การจัดการพัสดุคงคลัง Inventory Management วัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรม      มีความเข้าใจถึงหน้าที่ และประเภทของพัสดุคงคลัง สามารถแบ่งแยกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลังได้ สามารถหาพัสดุคงคลังเฉลี่ยได้ เข้าใจถึงตัวแบบต่าง ๆ ของพัสดุคงคลัง สามารถเข้าใจปัญหา และใช้วิธีเชิงปริ มาณในการแก้ปัญหาพัสดุคง คลัง.

Download Report

Transcript การจัดการพัสดุคงคลัง Inventory Management วัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรม      มีความเข้าใจถึงหน้าที่ และประเภทของพัสดุคงคลัง สามารถแบ่งแยกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลังได้ สามารถหาพัสดุคงคลังเฉลี่ยได้ เข้าใจถึงตัวแบบต่าง ๆ ของพัสดุคงคลัง สามารถเข้าใจปัญหา และใช้วิธีเชิงปริ มาณในการแก้ปัญหาพัสดุคง คลัง.

การจัดการพัสดุคงคลัง
Inventory Management
วัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรม





มีความเข้าใจถึงหน้าที่ และประเภทของพัสดุคงคลัง
สามารถแบ่งแยกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพัสดุคงคลังได้
สามารถหาพัสดุคงคลังเฉลี่ยได้
เข้าใจถึงตัวแบบต่าง ๆ ของพัสดุคงคลัง
สามารถเข้าใจปัญหา และใช้วิธีเชิงปริ มาณในการแก้ปัญหาพัสดุคง
คลัง
เนือ้ หา




บทนา
ประเภทและหน้าที่ของพัสดุคงคลัง
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพัสดุคงคลัง
พัสดุคงคลังถัวเฉลี่ย
 กรณี อตั ราการใช้สม่าเสมอ
 กรณี อตั ราการใช้ไม่สม่าเสมอ
เนือ้ หา (ต่ อ)
 ตัวแบบพัสดุคงคลัง
 แบบจาลองปริ มาณการสัง่ ประหยัดสุ ด
 กรณี สงั่ ซื้ อเป็ นปริ มาณคงที่
 กรณี สงั่ ซื้ อเป็ นปริ มาณคงที่แต่ได้รับในลักษณะที่ทยอยส่ งให้หรื อการสัง่ ผลิต
และจาหน่ายไปพร้อมกัน
 กรณี มีพสั ดุคงคลังสารอง
 กรณี ที่ยอมให้พสั ดุคงคลังขาดมือ
 กรณี ได้รับส่ วนลดราคา
บทนา
 การจัดการพัสดุคงคลังเฉพาะวิธีการเชิงปริ มาณสาหรับให้ผบู้ ริ หารใช้ประกอบการ
ตัดสิ นใจเท่านั้น โดยจะตอบคาถามที่สาคัญเกี่ยวกับพัสดุคงคลัง คือ
ควรสัง่ ซื้ อปริ มาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม
เมื่อใดจึงจะสัง่ ซื้ อ
 ตัวแบบพื้นฐาน
การคานวณหาปริ มาณการสัง่ ซื้ อหรื อการสัง่ ผลิตที่ประหยัดที่สุด
การหาจุดสัง่ ซื้ อใหม่
การสัง่ ซื้ อกรณี ได้รับส่ วนลด
การกาหนดระดับพัสดุคงคลังสารอง และ
การกาหนดระดับพัสดุคงคลังกรณี ยอมให้เกิดพัสดุขาดมือ
บทนา
ซึ่งจะไม่ครอบคลุมถึงระบบต่าง ๆ ที่ใช้จดั การพัสดุคงคลัง เช่น
การวางแผนความต้องการวัสดุ
(MRP : material requirements planning)
การวางแผนทรัพยากรการผลิต
(MRP II : manufacturing resource planning)
ระบบทันเวลาพอดี
( JIT : just-in-time)
ประเภทและหน้ าที่ของพัสดุคงคลัง
 วัตถุดิบ และชิ้นส่ วนเพื่อการผลิต เช่น เหล็กแผ่น ยางรถยนต์ หม้อน้ า
แบตเตอรี่
 สิ นค้าระหว่างผลิต คือ รถยนต์ที่ยงั ไม่เสร็ จสมบูรณ์ในสายการผลิต
ของโรงงาน
 ผลิตภัณฑ์สาเร็ จรู ป คือ รถยนต์สาเร็ จรู ปรอการจาหน่ายให้ลูกค้า
 ชิ้นส่ วนของเครื่ องมือเครื่ องจักร และอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น อะไหล่ของ
เครื่ องจักรในโรงงาน ประแจไขควง ปื นลม
 วัสดุสิ้นเปลือง เช่น กระดาษ น้ ามันหล่อลื่น ลวดเชื่อม ดอกสว่าน
ค่ าใช้ จ่ายเกีย่ วกับพัสดุคงคลัง
 มูลค่าของพัสดุคงคลัง
 ค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการเพื่อให้มีพสั ดุคงคลัง ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการ
สัง่ ซื้อ (ordering cost) หรื อค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่ องจักร
เพื่อผลิต (set up cost)
 ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลัง (holding cost) ค่าใช้จ่ายในการ
เก็บรักษา
 ค่าใช้จ่ายเมื่อพัสดุคงคลังขาดมือ (shortage cost)
พัสดุคงคลังถัวเฉลีย่
 กรณีอตั ราการใช้ สมา่ เสมอ
ปริ มาณ

Q
0
1
เวลา
(ปี )
 สิ นค้ าเฉลีย่ ของบริษัทเท่ ากับครึ่งหนึ่งของจานวนทีซ่ ื้อพอดี หรือเท่ ากับพืน้ ที่ใต้
กราฟ ดังนี้ พืน้ ทีใ่ ต้ กราฟ = ½  ฐาน  สู ง
 = ½  1  Q = Q/2

 พัสดุคงคลังเฉลีย่ ต่ อปี = Q/2 หน่ วย
พัสดุคงคลังถัวเฉลีย่
กรณี ที่อตั ราการใช้สินค้าไม่สม่าเสมอ
Q
สินค้ าเฉลีย่
0
1
เวลา (ปี )
ตัวแบบพัสดุคงคลัง











D
Q
Co
Ch
Cb
=
ปริ มาณความต้องการพัสดุคงคลังต่อปี (demand)
=
ปริ มาณการสัง่ พัสดุคงคลังต่อครั้ง (quantity)
=
ค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการเพื่อให้มีพสั ดุคงคลังต่อครั้ง ซึ่ง
ส่ วนมากจะประกอบด้วยค่าใช้จ่ายในการสัง่ ซื้อหรื อสัง่ ผลิต
(ordering cost)
=
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลัง (holding cost) คิดเป็ น บาท/
หน่วย/เวลา หรื อร้อยละของมูลค่าพัสดุคงคลังเฉลี่ย
=
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลังขาดมือ (backorder cost)
คิดเป็ น บาท/หน่วย/เวลา หรื อร้อยละของมูลค่าพัสดุคงคลังขาด
มือเฉลี่ย
ตัวแบบพัสดุคงคลัง (ต่อ)








R
L
C
N
T
=
=
=
=
จุดสั่งซื้ อเพิ่ม (reorder point)
ระยะเวลาสั่งซื้ อหรื อสั่งผลิต (lead time)
ต้นทุนของพัสดุคงคลังต่อหน่วย (cost)
จานวนครั้งที่สงั่ ซื้ อหรื อสัง่ ผลิตต่อปี
(number of order)
=
ระยะเวลาในการใช้พสั ดุคงคลังจนหมด หรื อรอบเวลา
ในสัง่ ซื้ อหรื อผลิตแต่ละครั้ง
ตัวแบบพัสดุคงคลัง (ต่อ)





TIC
TC
TCo
TCh
TCb
=
=
=
=
=
ค่าใช้จ่ายส่ วนเพิม่ ของพัสดุคงคลังทั้งหมดต่อปี
ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดของพัสดุคงคลังต่อปี
ค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการเพื่อให้มีพสั ดุคงคลังต่อปี
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลังต่อปี
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลังขาดมือต่อปี
แบบจาลองปริมาณการสั่ งประหยัดสุ ด
(Economic Order Quantity Model : EOQ)
 กรณี สงั่ ซื้อเป็ นปริ มาณคงที่
 กรณี สงั่ ซื้อเป็ นปริ มาณคงที่ แต่ได้รับในลักษณะที่ทยอยส่ งให้ หรื อ
การสัง่ ผลิตและจาหน่ายไปพร้อมกัน
 กรณี ที่ยอมให้เกิดพัสดุคงคลังขาดมือ
 กรณี ที่มีพสั ดุคงคลังสารอง
 กรณี ได้รับส่ วนลดราคา
กรณีสั่งซื้อเป็ นปริมาณคงที่
สมมติฐานที่สาคัญ
อัตราการใช้พสั ดุคงคลังสม่าเสมอ
ทราบ หรื อสามารถประมาณความต้องการพัสดุต่อปี
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลัง และค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการเพื่อให้มีพสั ดุคงคลัง
คงที่
พัสดุคงคลังจะได้รับเต็มจานวนพร้อมกัน โดยไม่ก่อให้เกิดกรณี ขาดแคลน
 TC
=
CD + TCo + TCh + TCb
กรณีสั่งซื้อเป็ นปริมาณคงที่
 ต้นทุนของพัสดุคงคลังรวม = ต้นทุนของพัสดุคงคลังต่อหน่วย  ปริ มาณความ
ต้องการพัสดุคงคลังต่อปี

=CD
 ค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการเพื่อให้มีพสั ดุคงคลังต่อปี = ค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการ
เพื่อให้มีพสั ดุคงคลังต่อครั้ง  จานวนครั้งในการสั่งซื้ อ

TCo =
Co  N

=
Co  D/Q
 ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลังต่อปี = ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลังต่อหน่วย  พัสดุคง
คลังเฉลี่ย

TCh =
Ch  Q/2
TIC
TCh
Ch  Q/2
Q.Q/2
=
=
=
TCo
Co D/Q
Co D/ Ch
Q2
=
( 2 Co D)/Ch
EOQ 
0
EOQ
Q
2 DC o
Ch
ตัวอย่ าง
 ถ้าต้องการสัง่ ซื้อสิ นค้า A ซึ่งมีความต้องการปี ละ 2,400 หน่วย โดยมีค่าใช้จ่ายในการสัง่ ซื้ อครั้ง
ละ 200 บาท ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสิ นค้า เท่ากับ 1.50 บาทต่อหน่วยต่อปี ให้หา
 ถ้าอัตราความต้องการคงที่ ควรสัง่ ครั้งละเท่าใดจึงจะประหยัดที่สุด (EOQ)
 ถ้าสัง่ ซื้อตามข้อ 1. จะสัง่ ปี ละกี่ครั้ง
 ถ้าสัง่ ซื้อตามข้อ 1. จะใช้ได้นานเท่าใด
 จุดสัง่ ซื้อเพิ่มเท่ากับเท่าใด ถ้าระยะเวลาในการสัง่ ซื้อเท่ากับ 45 วัน
 จากโจทย์จะได้
D



=
Co
Ch
L
2,400
=
=
=
หน่วย/ปี
200
บาท/ครั้ง
1.50
บาท/หน่วย/ปี
45
วัน
2 DC o
EOQ 
Ch
ข้ อ 1.
จากสูตร
จากโจทย์จะได้ D = 2,400 หน่วย/ปี
Co = 200 บาท/ครัง้
Ch = 1.50 บาท/หน่วย/ปี
L=45 วัน
ดังนัน้
2  2,400 200
EOQ 
1.50
640,000
=
=800 หน่วย
ต้ องสัง่ ซื ้อสินค้ า A ครัง้ ละ
800 หน่วย จึงจะประหยัดที่สดุ
ข้ อ 2. จาก จานวนครัง้ ที่สงั่ ซื ้อต่อปี =
N
=
=
=3
D
Q
ปริ มาณความต้องการตอปี
ปริ มาณการสัั ั งซืประหยั
้ อที่ ดทีสุ่ ด
2,400
800
ครัง้ ต่อปี
้ อที่ ดทีสุ่ ด
ข้ อ 3. จาก ระยะเวลาในการใช้ EOQ = ปริ มาณการสัั ั งซืประหยั
=
=
Q
D
800
2 , 400
ปริ มาณความต้องการตอ ปี
1
3
=
ปี
4 เดือน
= 120 วัน
ข้ อ 4.
จาก
ระยะเวลาในการใช้ EOQ =
120 วัน
และ L = 45 วัน
ดังนัน้ จุดสัง่ ซื ้อใหม่สามมารถหาได้ จาก
มีระยะเวลาในการใช้ 120 วัน ใช้ สินค้ าจานวน
มีระยะเวลาในการใช้ 45 วัน ใช้ สินค้ าจานวน
 จุดสัง่ ซื ้อใหม่
800 หน่วย
800 45
120
= 300
หน่วย
= 300 หน่วย
กรณี สงั่ ซื้อเป็ นปริ มาณคงที่
แต่ได้รับในลักษณะที่ทยอยส่ งให้หรื อการสัง่ ผลิต
และจาหน่ายไปพร้อมกัน
สมมติฐานที่สาคัญ
พัสดุคงคลังจะไม่เข้ามาพร้อมกันทั้งหมด แต่จะทยอยเข้ามาด้วยอัตราคงที่จนครบ
ตามจานวนที่สงั่
อัตราการใช้พสั ดุคงคลังสม่าเสมอ
ทราบ หรื อสามารถประมาณความต้องการพัสดุต่อปี
ค่าใช้จ่ายเมื่อมีพสั ดุคงคลัง และค่าใช้จ่ายในการเตรี ยมการเพื่อให้มีพสั ดุคงคลัง
คงที่
ไม่ก่อให้เกิดกรณี ขาดแคลน
กรณี สงั่ ซื้อเป็ นปริ มาณคงที่
แต่ได้รับในลักษณะที่ทยอยส่ งให้หรื อการสัง่ ผลิต
และจาหน่ายไปพร้อมกัน
กาหนดให้
Q
I
A
T
TA
TCh =
EOQ
=
2C o D
D
C h (1  )
A
= ปริ มาณพัสดุคงคลังที่สงั่ ซื้ อหรื อสัง่ ผลิต
= ปริ มาณพัสดุคงคลังที่สูงที่สุด
= อัตราการมา หรื ออัตราการผลิตของพัสดุคงคลัง
= ระยะเวลาในการใช้พสั ดุคงคลังจนหมด หรื อรอบเวลาในสัง่ ซื้ อหรื อผลิตแต่ละครั้ง
= ช่วงเวลาในการมาหรื อการผลิตของพัสดุคงคลัง
1
D
Ch   Q(1  )
2
A
ตัวอย่ าง
โรงงานแห่งหนึ่งประมาณการความต้องการตลาดของสิ นค้า X ในปี
หน้า คือ 1,000 หน่วย ซึ่งนามาคิดเป็ นค่าเฉลี่ยของความต้องการต่อวันได้
เท่ากับ 4 หน่วย และโรงงานมีประสิ ทธิภาพในการผลิตสิ นค้า X ได้วนั
ละ 8 หน่วย ให้หาปริ มาณการสัง่ ผลิตที่ประหยัดที่สุดของโรงงานนี้ และ
ปริ มาณพัสดุคงคลังสูงสุ ด ถ้ากาหนดให้ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่ องจักร
เพื่อการผลิตครั้งละ 10 บาท ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสิ นค้า X เท่ากับ
0.50 บาท/หน่วย/ปี
จากโจทย์
D = 1,000 หน่วย/ปี = 4 หน่วย/วัน
A = 8 หน่วย/วัน
Co = 10 บาท/ครัง้
Ch = 0.50 บาท/หน่วย/ปี
2 101,000
2C D
EOQ =
4
D
0.50 (1  )
o
C h (1 
EOQ =
A
)
80,000
= 282.84 หน่วย  282 หน่วย
I = (A - D) Q
A
= (8 - 4) 
282
8
= 141 หน่ วย
8
กรณีที่มพี สั ดุคงคลังสารอง
การที่ธุรกิจกาหนดให้มีพสั ดุคงคลังสารอง (safety stock:SS)
TC =
D
Q
CD + Co  Q + Ch  ( 2 + SS)
จากตัวอย่างเดิม ถ้ากาหนดให้พสั ดุคงคลังสารองมีไว้ให้เพียงพอขาย 2
วัน ให้หา ระดับพัสดุคงคลังสารอง และค่าใช้จ่ายรวมในกรณี ที่มีพสั ดุคง
คลังสารอง
อัตราการใช้พสั ดุคงคลังต่อวัน = 48 ลูก
ดังนั้นระดับของคงคลังสารอง = 48  2 = 96 ลูก
TC =
D
Q
CD + Co  Q + Ch  ( 2 + SS)
= (14  12,000) + (11  25) + (0.24  14  (240 + 96))
= 168,000 + 275 + 1,128.96
= 169,403.96 บาท
กรณีได้ รับส่ วนลดราคา
 คานวณหา EOQ โดยใช้ราคาสิ นค้าต่อหน่วยต่าที่สุด พิจารณาจานวน
EOQ ที่คานวณได้ ว่าสามารถซื้ อสิ นค้า ณ ระดับราคาดังกล่าวตามที่ได้
กาหนดไว้หรื อไม่ ถ้าซื้ อได้ ปริ มาณที่คานวณได้จะเป็ นปริ มาณการสั่งซื้ อที่
ประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด และไม่ตอ้ งทาการคานวณต่อ
 แต่ถา้ ระดับสิ นค้าในข้อ 1. ซื้ อไม่ได้ ให้คานวณหาค่าใช้จ่ายรวม โดยให้ใช้
ปริ มาณการสัง่ ซื้ อน้อยที่สุด ณ ระดับราคาตามข้อ 1. จะซื้ อได้
 คานวณหา EOQ โดยใช้ระดับราคาที่สูงกว่าเดิม โดยที่
 ถ้าค่า EOQ เป็ นไปได้ ให้คานวณหาค่าใช้จ่ายรวม ณ ระดับ EOQ แล้วเปรี ยบเทียบ
ผลลัพธ์ที่ได้กบั ค่าใช้จ่ายรวมในข้อ 2. ค่าใดต่าสุ ดแสดงว่าปริ มาณสิ นค้าดังกล่าวเป็ นปริ มาณ
การสัง่ ซื้ อที่ประหยัดที่สุด
 ถ้าค่า EOQ เป็ นไปไม่ได้ ให้ทาการคานวณซ้ าในข้อ 2. และข้อ 3.1 จนกระทัง่ ได้ปริ มาณ
การสัง่ ซื้ อที่ประหยัดที่สุด
ตัวอย่าง
 บริษัทแห่ งหนึ่งมีความ
ต้ องการกระดาษสาหรับ
เครื่องโรเนียวเอกสารสั ปดาห์
ละ 10 รีม ราคาของกระดาษ
โรเนียวจะเปลีย่ นแปลงตาม
ปริมาณที่สั่งซื้อดังนี้
ปริมาณการ
สัง่ ซื ้อ (รี ม)
ราคาต่อรี ม
(บาท)
0 – 99
100 – 249
250 – 499
500 ขึ ้นไป
40.00
39.60
39.00
38.00
บริ ษทั ประมาณการค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้ อกระดาษโรเนียวครั้งละ 100 บาท
ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษากระดาษโรเนี ยวคิดเป็ น 18% ต่อปี
ของต้นทุนกระดาษโรเนียว ให้หาปริ มาณการสั่งซื้ อกระดาษโรเนียวที่ประหยัดที่สุด
จากโจทย์
D =
Co =
Ch =
10 รี มต่อสัปดาห์=10  52=
520 รี มต่อปี
100 บาทต่อครั้ง
18% ต่อปี ของต้นทุนค่ากระดาษโรเนียว
ขันที
้ ่ 1 คานวณหา EOQ ที่ระดับราคา 38 บาทต่อรี ม
EOQ 
=
2 DC o
Ch
=
2  520100
0.18 38
123.31 รี ม ไม่สามารถซื ้อได้ ที่ราคา 38 บาท/รีม
ขันที
้ ่ 2 หาค่าใช้ จ่ายรวมเนื่องจากไม่มีพสั ดุสารอง และพัสดุขาดมือ
ประกอบกับพัสดุเข้ ามางวดเดียวจึงใช้ สมการ
D +C  Q
TC =
CD + Co 
h
Q
=
2
520
500
(38  520) + 100  + 0.18  38 
500
2
=19,760 + 104 + 1,710
=21,574 บาท/ปี
ขันที
้ ่ 3 คานวณหา EOQ ที่ระดับราคา 39 บาทต่อรี ม
2 DC o
2  520100
=
EOQ 
0.18 39
Ch
= 121.72 รี ม ไม่สามารถซื ้อได้ ที่ราคา 39 บาท/รี ม
ขันที
้ ่ 4 หาค่าใช้ จ่ายรวม
TC =
=
Q
D
CD + Co 
+ Ch  2
Q
250
520
(39  520) + 100 250 + 0.18  39  2
=20,280 + 208 + 877.50
=21,365.50 บาท/ปี
ขันที
้ ่ 5 คานวณหา EOQ ที่ระดับราคา 39.60 บาทต่อรี ม
2 DC o
EOQ 
Ch
=
2  520100
0.18 39.60
= 120.79 รี ม สามารถซื ้อได้ ที่ราคา 39.60 บาท/รี ม
ประมาณ
120 รี ม
ขันที
้ ่ 6 หาค่าใช้ จ่ายรวม
Q
D
TC = CD + Co  + Ch 
2520
Q
120
= (39.60  520) + 100  + 0.18  39.60 
120
2
=20,592 + 433.33 + 427.68
=21,453.01 บาท/ปี
ควรสัง่ กระดาษโรเนียวครัง้ ละ 250 รี ม รี มละ 39 บาท
เนื่องจากมีคา่ ใช้ จ่ายรวมต่าสุด คือ 21,365.50 บาท
คาถาม