การออกหมายบังคับคดี การออกหมายบังคับคดี มาตรา ๒๗๖ • ๑. ลูกหนี ้ต้ องทราบคาบังคับแล้ ว • ๒.

Download Report

Transcript การออกหมายบังคับคดี การออกหมายบังคับคดี มาตรา ๒๗๖ • ๑. ลูกหนี ้ต้ องทราบคาบังคับแล้ ว • ๒.

การออกหมายบังคับคดี
การออกหมายบังคับคดี มาตรา ๒๗๖
• ๑. ลูกหนี ้ต้ องทราบคาบังคับแล้ ว
• ๒. ระยะเวลาให้ ปฏิบตั ิตามคาบังคับได้ ลว่ งพ้ นไปแล้ ว
• ๓. คาขอมีข้อความครบถ้ วนตามมาตรา ๒๗๕ กล่าวคือ
– ต้ องกล่าวถึงคาพิพากษาหรื อคาสัง่ ซึง่ จะขอให้ บงั คับคดี
– จานวนเงินที่ยงั ไม่ได้ รับชาระหนี ้ตามคาพิพากษา
– วิธีการบังคับคดีซงึ่ ขอให้ ศาลออกหมายนัน้
คาพิพากษาศาลฎีกาที่วนิ ิจฉัยเกี่ยวกับคาขอออกหมายบังคับคดี
• กรณีวินิจฉัยว่าคาขอฯ ไม่ชอบ
• ๔๐๕๓/๒๕๓๒
• การดาเนินการบังคับคดีตามคาพิพากษาในคดีอาญานัน้ นอกจาก
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 249 บัญญัติไว้ แล้ ว
ยังอาจดาเนินการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
แพ่งประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
ได้ อีกทางหนึง่ ดังนัน้ คาพิพากษาในคดีอาญาที่ห้ามมิให้ จาเลย
ประกอบการค้ าเลี ้ยงสุกรในเขตเทศบาลอีกต่อไปจนกว่าจะได้ รับ
ใบอนุญาตจากเจ้ าพนักงานท้ องถิ่นนัน้
๔๐๕๓/๒๕๓๒ (ต่อ)
• แม้ ไม่อาจดาเนินการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ
อาญา มาตรา 249 ได้ โจทก์ก็ยงั อาจขอให้ ศาลออกหมายบังคับคดีโดย
อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบกับประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ได้ คาร้ อง ของ โจทก์
ขอให้ ศาลออกหมายบังคับคดีระบุแต่เพียงว่า ขอศาลได้ โปรดออกหมาย
บังคับคดีเพื่อให้ จาเลยปฏิบตั ติ ามคาพิพากษาเท่านันหาได้
้
ระบุโดยชัด
แจ้ งว่าจะบังคับคดีแก่จาเลยด้ วยวิธีการอย่างไรคาร้ อง ของ โจทก์จงึ ไม่
ชอบด้ วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 275(3) ชอบที่
จะยกคาร้ อง.
• กรณีวินิจฉัยว่าคาขอฯ ชอบ
• ๑๐๒๐๙/๒๕๕๓
๑๐๒๐๙/๒๕๕๓
• ตาม พ.ร.บ.จัดตังศาลทรั
้
พย์สินทางปั ญญาและการค้ าระหว่างประเทศและ
วิธีพิจารณาคดีทรัพย์สนิ ทางปั ญญาและการค้ าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539
มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 271 ถ้ าลูกหนี ้ตามคาพิพากษามิได้
ปฏิบตั ติ ามคาพิพากษาทังหมดหรื
้
อบางส่วน เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาชอบที่
จะร้ องขอให้ บงั คับคดีตามคาพิพากษานันได้
้ ภายในสิบปี นับแต่วนั มีคา
พิพากษาโดยอาศัยและตามคาบังคับที่ออกตามคาพิพากษานัน้ มาตรา 275
บัญญัตวิ า่ ถ้ าเจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาจะขอให้ บงั คับคดีให้ ยนื่ คาขอฝ่ ายเดียว
ต่อศาลเพื่อให้ ออกหมายบังคับคดี และมาตรา 276 ก็บญ
ั ญัติไว้ เพียงว่าถ้ า
ศาลเห็นว่าคาบังคับที่ขอให้ บงั คับนันได้
้ สง่ ให้ แก่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาและ
ระยะเวลาที่ศาลกาหนดไว้ เพื่อให้ ปฏิบตั ติ ามคาบังคับนันได้
้ ลว่ งพ้ นไปแล้ ว
ให้ ศาลออกหมายบังคับคดีได้ ทนั ที ซึง่ บทบัญญัตดิ งั กล่าวหาได้ มีข้อจากัดว่า
จะต้ องส่งคาบังคับให้ ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาทุกคนก่อน
๑๐๒๐๙/๒๕๕๓
(ต่อ)
• ศาลจึงจะออกหมายบังคับคดีได้ และเมื่อพิจารณาคาขอออกหมาย
บังคับคดีของโจทก์ก็ปรากฏว่ามีข้อความกล่าวถึงคาพิพากษาที่จะขอให้
มีการบังคับคดี รวมถึงวิธีการบังคับคดี และได้ ระบุไว้ แล้ วว่า "จาเลยทังสี
้ ่
ไม่ปฏิบตั ติ ามคาพิพากษา ชาระหนี ้ให้ โจทก์แต่ประการใด" อันแสดงว่า
ในขณะที่โจทก์ขอออกหมายบังคับคดียงั มีหนี ้ค้ างชาระอยูเ่ ต็มจานวน
ตามคาพิพากษา ถือได้ วา่ คาขอของโจทก์ได้ ระบุจานวนหนี ้ที่ยงั มิได้
ชาระตาม ป.วิ.พ. มาตรา 275 (2) แล้ ว คาสัง่ ของศาลทรัพย์สนิ ทาง
ปั ญญาและการค้ าระหว่างประเทศ ที่ให้ ออกหมายบังคับคดีตามคาขอ
ของโจทก์จงึ ชอบด้ วยกฎหมาย
หมายบังคับคดีที่ออกไม่ชอบ แต่ศาลไม่มีคาสัง่ ให้เพิกถอน
• ๕๖๔๒/๒๕๔๐
• คาว่า "ลักษณะนี ้" ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/1 คือ
ลักษณะ 5ของบรรพ 1 ซึง่ ว่าด้ วยหลักทัว่ ไป มิได้ ใช้ บงั คับเฉพาะเรื่ องนิตกิ รรม
แต่ใช้ บงั คับในเรื่ องการนับระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพ่ง ด้ วย และแม้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 273
วรรคสามจะได้ บญ
ั ญัตวิ า่ ระยะเวลาในคาบังคับให้ เริ่ มนับแต่วนั ที่ได้ สง่ คา
บังคับหรื อข้ อความท้ ายคาบังคับที่ระบุให้ จาเลยที่ 2 ปฏิบตั ิตามคาพิพากษา
ภายใน 7 วันนับแต่วนั ได้ รับคาบังคับ ก็ไม่อาจถือว่าเป็ นข้ อยกเว้ นที่จะต้ อง
นับระยะเวลาในวันแรกรวมเข้ าด้ วยกรณีต้องนับระยะเวลาตังแต่
้ วนั รุ่งขึ ้นจาก
วันปิ ดคาบังคับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรค
หนึง่ มีเจตนารมณ์เพื่อให้ เวลาแก่ลกู หนี ้ในอันที่จะปฏิบตั กิ ารชาระหนี ้แก่
เจ้ าหนี ้
๕๖๔๒/๒๕๔๐ (ต่อ)
• หากยังอยูใ่ นระยะเวลาดังกล่าวศาลก็จะยังไม่ออกหมายบังคับคดีเพื่อ
ยึดทรัพย์สนิ ของลูกหนี ้ กรณีนี ้แม้ วนั สุดท้ ายแห่งระยะเวลาจะเป็ น
วันหยุดราชการ ซึง่ ตามปกติธนาคารโจทก์จะหยุดทาการด้ วย อันเป็ น
เหตุให้ จาเลยไม่สามารถติดต่อกับโจทก์ได้ แต่วนั เปิ ดทาการในวันจันทร์
ที่ 16 มกราคม 2538 และต่อ ๆ มาหลังจากนัน้ ก็ไม่ปรากฏว่าจาเลยที่ 2
ได้ ชาระหนี ้แก่โจทก์แต่อย่างใดการที่ศาลชันต้
้ นออกหมายบังคับคดีใน
วันเปิ ดทาการดังกล่าว แม้ จะออกเร็วไป 1 วัน แต่เจ้ าพนักงานบังคับคดี
ก็เพิ่งไปดาเนินการบังคับคดีเมื่อกาหนดเวลาตามคาบังคับได้ ลว่ งพ้ นไป
แล้ วการที่จาเลยที่ 2 มิได้ ชาระหนี ้ กรณีก็ต้องมีการบังคับคดีตามหมาย
บังคับคดีได้ อยูน่ นั่ เอง จึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนหมายบังคับคดีและถอน
การบังคับคดี
ลักษณะของคาพิพากษา
•
•
•
•
มี ๓ รูปแบบ
๑.พิพากษาให้ ชาระหนี ้เงิน
๒. พิพากษาให้ ขบั ไล่ หรื อรื อ้ ถอนสิง่ ปลูกสร้ าง
๓. พิพากษาให้ กระทาการ หรื องดเว้ นกระทาการ
ลักษณะของคาพิพากษา (ต่อ)
• ๑.พิพากษาให้ ชาระหนี ้เงิน
• เป็ นกรณีต้องดาเนินการทางเจ้ าพนักงานบังคับคดี
• วิธีการ - ยึด หรื อ อายัดทรัพย์ของลูกหนี ้ตามคาพิพากษา แล้ วขาย
ทอดตลาดนาเงินมาชาระหนี ้ตาม มาตรา ๒๗๘, ๒๘๒, ๒๘๓, ๒๘๔
ลักษณะของคาพิพากษา (ต่อ)
• ๒.พิพากษาให้ ขบั ไล่ หรื อรื อ้ ถอนสิ่งปลูกสร้ าง
• - เป็ นกรณีต้องดาเนินการทางเจ้ าพนักงานบังคับคดีตามมาตรา ๒๙๖
ทวิ – ๒๙๖ สัตต
• วิธีการ
• เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาต้ องขอให้ ศาลออกหมายบังคับคดี เพือ่ ให้ เจ้ า
พนักงานบังคับคดี จัดให้ เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาเข้ าครอบครองทรัพย์
หรื อจัดการรื อ้ ถอนสิง่ ปลูกสร้ าง
• การรื อ้ ถอนสิง่ ปลูกสร้ าง รวมถึงสิง่ ปลูกสร้ างที่มีอยูใ่ นขณะยื่นฟ้อง และ
ที่ปลูกสร้ างขึ ้นในระหว่างคดีด้วย ๓๗๐๖/๒๕๔๐, ๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔
• ๓๗๐๖/๒๕๔๐
• หลังจากศาลชันต้
้ นพิพากษาให้ จาเลยรื อ้ ถอนรัว้ ลวดหนามออกไปจาก
ที่ดินโจทก์และห้ ามจาเลยและบริวารเกี่ยวข้ องกับที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป
ขณะคดีอยูใ่ นระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค3จาเลยรับว่า
ได้ ปลูกสร้ างบ้ านในที่พิพาทเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค3และศาลฎีกา
พิพากษายืนตามศาลชันต้
้ นโจทก์ยอ่ มมีสทิ ธิที่จะขอให้ บงั คับจาเลยรื อ้
ถอนบ้ านพิพาทดังกล่าวออกจากที่ดนิ
๓๗๐๖/๒๕๔๐ (ต่ อ)
• ซึง่ โจทก์มีสทิ ธิครอบครองได้ แต่ในกรณีที่ลกู หนี ้ตามคาพิพากษาต้ องรื อ้
ถอนสิง่ ปลูกสร้ างออกไปจากอสังหาริมทรัพย์นนประมวลกฎหมายวิ
ั้
ธี
พิจารณาความแพ่งมาตรา296เบญจกาหนดให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดี
จัดการรื อ้ ถอนสิง่ ปลูกสร้ างนันและในการรื
้
อ้ ถอนให้ ปิดประกาศ
กาหนดการรื อ้ ถอนไว้ ณบริเวณนันไม่
้ น้อยกว่าเจ็ดวันดังนันการที
้
่เจ้ า
พนักงานบังคับคดีสง่ มอบบ้ านพิพาทให้ โจทก์ครอบครองย่อมไม่ใช่เป็ น
วิธีการบังคับคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ศาลชอบที่จะมีคาสัง่ ให้ ยก
วิธีการบังคับคดีเฉพาะบ้ านพิพาทและให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดี
ดาเนินการใหม่เสียให้ ถกู ต้ อง
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔
• ศาลพิพากษาให้ จาเลยรื อ้ ถอนรัว้ กาแพงคอนกรี ตออกจากที่ดนิ ของโจทก์
จาเลยได้ ปฏิบตั ติ ามคาบังคับของศาลโดยรื อ้ ถอนรัว้ กาแพงคอนกรี ตแล้ ว
ต่อมาจาเลยกลับก่อสร้ างชันวางของท
้
าด้ วยแผ่นเหล็กขึ ้นใหม่ตามแนวรัว้
กาแพงคอนกรี ตตลอดทังแนวและไม่
้
ยอมรื อ้ ถอนชันวางของดั
้
งกล่าวตามคา
บังคับ ศาลจึงบังคับให้ จาเลยรื อ้ ถอนและขนย้ ายชันวางของออกไปจากที
้
่ดิน
ของโจทก์ การที่จาเลยโอนตึกและที่ดนิ ให้ แก่ ส. ไปแล้ ว แต่จาเลยยังเป็ น
ผู้จดั การดูแลครอบครองตึกจึงถือไม่ได้ วา่ สภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิ ดช่อง
ให้ กระทาได้ จาเลยซึง่ เป็ นลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรื อ ส. ผู้ซื ้อตึกและที่ดิน
ยังจะต้ องปฏิบตั ติ ามคาบังคับให้ รือ้ ถอนขนย้ ายชันวางของที
้
ก่ ่อสร้ างรุกล ้า
เข้ ามาในที่ดนิ ของโจทก์เช่นกัน โดยโจทก์ไม่ต้องขอให้ ศาลชันต้
้ นออกคา
บังคับใหม่ คาบังคับของศาลชันต้
้ นที่ออกโดยชอบด้ วยกฎหมายจึงไม่เป็ น
การขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 28 และมาตรา 35
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔ (ต่ อ)
• ฎีกาของจาเลยที่วา่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ ศาลชันต้
้ นออกคาบังคับ
ใหม่ให้ จาเลยปฏิบตั ติ ามไม่ชอบด้ วยกฎหมาย ขอให้ สง่ สานวนให้ ศาล
รัฐธรรมนูญวินิจฉัยนัน้ มิใช่ข้อโต้ แย้ งกล่าวอ้ างว่า บทบัญญัติแห่ง
กฎหมายที่ศาลจะใช้ บงั คับแก่คดีขดั หรื อแย้ งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่
จาต้ องส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย มาตรา 264
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔ (ต่ อ)
• คาบังคับที่ออกตามคาพิพากษาให้ รือ้ ถอนรัว้ กาแพงคอนกรี ตเป็ นการให้
รื อ้ ถอนสิง่ ปลูกสร้ างที่ปรากฏอยูใ่ นขณะยื่นฟ้อง สิง่ ปลูกสร้ างที่มีอยู่
ขณะฟ้องหรื อเกิดขึ ้นในอนาคตในระหว่างคดีจากการกระทาของจาเลย
หรื อที่จาเลยยินยอมให้ กระทาขึ ้น ย่อมต้ องถูกบังคับให้ รือ้ ถอนและขน
ย้ ายด้ วยเช่นกัน การที่จาเลยก่อสร้ างชันวางของขึ
้
้นใหม่หลังจากรื อ้ ถอน
รัว้ กาแพงคอนกรี ตแล้ ว จึงถือว่ายังมิได้ ปฏิบตั ติ ามคาบังคับให้ ครบถ้ วน
จาเลยยังคงต้ องชดใช้ คา่ เสียหายเดือนละ 2,000 บาทที่มีอยูต่ อ่ เนื่อง
ตราบเท่าที่จาเลยยังไม่รือ้ ถอนชันวางของออกไป
้
การจัดการให้เจ้าหนี้ตามคาพิพากษาได้ครอบครองทรัพย์
• การบังคับคดีเสร็จสิ ้นลงตามคาพิพากษาแล้ ว ๔๘๒๔/๒๕๔๕
• ๔๘๒๔/๒๕๔๕
• แม้ คาพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะสามารถแบ่งคาบังคับออกเป็ น 2
ส่วนคือ ส่วนที่จะต้ องส่งมอบการครอบครองที่ดนิ พิพาทแก่โจทก์ กับ
ส่วนที่ห้ามจาเลยทังสามและบริ
้
วารเข้ ารบกวนการครอบครองทีด่ ิน
พิพาทของโจทก์ก็ตาม แต่ข้อสาคัญในคาบังคับนันอยู
้ ท่ ใี่ ห้ จาเลยทังสาม
้
และบริวารออกไปจากที่ดนิ พิพาทโดยการส่งมอบการครอบครองแก่
โจทก์เท่านัน้ ส่วนที่มิให้ จาเลยทังสามและบริ
้
วารเข้ ามารบกวนการ
ครอบครองของโจทก์อีกนัน้
๔๘๒๔/๒๕๔๕ (ต่ อ)
• เป็ นเพียงส่วนหนึง่ ของการบังคับให้ จาเลยทังสามส่
้
งมอบการ
ครอบครองที่ดนิ พิพาทแก่โจทก์ เมื่อปรากฏว่าจาเลยที่ 1 ได้ รือ้ ถอนสิง่
ปลูกสร้ างออกไปและโจทก์เข้ าครอบครองที่ดนิ พิพาทแล้ ว แสดงให้ เห็น
แน่ชดั ว่าฝ่ ายจาเลยทังสามได้
้
ออกจากที่ดนิ ตามคาพิพากษาไม่ได้
รบกวนการครอบครองที่ดนิ พิพาทของโจทก์ ถือว่าการบังคับคดีได้ เสร็จ
สิ ้นลงตามคาพิพากษาดังกล่าวแล้ ว การที่โจทก์ถกู จาเลยที่ 1 และที่ 2
กับพวก เข้ ามารบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทนี ้อีกภายหลังที่โจทก์
เข้ าครอบครองที่ดนิ พิพาทแล้ ว จึงเป็ นเหตุการณ์ที่เกิดขึ ้นภายหลังที่การ
บังคับคดีได้ เสร็จสิ ้นลง ถือเป็ นเหตุที่เกิดขึ ้นใหม่ โจทก์ชอบที่จะไป
ดาเนินคดีแก่จาเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกเป็ นคดีใหม่
การจัดการให้เจ้าหนี้ตามคาพิพากษาได้ครอบครองทรัพย์ (ต่อ)
• การบังคับคดียงั ไม่เสร็จสิ ้นลงตามคาพิพากษา ๔๔๓๒/๒๕๔๕
• ๔๔๓๒/๒๕๔๕
• ที่ดนิ พิพาทมีสภาพเป็ นที่ดนิ ที่มีการปลูกต้ นยูคาลิปตัสไว้ เท่านันไม่
้ มี
ต้ นไม้ อื่นหรื อสิง่ ปลูกสร้ างอยูใ่ นที่ดินพิพาท ดังนัน้ จึงไม่มีความจาเป็ น
อันใดที่จาเลยและบริวารจะต้ องอยูค่ รอบครองตลอดเวลา เมื่อทาการ
ปลูกต้ นยูคาลิปตัสเสร็จแล้ วก็ไม่จาเป็ นต้ องมาเฝ้าดูแล โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งในเวลาที่ผ้ แู ทนโจทก์นาเจ้ าพนักงานบังคับคดีไปทีท่ ี่ดินพิพาทเพื่อ
บังคับคดี
๔๔๓๒/๒๕๔๕ (ต่ อ)
• ตามรายงานที่เจ้ าพนักงานบังคับคดีไม่พบจาเลยหรื อบุคคลใดอยู่
ในที่ดนิ พิพาท เจ้ าพนักงานบังคับคดีควรจะต้ องสอบถามจาเลย
หรื อกระทาการอย่างใด ๆ เพื่อให้ ได้ ข้อเท็จจริ งที่ถกู ต้ องแน่นอน การ
ที่เจ้ าพนักงานบังคับคดีรับฟั งคาแถลงของผู้แทนโจทก์ซงึ่ แถลงตาม
ข้ อเท็จจริ งที่เกิดขึ ้นชัว่ ขณะต่อหน้ าแล้ วด่วนชี ้ขาดว่าทรัพย์ที่ต้อง
จัดการตามคาพิพากษานันไม่
้ มีผ้ ใู ดอยูอ่ าศัยจึงมอบการครอบครอง
ทรัพย์นนให้
ั ้ แก่โจทก์ในทันทีไม่ต้องด้ วยเจตนารมณ์ของกฎหมายที่
มุง่ จะให้ คาพิพากษาหรื อคาสัง่ ของศาลมีผลบังคับเด็ดขาดให้ เสร็ จ
สิ ้นไป
๔๔๓๒/๒๕๔๕ (ต่ อ)
• และตามรายงานเจ้ าพนักงานบังคับคดีที่ไปยึดทรัพย์จาเลยเพือ่ บังคับ
ชาระหนี ้ตามคาพิพากษาได้ บนั ทึกว่า "จาเลยได้ แถลงต่อเจ้ าพนักงาน
บังคับคดีด้วยว่าตนยังไม่ได้ ออกไปจากที่ดนิ พิพาทโดยปลูกต้ นยูคา
ลิปตัสในที่ดินพิพาท" อันแสดงให้ เห็นได้ อย่างชัดแจ้ งว่า ตลอดเวลา
จาเลยและบริวารมิได้ ย้ายออกไปจากที่ดนิ พิพาทนี ้เลย การทีเ่ จ้ า
พนักงานบังคับคดีทาบันทึกมอบการครอบครองที่ดนิ พิพาทแก่โจทก์ จึง
เป็ นการมีคาสัง่ โดยผิดหลงในข้ อเท็จจริง คดีจงึ ต้ องฟั งว่า จาเลยและ
บริวารยังมิได้ ขนย้ ายออกไปจากที่ดนิ พิพาทตามคาพิพากษา ตราบใดที่
จาเลยและบริวารยังอยูบ่ นที่ดนิ ของโจทก์ ยังมิได้ ปฏิบตั ติ ามคาบังคับ
โจทก์ยอ่ มขอบังคับคดีได้ ภายในเวลาที่กฎหมายกาหนดแม้ โจทก์จะเคย
ร้ องขอบังคับคดีมาแล้ วไม่เป็ นผลก็ขอให้ บงั คับคดีใหม่ได้
• การหลีกเลี่ยงการบังคับคดีถือว่า การบังคับคดียงั ไม่เสร็จสิ ้น
ลักษณะของคาพิพากษา (ต่อ)
• ๓. กรณีศาลพิพากษาให้ กระทาการ หรื อ งดเว้ นกระทาการ ปกติถือว่า
เป็ นกรณีไม่ต้องดาเนินการทางเจ้ าพนักงานบังคับคดี
• วิธีการ เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาต้ องยื่นคาร้ องขอให้ ศาลมีคาสัง่ จับกุม
และกักขังลูกหนี ้ตามคาพิพากษา ตามมาตรา ๒๙๗
• เว้ นแต่ กรณีให้ ลกู หนี ้ส่งมอบทรัพย์สนิ
• วิธีการ ขอให้ ศาลตังเจ้
้ าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินมาส่งมอบให้
หนี้กระทาการ และ งดเว้นกระทาการ
• ถ้ าสภาพแห่งหนี ้ไม่เปิ ดช่องให้ กระทาได้ ก็ไม่อาจดาเนินการบังคับคดี
ต่อไปได้ ศาลต้ องยกเลิกหมายบังคับคดี และจะบังคับให้ ชดใช้
ค่าเสียหายแก่เจ้ าหนี ้ตามคาพิพากษาก็ไม่ได้ เพราะเป็ นการบังคับคดี
ผิดไปจากคาพิพากษา
• โอนที่ดนิ ๑๓๑๖/๒๕๔๔
• รับไถ่ถอนการขายฝาก ๒๓๖๔/๒๕๒๖
โอนที่ดิน ๑๓๑๖/๒๕๔๔
• ที่วดั ที่ธรณีสงฆ์และที่ศาสนสมบัติกลางเป็ นทรัพย์สินซึง่ ไม่อยูใ่ นความรับผิด
แห่งการบังคับคดีตามพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 35 เป็ น
ทรัพย์สนิ ของลูกหนี ้ตามคาพิพากษาที่ไม่อยูใ่ นความรับผิดแห่งการบังคับคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285(4) ด้ วย คา
พิพากษาในส่วนที่ให้ วดั จาเลยโอนที่ดนิ ให้ แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบตั ติ ามให้
ถือเอาตามคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจาเลยสภาพแห่งหนี ้จึงไม่
เปิ ดช่องให้ บงั คับได้ ทังตามประมวลกฎหมายวิ
้
ธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา
276 วรรคสาม ก็บญ
ั ญัติให้ ศาลดาเนินการบังคับคดีเพียงเท่าที่สภาพแห่ง
การบังคับคดีจะเปิ ดช่องให้ กระทาได้ เท่านัน้ ที่ศาลชันต้
้ นนัดพร้ อมเพื่อให้
จาเลยส่งมอบโฉนดที่ดนิ แก่โจทก์เพื่อดาเนินการจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์
และมีคาสัง่ ให้ จาเลยปฏิบตั ติ ามคาพิพากษาต่อไปจึงไม่อาจกระทาได้ ศาล
ฎีกาให้ ยกเลิกการบังคับคดีแก่จาเลย
รับไถ่ถอนการขายฝาก ๒๓๖๔/๒๕๒๖
• ศาลพิพากษาตามคาขอของโจทก์วา่ ให้ จาเลยยอมรับการไถ่ถอนที่ดนิ ทัง้
สองแปลงตามฟ้องในราคา 64,000 บาทจากโจทก์ การที่ศาลชันต้
้ นสัง่ ให้
จาเลยชดใช้ คา่ เสียหายแทนเพราะสภาพแห่งหนี ้ไม่เปิ ดช่องให้ บงั คับได้
เนื่องจากจาเลยโอนที่ดนิ ให้ แก่บตุ รแล้ ว จึงเป็ นการบังคับจาเลย
นอกเหนือจากคาพิพากษา ซึง่ ศาลชันต้
้ นไม่มีอานาจสัง่ เช่นนัน้
• บทบัญญัตมิ าตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็ น
เรื่ องการออกหมายบังคับคดีเพื่อปฏิบตั กิ ารให้ เป็ นไปตามคาพิพากษา โดย
ให้ ศาลระบุเงื่อนไขแห่งการบังคับคดีลงในหมายเพียงเท่าที่สภาพแห่งการ
บังคับคดีจะเปิ ดช่องให้ ทาได้ โดยทางศาลหรื อโดยทางเจ้ าพนักงานของศาล
มิได้ หมายความว่า ถ้ าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิ ดช่องให้ ทาได้ ศาลก็มี
อานาจสัง่ ให้ ใช้ คา่ เสียหายแทนทังที
้ ่มิได้ พิพากษาเช่นนัน้ ซึง่ เป็ นการบังคับ
คดีผดิ ไปจากคาพิพากษา
สภาพแห่งหนี้เปิ ดช่องหรื อไม่
•
•
•
•
กรณีถือว่าเปิ ดช่อง
๑๓๙๖/๒๕๑๒
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔
๒๘๐๙-๒๘๑๐/๒๕๕๔
๑๓๙๖/๒๕๑๒
• กรณีที่ศาลพิพากษาและบังคับจาเลยให้ รือ้ ถอนบ้ านเรื อนสิง่ ปลูกสร้ าง
ออกไปจากที่ดนิ ของโจทก์นนั ้ แม้ บ้านเรื อนสิง่ ปลูกสร้ างของจาเลยจะถูก
ยึดไว้ ในคดีอื่นเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินใช้ หนี ้แก่เจ้ าหนี ้ ก็ยงั ถือไม่ได้ วา่
สภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิ ดช่องให้ กระทาได้ เพราะหากจะมีการขาย
ทอดตลาดบ้ านเรื อนสิง่ ปลูกสร้ าง ผู้ซื ้อได้ ก็จะต้ องรื อ้ ถอนออกไป
เช่นเดียวกัน ดังนัน้ โจทก์จะเข้ ารื อ้ ถอนบ้ านเรื อนของจาเลยตามคาสัง่
ศาล(โดยเรี ยกค่าใช้ จ่ายเอาจากจาเลย) แล้ วเอาทรัพย์สงิ่ ของที่รือ้ ถอน
มอบให้ เจ้ าพนักงานบังคับคดียดึ ไว้ ตอ่ ไปก็ยอ่ มทาได้ โดยชอบ
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔
• ศาลพิพากษาให้ จาเลยรื อ้ ถอนรัว้ กาแพงคอนกรี ตออกจากที่ดนิ ของโจทก์
จาเลยได้ ปฏิบตั ติ ามคาบังคับของศาลโดยรื อ้ ถอนรัว้ กาแพงคอนกรี ตแล้ ว
ต่อมาจาเลยกลับก่อสร้ างชันวางของท
้
าด้ วยแผ่นเหล็กขึ ้นใหม่ตามแนวรัว้
กาแพงคอนกรี ตตลอดทังแนวและไม่
้
ยอมรื อ้ ถอนชันวางของดั
้
งกล่าวตามคา
บังคับ ศาลจึงบังคับให้ จาเลยรื อ้ ถอนและขนย้ ายชันวางของออกไปจากที
้
่ดิน
ของโจทก์ การที่จาเลยโอนตึกและที่ดนิ ให้ แก่ ส. ไปแล้ ว แต่จาเลยยังเป็ น
ผู้จดั การดูแลครอบครองตึกจึงถือไม่ได้ วา่ สภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิ ดช่อง
ให้ กระทาได้ จาเลยซึง่ เป็ นลูกหนี ้ตามคาพิพากษาหรื อ ส. ผู้ซื ้อตึกและที่ดิน
ยังจะต้ องปฏิบตั ติ ามคาบังคับให้ รือ้ ถอนขนย้ ายชันวางของที
้
ก่ ่อสร้ างรุกล ้า
เข้ ามาในที่ดนิ ของโจทก์เช่นกัน โดยโจทก์ไม่ต้องขอให้ ศาลชันต้
้ นออกคา
บังคับใหม่ คาบังคับของศาลชันต้
้ นที่ออกโดยชอบด้ วยกฎหมายจึงไม่เป็ น
การขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 28 และมาตรา 35
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔ (ต่ อ)
• ฎีกาของจาเลยที่วา่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ ศาลชันต้
้ นออกคาบังคับ
ใหม่ให้ จาเลยปฏิบตั ติ ามไม่ชอบด้ วยกฎหมาย ขอให้ สง่ สานวนให้ ศาล
รัฐธรรมนูญวินิจฉัยนัน้ มิใช่ข้อโต้ แย้ งกล่าวอ้ างว่า บทบัญญัติแห่ง
กฎหมายที่ศาลจะใช้ บงั คับแก่คดีขดั หรื อแย้ งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่
จาต้ องส่งให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย มาตรา 264
๑๑๓๑-๑๑๓๒/๒๕๔๔ (ต่ อ)
• คาบังคับที่ออกตามคาพิพากษาให้ รือ้ ถอนรัว้ กาแพงคอนกรี ตเป็ นการให้
รื อ้ ถอนสิง่ ปลูกสร้ างที่ปรากฏอยูใ่ นขณะยื่นฟ้อง สิง่ ปลูกสร้ างที่มีอยู่
ขณะฟ้องหรื อเกิดขึ ้นในอนาคตในระหว่างคดีจากการกระทาของจาเลย
หรื อที่จาเลยยินยอมให้ กระทาขึ ้น ย่อมต้ องถูกบังคับให้ รือ้ ถอนและขน
ย้ ายด้ วยเช่นกัน การที่จาเลยก่อสร้ างชันวางของขึ
้
้นใหม่หลังจากรื อ้ ถอน
รัว้ กาแพงคอนกรี ตแล้ ว จึงถือว่ายังมิได้ ปฏิบตั ติ ามคาบังคับให้ ครบถ้ วน
จาเลยยังคงต้ องชดใช้ คา่ เสียหายเดือนละ 2,000 บาทที่มีอยูต่ อ่ เนื่อง
ตราบเท่าที่จาเลยยังไม่รือ้ ถอนชันวางของออกไป
้
๒๘๐๙-๒๘๑๐/๒๕๕๔
สภาพหนี้เปิ ดช่องหรื อไม่
• กรณีไม่เปิ ดช่อง
• ๖๔๗๙/๒๕๔๑
• ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคาสัง่ อนุญาตให้ ทเุ ลาการบังคับ
ไว้ แต่ห้ามจาเลยทานิติกรรมใด ๆเกี่ยวกับโฉนดที่ดินที่เป็ นทางภาระจายอมพิพาท
เมื่อศาลชันต้
้ นแจ้ งคาสัง่ ศาลอุทธรณ์ให้ เจ้ าพนักงานที่ดินทราบจึงได้ รับหนังสือตอบ
มาว่าจาเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดดังกล่าวให้ แก่ท.และช.ไปก่อนแล้ วอีก
ทังช.กั
้ บท.จดทะเบียนจานองที่ดินดังกล่าวแก่ธนาคารอ. และบริ ษัทเงินทุนม. ซึง่ เป็ น
บุคคลภายนอกไปแล้ ว จาเลยจึงมิใช่เจ้ าของกรรมสิทธิ์ที่ดนิ ภารยทรัพย์อีกต่อไป
และไม่อยูใ่ นฐานะจะไปจดทะเบียนภารจายอมได้ การบังคับคดีแก่จาเลยตามคา
พิพากษาของศาลล่างที่ให้ จาเลยจดทะเบียนทางภารจายอมแก่โจทก์ยอ่ มไม่อาจ
กระทาได้ เนื่องจากสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิ ดช่องที่จะบังคับให้ จาเลยทาเช่นนัน้
ได้ ศาลฎีกาให้ ยกคาขอในส่วนที่บงั คับคดีแก่จาเลย ในส่วนนี ้ทังหมด
้
ผู้ใช้ อานาจ
ปกครองโจทก์ซงึ่ เป็ นผู้เยาว์ลงชื่อเป็ นผู้แก้ อทุ ธรณ์ผ้ เู รี ยงและพิมพ์ในคาแก้ อทุ ธรณ์
ด้ วยตนเองจึงไม่มีเหตุจะกาหนดค่าทนายความให้ ดงั นี ้ ที่ศาลอุทธรณ์ กาหนด ค่า
ทนายความให้ จาเลยใช้ แทนโจทก์จงึ ไม่ชอบ ศาลฎีกา ย่อมแก้ ไขให้ ถกู ต้ องได้
วัตถุแห่งหนี้เป็ นอันให้กระทานิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
•
•
•
•
•
ต้ องถือเอาคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ฎีกาวินิจฉัยว่าถือเอาคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาไม่ได้
๔๙๒๐/๒๕๔๗
๗๐๙๑/๒๕๔๒
๒๑๔๑/๒๕๓๑
๔๙๒๐/๒๕๔๗
• โจทก์ จาเลย และ ร. เป็ นเจ้ าของรวมในที่ดนิ แต่ละคนย่อมมีสทิ ธิใช้ สอย
ที่ดนิ ดังกล่าวได้ แต่ต้องไม่ขดั ต่อสิทธิแห่งเจ้ าของรวมคนอืน่ ๆ และเจ้ าของ
รวมคนหนึง่ ๆ จะจาหน่ายที่ดนิ ดังกล่าวส่วนของตนก็ได้ การทีจ่ าเลยซึง่ เป็ นผู้
เก็บรักษาโฉนดที่ดนิ ไว้ นาโฉนดที่ดนิ ไปให้ บคุ คลอื่นยึดถือไว้ เป็ นประกันหนี ้
เงินกู้ เป็ นเหตุให้ โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนขายที่ดนิ เฉพาะส่วนของโจทก์
ได้ ย่อมขัดต่อสิทธิของโจทก์ จาเลยมีหน้ าที่ต้องดาเนินการนาโฉนดที่ดินคืน
มาเพื่อส่งมอบแก่โจทก์ กรณีมิใช่สภาพแห่งหนี ้ไม่เปิ ดช่องให้ บงั คับชาระหนี ้
ได้
• ตามบทบัญญัตแิ ห่ง ป.พ.พ. มาตรา 213 วรรคสอง ศาลจะสัง่ ให้ ถือเอาตาม
คาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี ้ได้ เฉพาะกรณีที่วตั ถุแห่งหนี ้เป็ น
อันให้ กระทานิตกิ รรมอย่างใดอย่างหนึง่ เท่านัน้ คดีนี ้โจทก์ฟ้องบังคับให้
จาเลยส่งมอบโฉนดที่ดนิ ศาลจึงไม่อาจสัง่ ให้ ถือเอาตามคาพิพากษาแทน
การแสดงเจตนาของจาเลยได้
๗๐๙๑/๒๕๔๒
• คาร้ องของผู้ร้องสอดเป็ นการเข้ าเป็ นคูค่ วามตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) อันทาให้ มีสทิ ธิเสมือนหนึง่ ว่าตนได้ ฟ้อง
หรื อถูกฟ้องเป็ นคดีเรื่ องใหม่ตามที่บญ
ั ญัติไว้ ในมาตรา 58(1) และ (3)การที่
ศาลชันต้
้ นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาว่าที่พิพาทเป็ นของโจทก์และมี
คาสัง่ ให้ ขบั ไล่จาเลย แม้ ฟ้องโจทก์จะมิได้ ฟ้องผู้ร้องสอดก็ตาม คาสัง่ ให้ ขบั
ไล่ยอ่ มใช้ บงั คับแก่ผ้ รู ้ องสอดได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 142(1)หาใช่เกินคาขอไม่
• การที่โจทก์ขอให้ ถือเอาคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจาเลยและผู้
ร้ องสอดนันก็
้ เฉพาะกรณีการทานิตกิ รรมสัญญาเท่านัน้ ศาลไม่อาจ
กาหนดให้ ถือเอาคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจาเลยในคดีละเมิด
ได้ ดังนัน้ การที่ศาลล่างทังสองพิ
้
พากษาให้ ขบั ไล่จาเลยผู้ร้องสอดและ
บริวารออกจากที่พิพาทและทาที่พิพาทให้ อยูใ่ นสภาพเดิม หากไม่ปฏิบตั ิ
ตามให้ ถือเอาคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนานันจึ
้ งไม่ถกู ต้ อง
๒๑๔๑/๒๕๓๑
• จาเลยชอบเล่นการพนันมานาน โจทก์ห้ามปรามก็ไม่เชื่อบางครัง้ นา
ทรัพย์สนิ ภายในบ้ านไปจานาเอาเงินไปเล่นการพนันจาเลยเคยถูกจับ
ฐานเล่นการพนันถูกดาเนินคดีจนศาลพิพากษาลงโทษ ก็ยงั ไม่เลิก
โจทก์เป็ นตารวจต้ องถูกผู้บงั คับบัญชาเรี ยกไปตักเตือนว่าหากไม่ห้ามให้
จาเลยเลิกเล่น จะย้ ายโจทก์ โจทก์ต้องเลี ้ยงดูทงครอบครั
ั้
ว เมื่อจาเลย
เล่นการพนันเสียบางครัง้ เงินก็ไม่พอใช้ จ่ายพฤติการณ์ของจาเลยถือว่า
เป็ นการประพฤติชวั่ เป็ นเหตุให้ โจทก์ผ้ เู ป็ นสามีได้ รับความอับอายขาย
หน้ าอย่างร้ ายแรง และได้ รับความเสียหายหรื อเดือดร้ อนเกินควร ในเมื่อ
เอาสภาพฐานะและความเป็ นอยูร่ ่วมกันฉันสามีภริยามาคานึงประกอบ
โจทก์จงึ ฟ้องหย่าจาเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1516(2)(ก)และ(ค)
๒๑๔๑/๒๕๓๑ (ต่อ)
• การจดทะเบียนการหย่าโดยคาพิพากษาตามประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์มาตรา 1531 วรรคสอง คูส่ มรสไม่จาต้ องไปแสดงเจตนาขอจด
ทะเบียนการหย่าต่อนายทะเบียนอีก ทังตามพระราชบั
้
ญญัตจิ ด
ทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 16 ก็บญ
ั ญัติให้ ผ้ มู ีสว่ นได้ เสีย
เพียงแต่ยื่นสาเนาคาพิพากษาอันถึงที่สดุ ที่รับรองถูกต้ องแล้ วต่อนาย
ทะเบียน และขอให้ นายทะเบียนบันทึกการหย่าไว้ ในทะเบียนเท่านัน้
ศาลจึงไม่จาต้ องสัง่ คาขอของโจทก์ที่ขอให้ จาเลยไปจดทะเบียนหย่า
หากไม่ไปให้ ถือเอาคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจาเลย.