Transcript เลขควอนตัม
เลขควอนตม ั (Quantum Number) เลขควอนตัมสปิ น เลขควอนตัมหลัก เลขควอนตัมแม่เหล เลขควอนตัมโมเมนตัมเชิงมุม 1 เลขควอนตัม (Quantum Numbers) จากการแก ้สมการคลืน ่ ของโชรดิงเจอร์ พบว่า มีเลขจานวนเต็มทีเ่ กีย ่ วข ้อง 4 ค่า เรียกว่า เลขควอนตัม(Quantum number) คือ n, l, ml , ms 1. เลขควอนตัมหลัก (n) (Principle quantum number) เลขจานวนเต็มบวก มีคา ่ 1,2,3… บอกถึงระดับพลังงานหลัก ## ถ้า n มีคา ่ มาก แสดงว่าอิเล็กตรอน อยู ่ห่างนิ วเคลียสมากและมีพลังงานมาก 2 เลขควอนตัม 2. เลขควอนตัมออร ์บิทล ั (l) หรือ เลข ควอนตัมโมเมนตัมเชงิ มุม (Angular momentum quantum number) บอกรูปร่างของออร์บท ิ ล ั ที่ e- อยู่ ระดับพลังงานย่อยในระดับพลังงานหลัก ค่า l เป็ นเลขจานวนเต็ม ขึน ้ กับค่า n l มีคา ่ ตัง้ แต่ 0,1,2… , n-1 มีทง ั ้ หมด n ค่า - มี n = 3 ่ ถเช น e คา่ l อ่ =นที 0,1,2 ้าค่า l สูงแสดงว่าอิเล็กจะมี ตรอนเคลื ด ่ ้วยโมเมนตัม เชงิ มุมสูงและมีพลังงานสูงค่า l บอกให ้ทราบถึงระดับ พลังงานย่อยของอิเล็กตรอนและบอกให ้ทราบถึงรูปร่างของ ออร์บท ิ ัลทีบ ่ รรจุอเิ ล็กตรอนตัวนัน ้ 3 เลขควอนตัม ื่ เลขควอนตัม l การเรียกชอ =0 เรียก s orbital l=1 ,, p orbital l=2 ,, d orbital l=3 ,, f orbital l=4 ,, g orbital (ยังไม่พบธาตุทม ี่ ี อิเล็กตรอนในออร์บต ิ อลนี)้ l 4 เลขควอนตัม 3. เลขควอนตัมแม่เหล็ก (ml) Magnetic quantum number แสดงทิศทางการจัดตัวของ ออร์บท ิ ัล บอกจานวน ออร์บท ิ ัล ในระดับพลังงานหลัก ค่า ml เป็ นเลขจานวนต็ม ขึน ้ กับค่า l ml มีคา ่ ระหว่าง l ถึง – l รวม 2l + 1 ค่า • l = 0 , ml = 0 • l = 1 , ml = 0, +1, -1 • l = 2 , ml = 0, +1, +2, -1, -2 • l = 3 , ml = 0, +1, +2,+3, -1, -2,-3 5 ้ ับค่า l โดยจะมีคา ml ขึนก ่ ระหว่าง l แ l = 0 (s) ml มีได้ 1 ค่า คือ 0 l = 1 (p) ml มีได้ (2 x 1) + 1 = 3 ค่า ค l = 2 (d) ml มีได้ (2 x 2) + 1 = 5 ค่า ค 0,-1, -2 l = 3 (f) ml มีได้ (2 x 3) + 1 = 7 ค่า ค 0,-1, -2,-3 6 เลขควอนตัม อิเล็กตรอนทีม ่ ค ี า่ l เดียวกัน แต่มค ี า่ ml ต่างกันเมือ ่ เคลือ ่ นทีใ่ นอะตอม จะมีโมเมนตัม เชงิ มุมเท่ากัน เมือ ่ อยูใ่ นสนามแม่เหล็กหรือสนามไฟฟ้ าทิศ ทางการเรียงตัวของ ออร์บท ิ ัล ต่างกัน จะมี ปฏิกริ ย ิ ากับสนามต่างกัน ทาให ้ระดับ พลังงานไม่เท่ากัสนามแม่ น m = +1 เหล็ก l ระดับพลังงาน ml= 0 ml= -1 l=1, ml= -1, 0, +1 7 เลขควอนตัม 4. เลขควอนตัมสปิ น , quantum number) ms (Spin เป็ นตัวเลขบอกทิศทางการหมุนรอบ ตัวเองของ eมีคา่ + ½ , - ½ • ms = +½ • ms = -½ e- อยูใ่ นสภาพ สปิ นขึน ้ e- อยูใ่ นสภาพ สปิ นลง 8 Atomic Orbital คืออะไร ออร์บท ิ ัลคือทีอ ่ ยูข ่ องอิเล็กตรอน* หรือ บริเวณทีม ่ โี อกาสพบอิเล็กตรอน ออร์บท ิ ัลมีได ้หลายแบบ แตกต่างกันที่ รูปร่าง ระดับพลังงาน ขนาด ทิศทาง ชนิดของออร์บท ิ ัลกาหนดโดยเลขควอนตัม (n, l, ml) แต่ละออร์บท ิ ัลสามารถมีอเิ ล็กตรอนได ้มาก ทีส ่ ด ุ สองตัว (อาจไม่มเี ลยก็ได ้) อิเล็กตรอนทีอ ่ ยูใ่ นออร์บท ิ ัลเดียวกัน ้ สามารถระบุโดยใชเลขควอนตั มสปิ น (ms) 9 รู ปร่างของออร ์บิทล ั -- s orbitals 1. s-orbital (l = 0; ml = 0) รูปร่างของออร์บท ิ ัลเป็ นทรงกลม ค่า n เพิม ่ ขนาดออร์บท ิ ล ั เพิม ่ ขนาด 1s 2s 3s 4s … 1s 2s 1s 2s 10 รู ปร่างของออร ์บิทล ั -- p orbitals 2. p-orbital (l = 1; ml = +1, 0, -1) ลักษณะเป็ นรูปดัมเบลหรือ lobe 2 lobe p-orbital มี 3 ออร์บท ิ ัล px, py, pz ค่า n เพิม ่ ขนาดออร์บท ิ ัลเพิม ่ ml = -1 (px) z ml = +1 (pz) ml = 0 (py) x 11 รู ปร่างของออร ์บิทล ั -- d orbitals 3. d- orbital (l = 2; ml = +2,+1, 0,1,-2) ลักษณะเป็ นรูปดัมเบลคู่ หรือ lobe 4 lobe lobe อยูร่ ะหว่างแกน xy, xz, yz เรียกว่า dxy, d xz, dyz orbital lobe อยูบ ่ นแกน xy เรียกว่า dx2 -y2 orbital lobe อยูบ ่ นแกน z เรียกว่า dz2 orbital dz2 dxy, dxz, dyz, dx2-y2 12 รู ปร่างของออร ์บิทล ั -- d orbitals รูปร่างของ d-orbital 13 รู ปร่างของออร ์บิทล ั -- f orbitals 14 การหาโครงแบบ e- (Electronic configuration) 1. หลักของเพาลี (Pauli exclusion principle) “ไม่ม ี e- คูห ่ นึง่ คูใ่ ดในอะตอมเดียวกัน ทีม ่ เี ลขควอนตัมทัง้ ส ี่ เหมือนกันทุก ประการ” แต่ละ orbital มี e- ได ้มากทีส ่ ด ุ 2 ตัวซงึ่ จาเป็ นต ้องมีคา่ ms ต่างกัน (มีทศ ิ ทางการ Atomic orbitals # orbitals # electrons หมุนตรงข ้ามกั น ) s 1 2 ่ n = 2, เชน p l = 0, m 3 l = 0, ms 6= + ½ d 5 10 n = 2, l = 0, m = 0, m l s = - ½ f 7 14 15 การหาโครงแบบ e- (Electronic configuration) 2. หลักของเอาฟบาว (Aufbau principle) “บรรจุ e- ในออร์บท ิ ัลทีม ่ พ ี ลังงานตา่ สุด จนเต็มก่อนแล ้วจึง’ บรรจุ e- ใน ออร์บท ิ ัลทีม ่ พ ี ลังงานสูงขึน ้ ” 3. กฎของฮุนด ์ (Hund’s law) “การบรรจุ e- ในออร์บท ิ ัลทีม ่ ี พลังงาน เท่ากัน จะบรรจุให ้มี e- เดีย ่ วมากทีส ่ ด ุ ” (สปิ นขึน ้ ) 16 การบรรจุ แบบที่ 1 บิทัล e ในออร ์บิทล ั ใช ้ หรือ หรือ แทนออร์ ไม่ใช่ = e- สปิ นขึน ้ = e สปิ นลง = e คู่ = e เดีย ่ ว แบบที่ 2 เขียนเป็ นตัวเลขและตัวอักษร แสดงชนิดของ ออร์บท ิ ัล (1s, 2s, 2p etc.) และจานวนอิเล็กตรอนใน ออร์ ่ บิทัลเชน 1s2 (มี e- 2 ตัวใน 1s-orbital) 2p6 (มี e- 6 ตัวใน 2p-orbitals – px, py, p) 17 ลาดับการบรรจุ e บรรจุอเิ ล็กตรอนจากระดับพลังงานตา่ ก่อน ลาดับการบรรจุอาจดูได ้จากผังการเติม อิเล็กตรอน 18 การบรรจุเต็ม (Complete subshell) การบรรจุไม่เต็ม (Incomplete subshell) การบรรจุครึง่ (Half-filled subshell) 19 ลาดับการบรรจุ e เมือ ่ ออร์บท ิ ัล มีระดับพลังงานทีเ่ ท่ากัน (degeneracy) ถ ้าทุกๆออร์บท ิ ัล มี e- เต็ม การ บรรจุเต็ม ถ ้าทุกๆออร์บท ิ ัล มี e- เพียงครึง่ เดียว การบรรจุครึง่ ความเสถียร การบรรจุเต็ม การบรรจุครึง ่ แบบอืน ่ ๆ 2p3 เสถียรกว่า 2p4 3d10 เสถียรกว่า 3d5 เสถียรกว่า 3d7 20 การจัดเรียงอิเล็กตรอนใน อะตอม ่ ่รอบๆ นิ วเคลียสนั้ น จะ 1. อิเล็ กตรอนทีวิ่ งอยู ้ั อยูก ่ น ั เป็ นชนๆ ตามระดับ พลัง งาน ระดับ พลัง งานที่อยู่ ่ ด ใกล ้นิ วเคลียสทีสุ ( ช ้ั น K) จ ะ มี พ ลั ง ง า น ต่ า ที่ สุ ด แ ล ะ อิเล็กตรอนในระดับ ส พ ลั ง ง า น พ ลั ง ง า น ช ้น ั ถั ด อ อ ก มนิวาเคลี จ ะยมี ้ ตามลาดับ ระดับพลังงาน สูงขึนๆ 1 3 4 5 6 ้ั พลัง งานของอิ เ2ชืล็อระดั ก ตรอนของระดั บ ช น ่ บพลังงาน K M N O P พลังงาน L 21 การจัดเรียง นวนอิเล็กตรอนสู งสุด อิเล็กตรอนในอะตอม ั ้ ของระดับพลังงาน จะมีจานวน 2. ในแต่ละชน อิเล็กตรอนได ้ ไม่เกิน ั้ 2n2 เมือ ่ n = เลขชน ั ้ ของชน ั ้ K = 1, L = 2, M = 3, N = 4, เลขชน O = 5, P = 6 และ Q = 7 ั้ K ตัวอย่าง จานวน e- ในระดับพลังงานชน มีได ้ ไม่เกิน 2n2 = 2 x 12 = 2x1 = 2 ั ้ N มี จานวน e-ในระดับพลังงานชน ได ้ ไม่เกิน 2n2 = 2 x 42 = 2x16 = 32 22 การจัดเรียงอิเล็กตรอน ในอะตอม ้ั อย จะมีจานวน e- ได้ ในแต่ละชนย่ ไม่เกิน ด ังนี ้ ั ้ ย่อย s มี e- ได ้ ระดับพลังงานชน ั ้ ย่อย p ไม่เกิน 2 ตัว ระดับพลังงานชน มี e- ได ้ ไม่เกิน 6 ตัวระดับพลังงาน ั ้ ย่อย d มี e-ได ้ ไม่เกิน 10 ตัว ชน ั ้ ย่อย f มี e-ได ้ ไม่ ระดับพลังงานชน เกิน 14 ตัว เขียนเป็ น s2 p6 d10 f14 23 การจัดเรียงอิเล็กตรอนใน อะตอม 24 วิธก ี ารจัดเรียง อิเล็กตรอนในอะตอม 2 p 6 f 25 ตัวอย่างการหาโครงแบบ อิเล็กตรอน 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d10 4p6 5s2 36 54 4d10 5p106 6s218… 2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d6 Fe = 1s = 26 [Ar] 4s2 3d6 เอาอิเล็กตรอนออกจากวงนอนสุด (4s2) สอง ตัวจะได ้ 2+ = 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s0 3d6 26Fe 2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d2 เอา Ti = 1s 22 อิเล็กตรอนออกจากวงนอกสุด (4s2 และ 3d2) สองและหนึง่ ตัวจะได ้ 3+ 2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s0 3d1 Ti = 1s 22 2 2 6 2 6 2 4 24Cr = 1s 2s 2p 3s 3p 4s 3d แต่ เนือ ่ งจากระดับพลังงาน 4s และ 3d ใกล ้กัน 26 ตัวอย่าง การบรรจุ อิเล็กตรอน #eH 1 He 2 Li 3 C 6 O 8 Ne 10 Na 11 1s 2s 2px 2py 2pz 3s 1s1 1s2 1s2 2s1 1s2 2s2 2p2 1s2 2s2 2p4 1s2 2s2 2p6 1s2 2s2 2p6 3s1 [Ne] 3s1 27 การบรรจุอเิ ล็กตรอนในออร ์ บิทล ั Na = 1s2 2s2 2p6 3s1 S = 1s2 2s2 2p6 3s2 3p4 4f 4d 3d 2p 3p 4p 4s 3s 2s 1s 28 ตัวอย่าง จงจัดเรียงอิเล็กตรอนของธาตุ แคลเซียม ( Ca ) ธาตุ Ca มีเลขอะตอม = 20 แสดง ว่ามี p = 20 และมี e- = 20 ตัว แล ้วจัดเรียง e ดังนี ้ การจัดเรียง eของธาตุ Ca = 2,8,8,2 29 มีแผนผังการจัดเรียง e- ดังนี ้ Ca มี ้ั จานวน e- ในระดับพลังงานชนนอก สุด = 2 ตัว จานวนอิเล็กตรอนในระดับพลังงาน ้ั ชนนอกสุ ด เรียกว่า เวเลนซ ์ อิเล็กตรอน (Valence electron) ดังนั้น Ca มีเวเลนซ ์อิเล็กตรอน = 2 30 40 20 Ca : 2,8, 8, 2 20p 20n 31 ตัวอย่าง จงจัดเรียงอิเล็กตรอนของ ธาตุ โบรมีน ( Br ) ธาตุโบรมีน (Br) มีเลขอะตอม = 35 แสดงว่า โบรมีน (Br) มี อิเล็กตรอน = 35 ตัว มีการ จัดเรียงอิเล็กตอน เป็ นดังนี ้ ก า ร จั ด เ รี ย ง อิเล็กตรอน Br = 2, 8, 18, 7 และมี เ ว เ ล น ซ์ 32 : 2 , 2 4Be n = 1 คาบ 2 หมู ่ 2 n=2 33 23 11 Na : 2,8,1 11p 12n 34 n=4 n=3 n=2 n=1 p แรงดึงดูดน้อย n แรงดึงดูดมาก 35 การแสดงการจัดเรียงอิเล็กตรอนโดยใช้ N เลขอะตอม 1 2 3 10 13 18 24 29 36 สัญลักษณ์ การจัดเรียงอิเล็กต H 1s1 He 1s2 Li [He]2s1 Ne [He]2s22p6 Al [Ne]3s23p1 Ar [Ne]3s23p6 Cr Transition [Ar]4s13d5 Cu metal [Ar]4s13d10 Kr [Ar]4s23d104p 36 การจัดเรียงอิเล็กตรอน การจัดตารางธาตุเป็ นหมู่เป็ นคาบ ทาให ้ ้ ศึก ษาสมบัติต่ า งๆ ของธาตุได ง้ ่ า ยขึน สามารถท านายสมบัติบ างประการของ ธาตุบางธาตุได ้ กล่าวคือธาตุทอยู ี่ ่ในหมู่ เดียวกันจะมีสมบัตต ิ า่ งๆ คล ้าย ๆ กัน และ ธาตุ ที่อยู่ ใ นคาบเดีย วกัน จะมี แ นวโน้ม ข อ ง ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ส ม บั ติ ต่ า ง ๆ ต่อเนื่ องกันไป 37 การจัดเรียงอิเล็กตรอน การจัดเรียงอิเล็กตรอนกับหมู ่ และคาบของธาตุ จากการพิจารณาการจัดเรียงอิเล็ กตรอน ของธาตุ พบว่ามีสว่ นสัมพันธ ์กับการจัดหมู่ และคาบของตารางธาตุในปัจจุบน ั สาหร ับธาตุกลุม ่ A ธาตุทอยู ี่ ่ในหมู่เดียวกัน จะมี เ วเลนซ ์อิเ ล็ ก ตรอนเท่ า กัน จ านวน เวเลนซ ์อิเ ล็ ก ตรอนของธาตุในแต่ล ะ หมู ่จะตรงกับเลขประจาหมู ่ ่ อเิ ล็กตรอนอยู่ จะ จานวนระดับพลังงานทีมี ่ เท่า กับ เลขทีคาบ นั่ นคือ ธาตุทอยู ี่ ่ ในคาบ เดีย วกัน จะมี จ านวนระดับ พลัง งาน 38 การจัดเรียงอิเล็กตรอน 11Na = 2 , 8 , 1 12Mg = 2 , 8 เช่น , 2 19K = 2 , 8 , 8 , 1 ทัง้ Na และ K ต่างก็มเี วเลนซ ์อิเล็กตรอน เ ท่ า กัน แ ส ด ง ว่ า เ ป็ น ธ า ตุใ น ห มู ่ เ ดี ย ว กัน เนื่ องจากมี 1 เวเลนซ ์อิเ ล็ ก ตรอน จึง จัด เป็ น ธาตุหมู ่ท ี่ 1 เหมือนก ัน Na มี 3 ระดบ ั พลังงาน จึงจัดอยู ่ในคาบที่ 3 ของตารางธาตุ K มี 4 ระดบ ั พลังงานจึงจัดอยู ่ในคาบที่ 4 ของ ตารางธาตุ Mg มี 3 ระดบ ั พลังงานจึงจัดอยู ่ในคาบที่ 3 39 การจัดอิเล็กตรอนของ ธาตุทรานสิช ัน ่ เมือเปรี ยบเทียบการจัดอิเล็กตรอน ในอะตอมและในไอออน เช่น Fe ในอะตอมอิสระ Fe [Ar] 4s2 3d6 ่ ดเป็ นสารประกอบ เมือเกิ Fe2+ [Ar] 3d6 Fe3+ [Ar] 3d5 40 การจัดอิเล็กตรอนของ ธาตุทรานสิช ัน ในการเกิดไอออนนั้น จะเสียอิเล็กตรอน ใน 4s-ออร ์บิทลั ก่อน และบางกรณี จะเสีย อิเล็กตรอน ใน 3d-ออร ์บิทลั ด ้วย อิเล็กตรอนใน 4s-ออร ์บิทลั มีพลังงานสูง กว่า 3d-ออร ์บิทลั ่ บางธาตุต ้องพิจารณาการบรรจุแบบครึงจะ มีความเสถียรกว่า Cr [Ar] 3d5 4s1 Cr3+ [Ar] 3d3 41 หมู่ที่ 7 คาบที่ 2 ่ 4 คาบ หมู ่ ท ี Si : 2 , 8 , 4 14 ที่ 3 ่ ่ K : 2 , 8 , 8 , 1 หมู ่ ท ี 1 คาบที 19 4 ่ In : 2 , 18 , 18 , 3 หมู ่ ท ี 3 8 , 49 คาบที่ 5 9F : 2 , 7 42 แบบฝึ กหัด จงเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในสถานะ ้ พืนและจ าแนกกลุ่ม ของธาตุตอ ่ ไปนี ้ 1s2 2s2 2p6 3s2 3p3 • ธาตุทมี ี่ 15 อิเล็กตรอน 1s2 2s2 • ธาตุทมี ี่ 20 อิเล็กตรอน 2 2 3p6 4s2 2p6 3s2 1s 2s 2p6 3s2 3p6 4s2 3d5 • ธาตุทมี ี่ 25 อิเล็กตรอน 43 พาราแมกนิ ตซ ิ ม ึ และไดอะแมกนิ ตซ ิ ม ึ ่ อเิ ล็กตรอนโดดเดียวจะถู ่ สสารทีมี กดึงดูด ในสนามแม่เหล็กอย่างอ่อน เรียกว่า พารา ้ แมกนิ ตก ิ (paramagnetic) แต่ถา้ สสารนันมี ่ าคูก อิเล็กตรอนทีเข้ ่ ันหมด จะถูกผลักใน สนามแม่เหล็กอย่างอ่อนเรียกว่า ไดอะแมกนิ ตก ิ (diamagnetic) เหล็ก โคบอลต ์ และนิ เกิล เป็ นธาตุอส ิ ระที่ แสดงความเป็ น เฟอร ์โรแมกนิ ตซ ิ ม ึ ้ ความแรง (ferromagnetism) สมบัตน ิ ี มี มากกว่าความเป็ นพาราแมกนิ ตซ ิ ม ึ มาก ทาให้ ่ ่ใน สสารมีสมบัตข ิ องแม่เหล็กถาวรเมืออยู 44