การบรรยาย ครั้งที่ ๔ นางสาวอินทิรา ฉิวรัมย์ รองอธิบดีผ้ ูพพิ ากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อจำเลยขำดนัดยื่นคำให้กำรแล้ว ศำลพิพำกษำให้จำเลยแพ้คดี ทำงแก้ของ จ ำ เ ล ย ก็ คื อ ต้ อ ง ม ำ.

Download Report

Transcript การบรรยาย ครั้งที่ ๔ นางสาวอินทิรา ฉิวรัมย์ รองอธิบดีผ้ ูพพิ ากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เมื่อจำเลยขำดนัดยื่นคำให้กำรแล้ว ศำลพิพำกษำให้จำเลยแพ้คดี ทำงแก้ของ จ ำ เ ล ย ก็ คื อ ต้ อ ง ม ำ.

การบรรยาย
้
่
ครงที
ั ๔
นางสาวอินทิรา ฉิ วร ัมย ์
รองอธิบดีผูพ
้ พ
ิ ากษาศาลเยาวชนและ
่ ำเลยขำดนัดยืน
่
เมือจ
คำใหก้ ำรแลว้ ศำลพิพำกษำ
ให จ้ ำเลยแพ้ค ดี ทำงแก ข
้ อง
่ ำขอให ้
จำเลยก็คอ
ื ต ้องมำยืนค
มี
กำรพิจ ำรณำ
คดีใหม่
แบบของค ำขอให พ
้ ิ จ ำรณำ
คดีใ หม่
มำตรำ ๑๙๙ จัต วำ
วรรคสอง มีหลักเกณฑ ์อยู่ ๓ ข ้อ
ข อ้ ๑. ต อ้ งระบุ เ หตุ ที่จ ำเลย
่ ำให ้กำรโดยช ัดแจ ้ง
ขำดนัดยืนค
ข อ้ ๒. ต อ้ งมี ข อ้ คัด ค ำ้ นค ำ
่
้
แสดงให
เ้ ห็ นว่ำ
ตัดสินชีขำดของศำลที
หำกศำลได พ
้ ิจ ำรณำคดีใ หม่ แ ล ว้ ตน
อำจเป็ นฝ่ ำยชนะคดี
๑ . ที่ ว่ ำ ต ้อ ง ร ะ บุ เ ห ตุ ที่
่ ำใหก้ ำร
จำเลยขำดนัด
ยืนค
โ ด ย ช ั ด แ จ ้ ง ห ม ำ ย ค ว ำ ม ว่ ำ
ค ำขอของจ ำเลยต อ้ งบรรยำยให ้
เ ห็ น ว่ ำ เ ห ตุใ ด จ ำ เ ล ย จึ งไ ม่ ยื่ น
คำให ้กำรภำยในกำหนด
ก. จำเลยอ ้ำงว่ำจำเลยย ้ำย
่
ไปอยูท
่ อื
ี่ นแล
้วจึงไม่ทรำบว่ำถูกฟ้ อง
่
ข. อ ้ำงควำมเจ็บป่ วยเป็ น
สำเหตุ ที่
ไม่ ท รำบว่ ำ ถู ก
ฟ้ องคดี
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่
๑๑๒๘/๒๕๑๙
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่
๖๙๒๘/๒๕๓๗
หลัก เกณฑ ข
์ อ้ ที่ ๒ กำร
้
แสดงข อ้ คัด ค ำ้ นค ำตัด สิน ชีขำด
ของศำลโดยจำเลยตอ้ งบรรยำยให ้
เห็ น ว่ ำ ค ำพิ พ ำกษำของศำลมี ว่ ำ
อย่ำงไร
ไม่ชอบหรือไม่ถก
ู ต ้อง
ในส่ ว นใด หำกจ ำเลยได ต
้ ่ อ สู ค
้ ดี
แล ว้ จ ำเลยจะมี ข อ้ ต่ อ สู อ้ ย่ ำ งไร
มี พ ย ำ น ห ลั ก ฐ ำ น อ ะ ไ ร บ ้ ำ ง ที่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๓๑๒๓/๒๕๔๕
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๓๑๙/๒๕๓๖
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๖๗๒/๒๕๑๒
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
ข อ้ ๓. กรณี ยื่ นค ำขอล่ ำ ช ำ้
จ ำเลยต อ้ งบรรยำยว่ ำ เหตุใดจ ำเลยไม่
่ ำให ้กำรภำยในกำหนดเวลำและเหตุ
ยืนค
่ ำขอล่ำช ้ำ มีพฤติกำรณ์ทอยู
ใดจึงยืนค
ี่ ่
น อ ก เ ห นื อไ ม่ อ ำ จ บั ง คั บไ ด ้อ ย่ ำ งไ ร
้ งแต่
้ เมือใด
่
้ ดลงเมือใด
่
เกิดขึนตั
และสินสุ
่ ชอบ
ถ ้ำไม่บรรยำยถือว่ำเป็ นคำขอทีไม่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๒๗๙/๒๕๑๐
่
ขอ
้ สั ง เ ก ต เ กี ย ว กั บ
แบบค ำขอให พ
้ ิจ ำรณำคดี
้
ใหม่ มีทงหมด
ั
๔ ข ้อ
ข้ อ ๑ . ถ้ ำ ค ำ ข อใ ห้
พิจำรณำคดีใหม่ไม่ไดบ้ รรยำยตำม
แบบที่กฎหมำยก ำหนดถื อ ว่ ำ เป็ น
่ ชอบ ศำลมีอำนำจยก
คำร ้องขอทีไม่
คำร ้องได ้เอง แม้คู่ควำมอีกฝ่ ำยหนึ่ ง
่
้ นต่
้ อ สู ้
ไม่ ไ ด ย้ กเรืองนี
ขึ
ก็ ต ำม
่
เพรำะเป็ นปัญหำอันเกียวด
ว้ ยควำม
สงบเรียบร ้อยของประชำชน
่
ขอ
้ สัง เกตข อ
้ ที่ ๒ ค ำ
ขอให พ
้ ิ จ ำรณำคดีใ หม่ นี ้ หำก
ศ ำ ล มี ค ำ สั่ ง ย ก ค ำ ร อ้ ง เ พ ร ำ ะ
จ ำ เ ล ยไ ม่ ไ ด ้ บ ร ร ย ำ ยใ ห ้ เ ข ้ ำ
ห ลั ก เ ก ณ ฑ ์ ต ำ ม
มำตรำ ๑๙๙ จัต วำ วรรคสอง
จ ำ เ ล ย มี สิ ท ธิ ม ำ ยื่ น ค ำ ข อใ ห ้
พิ จ ำรณำคดี ใ หม่ ฉ บั บใหม่ ไ ด ้
่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที
๖๐๔/๒๕๑๐
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๙๙/๒๕๓๖
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๗๗/๒๕๓๘
ข ้อ สั ง เ ก ต ข ้อ ที่ ๓ ค ำ
ขอใหพ
้ ิจำรณำคดีใหม่เป็ นคำฟ้ อง
อย่ำงหนึ่ ง ฉะนั้นขำดตกบกพร่อง
จ ำเลยมี ส ิ ท ธิ ข อแก ไ้ ขเพิ่ มเติ ม
ให ส
้ มบู ร ณ์ไ ด ้ เช่น เดี ย วกับ ค ำ
ฟ้ องตำม
มำตรำ ๑๘๐ มี
ก ำ ร แ ก ้ ไ ข เ พิ่ ม เ ติ ม ค ำ ข อใ ห ้
พิจำรณำคดีใหม่ได ้
ข อ้ สัง เกตที่ ๔ ค ำขอให ้
พิจำรณำคดีใหม่ไม่ตอ้ งเสียค่ ำขึน้
ศำล เพรำะมิใช่คำฟ้ อง
ที่
่ น
เริมต
้ คดี ค ำขอให พ
้ ิจ ำรณำคดี
ใหม่แม้จะเป็ นคำฟ้ องชนิ ดหนึ่ ง แต่
่ น
ไม่ ถ ือ ว่ำ เป็ นค ำฟ้ อง เริมต
้ คดี
้
เพรำะฉะนั้นไม่ต ้องเสียค่ำขึนศำล
วิธพ
ี จ
ิ ารณาและการมี
ค าสั่งเกี่ยวกับ
ค าขอให้
พิจารณาคดีใหม่
ข อ้ ที่ ๑. วิธ ีพ ิ จ ารณา
คาขอ ศำลจะต ้องดำเนิ นกระบวน
พิจำรณำตำมมำตรำ ๑๙๙ จัตวำ
และมำตรำ ๑๙๙ เบญจ วรรคหนึ่ ง
และ
วรรคสอง
๑.๑ ศำลจะต อ้ งตรวจดูค ำ
ขอให พ
้ ิ จ ำรณำคดีใ หม่ ว่ ำ ถู ก ต อ้ ง
่
ตำมหลักเกณฑ ์ทีกฎหมำยบั
ญญัติ
ไว ้ในมำตรำ ๑๙๙ จัตวำ วรรคหนึ่ ง
และ
วรรคสองหรือไม่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๒๕/๒๕๑๑
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑ . ๒ ค ำ ร ้ อ ง ข อใ ห ้
พิจำรณำคดีใหม่ กฎหมำยไม่ไ ด ้
บัญ ญัติว่ ำ ให ท
้ ำได แ้ ต่ ฝ่ ำยเดีย ว
ศำลจึงตอ้ งส่งสำเนำคำร ้องให แ้ ก่
โจทก ว์ ่ ำ จะคัด ค ำ้ นหรือไม่ ก่ อ น
ตำมมำตรำ ๒๑
หำก
โจทก ์ไม่คด
ั คำ้ นศำลก็อนุ ญำตให ้
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๖๘๔๔/๒๕๔๐
คาพิพากษาฎีกาที่ ๔๖๘/
๒๕๓๙
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๓๒๙๐/๒๕๒๕
ข ้ อ ๒ ค า สั่ ง ศ า ล ที่
่
เกียวกั
บคาขอให้พจ
ิ ารณาคดี
ใหม่
เมื่อศำลมี ค ำสั่งเกี่ยวกับ
คำขอให พ
้ ิจ ำรณำคดีใ หม่ แ ล ว้ ผู ้
ขอมีสท
ิ ธิดงั ต่อไปนี ้
้ั น
๒.๑ ถำ้ ศำลชนต
้ มี
คำสั่งอนุ ญ ำตใหพ
้ ิจ ำรณำคดีใหม่
มำตรำ ๑๙๙ เบญจ วรรค
่
่ ญำต
สี่ บัญญัตวิ ำ่ คำสังศำลที
อนุ
ให พ
้ ิ จ ำรณำคดี ใ หม่ ใ ห เ้ ป็ นที่ สุ ด
่ อนุ ญำต
แต่ในกรณี ทศำลมี
ี่
คำสังไม่
ผูข
้ ออำจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่ำวได ้
ค ำพิ พ ำกษำของศำลอุ ท ธรณ์ใ ห ้
่ ด
เป็ นทีสุ
่
๒ . ๒ ถ ้ ำ ศ ำ ล ช ้ั น ต ้ น ไ ม่
อ นุ ญ ำ ตใ ห ้พิ จ ำ ร ณ ำ
ค ดี ใ ห ม่
เพรำะว่ำกำรขำดนั ดเป็ นไปโดยจงใจ
หรือไม่มเี หตุอน
ั สมควร ศำลจะสั่งยก
ค ำร อ้ ง
ค ำสั่งนี ้ไม่ เ ป็ นค ำสั่งใน
ระหว่ำงพิจำรณำตำม มำตรำ ๒๒๖
เหตุทไม่
ี่ เป็ นคำสั่งระหว่ำงพิจำรณำก็
่ ดขึนหลั
้
เพรำะว่ำเป็ นคำสั่งทีเกิ
งจำก
้
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๙๓๗/๒๕๒๕
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๕๗๘๒/๒๕๓๙
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๓๕๒๙/๒๕๔๖
แ ต่ ถ ้ ำ ศ ำ ล อุ ท ธ ร ณ์
พิ พ ำ ก ษ ำ ย ก อุ ท ธ ร ณ์ ห รื อไ ม่
อนุ ญำตให พ
้ ิ จ ำรณำคดีใ หม่ โ ดย
ไม่ ไ ด ว้ ินิ จ ฉั ยในเนื ้อหำแห่ ง คดีใ น
้ั
ประเด็ น ช นขอให
พ
้ ิ จ ำรณำใหม่
่ ดจำเลยสำมำรถฎีกำ
คดีไม่เป็ นทีสุ
ได ้
่
๒ . ๓ ที่ ว่ ำ ค ำ พิ พ ำ ก ษ ำ ศ ำ ล
อุ ท ธรณ์ใ ห เ้ ป็ นที่ สุ ด ตำมมำตรำ ๑๙๙
เบญจ วรรคสี่ นั้ น บังคับเฉพำะกรณี ตำม
มำตรำ ๑๙๙ ตรี คือศำลอุทธรณ์วน
ิ ิ จฉั ย
้ั น
่ อนุ ญำต
อุทธรณ์คำสั่งของศำลชนต
้ ทีไม่
่ ำเลยได ย้ ืนภำย
่
ให พ
้ ิจำรณำคดีใหม่ ซึงจ
้ั น
หลังจำกศำลชนต
้ พิพำกษำใหจ้ ำเลยแพ้
คดีแลว้ เท่ำนั้น ไม่รวมถึงคำพิพำกษำหรือ
่
คำสั่งศำลอุทธรณ์ทเกี
ี่ ยวกั
บ
คำร ้อง
ของจ ำเลยที่ยื่นเข ำ้ มำตำมมำตรำ ๑๙๙
๒.๔ กำรยื่นอุ ท ธรณ์ค ำสั่ง
้ั น
ของศำลช นต
้
ที่ไม่ อ นุ ญำตให ้
พิจ ำรณำคดีใ หม่ ต ำมมำตรำ ๑๙๙
เบญจ วรรคสี่ จำเลยผูอ้ ุทธรณ์ตอ้ ง
วำงเงิน ค่ ำ ธรรมเนี ย มที่จะต อ้ งใช ้แก่
้ั น
โจทก ต์ ำมค ำพิ พ ำกษำศำลช นต
้
โดยนำมำวำงศำลพร ้อมกับอุทธรณ์
ตำมประมวลกฎหมำยวิธ ีพิ จ ำรณำ
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๗๔๘๙/๒๕๔๖
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๒๖๘๙/๒๕๔๖
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๑๙๓/๒๕๔๕
ผ ล ข อ ง ค ำ สั่ ง ที่ อ นุ ญ ำ ตใ ห ้
พิ จ ำ ร ณ ำ ค ดี ใ ห ม่ ผ ล ที่ ศ ำ ล มี ค ำ สั่ ง
อนุ ญำตให ้พิจำรณำคดีใหม่มี ๔ ประกำร
่
๓.๑ ผลจำกกำรทีศำลอนุ
ญำต
ให พ
้ ิ จ ำรณำคดี ใ หม่ ย่ อ มเป็ นไปตำม
มำตรำ ๑๙๙ เบญจ วรรคสำม คื อ
ค ำพิ พ ำกษำหรือ ค ำสั่ งของศำลโดย
จ ำเลยขำด
นั ด ยื่นค ำให ก
้ ำร
และค ำพิ พ ำกษำหรือ ค ำสั่งอื่น ๆ ของ
๓ . ๒ น อ ก จ ำ ก นี ้ วิ ธ ี ก ำ ร
บังคับคดีทได
ี่ ้ดำเนิ นกำรไปแล ้ว เป็ น
อันถูกเพิกถอนไปด ้วยหมำยควำมว่ำ
ต ้อ ง ก ลั บ คื น สู่ ฐ ำ น ะ เ ดิ ม ก่ อ น มี
กำรบังคับคดี ถำ้ มีกำรบังคับคดีไป
แลว้ ก็ ตอ้ งกลับคืนสู่ฐำนะเดิม ก่อนมี
กำรบังคับคดี
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๓.๓ สำหรบั กำรบังคับคดีที่
เสร็จไปแล ว้ และเป็ นกำรพ้น วิส ย
ั ที่
คู่ควำมจะกลับคืนสู่ฐำนะเดิมได ้ เช่น
ศำลพิพ ำกษำให ร้ อบ
ื ้ ำ้ นเรือ น หรือ
้ ำ้ นออกไปจำกที่ดิ น ของโจทก ์
รือบ
หรือ กรณี ที่ มี ก ำรยึ ด ทร พ
ั ย จ์ ำเลย
ขำยทอดตลำดไปแล ว้ ศำลจะสั่งให ้
พิจ ำรณำคดีใ หม่ โดยไม่ ส่งให
ั ก
้ ำร
บัง คับ คดีก ลับ สู่ ฐ ำนะเดิม ก่ อ นกำร
๓.๔ เมื่อศำลอนุ ญำตให ้
พิจำรณำคดีใหม่ตำมมำตรำ ๑๙๙
เบญจ วรรคสำม บัญ ญัติใ ห ศ
้ ำล
้ั
พิจ ำรณำคดีน้ั นใหม่ ต งแต่
เ วลำที่
จ ำเลย
ขำดนั ด ยื่นค ำให ก
้ ำร
โดยให จ้ ำเลยยื่นค ำให ก
้ ำรภำยใน
่
กำหนดเวลำทีศำลเห็
นสมควร แต่
ถ ำ้ หำกจ ำเลยท ำค ำให ก
้ ำรไปยื่น
ก ร ณี ที่ โ จ ท ก ์ต ก เ ป็ น
จ าเลยฟ้ องแย้ง ๑๙๙ ฉ. (ให้
นา ๑๙๗ –
๑๙๙ เบญจ มา
บังคับใช้โดยอนุโลม)
่ นจ ำเลย
ข อ้ ๑. โจทก ์ซึงเป็
ฟ้ องแย ้ง ถ ้ำไม่ยนค
ื่ ำให ้กำรแก ้ฟ้ อง
แยง้ ภำยในกำหนดตอ้ งถือว่ำโจทก ์
ขำดนั ด ยื่ นค ำให ก
้ ำรแก ฟ
้ ้ องแย ง้
ข อ้ ๒. เมื่อโจทก ์ขำดนั ด ยื่น
คำใหก้ ำร
แก ้ฟ้ องแยง้ แล ว้
่ ฐ ำนะเป็ นโจทก ์ฟ้ องแย ง้ มี
จ ำเลยซึงมี
ห น้ ำ ที่ ต ้อ ง ยื่ น ค ำ ข อใ ห ้ศ ำ ล มี ค ำ
้
พิพ ำกษำหรือ
ค ำสั่งชีขำดให
ต
้ น
เป็ นฝ่ ำยชนะคดี โดยขำดนั ด ตำม
มำตรำ ๑๙๘ วรรคหนึ่ ง
ข อ้ ที่ ๓. ถ ำ้ จ ำเลยไม่ ยื่น
ค ำขอภำยในก ำหนดเวลำตำม
มำตรำ ๑๙๘ วรรคหนึ่ ง ให ศ
้ ำล
่ ำหน่ ำยคดีในส่วนฟ้ องแยง้
มีคำสังจ
ออกจำก
สำรบบควำม
ตำมมำตรำ ๑๙๘ วรรคสอง
ข อ้ ที่ ๔. ถ ำ้ จ ำเลยยื่นค ำ
ขอต่อศำลภำยในกำหนด ใหศ้ ำล
๔.๑ ถำ้ ศำลเห็ นว่ำฟ้ อง
แย ง้ ไม่ มีมู ล หรือ ขัด ต่อ กฎหมำย
ศำลพิพำกษำยกฟ้ องได ้ทันที
๔.๒ ถำ้ ศำลเห็ นว่ำฟ้ อง
แ ย ง้ มี มู ล
แล ะ ไ ม่ ขั ด ต่ อ
ก ฎ ห ม ำ ย ศ ำ ล จ ะ ต ้อ ง แ ย ก
ดำเนิ นกระบวนพิจำรณำเป็ น ๒
ก. ถ ำ้ ฟ้ องแย ง้ นั้ นเป็ น
คดีทไม่
ี่ ต ้องสืบพยำนก่อน ศำล
จะตอ้ งมีค ำสั่งให ร้ อคดี
ใน
ส่วนฟ้ องแยง้ ไว ้พิพำกษำรวมกับ
คดีห ลัก เพรำะฟ้ องแย ง้ นั้ น
ศ ำ ล ต ้ อ ง พิ พ ำ ก ษ ำ ร ว ม กั บ
คดีต ำมฟ้ องเดิม ตำมมำตรำ
่ อ้ ง
ข. ถำ้ ฟ้ องแยง้ เป็ นคดีทีต
สื บ พ ย ำน ก่ อ นพิ พ ำ กษ ำ ค ดี ต ำ ม
มำตรำ ๑๙๘ ทวิ วรรคสองหรือวรรค
ส ำ ม ( ๑ ) ห รื อ ( ๒ ) ศ ำ ล ต ้ อ ง
ด ำเนิ น กำรสืบ พยำนก่ อ นพิ พ ำกษำ
คดี ในวันนัดพิจำรณำถ ้ำโจทก ์ไม่มำ
ไม่ ถือว่ำโจทก ์ขำดนั ดพิจำรณำตำม
มำตรำ ๑๙๘ ทวิ วรรคสี่ ส่วนจำเลย
ถำ้ ไม่มำถือว่ำจำเลยไม่มีพยำนมำสืบ
การขาดนัด
พิจารณา
ส่วนที่ ๑
ความหมายของการ
ขาดนัดพิจารณา
่
เรืองกำรขำดนั
ดพิจำรณำ
มำตรำ ๒๐๐ บัญญัติว่ำ
“ภายใต้บ งั คับ มาตรา ๑๙๘
ท วิ แ ล ะ ม า ต รา ๑ ๙ ๘ ต รี
ถ้า คู ่ ค วามฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ ง
ไ ม่ ม า ศ า ลใ น
วั น
สื บ พ ย า น แ ล ะ ไ ม่ ไ ด้ ร ั บ
่
อนุ ญาตจากศาลให้เลือนคดี
ว ร ร ค ส อ ง บั ญ ญั ติ ว่ ำ
“ถ้า คู ่ค วามฝ่ ายใดไม่ ม าศาล
ใ น วั น นั ด อื่ น ที่ มิ ใ ช่ วั น
สืบพยานให้ถอ
ื ว่าคู ่ความฝ่าย
นั้ น ส ล ะ สิ ท ธิ ก า ร ด า เ นิ น
กระบวนพิจารณาของตนใน
นั ด นั้ น แ ล ะ ท ร า บ ก ร ะ บ ว น
่
่ ำให ้กำร
๑. คูค
่ วำมจะต ้องยืนค
๒. ไม่มำศำลในวันสืบพยำน
๓. ไม่ไดร้ บั อนุ ญำตจำกศำลให ้
่
เลือนคดี
่ นสืบพยำนดังกล่ำวตอ้ ง
๔. ซึงวั
เป็ น
วัน สืบ พยำนใน
ข อ้ ๑. คู่ค วำมที่ขำด
นั ด ยื่นค ำให ก
้ ำรและที่ต อ้ งใช ้
บ ท บั ญ ญั ติ เ รื่ อ ง ก ำ ร ข ำ ด
่ ำใหก้ ำรตำมมำตรำ ๑๙๘
ยืนค
ทวิ
และมำตรำ ๑๙๘
ต รี บั ง คั บ ไ ม่ อ ำ จ น ำ
่
บทบัญ ญัต ิ เ รืองกำรขำดนั
ด
ข อ้ ๒. คดีที่จะมี ก ำรขำด
่
นัดพิจำรณำไดต้ อ้ งเป็ นคดีแพ่ งทีมี
ข อ้ พิพ ำท หมำยถึง มีคู่ค วำมทัง้
่
สองฝ่ ำย ไม่ ใช่กำรเริมคดี
โดยยื่น
เป็ นคำร ้องขอฝ่ ำยเดียวตำมมำตรำ
๑ ๘ ๘ ( ๑ ) เ ว ้ น แ ต่ จ ะ มี
บุ ค คลภำยนอกยื่นค ำร ้องคัด ค ำ้ น
เข ำ้ มำในคดี แ ละศำลมี ค ำสั่งให ้
ด ำเนิ น คดีไ ปแบบคดีมี
ขอ
้
ข อ้ ๓. สำขำของคดี
อัน มี ข อ
้ พิ พ ำท แม้จ ะมี ก ำ ร
สื บ พยำนหรือไต่ ส วนก็ ไ ม่ ใ ช่
เป็ นกำรสืบพยำนในประเด็นข อ้
พิพ ำท แห่ ง คดี จึงไม่ มีก ำร
ขำดนัดพิจำรณำ
แต่เป็ น
กรณี ที่ศำลถือ ว่ ำ คู่ ค วำมฝ่ ำย
้
่
ส่วนทีสอง
หลัก เกณฑ ข
์ องการ
ขาดนัดพิจารณา
๑. คู่ควำมฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ ง
ไม่ ม ำศำลนั้ น จะต อ้ งไม่ ใ ช่โ จทก ์
่
่
หรือจำเลยทีขำดนั
ด
ยืน
คำใหก้ ำรตำมมำตรำ ๑๙๘ ทวิ และ
่
่ ำใหก้ ำร
ไม่ ใช่จำเลยทีขำดนั
ดยืนค
คูค
่ วำมจึงหมำยถึง
๑ . ตั ว ค ว ำ ม แ ท ้ ๆ คื อ ตั ว
โจทก ์หรือตัวจำเลย
๒. บุคคลผูม้ ส
ี ท
ิ ธิกระทำกำร
่
แทนบุคคลอืนตำมกฎหมำยได
้แก่
๒.๑ ผู แ้ ทนโดยชอบ
่ นตัวควำม
ธรรมของผู ้เยำว ์ซึงเป็
๒.๒ ผูแ้ ทนนิ ตบ
ิ ุคคล
๒.๓ ผู ร้ บ
ั มอบอ ำนำจให ้
ดำเนิ นคดีจำก ตัวควำมหรือจำก
ผูแ้ ทนตำมมำตรำ ๖๐ ถือเป็ น คู่
ควำมสำมำรถด ำเนิ นคดี แ ทนตัว
ควำมได ้
ทุ ก อย่ ำ ง แต่ ผู ร้ บ
ั
ม อ บ อ ำ น ำ จ จ ะ ว่ ำ ค ว ำ ม อ ย่ ำ ง
ทนำยควำมไม่ได ้
๒.๔ ทนำยควำมถื อ ว่ ำ มี
ฐำนะเป็ นคู่ ค วำมตำมมำตรำ ๑
๒.๕ ผู ร้ บ
ั มอบฉั น ทะจำก
ตั ว ค ว ำ ม ห รื อ ท น ำ ย ค ว ำ ม ต ำ ม
ม ำ ต ร ำ ๖ ๔ ถื อ ว่ ำ เ ป็ น ตั ว ค ว ำ ม
่
เฉพำะกิจ กำรทีมอบหมำยเฉพำะ
กิจ กำรเช่น มอบฉั น ทะให เ้ สมีย น
่
่ อศำล
นำคำร ้องขอเลือนคดี
มำยืนต่
ถือ ว่ ำ เสมีย นทนำยเป็ นตัว ควำมใน
่
กำรมำขอเลือนคดี
่
คำว่ำ ไม่มาศาล
ค ำ ว่ ำ ม ำ ศ ำ ล
หมำยควำมว่ำคูค
่ วำม ต ้องมำ
ณ ที่ท ำกำรของศำลและต อ้ ง
เข ำ้ ไปห อ้ งพิ จ ำรณำของศำล
ด ้วย
คาพิพากษาฎีกาที่
๒. คู่ควำมมำศำลและ
เข ำ้
ห อ้ งพิจ ำรณำ
แ ล ้ ว แ ต่ ก ลั บไ ป ก่ อ น ที่ จ ะ
สืบ พยำนเสร็จ ถือ ว่ ำ คู่ ค วำม
มำศำลแล ว้
ไม่ มี ก ำรขำด
นัดพิจำรณำ
ค าพิพ ากษาฎีก า
ข ้ อ ๓ . ค ำ ว่ ำ ศ ำ ล
่ ำกำรของศำลทีท
่ ำ
หมำยถึงทีท
กำรพิจำรณำคดี ไม่ใช่สถำนที่
ที่ผู พ
้ ิ พ ำกษำออกไปเผชิญ สืบ
นอกศำล
กำรที่คู่ค วำมไม่
่ ญสืบนอกศำล
ไปยังสถำนทีเผชิ
ไม่ถอ
ื ว่ำคู่ควำมฝ่ ำยนั้นขำดนัด
พิจำรณำ
ขอ้ ๔. คู่ค วำมมำศำล
แ ล ้ว แ ต่ เ ข ้ำ
ห ้อ ง
พิ จ ำ ร ณ ำ ผิ ด ห รื อ ติ ด ก ำ ร
่ ้องอืนในเวลำ
่
พิจำรณำคดีอนที
ื่ ห
เดีย วกัน อยู่ ถือ ว่ำ คู่ค วำมฝ่ ำย
นั้ นมำศำลแลว้ ไม่เป็ นกำรขำด
นัดพิจำรณำ
่
ข้อ ๕ . ก ำ ร ม ำ ศ ำ ล
หมำยควำมว่ำตอ้ งมำใหถ้ งึ ศำลทัน
ก ำหนดเวลำ ถ ำ้ มำถึง ศำลล่ ำ ช ้ำ
ล่วงเลยกำหนดเวลำแลว้ ถือว่ำไม่
มำศำล ตัวอย่ำง
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๓๓๘๘/๒๕๔๕
มีขอ
้ ยกเว้น ตำมมำตรำ
๔๑ กรณี คู่ ค วำมขอเลื่อนคดีโ ดย
อ ้ ำ ง ว่ ำ ตั ว ค ว ำ ม ผู ้ แ ท น
่
ทนำยควำม พยำน หรือบุคคลอืน
่ กเรียกใหม้ ำศำล ไม่สำมำรถมำ
ทีถู
ศ ำ ลไ ด ้ เ พ ร ำ ะ ป่ ว ย เ จ็ บใ น วั น
สืบ พยำนนั ด แรกของคดี หำกไม่
่
่ ำ
อนุ ญำตใหเ้ ลือนคดี
เพรำะไม่เชือว่
ข ้อ ที่ ๒ ค ำ ว่ ำ ใ น วั น
สืบ พยำน
ตำมประมวล
กฎหมำยวิธ ีพิจ ำรณำควำมแพ่ ง
มำตรำ ๑ (๑๐) บัญญัตค
ิ ำจำกัด
ควำมของคำว่ำวันสืบพยำนไว ว้ ่ำ
่
่ น
วันทีศำลเริ
มต
้ ทำกำรสืบพยำน
หม ำย ถึ ง วั น สื บ พ ย ำ นนั ดแ รก
่ หน้ำทีน
่ ำสืบ
ของคู่ควำม ฝ่ ำยทีมี
ค าพิพ ากษาฎีก าที่
๑๓๓๘/๒๕๓๔
ค าพิพ ากษาฎีก าที่
๓๘๗๒/๒๕๓๕
ตำมคำพิพำกษำฎีกำนี ้
เ ป็ น ก ำ ร ชี ใ้ ห ้ เ ห็ น ว่ ำ วั น
สืบพยำนนั้นไม่จำเป็ นจะตอ้ งสืบที่
่
มีขอ้ สังเกตเกียวกั
บคำ
ว่ำสืบพยำนดังต่อไปนี ้
๑. วันสืบพยำนต ้องเป็ น
วัน ที่ศำลก ำหนดนั ดให ค
้ ู่ ค วำม
ท ร ำ บ ล่ ว ง ห น้ ำ โ ด ย ช อ บ จ ะ
ก ำหนดโดยกะทัน หันในวัน นั้ น
ไม่ได ้
ขอ
้ สั ง เ ก ต ข อ
้ ๒ . วั น
สืบพยำนนัดไวเ้ ดิมหำกไม่มีกำร
สืบ พยำนและเลื่อนไป
วัน
ใหม่ ว ัน ที่ นั ดไว เ้ ดิ ม ก็ ไ ม่ ใ ช่ว ัน
สืบพยำน ตอ้ งเป็ นวันสืบพยำน
กันจริง ๆ
คาพิพากษาฎีกาที่
ขอ
้ สั ง เ ก ต ข อ
้ ๓ . วั น
่
สืบพยำนจะตอ้ งเป็ นวันทีศำลได
้
ทำกำรสืบพยำนกันจริง ๆ
คาพิพากษาฎีกาที่
๗๒๗๙/๒๕๔๐
่
คาพิพากษาฎีกาที
ข อ้ สัง เกตข อ้ ๔. วัน
สืบ พยำนตอ้ งเป็ นวัน สืบ พยำน
ในประเด็นข ้อพิพำท แห่งคดี
ไม่ ใ ช่ป ระเด็ น ปลี ก ย่ อ ยอื่ น ๆ
เช่น สืบ พยำนในกรณี ไ ต่ส วน
ขอยกเว ้นค่ำธรรมเนี ยมศำล ไต่
ส ว น ข อ อ นุ ญ ำ ต
ยื่ น
คาพิพากษาฎีกาที่
๕๘๓/๒๕๕๑
ฎีก ำนี ้เป็ นกำรไต่ ส วน
่ ใช่
คดีสำขำ เพรำะฉะนั้นเมือไม่
ประเด็ น ข อ้ พิ พ ำท
แห่ ง คดี
คู่ ค วำมฝ่ ำยใดไม่ ม ำก็ จ ะถือ ว่ ำ
ข ำ ด นั ด พิ จ ำ ร ณ ำ ไ ม่ ไ ด ้
ขอ้ สัง เกตขอ้ ๕. ในกรณี
ที่มีก ำรส่ ง ประเด็ นไปสืบ ที่ศำลอื่น
แม้จะเป็ นวันสืบพยำนของคูค
่ วำมที่
มี ห น้ำ ที่น ำสืบ ก่ อ น คู่ ค วำมที่ไม่
ตำมประเด็ นไปไม่ ถื อ ว่ ำ ขำดนั ด
พิ จ ำ ร ณ ำ เ พ ร ำ ะ
กำร
สืบพยำนประเด็นใหส้ ท
ิ ธิแก่คู่ควำม
ใน
กำรที่ จะตำมประเด็ นไป
ขอ
้ สัง เกตข อ
้ ๖. หำก
ศำลนั ด
ด ำเนิ น
กระบวนพิ จ ำรณำอย่ ำ งอื่ นไป
พร ้อมกับวันสืบพยำน เช่น ศำล
้
้ั ้น
นัดชีสองสถำน
ชนต
ห รื อ นั ด สื บ พ ย ำ น โ จ ท ก ์
ในวันเดียวกัน คู่ควำมไม่มโี อกำส
ทรำบล่วงหน้ำว่ำ ศำลจะดำเนิ น
นั ด ชี ้ ส อ ง ส ถ ำ น ห รื อ นั ด
สืบพยำนโจทก ์ ปรำกฏว่ำถึง
้ ่ง
วันนัดจำเลยไม่ไปอย่ำงนี จะสั
ว่ ำ จ ำเลยขำดนั ด พิ จ ำรณำ
ไม่ ไ ด ้ เพรำะว่ ำ นั ด สองอย่ ำ ง
จำเลยไม่รู ้ว่ำศำลจะทำอะไรแน่
หลักเกณฑ ์ขอ้ ที่ ๓ คำ
ว่ำ ไม่ไดร้ บั อนุ ญำตจำกศำลให ้
่
เลือนคดี
กำรไม่ ไ ดร้ บั อนุ ญำต
จ ำ ก ศ ำ ลใ ห ้ เ ลื่ อ น ค ดี ไ ม่ ว่ ำ
คู่ ค วำมจะมีค ำร ้องขอเลื่อนคดี
หรือไม่ไม่สำคัญ
หำกถึงวัน
นั ดสืบพยำนแลว้ คู่ควำมฝ่ ำยใด
ไม่ ม ำโดยไม่ มีค ำสั่งจำกศำลให ้
่ ำร ้อง
๑. คู่ควำมมำยืนค
ขอเลื่อนคดีต่ อ ศำลในระหว่ ำ ง
กำรนั่ งพิ จ ำรณำคดี แม้ศ ำล
ไม่ อ นุ ญำตให เ้ ลื่อนก็ ไ ม่ ถ ื อ ว่ ำ
คู่ ค ว ำ ม ฝ่ ำ ย นั้ น ข ำ ด นั ด
พิจำรณำ เพรำะคู่ควำมนั้ นมำ
ศำลแล ว้ กำรมอบให เ้ สมี ย น
่
๒ . คู่ ค ว ำ ม เ ส มี ย น
ทนำย ผู ร้ บ
ั มอบฉั น ทะจำกตัว
ควำมหรือ ทนำยควำมมำยื่ น
ค ำร อ้ งต่ อ พนั ก งำนเจ ำ้ หน้ำ ที่
ของศำลตำมมำตรำ ๖๙ โดย
ไม่ได ้เข ้ำห ้องพิจำรณำ
หำก
่
ศำลไม่อนุ ญำตใหเ้ ลือนคดี
ถือ
้
๓. คู่ค วำมยื่นค ำร ้องขอ
เลื่อนคดีไ ว ก
้ ่อ นวัน นั ด สืบ พยำน
้ั น้ สังไม่
่ อนุ ญำตโดยสังใน
่
ศำลชนต
้ั งวันนั ดคู่ควำม
วันนั้ นเลย ครนถึ
ฝ่ ำยนั้ นไม่ ม ำศำลถือ ว่ ำ ขำดนั ด
พิจำรณำ ไม่ว่ำศำลจะสั่งคำร ้อง
วันใดก็ ตำม หำกไม่ อนุ ญำตและ
คู่ ค วำมฝ่ ำยนั้ นไม่ ม ำถือ ว่ ำ ขำด
๔. คู่ควำมฝ่ ำยหนึ่ งไม่มำ
ศำลใน
วัน สื บ พยำน
่
ส่วนคู่ควำมอีกฝ่ ำยหนึ่ งทีมำศำล
ยื่ นค ำร อ้ งขอเลื่อนคดี กรณี นี ้
ศำลจะต อ้ งมี ค ำสั่งขอเลื่ อนคดี
ก่ อ นหรือไม่ มี แ นว
คำ
พิพำกษำฎีกำเป็ นสองแนว
่
๕. คู่ ค วำมไม่ ม ำศำลใน
่
วันสืบพยำน
แต่ได ้ไปยืนขอ
เ ลื่ อ น ค ดี ที่ ศ ำ ล อื่ น เ พ ร ำ ะ
เหตุสุดวิสยั ตำมประมวลกฎหมำย
วิธพ
ี จิ ำรณำควำมแพ่ง มำตรำ ๑๐
ไม่ ถือ ว่ ำ ขำดนั ด พิจ ำรณำ หำก
ศำลเจ ำ้ ของส ำนวนสั่งว่ำ คู่ค วำม
ฝ่ ำยนั้น
ขำดนัดพิจำรณำถือ
่ ่ควำมไม่มำศำล
ผลจำกกำรทีคู
่ ใ ช่ว น
ในวัน นั ด อื่นซึงไม่
ั สืบ พยำนมีผ ล
สองประกำร คือ
๑. ใหถ้ ือ ว่ำคู่ค วำมที่ไม่ ม ำนั้ น
สละสิท ธิ
กำรด ำเนิ น กระบวน
พิจำรณำของตนในนัดนั้น
๒. ให ถ้ อ
ื ว่ำคู่ควำมที่ไม่ มำนั้ น
ได ท
้ รำบ กระบวนพิจ ำรณำที่ศำลได ้
ดำเนิ นไปในนัดนั้นด ้วยแล ้ว
ส่วนที่ ๓
่
เรืองคู
ค
่ วามขาดนัดพิจารณา
ตอนที่ ๑
้
คู ค
่ วามทังสองฝ
่ ายขาดนัด
พิจารณา
ตำมประมวลกฎหมำยวิ ธ ี
พิ จ ำรณำควำมแพ่ ง มำตรำ ๒๐๑
้
บัญญัตวิ ่ำ ถ้าคู ่ความทังสองฝ
่ าย
มีข ้อสังเกตดังต่อไปนี ้
๑. หำกคดี ใ ดมี ฟ้ อง
แ ย ้ง อ ยู่ ด ้ว ย
ก ำ ร สั่ ง
จ ำหน่ ำยคดี ฟ้ องแย ง้ ไปด ว้ ย
้
โดยถือว่ำคูค
่ วำมทังสองฝ่
ำยใน
คดีเ ดิม และ
คดี
้ ่
ฟ้ องแย ้งขำดนัดพิจำรณำทังคู
๑. คดีมโี จทก ์หรือจำเลย
้
หลำยคนจะถือ ว่ ำ คู่ค วำมทังสอง
ฝ่ ำ ย ข ำ ด นั ด พิ จ ำ ร ณ ำ ไ ด ้
ต อ้ งพิ จ ำรณำสั่งให เ้ ป็ นคู่ ๆ ไป
้
หมำยควำมว่ำ ตอ้ งทังสองฝ่
ำยไม่
มำจึ ง จะถื อ ว่ ำ โจทก แ์ ละจ ำเลย
ขำดนั ด พิจ ำรณำถ ำ้ บำงฝ่ ำยมำ
ห รื อ
บ ำ ง ฝ่ ำ ยไ ม่ ม ำ ก็
๓ . ก ร ณี ข ำ ด นั ด
้
พิจ ำรณำทังสองฝ่
ำย
ศำล
่ ำหน่ ำยคดีจำกสำรบบควำม
สังจ
ได ้
อย่ ำ งเดีย ว จะสั่ง
่ ได ้
อย่ำงอืนไม่
่
คาพิพากษาฎีกาที
ถ ำ้ ศำลสั่งจ ำหน่ ำยคดี ต ำม
มำตรำ ๒๐๑ โจทก อ์ ุ ท ธรณ์ค ำสั่ง
ไม่ได ้ตำมมำตรำ ๒๐๓ โจทก ์ได ้แต่จะ
น ำ ค ดี ไ ป ฟ้ อ งใ ห ม่ ภ ำ ยใ ต ้ บ ั ง คั บ
่
บทบัญ ญัติเ รือง
อำยุค วำม ก็ คือ
ต ้อ ง ดู ว่ ำ ถ ้ำ ฟ้ อ งใ ห ม่ แ ล ้ว ค ดี ข ำ ด
อำยุควำมหรือไม่ เพรำะฉะนั้นโจทก ์มี
ทำงแกก้ ็คือ อุทธรณ์ฎก
ี ำไม่ ได ้ ขอ
พิจำรณำคดีใหม่ไม่ได ้
แต่ฟ้ อง
๔. โจทก อ์ ุ ท ธรณ์ค ำสั่ง
จำหน่ ำยคดีไม่ได ้ ตอ้ งหำ้ มตำม
มำตรำ ๒๐๓ โจทก ์ได ้แต่จะนำคดี
ไ ป ฟ้ อ งใ ห ม่ ภ ำ ยใ ต ้ บั ง คั บ
บทบัญ ญัติแ ห่ ง กฎหมำยว่ ำ ด ว้ ย
อำยุควำมโดยไม่เป็ นฟ้ องซ ้อนหรือ
ฟ้ อ ง ซ ำ้ ห รื อ ด ำ เ นิ น ก ร ะ บ ว น
้
พิ จ ำรณำซ ำเพรำะศำลยั
งไม่ ไ ด ้
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๖๘๔/๒๕๔๘
่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที
๑๖๔๔/๒๕๑๙
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๒๘๙๘/๒๕๓๘
๕ . โ จ ท ก ์ไ ม่ มี สิ ท ธิ
ขอใหพ
้ จิ ำรณำ
คดีใหม่ แม้
มำตรำ ๒๐๓ จะไม่ ไ ด ห
้ ำ้ มไว ้
ก็ ต ำมกำรขอพิจ ำรณำคดีใ หม่
ไดน
้ ้ั น จ ะ ต อ
้ งเ ป็ น เรื่อ งมี ก ำ ร
พิ จ ำ ร ณ ำ ค ดี ฝ่ ำ ย เ ดี ย ว เ ป็ น
ส ำคัญ ถ ำ้ ศำลสั่งจ ำหน่ ำยคดี
้
ค าพิ พ ากษาฎีก า
ที่ ๑๑๖๕/๒๕๑๕ (ประชุม
ใหญ่)
ค าพิ พ ากษาฎีก า
ที่ ๑๓๖๐/๒๕๓๔
ค าพิ พ ากษาฎีก า
้ ให
้ เ้ ห็ นว่ำมีทำง
ฎีกำนี ชี
แก ส้ องทำง ทำงที่ ๑ ก็ คือ ร ้อง
ขอเพิกถอนกระบวนพิจำรณำที่
ผิ ด ร ะ เ บี ย บ ถ ้ ำ เ ห็ น ว่ ำ เ ป็ น
กระบวนพิจ ำรณำที่ผิด ระเบีย บ
ทำงที่ ๒
ก็ คือฟ้ องคดีใ หม่
ภำยในอำยุควำม
๖ . ก ำ ร ที่ ศ ำ ล มี ค ำ สั่ ง
จ ำหน่ ำยคดี เ สี ย จำกสำรบบ
ควำมนั้ น ตำมมำตรำ ๑๕๑
วรรคสำม ที่ แก ไ้ ขใหม่ เ มื่ อปี
๒๕๕๑
ใหศ้ ำลมีอำนำจ
้
สั่งคืนค่ำขึนศำลบำงส่
วนตำมที่
เห็นสมควรให ้แก่โจทก ์
ม า ต ร า ๒ ๐ ๒ ซึ่ ง
บัญ ญัต ิ ว่ ำ ถ้า โจทก ข
์ าดนั ด
พิ จ า ร ณ า ใ ห้ ศ า ล มี ค า สั่ ง
จ าหน่ ายคดี น้ั นเสี ย จากสา
รบบความเว้นแต่จาเลยจะได้
แจ้ง ต่ อ ศาลในวัน สื บ พยาน
ขอให้ด าเนิ นการพิ จ ารณา
ข อ้ ๑ หลัก เกณฑ ท
์ ี่ จะ
ถื อ ว่ ำ โ จ ท ก ์
ข ำ ด นั ด
พิ จ ำรณำต อ้ งเป็ นไปตำมมำตรำ
๒๐๐ ประกอบกับมำตรำ ๒๐๒
๑.๑ โจทก ์ไม่มำศำล
แต่ฝ่ำยจำเลย
ต ้องมำ
๑ . ๒ ค ดี ที่ มี โ จ ท ก ์
หลำยคนหรือมีจำเลยหลำยคน
กำรพิจ ำรณำว่ ำ โจทก ์คนใดไม่
่
มำศำลซึงจะเป็
นกำรขำดนั ด
พิจำรณำตำมมำตรำ ๒๐๒ หรือ
มำตรำ ๒๐๑ ต ้องแยกใหช
้ ดั เจน
โดยแยกให ้เป็ นคู่ ๆ ให ้ช ัดเจน
๑.๓ คดีที่มีฟ้ องแย ง้ ถ ำ้
โจทก ์ขำดนัดพิจำรณำตอ้ งแยกให ้
ดี ว่ ำ โ จ ท ก ใ์ น ค ดี เ ดิ ม ข ำ ด นั ด
พิ จ ำรณำ แสดงว่ ำ จ ำเลยในคดี
ฟ้ องแย ้งขำดนัดพิจำรณำด ้วย
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่
๓๑๗๒/๒๕๓๖
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่
๑.๔ คดีที่ผู ร้ ้องสอดตำม
มำตรำ ๕๗ และร ้องสอดเขำ้ มำใน
ฐำนะโจทก ์หรือโจทก ์ร่วมหมำยถึง
ผูร้ ้องสอดในฐำนะโจทก ์หรือโจทก ์
้ ตอ้ งถือว่ำ
ร่วมไม่มำศำล กรณี นีก็
โ จ ท ก ์ห รื อโ จ ท ก ์ร ่ ว ม ข ำ ด นั ด
พิจำรณำ
๑ . ๕ ค ดี ร อ้ ง ขั ด ท ร ัพ ย ์
ข ้อ ๒ กำรดำเนิ นกระบวน
พิ จ ำรณำในข อ
้ ที่ โจทก ข
์ ำดนั ด
พิ จ ำ ร ณ ำ ก ฎ ห ม ำ ย บั ญ ญั ติ
วิธ ีพิจ ำรณำคดีไ ว ใ้ นมำตรำ ๒๐๒
่
ซึงแยกได
้เป็ น ๒ กรณี คือ
กรณี ที่ ๑ จำเลยไม่ ได แ้ จง้
ต่อศำลใน
วันสืบพยำน
๑.๑ กำรแจ ง้ หรือไม่ แ จ ง้
ต่อศำลใน
วันสืบพยำนของ
ฝ่ ำยจ ำเลยนั้ น ไม่ ใ ช่ห น้ำ ที่ของ
่
ศำลทีจะสอบถำมฝ่
ำยจำเลย เป็ น
่
่จ ำเลยจะต อ้ งแถลงต่ อ ศำล
เรืองที
เอง ต อ
้ งแจ ง้ ให ศ
้ ำลทรำบตำม
กฎหมำย
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑.๒ กำรแจ ง้ ต่ อ ศำลของ
จำเลยต อ้ งช ด
ั แจง้ ว่ำประสงค ์จะให ้
ศำลดำเนิ นกำรพิจ ำรณำคดีต่อไป
กำรทีจ่ ำเลยแจ ้งต่อศำลว่ำ
ก. ขอให ศ
้ ำลมีค ำสั่ง
ตำมรูปคดี หรือ
ข . แ ล ้ ว แ ต่ ศ ำ ล จ ะ
ค . แ จ ้ ง ว่ ำ ข อใ ห ้ ศ ำ ล
่
่ นสมควร
พิจำรณำสังตำมที
เห็
่
่น ๆ ที่ไม่
ง. แถลงเรืองอื
่
เกียวข
อ้ งกับ
กำรพิจำรณำคดี
ต่อไป
่ ำวมำนั้ นไม่
ทัง้ ๔ ขอ้ ทีกล่
่ ศ้ ำล
ถือว่ำเป็ น
กำรแจ ้งเพือให
ดำเนิ นกำรพิจำรณำต่อไป
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๒๐๔๕/๒๕๑๔
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๖๐๗๙/๒๕๔๔
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๑๖๒/๒๕๔๕
ผลของกำรทีจ่ ำเลยไม่ได ้แจ ้ง
ต่อศำล
เมื่อจำเลยไม่แจง้ ต่อ
้ อ
ศำลแล ้ว จะมีผลดังต่อไปนี คื
ข้ อ ๑ ศ ำ ล ต ้ อ ง สั่ ง
่
จำหน่ ำยคดีเท่ำนั้นจะสั่งเป็ นอย่ำงอืน
่ งฟ้
้ องไม่ได ้
ไม่ได ้ เช่นจะไปสังทิ
ข้ อ ๒ เ มื่ อ ศ ำ ล สั่ ง
จ ำหน่ ำยคดีแ ล ว้
ห ำ้ มโจทก ์
่
ข้อ ๓ มำตรำ ๒๐๓ ห ำ้ ม
โจทก ์อุ ท ธรณ์ค ำสั่งจ ำหน่ ำยคดีแ ต่
ไม่หำ้ มจำเลยอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ ำย
คดีเพรำะมำตรำ ๒๐๓ ห ้ำมแต่เฉพำะ
โจทก ์
หำ้ มมิใหโ้ จทก ์อุทธรณ์
ค ำ สั่ ง จ ำ ห น่ ำ ย ค ดี ต ำ ม
มำตรำ ๒๐๑ และมำตรำ ๒๐๒ แต่
ภำยใต ้บังคับบทบัญญัตแิ ห่งกฎหมำย
่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๘๔๕๐/๒๕๓๘
คาพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๔/
๒๕๔๘
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๕๙๑/๒๕๔๒
ขอ้ ๔ โจทก ์มีสิทธินำคดี
มำฟ้ องใหม่ภำยใต ้บังคับบทบัญญัติ
แห่ ง กฎหมำย
ว่ ำ อำยุ
ควำมมีคำพิพำกษำฎีกำวินิจฉั ยไว ้
เป็ นบรรทัดฐำนว่ำ
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๒๖๐๔/๒๕๓๕
่
ขอ
้ ๕ เมื่ อ ศ ำ ล มี ค ำ สั่ ง
จำหน่ ำยคดีแลว้ โจทก ์ไม่มส
ี ิทธิร ้อง
ขอให ้พิจำรณำคดีใหม่
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๑๖๕/๒๕๑๕
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๓๕๒๘/๒๕๔๓
กำรที่ ศำลสั่งจ ำหน่ ำยคดี
เนื่ องจำกโจทก ์
ขำดนั ด
พิจำรณำนั้นมีทำงแก ้ ๒ ทำง
่ ด
ทำงที่ ๑ ถ ้ำเห็นว่ำศำลสังผิ
ก็ขอเพิกถอน
่ องคดีใหม่
ทำงที่ ๒ ต ้องยืนฟ้
จะมำยื่นค ำร ้องขอให ศ
้ ำลไต่ส วนและ
้ ำ พิ จ ำร ณำ ใ หม่ เป็ น
ยก ค ดี ข ึ นม
้
ข ้อ ๖ ก ำ ร ที่ ศ ำ ล สั่ ง
จ ำหน่ ำยคดีโ จทก ต์ ำมมำตรำ
๒ ๐ ๒ ศ ำ ลใ ช ด
้ ุ ล พิ นิ จ สั่ ง คื น
้
ค่ำขึนศำลบำงส่
วนได ้
่
่ าเลย
กรณี ที่ ๒ เป็ นเรืองที
จ
ได้แ จ้ง ต่ อ ศาลในวัน สืบ พยาน
ว่ำประสงค ์จะใหด้ ำเนิ นกำรพิจำรณำ
คดีต่ อไป ก็ ใ ห ศ
้ ำลพิ จ ำรณำและชี ้
ขำดตัดสินคดีน้ันไปฝ่ ำยเดียว
ข อ้ ๑ กรณี ที่ถือ ว่ำ มีก ำรแจ ง้
ต่อศำลใน
วันสืบพยำนแลว้ ก็
คือ
๑.๒ ถ ้ำจำเลยแจ ้งต่อศำล
ว่ำขอใหศ้ ำล ยกฟ้ องโจทก ์หรือ
แถลงว่ ำ จ ำเลยไม่ ติดใจสืบ พยำน
ต่ อไ ป ถื อ ว่ ำ จ ำ เ ล ย ข อใ ห ้ศ ำ ล
ดำเนิ นกำรพิจำรณำคดีตอ
่ ไปแลว้
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๒๓๕/๒๔๙๕
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑.๓ จ ำเลยไม่ แ จ ง้ ต่อ ศำลแต่
คดี น้ั นจ ำเลยมี ห น้ำ ที่ น ำสื บ ก่ อ นแม้
โจทก ์ขำดนั ดพิจำรณำแต่จำเลยก็ นำ
พยำนของตนเข ำ้ สืบ แสดงว่ ำ จ ำเลย
ประสงค ์ขอให ้ศำลดำเนิ นกำรพิจำรณำ
คดีตอ
่ ไป
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๗๗๙/๒๕๓๒
่
้งต่อศำลแล ้ว
ข ้อ ๒ เมือแจ
ศำลจะมีค ำสั่งเป็ นอย่ ำ งอื่น เช่น
สั่งจ ำหน่ ำยคดี ไ ม่ ไ ด ้ ต อ้ งสั่งให ้
ดำเนิ นกระบวนพิจำรณำต่อไป
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๒๓๕/๒๔๙๕
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
ขอ
้ ๔ ใ น ร ะ ห ว่ ำ ง ก ำ ร
พิจำรณำคดี
ฝ่ ำยเดียว ถ ำ้
่
โจทก ์ซึงขำดนั
ดพิจำรณำมำศำล
่ มต
่ น
ภำยหลังทีเริ
้ สืบพยำนไปบำ้ ง
แลว้ โจทก ์มีสท
ิ ธิขอพิจำรณำคดี
ใ ห ม่ ก่ อ น ศ ำ ล พิ พ ำ ก ษ ำ ต ำ ม
มำตรำ ๒๐๖ วรรคสำมได ้
ข ้อ ๕ ถ ้ำศำลพิจำรณำและ
้
ชีขำดตั
ด สิ น คดี ไ ปฝ่ ำยเดี ย วแล ว้
โจทก ์จะนำคดีมำฟ้ องใหม่ไม่ได เ้ ป็ น
ฟ้ อ ง ซ ำ้ เ พ ร ำ ะ ศ ำ ลไ ด ว้ ิ นิ จ ฉั ยใ น
ประเด็น
ข ้อพิพำทแห่งคดีแล ้ว
อัน มีก ำรพิจ ำรณำฝ่ ำยเดีย วและก็
้
พิพำกษำไปฝ่ ำยเดียวอย่ำงนี จะฟ้
อง
ใหม่ไม่ได ้
่
ข อ้ ๖ เมื่อศำลพิพ ำกษำ
ใหโ้ จทก ์ซึง่
ขำดนัดพิจำรณำ
แพ้คดี โจทก ์มีสท
ิ ธิขอให ้พิจำรณำ
ค ดี ใ ห ม่ ไ ด ้ ต ำ ม ม ำ ต ร ำ ๒ ๐ ๗
ประกอบมำตรำ ๑๙๙ ตรี เพรำะว่ำ
มี ก ำรพิ จ ำรณำพิ พ ำกษำคดี ไ ป
ฝ่ ำ ย เ ดี ย ว แ ล ้ ว แ ล ะ ศ ำ ล
ก็พพ
ิ ำกษำให ้โจทก ์แพ้คดี
จาเลยขาดนัด
พิจารณา
มาตรา ๒๐๔ บัญญัติ
ว่ ำ ถ้า จ าเลย
ขาดนัด
พิจ ารณาให้ศ าลพิจ ารณา
้
และชีขาดตั
ด สิน คดีน้ั นไป
ฝ่ ายเดี ย ว ก รณี จ ำเล ยขำด
นัดพิจำรณำก็เหมือนกับโจทก ์ขำด
นั ด พิ จ ำ ร ณ ำ ใ ช อ
้ ง ค ์ป ร ะ ก อ บ
๑) หลั ก เกณฑ ข
์ องกำรที่
จ ำเลยขำด
นั ด พิจ ำรณำ
นั้ นต อ้ งพิ จ ำรณำจำกมำตรำ ๒๐๐
่
ประกอบมำตรำ ๒๐๔ ซึงสำมำรถ
แยกออกได ้เป็ น ๓ ประกำร คือ
๑.๑ จำเลยไม่มำศำล
๑ . ๒ ใ น วั น สื บ พ ย ำ น
และ
เป็ นองค ป์ ระกอบ ๓ ข อ้
กรณี จำเลยขำดนั ดพิจำรณำ คำ
ว่ ำ จ ำ เ ล ยไ ม่ ม ำ ศ ำ ล ต ำ ม
องค ์ประกอบขอ้ ๑.๑ นั้ นตอ้ งมิใช่
่ ำใหก้ ำร
ขำดนัดยืนค
จำเลยที่
ตำมมำตรำ ๑๙๘ ทวิ
วรรคสี่
๑๙๘ ตรี วรรคสอง และทีว่่ ำจำเลย
ขำดนัดพิจำรณำนั้นมีข ้อพิจำรณำ
๑. คดีทมี
ี่ โจทก ์จำเลยฝ่ ำยละ
คน โจทก ์มำศำลแต่จำเลยไม่มำ
๒. คดีทมี
ี่ โจทก ์หลำยคนหรือ
จ ำเลยหลำยคน ต อ
้ งพิ จ ำรณำ
ระหว่ำ งโจทก ์และจ ำเลยแต่ล ะคนไป
มีคำพิพำกษำฎีกำที่ ๖๖๗๔/๒๕๔๑
๓. คดี ที่ มี ฟ้ องแย ง้ โจทก ์
และจ ำเลยต่ ำ งมี
๒ ฐำนะต อ
้ ง
๔. คดีที่มีผู ร้ ้องสอดตำม
มำตรำ ๕๗
ในฐำนะเป็ น
จ ำเลยหรือ จ ำเลยร่ว ม ถ ำ้ ไม่ ม ำ
ศำลถือว่ำขำดนัดพิจำรณำ
๕. คดีร ้องขัดทรพ
ั ย ์โจทก ์
เดิมไม่มำศำล ส่วนผูร้ ้องขัดทรพ
ั ย์
ม ำ ศ ำ ล โ จ ท ก ์ เ ดิ ม เ ป็ น
ผูข
้ ำดนัดพิจำรณำ
๒) กำรด ำเนิ น กระบวน
พิจ ำรณำในคดี
ที่จ ำเลยขำด
นั ด พิ จ ำ ร ณ ำ เ มื่ อ จ ำ เ ล ย
ข ำ ด นั ด พิ จ ำ ร ณ ำ ศ ำ ล ต ้ อ ง
พิ จ ำ ร ณ ำ แ ล ะ ชี ้ ข ำ ด
ตัด สิ น คดี น้ั นไปฝ่ ำยเดี ย ว ตำม
มำตรำ ๒๐๔ และมีข อ้ พิจ ำรณำ
ดังต่อไปนี ้
๒.๑ กำรพิ จ ำรณำคดีฝ่ ำย
เดียวนั้นถำ้ ภำระ กำรพิสูจน์ตกแก่
ฝ่ ำยโจทก ์ โจทก ม
์ ี ห น้ ำ ที่ ต อ
้ งน ำ
พยำนหลักฐำนมำสืบตำมประเด็ นขอ้
่ อยู่
พิพำททีมี
๒ . ๒ ใ น ร ะ ห ว่ ำ ง ก ำ ร
พิจำรณำคดีฝ่ำยเดียว ถ ้ำจำเลยที่
ขำดนัดพิจำรณำมำศำลในระหว่ำงนั้น
จ ำเลยมีสิท ธิข อให พ
้ ิจ ำรณำคดี ใ หม่
๒.๓ ถ ำ้ ศำลสืบ พยำนโจทก ์
ฝ่ ำยเดียวเสร็จ จำเลยยังไม่มำ ศำลมี
อ ำนำจพิพ ำกษำได ท
้ น
ั ทีต ำมมำตรำ
๑ ๓ ๓ โ ด ยไ ม่ ต ้อ ง เ ลื่ อ น ค ดี ไ ป นั ด
สืบพยำนจำเลยก่อน
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๓๘๒/๒๕๓๒
๒.๔ เมื่ อศำลพิ พ ำกษำให ้
้
การพิจารณาและชีขาด
ตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว
๑. ก ำ ร พิ จ ำ ร ณำ แล ะชี ้
ขำดตัด สิน คดีใ นลัก ษณะท ำนอง
เดีย วกัน นี ้ บัญ ญัติอ ยู่ ใ นประมวล
กฎหมำยวิ ธ ีพิ จ ำรณำควำมแพ่ ง
มำตรำ ๑๙๘ วรรคสำม คือกรณี ที่
่ ำให ้กำร
จำเลยขำดนัดยืนค
่
๒ . เ กี่ ย ว กั บ เ รื่ อ ง ก ำ ร
้
พิ จ ำรณำและชีขำดตั
ด สิน คดีไ ป
้
ฝ่ ำยเดียว กำรพิจำรณำและชีขำด
ตัด สิ นไปฝ่ ำยเดี ย วส ำหร บ
ั กรณี
่ ำใหก้ ำรกับ
จำเลยขำดนัด ยืนค
กรณี โจทก ห
์ รือ จ ำเลยขำดนั ด
พิ จ ำ ร ณ ำ มี ข ้ อ แ ต ก ต่ ำ ง กั น
่
เกียวกั
บภำระ
กำรพิสูจน์ใน
๓. ร ะหว่ ำ งที่ ศำล สั่ งใ ห ้
พิจ ำรณำคดี
ฝ่ ำยเดีย วตำม
ป ร ะมวลก ฎ หม ำ ยวิ ธ ี พิ จ ำร ณ ำ
ควำมแพ่ ง มำตรำ ๒๐๒ หรือ
่
มำตรำ ๒๐๔ หำกคู่ควำมทีขำด
นัดพิจำรณำมำศำล สำมำรถร ้อง
ขอให ม้ ีก ำรพิจ ำรณำคดีใ หม่ ต ำม
มำตรำ ๒๐๖ วรรคสำม ได ้
๔. ถ ำ้ ศำลพิพ ำกษำให โ้ จทก ์
หรือ จ ำเลยที่ ขำดนั ดพิ จ ำรณำตำม
มำตรำ ๒๐๒ และมำตรำ ๒๐๔
แพ้ค ดี ผู แ้ พ้ค ดีมีสิท ธิยื่นค ำร ้องขอให ้
พิจำรณำคดีใหม่ได ้ ตำมมำตรำ ๒๐๗
๕. ศำลจะวิ นิ จฉั ยให ค
้ ู่ ค วำม
ฝ่ ำยที่มำศำลชนะคดีก็ ต่อเมื่อศำลเห็ น
ว่ ำ ข อ้ อ ำ้ งของคู่ ค วำมที่มำศำลมี มู ล
และไม่ขด
ั ต่อกฎหมำยตำมมำตรำ ๒๐๖
๖ ระหว่ ำ งกำรสื บ พยำน
่
ฝ่ ำยเดียวของคู่ควำมทีมำศำลตำม
มำตรำ ๒๐๖ วรรคสำม คู่ควำมที่
ขำดนั ด พิ จ ำรณำมี สิ ท ธิค ัด ค ำ้ น
หรือ ถำมค ำ้ นพยำนที่ยัง สืบไม่
เสร็จ นั้ นได ้
ตำมมำตรำ
๒๐๖ วรรคสี่ (๒) และมี สิ ท ธิ น ำ
พยำนหลัก ฐำนของตนเข ำ้ สืบได ้
ค ำ พิ พ ำ ก ษ ำ ฎี ก ำ ที่ ๘ ๖ ๐ /
๒๕๓๖ กำรทีจ่ ำเลยขำดนัดพิจำรณำไม่
มำศำล ย่อมทำให ้เสียประโยชน์ คือ ไม่
่ บไปแลว้
มีสท
ิ ธิถำมคำ้ นพยำนโจทก ์ทีสื
ห รื อ คั ด ค ้ำ น ก ำ ร ร ะ บุ เ อ ก ส ำ ร ห รื อ
คัด ค ำ้ นค ำขอที่ให ศ
้ ำลไปท ำกำรตรวจ
้ เ้ ชียวชำญของศำลเฉพำะใน
่
หรือ ตังผู
วัน ที่ขำดนั ดไม่ ม ำศำลเท่ ำ นั้ น และหำ
ก ว่ ำ โ จ ท ก ส
์ ื บ พ ย ำ น ห ม ดใ น วั น นั้ น
๖ . ๑ ) ศ ำ ล สื บ พ ย ำ น
่
คู่ควำมทีมำศำลไป
ฝ่ ำยเดียวจน
เสร็จ คู่ค วำมที่ขำดนั ด ก็ ย งั ไม่ ม ำ
ก ร ณี นี ้ ถื อ ว่ ำ พ้ น เ ว ล ำ ที่ จ ะ น ำ
พยำนหลักฐำนของตนเข ้ำสืบแล ้ว
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๑๓๑/๒๕๐๕
่
๖.๒) ศำลสืบพยำนบุคคล
่
ของคู่ควำมฝ่ ำยทีมำศำลเสร็
จ แต่
่
งติดใจขอให ้
คู่ควำมฝ่ ำยทีมำศำลยั
ศำลเรีย กส ำนวนคดี อ ื่ นมำเป็ น
พยำน ระหว่ ำ งรอเรีย กส ำนวนที่
อ ำ้ งคู่ ค วำมที่
ขำดนั ด
พิจำรณำมำศำลถือว่ำมำศำลเมื่อ
พ้น เวลำที่จะน ำพยำนของตนเข ำ้
๖.๓) ศำลสืบพยำนโจทก ์ไป
จนเสร็จ
และโจทก ์แถลงหมด
พยำน ศำลจดรำยงำนกระบวน
พิ จ ำร ณำแล ว้ ขณะก ำลั ง อ่ ำ นใ ห ้
คู่ ค ว ำ ม ฟั ง จ ำ เ ล ย ที่ ข ำ ด นั ด
พิ จ ำรณำมำศำลถือ ว่ ำ มำศำลเมื่อ
่ ำพยำนของตนเข ้ำสืบ
พ้นเวลำทีจะน
แล ้วจะขอสืบพยำนไม่ได ้
๖ . ๔ ) ถ ำ้ คู่ ค ว ำ ม ฝ่ ำ ย ที่
่
ขำดนัดพิจำรณำมำศำลก่อนทีจะมี
กำรสืบ พยำนเสร็ จ หรือ ก่ อ นที่จะ
แถลงหมดพยำน ถือว่ำมำศำลยัง
่
ไม่ พน
้ เวลำ
ทีจะน
ำพยำนของ
ตนเข ้ำสืบ
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๗. ก ำรวิ นิ จฉั ยช ่ งน
ั ้ ำหนั ก
พยำนหลัก ฐำน
ถ ำ้ เป็ นกำร
พิ จ ำรณำคดีฝ่ ำยเดีย วกำรวินิ จฉั ย ก็
มักจะ ไม่เขม้ งวดมำกนัก เพรำะไม่ มี
พยำนหลักฐำนของ อีกฝ่ ำยหนึ่ งมำ
เปรียบเทียบ
คาพิพากษาฎีกาที่ ๓๑๕๐/
๒๕๓๗
๘. กำรขอใหพ
้ จิ ำรณำคดีใหม่
๑. ขอใหศ้ ำลพิจำรณำคดี
ใหม่กอ
่ น
ศำลพิพำกษำคดี
ตำมมำตรำ ๒๐๖ วรรคสำม
๒. ขอใหศ้ ำลพิจำรณำคดี
่
ใหม่เมือ
ศำลพิพำกษำให ้
แพ้คดีแล ้วตำมมำตรำ ๒๐๗
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
การขอให้พจ
ิ ารณาคดี
ใหม่มาตรา
กอ
่ นพิพ
ากษา
๒๐๖
วรรคสาม
่ ญญัตวิ ่ำ
ซึงบั
ในระหว่างการ
พิ จ า ร ณ า ค ดี ฝ่ า ย เ ดี ย ว ถ้ า
่
คู ่ความฝ่ายทีขาดนั
ดพิจารณา
ม า ศ า ล ภ า ย ห ลั ง ที่ เ ริ่ ม ต้ น
สืบ พยานไปบ้า งแล้ว และแจ้ง
ต่ อ ศ า ลใ นโ อ ก า ส แ ร ก ว่ า ต น
มีเ หตุ อ น
ั สมควรและศาลไม่
่ พจ
เคยมีคาสังให้
ิ ารณาคดีใหม่
้
ตามคาขอของคู ่ความฝ่ายนัน
มาก่อน ตามมาตรา ๑๙๙ ตรี
่
น ามาใช้บ งั คับ กับ การ
ซึงให้
ขาดนัด พิจารณาตามมาตรา
่
๒๐๗ ด้ว ย ให้ศ าลมีค าสังให้
พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรานี ้
๑. หลัก เกณฑ ข
์ องกำร
ขอให พ
้ ิ จ ำรณำคดีใ หม่ ก่ อ นศำล
พิ พ ำ ก ษ ำ แ ย กไ ด ้ เ ป็ น ๔ ข ้ อ
ดังต่อไปนี ้
ข อ้ ๑ คู่ค วำมที่ขำด
นั ด พิ จ ำรณำมำศำลระหว่ ำ งกำร
พิจำรณำคดีฝ่ำยเดียว
ข ้ อ ๓ ก ำ ร ข ำ ด นั ด
พิจ ำรณำนั้ นมิไ ด เ้ ป็ นไปโดยจงใจ
หรือมีเหตุอน
ั สมควร
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่
๔๖๘/๒๕๓๙
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่
๖๘๔๔/๒๕๕๐
่
ข ้อ ๔. คูค
่ วำมทีขอจะต
้อง
มิใ ช่ผู ท
้ ี่เคย ขำดนั ด พิจ ำรณำ
มำแล ว้ หรือ ศำลเคยอนุ ญำตให ้
พิจำรณำคดีใหม่ตำมมำตรำ ๒๐๗
มำแล ้ว
กรณี ที่ ๑ คู่ ค วำมที่ เคย
ขำดนั ด พิ จ ำรณำในคดีนี ้มำแล ว้
แ ล ะ ไ ด ้ร ับ อ นุ ญ ำ ต จ ำ ก ศ ำ ลใ ห ้
พิ จ ำ ร ณ ำ ค ดี ใ ห ม่ ก่ อ น ศ ำ ล
พิ พ ำกษำกลั บ มำ
ขำดนั ด
้ั ่สอง จะขอ
พิจ ำรณำอีก เป็ นคร งที
พิจำรณำคดีใหม่ อีกไม่ ไดไ้ ม่ ว่ำใน
้ั ่สอง
้
คร งที
จะเกิด ขึนโดยมิ
ได ้
่
กรณี ที่ ๒ คู่ควำมทีเคยขำด
นัดพิจำรณำและศำลพิพำกษำให ้แพ้
้ อแพ้คดีแลว้ ไดร้ ้อง
คดีมำแล ้ว ข ้อนี คื
ขอให พ
้ ิจ ำรณำคดีใ หม่ ต ำมมำตรำ
๒๐๗ ศำลอนุ ญำตให พ
้ ิจ ำรณำคดี
ใหม่ แต่ คู่ ค วำมนั้ นกลับ ขำดนั ด
พิจำรณำอีก แม้จะมำศำลในระหว่ำง
พิ จ ำรณำคดีฝ่ ำยเดีย วตำมมำตรำ
ข้อ ๒ การพิจ ารณาค า
ขอของศาล
กำรพิจำรณำคำขอของศำลมี
ข อ้ พิจ ำรณำ
แยกเป็ นข อ้ ๆ ได ้
ดังนี ้
ข ้อ ๑ ศำลจะต ้องพิจำรณำและ
่
วินิจฉัยคำขอก่อน หำกคำขอนั้นได ้ยืน
เขำ้ มำในระหว่ำงกำรพิจำรณำคดีฝ่ำย
เดียว ศำลจะไม่รบั พิจำรณำโดยอำ้ งว่ ำ
ข อ้ ๒ ค ำขอใหพ
้ ิจ ำรณำ
้
คดีใ หม่ นีกฎหมำยมิ
ไดบ้ ญ
ั ญัติให ้
ทำไดแ้ ต่ฝ่ำยเดียว ดังนั้นศำลตอ้ ง
สอบถำมคู่ควำมอีกฝ่ ำยหนึ่ งว่ำจะ
คัดคำ้ นหรือไม่ ถำ้ คู่ควำมอีกฝ่ ำย
หนึ่ ง
ไม่คด
ั ค ้ำน ศำลก็มี
้ จ
ิ ำรณำคดีใหม่ไดโ้ ดยไม่
คำสั่งใหพ
จำต ้องไต่สวนคำร ้องก่อน
ข อ้ ๓ ถ ำ้ ศำลพิ จ ำรณำ
แล ว้ เห็ น ว่ ำ
กำรขำดนั ด
พิจำรณำมิได ้เป็ นไปโดยจงใจหรือมี
เหตุ อ น
ั สมควรศำลก็ จ ะมีค ำสั่งให ้
พิ จ ำ ร ณ ำ ค ดี ใ ห ม่ โ ด ย เ ริ่ ม ต ้น
สืบ พยำนใหม่ ค ำเบิก ควำมของ
่ เ้ บิก ควำมไปแล ว้ อัน ถูก
พยำนทีได
ยกเลิก
ข อ้ ๔ ถ ำ้ ศำลเห็ น ว่ำ กำร
ขำดนั ด พิจ ำรณำเป็ นไปโดยจงใจ
ห รื อ ไ ม่ มี เ ห ตุ อั น ส ม ค ว ร
ศ ำ ล ก็ จ ะ มี ค ำ สั่ ง ย ก ค ำ ข อ ไ ม่
อนุ ญำตใหพ
้ ิจำรณำคดีใหม่ และ
ศำลตอ้ งดำเนิ นกระบวนพิจำรณำ
ต่อไปตำมมำตรำ ๒๐๖ วรรคสี่ ก็
คือใหด้ ำเนิ นคดีต่อไป หรือหำกยัง
ข อ้ ๕ ค ำสั่งศำลที่อนุ ญ ำต
หรือไม่ อ นุ ญำตให พ
้ ิจ ำรณำคดีใ หม่
ตำมมำตรำ ๒๐๖ วรรคสำมเป็ นคำสัง่
่ เห็นด ้วย
ระหว่ำงพิจำรณำคูค
่ วำมทีไม่
กั บ ค ำ สั่ ง ศ ำ ล ต อ
้ งโ ต แ้ ย ง้ ค ำ สั่ ง
่ นทีไม่ได ้
ดังกล่ำวไว ้จะอุทธรณ์คำสังทั
่
้ั น
เมือศำลช
นต
้ พิพำกษำคดีแลว้ จึง
่ อไปได ้
ใช ้สิทธิอท
ุ ธรณ์คำสังต่
ข อ้ ๖ ค ำสั่งศำลเกี่ยวกับ
กำรขอพิ จ ำรณำ คดี ใ หม่ ก่ อ น
พิ พ ำกษำตำมมำตรำ ๒๐๖ วรรค
สำม ไม่อยู่ภำยใตบ้ งั คับตำมมำตรำ
๑๙๙ เบญจ วรรคสี่
ข อ้ ๓ เมื่อศำลไม่ อ นุ ญ ำต
ให พ
้ ิ จ ำร ณำ
คดี ใ หม่ ตำม
มำตรำ ๒๐๖ วรรคสำม ผลจะเป็ น
ขอ
้ ๑ เสี ย สิ ท ธิ ใ น กำรน ำ
พยำนของตนเข ำ้ สืบ ถำ้ มำศำลเมื่อ
พน
้ เวลำที่จะน ำพยำนของตนเข ำ้ สืบ
แลว้ ตำมมำตรำ ๒๐๖ วรรคสี่ (๑) คำ
ว่ ำ พ น
้ เวลำที่จะน ำพยำนของตนเข ำ้
สืบ
คาพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๑/
๒๕๐๕
่
ข ้อ ๒ เ สี ย สิ ท ธิ ใ น ก ำ ร
คัด ค ำ้ นพยำนหลัก ฐำนที่น ำสืบไป
แล ว้ โดยวิ ธ ีถ ำมค ำ้ นหรือ คัด ค ำ้ น
พยำนหลัก ฐำนอื่นหมำยควำมว่ ำ
พยำนโจทก ์ที่โจทก ์น ำเข ำ้ สืบ แล ว้
จำเลยยังไม่มำ
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
ขอ
้ ๓ เสี ย สิ ท ธิ ที่ จ ะร อ้ ง
ขอให พ
้ ิจ ำรณำคดีใ หม่ ต ำมมำตรำ
๒๐๖ วรรคสี่ (๓)
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๔๒๖๓/๒๕๓๐
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๔๔๑๒/๒๕๓๖
้ นกำรยืน ยัน
สองฎีก ำนี เป็
ว่ ำ ถ ำ้ ศำล
ไม่ อ นุ ญำตให ้
พิจำรณำคดีใหม่ตำมมำตรำ ๒๐๖
วรรคสำม ก็คอื กำรขอพิจำรณำคดี
ใหม่กอ
่ นศำลพิพำกษำแล ้ว ต่อ มำ
ศำลพิพ ำกษำให จ้ ำเลยนั้ นแพ้ค ดี
จ ำเลยจะมำขอพิ จ ำรณำคดีใ หม่
่ นไปตำมมำตรำ
ไม่ ไ ด ้
ซึงเป็
การขอพิจารณาคดีใหม่หลัง
ศาลพิพ
ากษาให้
แ
พ้
ค
ดี
มาตรา ๒๐๗ บัญ ญัติ ว่ ำ
่
เมือศาลพิ
พากษาให้คู่ความฝ่าย
ที่ ขาดนั ด พิ จ ารณาแพ้ค ดี ใ ห้
น าบทบัญ ญัต ิม าตรา ๑๙๙ ทวิ
ม า ใ ช้ บ ัง คับโ ด ย อ นุ โ ล ม แ ล ะ
คู ่ ค วามฝ่ ายนั้ นอาจมี ค าขอให้
้ ้ ให้นา
พิจารณาคดีใหม่ได้ ทังนี
ทั้ ง ก ำ ร ข ำ ด นั ด ยื่ น
ค ำให ก
้ ำรและ
ขำดนั ด
พิจำรณำจึงเป็ นหลักกำรเดียวกัน
เมื่ อศำลพิ พ ำกษำให ค
้ ู่ ค วำมที่
ขำดพิ จ ำรณำ
แพ ค
้ ดี แ ล ว้
คู่ค วำมนั้ นมีสิท ธิข อให พ
้ ิจ ำรณำ
คดี ใ หม่ ไ ด ้ โดยมี ห ลัก เกณฑ ์
ดังต่อไปนี ้
๑ . เ ป็ น คู่ ค ว ำ ม ฝ่ ำ ย ที่ ข ำ ด นั ด
พิจำรณำและแพ้คดี
๒. คู่ ค วำมที่ ข ำดนั ดต อ
้ งไ ม่ ยื่ น
อุทธรณ์คด
ั คำ้ น
คำพิพำกษำ
หรือคำสัง่
๓. กำรขำดนั ด พิ จ ำรณำนั้ นต อ้ ง
มิไ ดเ้ ป็ นไปโดยจงใจหรือไม่ มีเ หตุ
ขอ
้ ๑. หลัก ส ำคัญ
ของข ้อ ๑ ทีว่่ ำเป็ นคูค
่ วำมฝ่ ำย
่
ทีขำดนั
ดพิจำรณำชนะคดี ก็
จะขอให ้พิจำรณำคดีใหม่ไม่ได ้
ข อ้ ๒. หลัก เกณฑ ข
์ อ้ ๒
เป็ นไปตำมหลักมำตรำ ๑๙๙ ตรี คือ
หำกคู่ ค วำมที่ขำดนั ด พิจ ำรณำแพ้
คดี ถำ้ มิไดย้ นอุ
ื่ ทธรณ์คำพิพำกษำ
หรือคำสั่งนั้น คู่ควำมฝ่ ำยนั้นมีสท
ิ ธิ
ขอใหพ
้ จ
ิ ำรณำคดีใหม่ได ้ คู่ค วำมที่
ขำดนัดพิจำรณำจะต ้องเลือกเอำทำง
ใ ด ท ำ ง ห นึ่ ง จ ะ ใ ห ้ศ ำ ล อุ ท ธ ร ณ์
พิ จ ำ ร ณ ำ ห รื อ จ ะ ใ ห ้ศ ำ ล ช ้ัน ต ้น
ข ้ อ ๓ . ก ำ ร ข ำ ด นั ด
พิจ ำรณำต อ้ งมิไ ด เ้ ป็ นไปโดยจงใจ
้ ้ เป็ นไป
หรือ มีเหตุอ น
ั สมควร ทังนี
ตำมหลักมำตรำ ๑๙๙ เบญจ วรรค
สอง
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๔๐๔๐/๒๕๓๒
เ ป็ น ปั ญ ห ำ ข ้ อ เ ท็ จ จ ริ ง คื อ
พฤติกำรณ์ดงั กล่ำวแสดงว่ำจำเลยเขำ้ ใจ
่
ผิดเรืองเวลำนั
ดของศำลเนื่ องจำกทนำย
จ ำเลยจดเวลำนั ดในสมุ ด ผิ ด ถื อได ว้ ่ ำ
จ ำเลยไม่ ไ ด จ้ งใจแสดงให เ้ ห็ น ถึง เจตนำ
ของจำเลยว่ำไม่ได ้จงใจขำดนัดพิจำรณำ
กำรขำดนัดเป็ นไปโดยจงใจ
ค าพิ พ ากษาฎี ก าที่ ๕๒๒/
๒๕๒๔
ขอ้ ๔. ตอ้ งมิใช่คู่ควำมที่
ต อ้ งห ำ้ มมิ ใ ห ้ ขอพิ จ ำรณำคดี
ใ ห ม่
คื อ ต ้ อ ง ห ้ ำ ม ต ำ ม
มำตรำ ๑๙๙ ตรี (๑) หรือ (๒) ซึง่
มำตรำ ๒๐๗ ใหน
้ ำมำใช ้บังคับโดย
อนุโ ลม สำมำรถแยกคู่ ค วำมที่
ต อ้ งห ำ้ มมิใ ห ข
้ อพิจ ำรณำคดีใ หม่
ได ้เป็ น
๔ ประเภท คือ
๑ . คู่ ค ว ำ ม ที่ ข ำ ด นั ด
พิจ ำรณำและศำลพิพ ำกษำให แ้ พ้
คดี ร อ้ งขอให พ
้ ิ จ ำรณำคดี ใ หม่
ศำลอนุ ญำต แต่ ก ลับ มำขำดนั ด
้ั ่ ๒
พิจำรณำอีกเป็ นครงที
๒ . คู่ ค ว ำ ม ที่ ข ำ ด นั ด
พิ จ ำรณำและมำศำลในระหว่ ำ ง
พิจ ำรณำคดีฝ่ ำยเดีย ว แต่ ไ ม่ ไ ด ้
่
ขอ้ ๓. คู่ควำมฝ่ ำยทีขำด
นัดพิจำรณำมำศำลในระหว่ำงกำร
พิ จ ำรณำคดี ฝ่ ำยเดี ย วและขอให ้
พิ จ ำรณำใหม่ ต ำมมำตรำ ๒๐๖
วรรคสำม แต่ศำลเห็ นว่ำกำรขำด
นั ดเป็ นไปโดยจงใจหรือไม่มีเหตุ อน
ั
สมควรจึงไม่ อ นุ ญำตให พ
้ ิ จ ำรณำ
คดีใหม่
ข อ้ ๔. คู่ ค วำมที่ขำดนั ด
พิ จ ำรณำมำศำลในระหว่ ำ งกำร
พิ จ ำรณำคดี ฝ่ ำยเดี ย วและร อ้ ง
ขอให พ
้ ิ จ ำรณำใหม่ ต ำมมำตรำ
๒๐๖ วรรคสำม
ศำลอนุ ญำต
ให พ
้ ิ จ ำรณำคดีใ หม่ แต่ คู่ ค วำม
้ บขำดนัดพิจำรณำอีกเป็ น
ฝ่ ำยนี กลั
้ั สอง
่
ครงที
การพิจ ารณาและค าสั่งใน
่
ค าขอให้พ ิจ ารณาคดีใ หม่ ซึงมี
ข ้อสังเกตดังต่อไปนี ้
ข ้อ ๑. คำขอให ้พิจำรณำคดีใหม่
ตำมมำตรำ ๒๐๗ เป็ นคำฟ้ อง ดังนั้ น
คู่ ค วำมที่ยื่นมีห น้ำ ที่ต อ้ งส่ ง ส ำเนำค ำ
ร ้องให แ้ ก่ คู่ ค วำมอีก ฝ่ ำยหนึ่ ง ถ ำ้ ไม่
้ องตำมมำตรำ ๑๗๔
ปฏิบต
ั ถ
ิ อ
ื ว่ำ ทิงฟ้
ขอ้ ๒. คำขอใหพ
้ ิจำรณำ
้ั น
คดี ใ หม่ ต อ
้ งยื่ นต่ อ ศำลช นต
้ ที่
พิ จ ำ ร ณ ำ แ ล ะ ตั ด สิ น ค ดี นั้ น
จ ะ ใ ช ้ว ิ ธี อุ ท ธ ร ณ์ ฎ ี ก ำ เ พื่ อใ ห ้
พิจำรณำคดีใหม่ไม่ได ้
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
๗๖/๒๕๒๓
ค า พิ พ า ก ษ า ฎี ก า ที่
ขอ้ ๓. คำขอใหพ
้ ิจำรณำ
ใหม่ ต อ้ งยื่ นภำยในก ำหนดเวลำ
ต ำ ม ม ำ ต ร ำ ๑ ๙ ๙ จั ต ว ำ
้ อ้ งเป็ นกรณี ที่
วรรคหนึ่ ง กรณี นี ต
่ ำใหก้ ำรไว ้ ถำ้ กรณี
จำเลยไดย้ ืนค
จำเลยไม่ยนค
ื่ ำใหก้ ำร
เรำจะ
่ ำจำเลยขำดนัดพิจำรณำไม่ได ้
สังว่
ขอ้ ๔. คำขอใหพ
้ ิจำรณำ
คดีใหม่ตอ้ งบรรยำยโดยชดั แจง้ ซึง่
เหตุ ที่ ขำดนั ดพิ จ ำรณำและข อ
้
้
่
คัดคำ้ นคำตัดสินชีขำดของศำลที
แ ส ด งใ ห ้ เ ห็ น ว่ ำ ห ำ ก ศ ำ ลไ ด ้
พิจ ำรณำคดีน้ั นใหม่
ตนอำจ
เป็ นฝ่ ำยชนะและในกรณี ที่ยื่นค ำ
ขอล่ ำ ช ำ้ ต อ้ งแสดงเหตุ แ ห่ ง กำร
ล่ำช ้ำนั้นด ้วย
ขอ
้ ๕ . เ มื่ อ ศ ำ ล ช ้ัน ต น
้
พิจำรณำคำขอให ้พิจำรณำคดีใหม่
แล ว้ เห็ น ว่ำ ครบถ ว้ นถูก ต อ้ งตำม
กฎหมำย จึ ง มี ค ำสั่งอนุ ญำตให ้
้ นทีสุ
่ ด
พิจำรณำคดีใหม่ คำสั่งนี เป็
ตำมมำตรำ ๒๐๗ ประกอบมำตรำ
๑ ๙ ๙ เ บ ญ จ ว ร ร ค สี่ คู่ ค ว ำ ม
อุทธรณ์ฎก
ี ำต่อไปไม่ได ้
ข อ้ ๖. ในกรณี ที่ ศำลมี ค ำสั่ง
อนุ ญำตใหพ
้ ิจำรณำคดีใหม่ตำมมำตรำ
๒๐๗ ประกอบมำตรำ ๑๙๙ เบญจ
วรรคสำม ตอนท ำ้ ย ให ศ
้ ำลพิจ ำรณำ
คดี น้ั นใหม่ ต ้งแต่
ั
เ วลำที่ มี ก ำรขำดนั ด
พิ จ ำ ร ณ ำ คื อ ต อ น ที่ ศ ำ ล เ ริ่ ม ต ้ น
สืบพยำนในวันสืบพยำน คำเบิก ควำม
ของพยำนที่
เบิก ควำมไปแล ว้ ค ำ
้ั น
พิพำกษำหรือคำสั่งของศำลชนต
้ ศำล
ข อ้ ๗. คดี ที่มี คู่ ค วำมหลำย
คน สิทธิทจะขอให
ี่
ม้ ีกำรพิจำรณำคดี
ใหม่ เ ป็ นสิท ธิเ ฉพำะของคู่ค วำมแต่ ล ะ
ค น ไ ม่ มี ผ ลไ ป ถึ ง คู่ ค ว ำ ม อื่ น ด ้ว ย
คูค
่ วำมแต่ละคนอำจไม่ได ้รบั อนุ ญำตให ้
พิ จ ำรณำคดีใ หม่ บำงคนอำจได ร้ บ
ั
้ น
แต่ถำ้ เป็ นคดีซงฟ้
ึ่ องขอใหช
้ ำระหนี อั
ไม่อำจแบ่งแยกจำกกันได ้ คู่ควำมคน
ใดจะไดร้ บั ประโยชน์หรือไม่ก็ขนอยู
ึ้
่กบ
ั
่
่
ข ้อ ๘. เมือศำลอนุ
ญำตให ้
พิ จ ำรณำคดี ใ หม่ ระหว่ ำ งกำร
พิ จ ำรณำคดี ใ หม่ จ ะขำดนั ดอี ก
ไม่ ได ้ ถ ำ้ ขำดนั ดอีกก็ หมดสิทธิที่
จะร ้องขอตำมมำตรำ ๒๐๖ วรรค
สำม และเมื่อศำลพิพ ำกษำให แ้ พ้
คดีก็จะขอให ้พิจำรณำคดีใหม่ไม่ได ้
ตำมมำตรำ ๒๐๗ ประกอบมำตรำ