บทที่ 7

Download Report

Transcript บทที่ 7

Slide 1

วิชา สศ 402
โภชนศาสตร์ และการให้ อาหารโค


Slide 2

บทที่ 7
หลักการในการศึกษาด้ านโภชนศาสตร์
สั ตว์ เคีย้ วเอือ้ ง
มีเนือ้ หาเกีย่ วข้ องกับหลักการในการวิเคราะห์ คุณค่าทางอาหาร
หรือส่ วนประกอบทางเคมีในอาหารสั ตว์ ซึ่งจะเป็ นตัวบอกว่ าสามารถ
ใช้ เป็ นอาหารสั ตว์ ในกลุ่มใดเป็ นอาหารได้ บ้าง เนื่องจากอาหารหลักของ
สั ตว์ เคีย้ วเอือ้ ง คือกลุ่มอาหารหยาบ ซึ่งมีวธิ ีการวิเคราะห์ บางอย่ างที่
แตกต่ างไป นอกจากนีน้ ักศึกษาจะมีความรู้เกีย่ วกับวิธีการและหลักการ
สมัยใหม่ ในการศึกษาด้ านโภชนศาสตร์ สัตว์ เคีย้ วเอือ้ ง


Slide 3

ทาไมต้ องเรียนรู้ การวิเคราะห์ ทางเคมีในอาหารสั ตว์
เพราะส่ วนประกอบทางเคมีเป็ นสิ่ งทีส่ ามารถใช้ บอกคุณค่ า
ทางโภชนะในอาหารสั ตว์ ได้
 ผลการวิเคราะห์ นามาใช้ แบ่ งประเภทวัตถุดบ
ิ อาหารสั ตว์ ได้
 ใช้ เป็ นข้ อมูลเบือ้ งต้ นเพือ่ พิจารณาการแปรรู ปอาหารสั ตว์ หรื อ
การเก็บรักษาอาหารสั ตว์



Slide 4

การวิเคราะห์ ทางเคมีเบือ้ งต้ นเป็ นอย่ างไร


การวิเคราะห์ คุณค่ าทางเคมีของอาหารสั ตว์ ส่ วนใหญ่ จะใช้ วิธีการ
วิเคราะห์ แบบประมาณ (proximate analysis)

โดยหลักการวิธีนีจ้ ะแบ่ งกลุ่มของโภชนะออกเป็ น 6 กลุ่ม คือ ความชื้นหรือ
นา้ (moisture) เถ้ า (ash) โปรตีนรวม (crude protein) ไขมัน (ether
extract) เยื่อใยรวม (crude fiber) และคาร์ โบไฮเดรตทีย่ ่ อยง่ าย
(nitrogen free extract)


Slide 5

สารอินทรีย์และสารอนินทรีย์คอื อะไร
สารอินทรีย์ (organic matter) คือ
โปรตีน ไขมัน,เยือ่ ใย และ NFE
 สารอนินทรีย์ (inorganic matter) คือโภชนะส่ วนแร่ ธาตุต่าง
ๆ ทีเ่ ป็ นองค์ ประกอบในอาหาร
สารอินทรีย์ และ สารอนินทรีย์รวมกันอยู่ในส่ วนประกอบ
ของวัตถุแห้ ง



Slide 6

การวิเคราะห์ หาค่ าความชื้น








ชั่งนา้ หนักตัวอย่าง
อบในตู้อบ ที่ 102 – 104๐ซ ตาม
เวลาทีก่ าหนด
ชั่งนา้ หนักตัวอย่างหลังอบ
นา้ หนักตัวอย่างทีห่ ายไปคือค่ า
ความชื้นในอาหาร
% วัตถุแห้ ง = 100 - % ความชื้น

ตาม AOAC (1998) ใช้ 135 ๐ซ


Slide 7

การวิเคราะห์ เถ้ า






ชั่งตัวอย่างใส่ ในถ้ วยกระเบือ้ ง
เผาในเตาเผา 550 ๐ซ นาน 3 ชม.
ชั่งนา้ หนักตัวอย่างที่เหลือ
นา้ หนักที่เหลือ คือ สารอนินทรีย์
หรือเถ้ า
ประกอบด้ วยแร่ ธาตุชนิดต่ าง ๆ

% สารอินทรีย์ = % วัตถุแห้ ง - % เถ้ า

เตาเผา


Slide 8

วิเคราะห์ โปรตีนใช้ วธิ ี kjeldahl method







1.ชั่งตัวอย่ างใส่ หลอดแก้ วย่ อยด้ วย
H2SO4
2.กลัน่ ด้ วย NaOH แล้ วใช้ boric acid
จับ N
3. ไตเตรทด้ วยกรด(ทราบความเข้ มข้ น)
จะได้ ค่า N
ปริมาณโปรตีน (%) คือ N x 6.25
วิธีนี้ ค่ าที่คานวณได้ คอื ค่ าของโปรตีนแท้
(true protein) รวมค่ า NPN

เครื่องย่ อย

เครื่องกลัน่


Slide 9

การวิเคราะห์ ค่าไขมัน
1.ชั่งตัวอย่ างนามาสกัดด้ วยสารละลายอินทรีย์ Dichloromethane หรือ
Petrolium ether
 2.แยกสารละลายอินทรีย์ออก
 3.ส่ วนที่เหลือในขวด คือไขมัน
สารที่ละลายได้ ในสารละลายอินทรีย์ เช่ น ไวตามินทีล่ ะลายได้ ในไขมัน
และ Carotenoid และ ไลปิ ดประเภทอืน่ ๆ



Slide 10

การวิเคราะห์ คาร์ โบไฮเดรตในอาหารสั ตว์
การวิเคราะห์ แบบประมาณแบ่ งคาร์ โบไฮเดรตออกเป็ น 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มเยือ่ ใย หรือ กลุ่มคาร์ โบไฮเดรตทีย่ ่ อยยาก(ส่ วนประกอบของผนัง
เซลล์ เช่ นเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน)
2. กลุ่มคาร์ โบไฮเดรตทีย่ ่ อยง่ าย ที่ไม่ มีไนโตรเจนเป็ นองค์ ประกอบ
เช่ น แป้งและนา้ ตาล


การแบ่ งประเภทนีใ้ ช้ หลักการว่ าเอนไซม์ ในสั ตว์ ไม่ สามารถย่ อยเยือ่ ใยได้


Slide 11

การวิเคราะห์ หาเยือ่ ใย











: ชั่งตัวอย่างต้ มใน H2SO4 (10%)
แล้วกรอง
:นาส่ วนที่กรองได้ ต้มใน NaOH
(10%) แล้วกรอง
: นาส่ วนทีก่ รองได้ ใส่ crucible ทีร่ ้ ู
นา้ หนักแน่ นอน เผาในเตาเผาที่
อุณหภูมิ 550 ๐ซ
ตามเวลากาหนด
: ทาให้ เย็นชั่งนา้ หนัก crucible
นา้ หนักส่ วนทีห่ าย คือ ส่ วนของเยือ่ ใย
นา้ หนักส่ วนทีเ่ หลืออยู่ในถ้ วย คือ เถ้ า

เครื่องมือวิเคราะห์ หาเยือ่ ใย


Slide 12

การหาค่ าไนโตรเจนฟรีเอกซ์ แทรค NFE
ค่ า NFE หรือ คาร์ โบไฮเดรตที่ย่อยง่ ายที่ไม่ มี N เป็ นองค์ ประกอบ
 NFE เป็ นค่ าที่ไม่ ได้ จากการวิเคราะห์ แต่ ได้ จากการนาค่ าต่ าง ๆ ที่

วิเคราะห์ ได้ ท้ งั หมดหักออกจากค่ าวัตถุแห้ ง คือ
% ไนโตรเจนฟรีเอกซ์ แทรค
= % วัตถุแห้ ง - % เถ้ า - % โปรตีน - % ไขมัน - % เยือ่ ใย


Slide 13

Detergent method คืออะไร
เป็ นวิธีการทีค่ ้ นคิดขึน้ เพือ่ วิเคราะห์ เยือ่ ใยในอาหารหยาบทีเ่ ป็ นอาหาร
หลักของสั ตว์ เคีย้ วเอือ้ ง ผลวิเคราะห์ ถูกต้ องกว่ าการวิเคราะห์ เยื่อใยแบบ
ประมาณ
: เพราะคาร์ โบไฮเดรตทีเ่ ป็ นโครงสร้ างบางส่ วนทีผ่ นังเซลล์ถูกย่ อยได้ โดย
เอนไซม์ cellulase และ hemicellulase
 แต่ การวิเคราะห์ เยือ
่ ใยแบบประมาณ แยกผนังเซลล์ว่าเป็ นส่ วนทีไ่ ม่
สามารถใช้ ประโยชน์ ได้ เลย(โดยการย่ อยใช้ เอนไซม์ จากตัวสั ตว์ )



Slide 14

การวิเคราะห์ แบบ Detergent method
- ชั่งตัวอย่ าง ต้ มใน neutral detergent solution ตามเวลาที่กาหนด แล้ ว
กรองสารละลาย
- ส่ วนทีอ่ ยู่ในสารละลาย คือ คาร์ โบไฮเดรตทีไ่ ม่ เป็ นโครงสร้ าง (non
structural carbohydrate) เช่ นแป้งและนา้ ตาล
- ส่ วนกาก คือ คาร์ โบไฮเดรตทีเ่ ป็ นโครงสร้ าง (cell wall content )เช่ น
เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลสและลิกนิน


Slide 15

การวิเคราะห์ แบบ Detergent method(ต่ อ)
- นาส่ วนกากมาต้ มในสารละลายทีเ่ ป็ นกรด (acid detergent solution)
ตามเวลาที่กาหนด
- กรองสารละลาย
 ส่ วนทีล
่ ะลายได้ ในสารละลายทีเ่ ป็ นกรด คือ เฮมิเซลลูโลส


ส่ วนกาก คือ acid detergent fiber (ADF) หรือ ส่ วนของผนังเซลล์
ทีเ่ ป็ นส่ วนของเซลลูโลส และ ลิกนิน


Slide 16

การวิเคราะห์ แบบ Detergent method (ต่ อ)
- นาส่ วนกากต้ มในสารละลายด่ างทับทิม (potassium permanganate)
ลิกนินจะสลายตัว เหลือเซลลูโลสและเถ้ า
- เมื่อนาไปเผาจะได้ ค่าเซลลูโลส
หรือ - นาไปต้ มในสารละลายกรดกามะถัน 72% (72% H2SO4)
เซลลูโลสจะละลายออกมา เหลือส่ วนของลิกนินและเถ้ า
- เมื่อนาไปเผา ส่ วนของลิกนินจะสลายตัวไป
 สามารถคานวณหาค่ าลิกนิน (acid detergent lignin, ADL) ได้


Slide 17

ทาไมต้ องศึกษาการย่ อยได้ ของโภชนะ
เนื่องจากผลการวิเคราะห์ ทางเคมี ไม่ สามารถบอกว่ า เมื่อสั ตว์ กินอาหาร
แล้ว โภชนะในอาหารจะถูกย่ อยและดูดซึมไปใช้ ในขบวนการเมตาโบลิซึม
ต่ าง ๆ ในร่ างกายได้ เท่ าใด เพราะมีบางส่ วนของโภชนะทีไ่ ม่ ถูกย่ อยจะถูก
ขับออกจากร่ างกายทางมูล (feces)
 ค่ าการย่ อยได้ เป็ นสิ่ งสาคัญในการประเมินคุณค่ าทางอาหารของวัตถุดิบ
อาหารสั ตว์ แต่ ละชนิด
 ค่ าที่ได้ แตกต่ างกันตามการทดลอง เช่ นการใช้ สัตว์ ชนิด เพศ อายุ สภาพ
ร่ างกาย



Slide 18

การย่ อยได้
 หมายถึงโภชนะในอาหารที่ระบบทางเดินอาหารดูดซึมไป

ใช้ ได้
 โดยส่ วนที่ไม่ ดูดซึม คือส่ วนที่ย่อยไม่ ได้ จะถูกขับออกทางมูล
 เมื่อวิเคราะห์ โภชนะในอาหารและวิเคราะห์ โภชนะในมูล
สามารถคานวณค่ าการย่ อยได้ จากสู ตร


Slide 19

การคานวณค่ าการย่ อยได้
% การย่อยได้ ของอาหาร
= (ปริมาณอาหารทีก่ นิ – ปริมาณอาหารทีม่ อี ยู่ในมูล) x 100
ปริมาณอาหารทีก่ นิ
หรือ
% การย่อยได้ ของโภชนะ = (ปริมาณโภชนะในอาหาร – ปริมาณโภชนะในมูล) x 100
ปริมาณโภชนะในอาหาร



Slide 20

การศึกษาการย่ อยได้ มี 2 วิธี
1.การย่ อยได้ ของโภชนะในตัวสั ตว์ (in vivo digestibility)
2.การย่ อยได้ ในหลอดทดลอง (in vitro digestibility)
การทดลองในตัวสั ตว์ ค่าที่ได้ เป็ นค่ าการย่ อยได้ ปรากฏ (apparent
digestibility)
 เนื่องจากค่ าโภชนะที่อยู่ในมูลมีค่าโภชนะที่ได้ จากอาหารที่ไม่ ถูกย่ อย
และส่ วนของเนือ้ เยือ่ ที่หลุดลอกออกมารวมอยู่ด้วย



Slide 21

การศึกษาในตัวสั ตว์
1.วิธีการชั่งนา้ หนักทั้งหมด (Total collection method)
2.วิธีการใช้ สารชี้บ่ง (Indicator method)



วิธีที่ 1 นิยมใช้ กบั สั ตว์ เคีย้ วเอือ้ งขนาดเล็ก
วีที่ 2 นิยมใช้ กบั สั ตว์ เคีย้ วเอือ้ งขนาดใหญ่ เป็ นวิธีการ
แก้ ปัญหาในวิธีที่ 1


Slide 22

การศึกษาในตัวสั ตว์ ต้องเตรียมอะไรบ้ าง








คัดเลือกสั ตว์ ทดลองทีม่ คี ุณสมบัติใกล้ เคียงกัน ควรเป็ นสั ตว์ ที่โตแล้ ว
มีกรงทดลอง(Metabolic cage) ทีแ่ ยกเก็บมูลและปัสสาวะได้ อสิ ระ
มีจานวนสั ตว์ ที่ใช้ ทดลองอย่ างน้ อย 4 ตัว
แผนการทดลองทีใ่ ช้ เช่ น แผนการทดลองแบบ Latin square ,
Completely randomized design
อาหารทีใ่ ช้ ทดลอง ต้ องเตรียมไว้ อย่ างเพียงพอกับระยะทดลอง
ระยะเวลาทีใ่ ช้ ในการทดลอง


Slide 23

ระยะทดลอง
แบ่ งเป็ น 2 ระยะ
 1.ระยะก่ อนการทดลอง (Preliminary period) เป็ นระยะปรับตัว
 2.ระยะทดลองจริง (Experimental period) เป็ นระยะเก็บข้ อมูล
เช่ นปริมาณอาหารทีก่ นิ ปริมาณมูลและปัสสาวะทีส่ ั ตว์ ขบั ถ่ าย และสุ่ มตัวอย่ าง
เพือ่ นาไปวิเคราะห์ คุณค่ าทางเคมีด้วย
 ก่ อนระยะการทดลองต้ องมีระยะการปรับตัวก่ อน 7 วัน
 ในสั ตว์ เคีย้ วเอือ้ งจะใช้ ระยะก่ อนการทดลองประมาณ 10 – 14 วัน



Slide 24

ขบวนการ isomerization
 ถ้ าใช้ อาหารที่มีคุณค่ าทางโภชนะเหมาะสมและเพียงพอต่ อความ

ต้ องการของสั ตว์ หรืออาหารที่มีคุณภาพใช้ เลีย้ งอย่ างเดียวโดยไม่
ต้ องเสริมอาหาร ไม่ ต้องทา Basal diets
 ถ้ าอาหารที่ใช้ มีคุณค่ าทางอาหารไม่ สมดุล ( Unbalance
composition of nutrient) เช่ น ฟางข้ าว อาหารข้ น การศึกษาต้ อง
ใช้ Basal diets ร่ วมกับ Test feed เรียกว่าวิธี By-difference


Slide 25

Calculation of dry matter digestibility by difference
Basal diet
DM
Experimental diet 100g
Consisting of
40% test feed (40g)
60% basal diet(60g)

Digestibility% digested DM,g
60

55
x
60

100x55/100=55
40 x X/100=0.4x
60x60/100=36

0.4x +36=55
x =(55-36)/0.4
digestibility by difference of the target feed (x) = 47.5


Slide 26

Total collection มีวธิ ีการคานวณอย่ างไร
เมือ่ ได้ ข้อมูลปริมาณการกินอาหาร มูลทีข่ ับถ่ ายและผลวิเคราะห์ ทางเคมีในอาหารและมูล
สามารถคานวณค่ าการย่ อยได้ จากสู ตร

ค่ าสั มประสิ ทธิ์การย่ อยได้ ของวัตถุแห้ ง= 100 - 100 xนา้ หนักของมูลในรู ปวัตถุแห้ ง
นา้ หนักอาหารทีก่ นิ ในรู ปวัตถุแห้ ง
ค่ าสั มประสิ ทธิ์การย่อยได้ ของโภชนะ = 100 – 100 x นา้ หนักของโภชนะในรู ปวัตถุแห้ ง
นา้ หนักโภชนะในอาหารในรู ปวัตถุแห้ ง


Slide 27

การย่ อยได้ ของโภชนะแบบ Total collection





เป็ นค่ าการค่ าการย่ อยได้ ของโภชนะในทุกส่ วนของทางเดิน
อาหารรวมกัน ซึ่งในความเป็ นจริงแต่ ละส่ วนย่ อยได้ ต่างกัน
และโภชนะทีถ่ ูกย่ อยได้ กถ็ ูกนาไปใช้ ประโยชน์ ต่างกันด้ วย
เช่ น การย่ อยได้ ในลาไส้ ใหญ่ ต่างจากลาไส้ เล็ก และการใช้
ประโยชน์ ของโภชนะก็ต่างกัน
การศึกษาการย่ อยได้ ในแต่ ละส่ วนของระบบทางเดินอาหารจึง
ทาให้ การให้ อาหารต่ อสั ตว์ ตรงตามความต้ องการจริง


Slide 28

วิธีการใช้ สารชี้บ่งมีกวี่ ธิ ี
1.ใช้ สารชี้บ่งภายใน (Internal indicator)
เช่ น ลิกนิน และ เถ้ าที่ไม่ ละลายในกรด
2.วิธีการใช้ สารชี้บ่งภายนอก (External indicator) เช่ น Cr2O3 ,
TiO
การใช้ สารชี้บ่งเพือ่ ศึกษาการย่ อยได้ ควรให้ ความสาคัญในการ
เก็บตัวอย่ างอาหารและมูลด้ วย


Slide 29

คานวณได้ จากสู ตร





สัมประสิทธิ์การย่ อยได้ ของวัตถุแห้ ง(%) =100 -100 x % สารชี้บ่งในมูล - % สารชี้บ่งในอาหาร
% สารชี้บ่งในมูล
การย่ อยได้ ของโภชนะ (%) = 100 – 100 x % สารชี้บ่งในอาหาร x % โภชนะในอาหาร
% สารชี้บ่งในมูล % โภชนะในมูล

สารชี้บ่งภายนอกควรวิเคราะห์ ได้ ง่าย ราคาไม่ แพง และไม่ ถูกย่อยใน
ทางเดินอาหาร


Slide 30

เหตุใดจึงมีการศึกษาการย่ อยได้ ในหลอดทดลอง
: ประหยัดเวลา ค่ าใช้ จ่าย และแรงงาน
 การศึกษาในสั ตว์ เคีย้ วเอือ้ ง จาเป็ นต้ องใช้
: สั ตว์ที่เจาะกระเพาะแล้ว เพือ่ ใช้ ตัวอย่ างของเหลวในกระเพาะรู เมน
เป็ นส่ วนประกอบในการวิเคราะห์
 วิธีการที่นิยมใช้ มี 3 วิธี คือ Two stages in vitro method, Pepsin

cellulase method และ Gas production method


Slide 31

วิธีการ : Two stages in vitro method
โดยชั่งตัวอย่าง 0.25 – 0.5 กรัม ใส่ หลอดทดลอง
 เติม rumen fluid และ buffer เพือ่ ปรับ pH
 บ่ มที่ 39 ๐ซ นาน 48 ชั่วโมง ภายใต้ สภาพไร้ ออกซิเจน
 นาหลอดทดลองออกมาเติมเอนไซม์ เปปซิน บ่ มอีก 48 ชม.
 กรองสารละลาย ใส่ กากใน crucible
 อบที่ 105๐ซ นาน 1 คืน เผาในเตาเผา 550๐ซ
 ชั่งน้าหนักหลังจากเผา คานวณการย่ อยได้
วิธีการนีอ้ าจเรียกว่ าวิธีของ Tilley and Terry


Slide 32

Pepsin cellulase method
ชั่งตัวอย่ าง เติมเอนไซม์ เปปซิน บ่ มที่ 40๐ซ นาน 24 ชม.
 เติมสารละลาย (cellulase – acetate – buffer) เพือ
่ ย่ อยผนัง
เซลล์
 บ่ มหลอดทดลองที่ 40๐ซ นาน 24 ชม.
 กรองสารละลาย นาส่ วนที่เหลือไปอบเพือ
่ หาค่ าวัตถุแห้ ง
 เผาในเตาเผาเพือ
่ หาค่ าอินทรียวัตถุ และคานวณค่ าการย่ อยได้



Slide 33

อุปกรณ์ ทใี่ ช้ ในวิธี pepsin cellulase


Slide 34

วิธี Gas production methodคืออะไร
 เป็ นวิธีการวิเคราะห์ ค่าการย่ อยได้ ของโภชนะในกระเพาะรู เมน

โดยวัดปริมาณก๊าซที่เกิดขึน้ แทนการวัดปริมาณโภชนะที่หายไป
วิธีการ : ชั่งตัวอย่ างใส่ ในหลอดทดลอง (คล้ายกับเข็มฉีดยาตรงปลาย
มีสายยางสั้ น ๆ)
: ใส่ rumen fluid และ buffer
: นาหลอดทดลองใส่ ในตู้บ่มที่มีการหมุนเวียนของหลอด
ทดลองตลอดเวลา เป็ นเวลา 8 และ 24 ชั่วโมง


Slide 35

วิธี Gas production method
: อ่านค่ าปริมาณก๊าซที่เกิดขึน้ เมื่อบ่ ม
ครบกาหนดเวลา
: นาค่ าทีไ่ ด้ มาคานวณค่าการย่ อยได้
ของอินทรียวัตถุ (organic method
digestibility) ,พลังงานใช้
ประโยชน์ (metaboligable energy,
ME เป็ น Mg/kg DM)
โดยเปรียบเทียบกับกราฟมาตรฐาน
เครื่องมือทีใ่ ช้ วเิ คราะห์ แบบ gas test


Slide 36

การศึกษาในหลอดทดลอง
เป็ นการสร้ างหลอดทดลองที่เลียนแบบกระเพาะรู เมน
ขั้นตอน : นาตัวอย่ างอาหารที่ทราบนา้ หนักแน่ นอน
: ใส่ rumen fluid
: ปรับสภาพในหลอดทดลองให้ เหมาะสมเช่ น
- อุณหภูมิปรับที่ 39๐ซ
- มีการเติมบัพเฟอร์ ที่เป็ นสารเคมี
- ปรับสภาพให้ เป็ นสุ ญญากาศโดยใช้ CO2


Slide 37

การศึกษาในหลอดทดลองมีกปี่ ระเภท
 แบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท
 1.แบบไม่ ต่อเนื่อง(batch

trials) ลักษณะแบบปิ ด
คล้ ายถังหมัก ใช้ เวลาแช่
บ่ มอาหาร 24- 48 ชั่วโมง

ลักษณะของตู้บ่ม

โถหรือหลอดทดลอง


Slide 38

การศึกษาในหลอดทดลอง(ต่ อ)


2.แบบต่ อเนื่อง(continuous
fermenter) เป็ นเครื่องมือหรือ
หลอดทดลองทีอ่ อกแบบให้ มี
สภาพใกล้เคียงกับกระเพาะรูเมน
ในสั ตว์ มากยิง่ ขึน้ โดยให้ มกี าร
ไหลผ่ านของอาหารเข้ า-ออกใน
หลอดทดลองหรือถังหมัก ซึ่งเป็ น
ข้ อด้ อยในการศึกษาการย่ อยได้ ใน
หลอดทดลองแบบไม่ ต่อเนื่อง

การศึกษาในหลอดทดลองแบบต่ อเนื่อง


Slide 39

วิธีใช้ ถุงไนล่ อนทาอย่ างไร
ชั่งตัวอย่ างอาหารใส่ ถุงไนล่อน
 นาถุงแช่ ในกระเพาะรู เมนของ fistulated animal
: ใช้ เวลาต่ างกัน เช่ น 4, 8, 12, 24, 48, 72 และ 96 ชั่วโมง (อาหารหยาบ)
และที่ 2, 4, 8, 16, 24 ,36และ 48 ชั่วโมง สาหรับตัวอย่ างอาหารข้ น




ข้ อจากัดทีส่ าคัญของวิธีนี้ คือ ต้ องมีความเข้ าใจและมีความระมัดระวัง
ในการเลือกใช้ ถุง


Slide 40

วิธีใช้ ถุงไนล่ อนทาอย่ างไร(ต่ อ)
 เมื่อครบกาหนดเวลานาถุงออกมาล้ างให้ สะอาด
 นาถุงไนล่ อนไปอบให้ แห้ งในตู้อบที่อณ
ุ หภูมิ 60๐ซ

 นาตัวอย่ างอาหารทีเ่ หลือหลังจากการแช่ บ่ม วิเคราะห์ คุณค่ า

ทาอาหารเช่ น วัตถุแห้ ง โปรตีน เพือ่ คานวณค่ าการย่อยได้ โดย
ใช้ โปรแกรมสาเร็จรู ป Neway


Slide 41

ปัจจัยทีม่ ผี ลต่ อการย่ อยได้ ของโภชนะ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.

ปริมาณอาหารที่กนิ ถ้ ากินมากย่ อยได้ น้อย
ปริมาณลิกนินและเยื่อใยในอาหาร
ชนิดของสั ตว์
ความน่ ากินของอาหาร
การเตรียมตัวอย่ างอาหาร เช่ นการแปรรู ปอาหาร การหั่น สั บ
ผลของอาหารที่ให้ ร่วมกัน
การปรับตัวของสั ตว์


Slide 42

ตัวอย่ างการศึกษาการย่ อยได้ ของโภชนะในอาหาร



การทดลองให้ อาหารในแกะทีม่ รี ะยะ
ก่อนการทดลอง 7 วัน และระยะ
ทดลอง 7 วัน อาหารคือหญ้ าแห้ งให้
กินอาหารแห้ ง 2% ของนา้ หนักตัว
และแกะทดลองมีนา้ หนักเฉลีย่ 40
กก. เก็บมูลได้ เฉลีย่ นา้ หนัก 0.6 กก.
วัตถุแห้ ง
ผลวิเคราะห์ อาหารในห้ องปกิบัตกิ าร
ปรากฏดังนี้

หญ้ า DM CP CF NDF
90.2 7.0 50.0 65.0
มูล

DM CP CF NDF
89.0 12.5 40.0 70.0


Slide 43

ตัวอย่ างการศึกษาการย่ อยได้ ของโภชนะในอาหาร
หาโภชนะทีก่ นิ และโภชนะในมูล/ต่ อวัน

กิน

DM
CP
0.8
.056
(40x2/100) (0.8x.07)

CF
0.40
(0.8x.50)

NDF
0.52
(0.8x.65)

ขับออก

DM
CP
CF
0.53
.075
0.24
(o.89 x0.6) (0.6x0.125) (0.6x0.4)

NDF
0.42
(0.6x0.7)

ย่ อยได้

0.27

- 0.019

0.16

0.10


Slide 44

ตัวอย่ างการศึกษาการย่ อยได้ ของโภชนะในอาหาร
 % DDM = I-F/I x100

= 0.8-0.53/0.8 x 100 = 33.75 %
 % DCF

= 0.4- 0.24 / 0.4 x 100 = 40.00 %


Slide 45

พลังงาน(energy)
 โคมีความจาเป็ นต้ องได้ โภชนะที่อยู่ในรู ปสารอินทรี ย์จากอาหาร

เพือ่ นาไปสร้ างเป็ นพลังงาน สาหรับเนือ้ เยือ่ หรือเซลล์ต่างๆใน
ร่ างกาย ทั้งในการใช้ พลังงานเพือ่ กิจกรรมพืน้ ฐานของร่ างกาย
(พลังงานเพือ่ การดารงชีพ) และการให้ ผลผลิตในรู ปแบบต่ างๆ
 โดยพลังงานในอาหารที่อยู่ในรู ปของพลังงานเคมีเมื่อเข้าสู่ ร่างกาย
จะถูกเผาผลาญเปลีย่ นเป็ นพลังงานกล และพลังงานความร้ อน


Slide 46

พลังงานในวัตถุดบิ อาหารสั ตว์
 วัตถุดบ
ิ อาหารสั ตว์ ที่ใช้ เป็ นอาหารสั ตว์ เคีย้ วเอือ้ ง เมื่อเข้ าสู่ ร่างกาย

แล้ วจะเกิดการย่ อยทาให้ มีขนาดโมเลกุลเล็กลง จนสามารถดูดซึม
ผ่ านผนังของเซลล์ เยือ่ บุทางเดินอาหารได้ จากนั้นจะเดินทางไปที่
เซลล์เพือ่ นาไปใช้ ประโยชน์ เป็ นพลังงานในด้ านต่ างๆ เช่ นสาหรับ
ดารงชีวติ และให้ ผลผลิต โดยวัตถุดบิ อาหารสั ตว์ แต่ ละชนิดจะมี
การกระจายของพลังงานที่ต่างกัน
 แยกเป็ นวัตถุดบ
ิ ที่ให้ พลังงาน, วัตถุดบิ ที่ให้ โปรตีนฯลฯ


Slide 47

หน่ วยของพลังงาน
Calorie = cal หรือ หรือ จูล joules = volt x amperes x second
 1 cal = 4.184 joule (j) = จานวนความร้ อนที่ต้องการเพิม
่ ขึน้ ในการทา
ให้ นา้ ทีม่ ีนา้ หนัก 1 กรัม มีอุณหภูมิเพิม่ ขึน้ อีก 1๐ซ ( 14.5 เป็ น 15.5)
 Kcal = 1 kilocalories = 1,000 cal.,
 1cal = 4.184 J หรือ 1J = 0.239 cal
 Mcal = 1,000 kcal.= 4.184 MJ (Mega joules)
 หรือใช้ หน่ วย BTU = 252 cal (BTU= British Thermal Unit)



Slide 48

หลักการทางพลังงานทางโภชนศาสตร์
พลังงานในอาหารสามารถตรวจวัดด้ วยเครื่อง วิเคราะห์
พลังงานคือ bomb calorimeter ค่ าที่วเิ คราะห์ ได้ คือ
1.พลังงานรวมหรือพลังงานทั้งหมด (GE)
2.พลังงานที่สูญเสี ยออกทางมูล (FE)
3.พลังงานที่ย่อยได้ (DE)
-


Slide 49

หลักการทางพลังงานทางโภชนศาสตร์
4. พลังงานที่ใช้ ประโยชน์ (ME)
5.พลังงานสุ ทธิ (NE)
เพือ่ การดารงชีพ (NEm)
เพือ่ ให้ ผลผลิต(NEg) , (NEl)
ยอดโภชนะที่ย่อยได้ ท้งั หมด Total digestible nutrient (TDN)


Slide 50

การกระจายของพลังงานจากอาหาร


Gross energy = GE = พลังงานในวัตถุดบิ อาหารสั ตว์ หรือพลังงานทีไ่ ด้
จากการนาอาหารไปเผาในเครื่อง bomb calorimeter เป็ นค่ าพลังงาน
โดยประมาณทีม่ ีในวัตถุดบิ นั้น



หญ้ ามี GE = 4.42 Mcal /นา้ หนักแห้ ง


Slide 51

การกระจายของพลังงานจากอาหาร
 Fecal energy = FE = พลังงานทีไ่ ด้ จากการนามูลไปเผาในเครื่ อง

bomb calorimeter เป็ นค่ าพลังงานโดยประมาณทีม่ ีในมูล
 DE = Digestible energy = GE – FE เนื่องจาก ค่ าGE ย่ อย
ไม่ ได้ ท้งั หมด
 ME = Metabolizable energy = GE – FE – UE- gas energy
 UE= พลังงานทีส
่ ู ญเสี ยไปทางปัสสาวะ
 NE = ME – HI (heat increment)
 Basal metabolism , basal metabolic rate (BMR)


Slide 52

GE
FE

Undigested feed, microbial
cell, cell of GIT

DE
Gas production
Urinary energy ,UE

ME
Heat increment (heat of nutrient metabilism
heat of fermentation (rumen, caecum, intestine

NE
NEm

NEp


Slide 53

Total digestible nutrient (TDN)
คือ ผลรวมของปริมาณโภชนะที่ย่อยได้ท้ังหมดในอาหาร 100
กิโลกรัม มีหน่ วยเป็ น % หรือ กิโลกรัม
- % TDN= DCP+DCF+DNFE+(DEEx2.25)x100
ปริมาณอาหารที่กนิ
% TDN=%DCP+%DCF+%DNFE+ (%DEEx2.25)
 % โภชนะที่ย่อยได้ แต่ ละตัวหาได้ จากค่ า%โภชนะในอาหารคูณ
ด้ วยค่ าสั มประสิ ทธิการย่ อยได้ ของโภชนะ
-


Slide 54

ข้ อเสี ยของการใช้ ค่า TDN
-

-

มีหน่ วยเป็ น % หรือ กก. แต่ ใช้ บ่งเป็ นค่ าพลังงาน ซึ่งมีหน่ วยเป็ น
แคลอรี่ หรือ จูล
ค่ า TDN อาจเกิน100 ถ้ าอาหารมีไขมันสู ง เพราะ คูณด้ วย 2.25
ระบบนีพ้ จิ ารณาค่ าการย่ อยได้ ไม่ ได้ คดิ ถึงการสู ญเสี ยที่เกิดขึน้ ใน
ร่ างกายจริง เช่ น แก๊ซ ปัสสาวะ heat increment ทาให้ ได้ ค่าเกิน
ความจริงสาหรับอาหารหยาบ เพราะไม่ คดิ ค่ าการสู ญเสี ยจากแก๊ซ


Slide 55

การคานวณค่ า TDN
อาหารชนิดหนึ่งมีปริมาณโภชนะและค่ าการย่ อยได้ ดังนี้
CP

CF

NFE

EE

โภชนะ(%)

13.0

26.0

41.2

1.8

การย่อยได้ (%)

66.2

49.6

74.8

33.3

%TDN

8.6

12.9

30.8

0.6

%TDN = 8.6+ 12.9+ 30.8 + (0.6x2.25) = 53.7%