ยาที่ใช้ ในระบบทางเดินหายใจ ผศ. ดร. ภก. เมธิน ผดุงกิจ โรคระบบทางเดินหายใจ เป็ นโรคที่เกิดขึ้นกับอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดิน หายใจ ซึ่ งได้แก่ จมูก คอหอย (pharynx) กล่องเสี ยง (larynx) โพรงอากาศหรื อ ไซนัส (sinuses)

Download Report

Transcript ยาที่ใช้ ในระบบทางเดินหายใจ ผศ. ดร. ภก. เมธิน ผดุงกิจ โรคระบบทางเดินหายใจ เป็ นโรคที่เกิดขึ้นกับอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดิน หายใจ ซึ่ งได้แก่ จมูก คอหอย (pharynx) กล่องเสี ยง (larynx) โพรงอากาศหรื อ ไซนัส (sinuses)

ยาที่ใช้ ในระบบทางเดินหายใจ
ผศ. ดร. ภก. เมธิน ผดุงกิจ
โรคระบบทางเดินหายใจ เป็ นโรคที่เกิดขึ้นกับอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดิน
หายใจ ซึ่ งได้แก่ จมูก คอหอย (pharynx) กล่องเสี ยง (larynx) โพรงอากาศหรื อ
ไซนัส (sinuses) หลอดลม (trachea) หลอดลมขั้วปอด (bronchial tube) และปอด
เป็ นต้น ตัวอย่างโรคที่พบและสาเหตุของโรคในระบบนี้ที่พบบ่อย เช่น โรคหวัด
ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ
ไข้ หวัด (common cold)
เป็ นโรคที่พบบ่อยในระบบ
ทางเดินหายใจ โดยพบได้ท้ งั ผูใ้ หญ่และเด็ก
ไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่ งพบมากกว่า 200
ชนิด คนที่มีสุขภาพอ่อนแอมักจะป่ วยเป็ น
ไข้หวัดได้บ่อย
-ไข้ หวัด ให้ ยาตาม
อาการ
-ไข้ หวัดไม่
จาเป็ นต้ องใช้ ยา
ปฏิชีวนะ
ไข้ หวัดเกิดจากเชือ้ ไวรั ส
ไข้ หวัดใหญ่
เป็ นการติดเชื้อไวรัส
(influenza visus) ในระบบ
ทางเดินหายใจ ผู้ป่วยจะมีไข้
สู ง ปวดตามตัวปวดกล้ ามเนือ้
มาก ติดต่ อได้ ง่ายโดยทางการ
หายใจเช่ น ไอหรือจามรดกัน
การดูแลตนเอง : นอนพักผ่ อน
ให้ มาก ไม่ ควรออกกาลังกาย
ในช่ วงนี้ หากมีไข้ สูงให้ ใช้ ผ้าชุบ
นา้ เช็ดตัว รับประทานยาแก้ ไข้
paracetamol อย่ าสั่ งนา้ มูกแรงๆ
เพราะอาจจะทาให้ เชื้อลุกลามได้
หากพบมีอาการไข้ สูง หายใจ
หอบหรือลาบากควรไปพบ
แพทย์
การป้องกัน : ล้ างมือบ่ อยๆ อย่ าใช้ ของส่ วนตัวหรือเสื้อผ้ า ผ้ าเช็ดหน้ า
ร่ วมกับผู้อนื่ หลีกเลีย่ ง การสั มผัสกับผู้ป่วย เวลาจามหรือไอให้ ใช้ ผ้า
ปิ ดปากปิ ดจมูก ส่ วนการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ หวัดใหญ่ แนะนาให้ ฉีดใน
ผู้ทมี่ ีอายุมากกว่ า 50 ปี ผู้ทมี่ ีโรคประจาตัวเช่ น โรคไต หัวใจหรือโรค
ตับ เบาหวาน หญิงตั้งครรภ์ ต้งั แต่ 3 เดือนขึน้ ไป
ทอนซิลอักเสบ (tonsillitis)
ทอนซิลอักเสบ เป็ นภาวะ
อักเสบของต่อมทอนซิล บางครั้ง
มักเป็ นร่ วมกันกับ คออักเสบ
(pharyngitis) ซึ่งหมายหมายถึง
ภาวะอักเสบของเนื้อเยือ่ ในลาคอที่
อยูบ่ ริ เวณหลังช่องปากเข้าไป
สาเหตุอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
หรื อแบคทีเรี ย
อาการ : ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ หนาวสัน่ เจ็บคอโดยเฉพาะเวลากลืนอาหารหรื อกลืน
น ้าลาย การติดเชื ้อแบคทีเรี ยบางชนิดอาจทาให้ มีการอักเสบรุนแรงกระจายไปทัว่ ลิ ้น
ไก่แดงมาก และพบตุม่ หนองสีเทาเหลืองบริเวณทอนซิลได้
โรคไซนัสอักเสบ
ไซนัส คือ โพรง
อากาศที่อยู่ภายในกระดูก
บริเวณรอบๆ หรือใกล้ กับ
จมูก ไซนัสอักเสบจึงเป็ น
การอักเสบของเยื่อบุโพรง
อากาศของไซนัส ซึ่งอาจจะ
อักเสบไซนัสที่เดียวหรื อ
หลายๆที่พร้ อมกัน สาเหตุมี
หลายประการเช่ น ติดเชือ้
ไวรัสหรือแบคทีเรียใน
ทางเดินหายใจส่ วนบนซึ่ง
เป็ นสาเหตุท่ พ
ี บบ่ อยที่สุด
อาการ : อาการจะคล้ ายๆไข้ หวัด คือ มีไข้ และเมื่อเชือ้ ลุกลาม
เข้ าสู่ไซนัสจะมีอาการปวดจมูกหรือแก้ ม หรือกระบอกตา
นา้ มูกละเสมหะจะมีสีเหลืองหรือเขียว
การรักษาโดยแพทย์ : หากเกิดจากการติดเชือ้ แพทย์ จะให้ ยา
ต้ านจุลชีพ
โรคภูมิแพ้
เป็ นกลุ่มของโรคที่เกิดจากระบบภูมิค้ ุมกันของร่ างกายแสดง
ปฏิกิริยาต่ อสิ่งแปลกปลอมมากกว่ าหรือไวเกินปกติ จึงทาให้ เกิด
อาการแพ้ ขนึ ้ เช่ น จาม คัดจมูกนา้ มูกไหล
การดูแลตอนเอง : ในการรักษาโรคภูมแิ พ้
จาเป็ นต้ องทราบสาเหตุว่าสิ่ งทีท่ าให้ แพ้
นั้นคืออะไร เพราะหลักการรักษาโรค
ภูมิแพ้ทดี่ ีทสี่ ุ ดคือหลีกเลีย่ งจากสิ่ งทีแ่ พ้
นั้นรวมทั้งหลีกเลีย่ งจากภาวะทีก่ ระตุ้นให้
อาการกาเริบด้ วย แต่ ในกรณีทที่ ราบ
สาเหตุแต่ หลีกเลีย่ งไม่ ได้ อาจจะต้องใช้ ยา
แก้แพ้ หรือที่เรียกกันว่ ายาต้ านฮิสตามีน
(Antihistamine)
ยาที่เกี่ยวข้ องในระบบทางเดินหายใจ
พาราเซตามอล
คาเตือน
ถ้าใช้ยานี้เกินขนาดที่ระบุไว้บนฉลาก
หรื อเอกสารกากับยา จะทาให้เป็ นพิษ
ต่อตับได้ และไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน
5 วัน
ผูท้ ี่เป็ นโรคตับ โรคไต ควรปรึ กษา
แพทย์ หรื อเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
แก้ ปวด - ลดไข้
แอสไพริน
สรรพคุณ 1) ลดไข้
2) บรรเทาอาการปวด เช่น
ปวดหัว ปวดหู ปวดตา ปวดฟัน ปวด
กล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดข้อ
ประจาเดือน ปวดแผล เป็ นต้น
3) ต้านการอักเสบ เช่นการ
อักเสบของข้อ หรื อกล้ามเนื้อ เป็ นต้น
4) ป้ องกันการเกิดลิ่มเลือด
อุดตันในหลอดเลือดสมอง และหัวใจ
ข้ อควรระวังและคาเตือน
1. อาจทาให้ เกิดระคายเคืองต่ อกระเพาะอาหาร
2. อาจเกิดอาการแพ้ เป็ นลมพิษ ผืน่ คัน หอบหืด
ได้
3. ถ้ าใช้ ขนาดสู ง อาจทาให้ หูออื้ มีเสี ยงดังในหูได้
4 .ถ้ ากินเกินขนาดมาก ๆ อาจเกิดพิษต่ อร่ างกาย
เกิดภาวะเลือดเป็ นกรด ก่อให้ เกิดอันตรายแก่
ร่ างกายได้
6. ทาให้ เลือดออกง่ าย เพราะยานีจ้ ะยับยั้งการ
เกาะตัวของเกล็ดเลือด (platelets aggregation) จึง
ห้ ามใช้ ในผู้ป่วยทีส่ งสั ยจะมีเลือดออก เช่ น
ไข้ เลือดออก
ยาเม็ดคลอเฟนิรามีน มาลีเอท (Chlorpheniramine Maleate)
ขนาด 2 mg/เม็ด
สรรพคุณ : บรรเทาอาการแพ้ เช่ น ลมพิษ นา้ มูกไหล
ยาแก้ไอ
ก่อนที่จะเลือกใช้ ยาแก้ไอ ให้ พจิ ารณาลักษณะการไอ ซึ่งมี 2
แบบ คือ
1. ไอแห้ งๆ เกิดจากการระคายเคืองทางเดินหายใจ
ส่ วนบน เช่ น การแพ้ ไข้ หวัด เจ็บคอ
2. ไอแบบมีเสมหะ เกิดจากการที่ระกายต้ องการกาจัดสิ่ ง
ทีไ่ ม่ ต้องการจากทางเดินหายใจส่ วนล่าง เช่ น เสมหะ หนอง
เช่ น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ เป็ นต้ น
ยาแก้ไอ แบ่ งเป็ น 2 ประเภท
1. ยาระงับการไอ (Anti-tussive) ตัวอย่างเช่ น
ยาแก้ไอนา้ ดา (M. tussis/Brown mixture) เดกซ์
โทรเมทอร์ แฟน (Dextromethorphan)
2. ยาขับเสมหะ (Expectorant) และ ยาละลายเสมหะ
(Mucolytic )
ยาแก้ ไอน ้าดา
สรรพคุณ : บรรเทาอาการไอ และช่วย
ขับเสมหะ
คาเตือนและข้อควรระวัง
1) ห้ามใช้ยานี้ในเด็กที่อายุต่ากว่า 6 ปี
คนชรา และหญิงมีครรภ์
2) ห้ามใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกิน 3 วัน
3) ยานี้มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ควรใช้ดว้ ย
ความระมัดระวัง
ยาปฏิชีวนะ
ความหมายของยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
เป็ นกลุ่มหนึ่งของยาต้านจุลชีพ เป็ นยาที่ออกฤทธิ์ โดยการยับยั้งหรื อ
ทาลายจุลชีพ เช่นเชื้อแบคทีเรี ย ยาปฏิชีวนะส่ วนใหญ่ผลิตได้จากเชื้อแบคทีเรี ย
หรื อเชื้อรา
ยาปฏิชีวนะ เป็ นยาคนละกลุ่มกับ ยาแก้ อักเสบ
ยาปฏิชีวินะ เป็ นประเภทยา “ยาอันตราย” ตามกฎหมาย ไม่ควรเรี ยกซื ้อยากินเอง
ควรปรึกษาแพทย์แพทย์ หรื อเภสัชกร ก่อนใช้ ยากลุม่ นี ้ทุกครัง้
ข้อเสี ยของยาปฏิชีวนะ หากมีการใช้ยาไม่
ถูกต้อง
1. ดื้อยา
2. เชื้อที่ดี ถูกทาลายไปด้วย
3. แพ้ หอบหื ด
4. ยาปฏิชีวนะบางตัวมีผลต่อยา
กลุ่มอื่น เช่น ยาคุมกาเนิด จะทาให้ฤทธิ์
ในการคุมกาเนิดลดลง
*
มาจากชื่อเต็มภาษาอังกฤษว่า
Middle East respiratory syndrome coronavirus (MERS-CoV)
หรื อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง
ไวรัสชนิ ดนี้ตน้ กำเนิ ดจำกประเทศซำอุดิอำระเบียและยังไม่สำมำรถระบุได้
แน่ชดั ว่ำมีตน้ กำเนิ ดจำกคนหรื อสัตว์หรื อเชื้อใด แต่มผี ลวิจยั ระบุวำ่ อำจมี
แพะเป็นพำหะนำเชื้อ และเป็นเชื้อไวรัสใกล้เคียงไวรัสในค้างคาวสำยพันธุ ์
หนึ่ ง ทัง้ นี้วสั เมอร์สเป็นเชื้อไวรัสเดียวกับโรคซำร์ส (Severe Acute
Respiratory Syndrome-SARS) ที่แพร่ระบำดอย่ำงหนัก
ในเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2546
ผูท้ ่ ตี ดิ เชื้อไวรัสเมอร์สจะมีอำกำรคล้ำยเป็นโรคระบบทำงเดินหำยใจมีไข้สงู
ไอ หายใจหอบ หายใจขัด ถ่ายเหลว หำกเป็นหนักจะเสียชีวติ ทันที
ภำยใน 3 -4 สัปดำห์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผูส้ ู งอำยุเพศชำย โดยเชื้อจะอยู่ใน
ละอองน้ามูกน้าลายผูป้ ่ วย ติดต่อได้ง่ายจากการไอจาม โดยผูป้ ่ วย
เกือบทัง้ หมดร้อยละ 96 มีโรคประจำตัว 1 โรคหรื อมำกกว่ำ ได้แก่เบำหวำน
รองลงมำคือควำมดันโลหิตสู ง โรคหัวใจ โรคไต
1. กินร้อน- ช้อนกลำง- ล้ำงมือ
2. ใช้ผำ้ หรื อกระดำษปิ ดปำกเมื่อจำม
3. หลีกเลี่ยงไปสถำนที่ท่ ผี ูค้ นแออัด
4. สวมหน้ำกำกอนำมัยหำกต้องไปสถำนที่ท่ ผี ูค้ นจำนวนมำกโดยเฉพำะช่วงพิธฮี จั ญ์
และอุมเรำะห์
5. หมัน่ ออกกำลังกำยและรักษำสุ ขภำพให้แข็งแรง
6. มำพบแพทย์พร้อมแจ้งเจ้ำหน้ำที่หำกมีประวัตเิ ดินทำงไปประเทศที่มกี ำรระบำดของ
เชื้อ ได้แก่ ซำอุดอี ำระเบีย กำร์ตำ จอร์แดน สหรัฐอำหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ ฝรั่งเศส
ตูนิเซีย เยอรมนี อิตำลี โอมำน คูเวต มำเลเซีย กรีซ และฟิลิปปิ นส์
หลังจำกเริ่ มมีรำยงำนผูป้ ่ วยตัง้ แต่วนั ที่20กันยำยน 2556 เป็นต้นมำยังพบผูป้ ่ วยอย่ำง
ต่อเนื่ องใน 11 ประเทศ ได้แก่ จอร์แดน ซำอุดอี ำระเบีย กำตำร์ อังกฤษ สหรัฐอำหรับ
เอมิเรตส์ ฝรั่งเศส ตูนีเซีย เยอรมนี อิตำลี โอมำน และคูเวต ล่ำสุ ดพบผู ท้ ่ เี สียชีวิต
หลังจำกติดเชื้อไวรัสเมิรส์ คอฟที่ประเทศฟิลิปปิ นส์และมำเลเซีย โดยองค์กำรอนำมัย
โลกรำยงำน ณ วันที่ 16 เมษำยน 2557 พบผูป้ ่ วยยืนยัน 238 รำย เสียชีวิต 92 รำย
*หำกสงสัยว่ำตนเองมีอำกำรดังกล่ำวให้รีบพบแพทย์ทนั ที ไม่ตอ้ งรอถึง 2 วัน
สามารถสอบถามเพิ่มเติม โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชัว่ โมง