุษย์ โคร-มายอง มีคุณภาพสู งมากจนเป็ นทีน่ ่าประหลาดใจ ผลงานทางด้านศิลปะ
ของมนุ ษย์โคร-มายอง ได้รบั การยกย่องว่าเป็ นศิลปกรรมชิ้นแรกของมนุ ษย์ จากหลักฐานต่ างๆ ทีพ่ บ
นักวิทยาศาสตร์ สรุปว่ามนุษย์โคร-มายอง มีความก้าวหน้ากว่ามนุษย์สมัยก่อนประวัต ิศาสตร์ พวกอืน่ ๆ ที่
กล่าวมาแล้ว
เรือ่ งราวเกีย่ วกับวิวฒ
ั นาการของมนุษย์มใิ ช่เรือ่ งทีจ่ ะศึกษาให้ได้ความจริงทีง่ ่ายๆ เพราะเป็ นเรือ่ งของ
อดีตอันยาวนานมาก แม้จะศึกษาจากซากดึกดาบรรพ์หรือซากกลายเป็ นหินของมนุษย์ ก็ยากที่จะค้นพบ และ
สิง่ ทีค่ ้นพบก็มใิ ช่จะอยู่ในสภาพทีจ่ ะวิเคราะห์เพือ่ หาความเป็ นมาทีถ่ ูกต้องได้ง่ ายๆ อย่างไรก็ตามนักวิชาการ
ต่างๆ ก็ให้ความสนใจในการศึกษาเรือ่ งนี้มาโดยตลอด ได้มกี ารขุดค้นซากดึกดาบรรพ์ของมนุษย์ในท้องที่
ต่างๆ มีการนามาศึกษาเรียงลาดับวิวฒ
ั นาการของมนุษย์ ซึง่ คาดว่าในอนาคตจะได้พบหลักฐานทีส่ มบูรณ์
ขึน้ และได้เรือ่ งราวทีน่ ่าเชือ่ ถือได้มากขึน้
มนุษย์ในวันนี้
สาหรับมนุษย์ในปัจจุบนั นัน้ นักมนุษยวิทยาพบว่า มีลกั ษณะพิเศษทีแ่ ตกต่างจากมนุษย์ในอดีตอยู่
หลายประการ คือ
1.ยืนตัวตรง เคลือ่ นทีด่ ้วยขา 2 ขา ช่วงขายาวกว่าช่วงแขน
2.หัวแม่มอื สัน้ และงอ พับเข้ามาทีอ่ ุ ้งมือได้ สามารถงอนิว้ ทัง้ 4 ได้ จึงใช้จบั ดึง ขว้าง ทุบ
ฉีก แกะ และทากิจกรรมต่างๆได้ รวมทัง้ การออกแบประดิษฐ์เครือ่ งมือ เครือ่ งใช้ได้
3.กระดูกคอต่อจากใต้ฐานหัวกะโหลก กระดูกสันหลังโค้งเล็กน้อย เป็ นรูปตัว เอสและสมอง
มีขนาดใหญ่เมือ่ เทียบกับร่ างกาย หน้าสัน้ แบน หน้าผากค่อนข้างตัง้ ตรงขากรรไกรสัน้
4.กระดูกสะโพกกว้าง ใหญ่และแบนให้กล้ามเนือ้ เกาะเพือ่ ให้ลาตัวตัง้ ตรงเท้าแบนร่ างกายไม่
ค่อยมีขนแนวฟั นโค้งเกือบเป็ นรูปครึง่ วงกลม
การศึกษาค้นคว้าเปรียบเทียบซากดึกดาบรรพ์ของมนุษย์ในอดีต นอกจากทาให้นกั มนุษยวิทยาทราบความเป็ นมา ของบรรพ
รุษมนุษย์ในอดีตแล้ว ยังทาให้สามารถอธิบายถึงความเป็ นอยู่ และการดาลงชีวติ ของมนุษย์ในแต่ละยุคได้อกี ด้วย คือ
1. การอยู่เยีย่ งเดรัจฉาน ( savagery ) เป็ นยุดทีม่ นุษย์เพศชายยังทาหน้าทีล่ า่ สัตว์และแสวงหา พืช ผัก ผลไม้เป็ นอาหารตามธรรมชาติ แบ่ง
ออกเป็ น 3 ระยะ
1.1 ระยะก่อนรู้จกั ใช้ไฟและภาษา ตรงกับยุดหินเช่นเก่า ( Eolithic ) พบในมนุษย์พวก Homo habilis
1.2 ระยะรู้จกั ใช้ไฟและภาษา ตรงกับเก่าเช่นกัน มนุษย์พวกนีร้ ู้จกั ใช้ถ้าเป็ นทีอ่ ยู่ อาศัย ได้แก่ พวก
มนุษย์ Homo erectus ซึง่ ก็คอื มนุษย์ชวาและมนุษย์ปกั กิง่ นัน้ เอง
1.3 ระยะรู้จกั ประดิษฐ์ธนูและลูกศร ตรงกับยุดหินกลาง มนุษย์พวกนีร้ ู้จกั การใช้หนังสัตว์เป็ นเครือ่ งนุง่ ห่มได้แก่ มนุษย์โฮโมเซเปี ยน
2. การอยู่อย่างป่าเถือ่ น(Babarism)เป็ นบยุคทีม่ นุษย์รู้จกั การใช้โลหะทาเครือ่ งมือ ทาการเกษตรกรรม ทอผ้า สังคมในยุคนีม้ รี ะบบทาส เพศชายมี
ภรรยาได้หลายคน และทาหน้าทีป่ กครอง ส่วนเพศหญิงทาหน้าทีเ่ ป็ นแม่บา้ นแบ่งเป็ น 3 ระยะคือ
2.1ระยะแรกประมาณ 12000 ปี มาแล้ว ยุคนีม้ นุษย์รู้จกั การปลูกบ้านสร้างเรือนเพือ่ อยู่อาศัย รู้จกั ใช้ขวานมีด้ามและใช้เครือ่ งปัน้ ดินเผา
2.2ระยะกลางประมาณ 10000 ปี มาแล้วมนุษย์ยุคนีร้ ู้จกั การเลีย้ งสัตง์การเกษตรกรรมรู้จกั ใช้สตั ว์ช่วยในการไถนาหรือบรรทุกสิง่ ของ
2.3ระยะหลังประมาณ 7000ปี มาแล้ว มนุษย์รู้จกั ใช้โลหะทาอาวุ ธหรือเครือ่ งมือเครือ่ งใช้ต่างๆ
3. การอยู่อย่างมีอารยธรรม(Civilization)เป็ นยุคทีม่ นุษย์รู้จกั การประดิษฐ์เครือ่ งทุ่นแรง มีการใช้ตวั อักษรในการสือ่ ความหมาย สังคมเปลีย่ นจาก
เกษตรกรรมเป็ นอุ ตสาหกรรม
ผลจากการวิวฒ
ั นาการในยช่วงเวลายาวนาน ทาให้มนุษย์ในปัจจุบนั มีรูปร่ างหน้าตาแตกต่างกันไปหลายแบบ ทัง้ ในแง่ของเส้นผม
รูปร่าง ใบหน้า ความสูง รูปทรงศีรษะ หรือแม้กระทัง่ สีผวิ ทัง้ ๆทีต่ ่ างก็เป็ นสปี ชสี ์เดียวกัน มานุษยวิทยามีความเชือ่ ว่าในอดีตนัน้ มนุษย์มผี วิ สีเข้ม
เพียงสีเดียวเนือ่ งจากไม่มขี นหนาๆปกคลุมร่างกายเหมือนไพรเมตอืน่ ๆ จึงต้องมีผวิ สีเข้ม เพือ่ ป้ องกันอันตรายจากรังสีอลั ตราไวโอเลตจากดวง
อาทิตย์ ต่อมาเมือ่ มนุษย์มรการกระจายพันธ์ ไปยังบริเวณต่ างๆทัว่ โลกโดยเฉพาะในบริเวณทีม่ สี ภาพภูมอิ ากาศอบอุ่ นหรือเขตหนาวซึง่ ได้รบั
แสงอาทิตย์นอ้ ยกว่าเขตร้อนมากมนุษย์จงึ มีการปรับตัวทีล่ ะน้อยๆกลายเป็ นมนุษย์ทมี่ สี ผี วิ แตกต่างกัน
มนุ ษย์เชื้อชาติคอเคซอยด์ กระจายแพร่ หลายในยุ โรป
อเมริก าเหนือ -ใต้ มีรู ป ร่ า งสู ง ใหญ่ ผิว ขาว ขนตาม
ล าตัว สีน้ า ตาล ผมสีท อง ริม ฝี ปากบาง จมู ก โด่ ง
นัยน์ตาสีน้ าเงิน หรือฟ้า มีเชื้อชาติย่ อยเป็ น พวกนอร์
ดิก เซลติค อามาเนีย และออสเตรเลียน
มนุษย์เชื้อชาติมองโกลอยด์ กระจัดกระจายอยู่ ในเอเซีย
มีชาติย่อยๆ เช่น เอสกิโม อินเดียนในอเมริกาเหนือกลาง มีผวิ เหลือง รูปร่างสันทัด ผมสีดา ตาสีน้าตาล
จมูกไม่โด่งนัก รูปหน้ากลม ริมฝี ปากบาง
มนุษย์เชือ้ ชาติออสตราลอยด์
มนุษย์เชือ้ ชาตินกิ รอยด์
เป็ น ชาวพื้น เมือ งในทวีป ออสเตรเลีย และบริเ วณเกาะ
กระจัดกระจายอยู่ในอัฟริกา และมีชาติย่อยในปาปัวนิวกิน ี ใกล้เคียง ผิวดา ผมหยิก ริมฝี ปากหนา รูปร่ างสันทัด
และเมลานิเซียน มีผวิ สีดาหรือน้าตาลเข้ม ผมดาหยิกขอด ใบหน้ารูปไข่
ริมฝี ปากหนา รูปร่างสันทัด และสูงใหญ่ในบางกลุ่ม
มนุษย์เชือ้ ชาติโพลีเนเซียน
เชื้อ ชาติท แี่ พร่ ก ระจายอยู่ ต ามเกาะของ
มหาสมุ ทรแปซิฟิคตอนกลาง และตอนใต้ มีรูปร่ าง
สันทัด ผิวสีน้าตาล ผมหยักศก
บรรณานุกรม
หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พน้ ื ฐานและเพิม่ เติม ชีววิทยา เล่ม 5
http://www.baanjomyut.com/library/human_evolution/page2.html
http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/04/X10459854/X
10459854.html
http://www.thaigoodview.com/node/18277?page=0%2C2
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=072012&date=21&group=158&gblog=42
http://www3.pantown.com/data/21821/board4/7520070829130301.jp
g
http://www.geocities.com/anek04/evolution/image/human1.jpg
http://www.baanjomyut.com/library/human_evolution/index.html
http://eco-town.dpim.go.th/webdatas/HighMoon/03garbagekind.jpg
ผู จ้ ดั ทา
1.นายชิตพ
ิ ฒั ธร์
ขันทอง
2.นางสาวนภสร
ศิรริ ตั นภิญโญ
3.นางสาวธนพร
ไชยฤทธิ์
4.นางสาวศศิธร
ทาจิตร
5.นางสาวณัฐกฤตา ปากคลอง
ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท ี่ 6/6
เลขที่ 10ข
เลขที่ 16ข
เลขที่ 19ข
เลขที่ 20ข
เลขที่ 21ข