สื่อกลางการสื่อสาร (Transmission media) การส่งข้อมูลจากผูส้ ่งไปยังผูร้ บั ให้ครบถ้วนและถูกต้อง จาเป็ นต้องอาศัยสื่อกลางในการเชื่อมต่อ ซึ่งสื่อกลาง (Medium) ทาหน้าที่เป็ นเส้นทางเดินของข้อมูล โดยคุณภาพของสัญญาณที่ถูกส่งออกไปจะเกิดการสูญเสียความเข้ม ของสัญญาณ ระหว่างเส้นทางการสื่อสาร ทาให้ขอ้ มูลฝั ่งรับเกิด ข้อผิดพลาดและเป็ นการลดทอนประสิทธิภาพของการสื่อสารลง ซึ่งสื่อที่ใช้ในการส่งผ่านข้อมูล (Transmission medium) จึงส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการส่งด้วย โดยสื่อกลางในการส่งแบ่งออกเป็ น.

Download Report

Transcript สื่อกลางการสื่อสาร (Transmission media) การส่งข้อมูลจากผูส้ ่งไปยังผูร้ บั ให้ครบถ้วนและถูกต้อง จาเป็ นต้องอาศัยสื่อกลางในการเชื่อมต่อ ซึ่งสื่อกลาง (Medium) ทาหน้าที่เป็ นเส้นทางเดินของข้อมูล โดยคุณภาพของสัญญาณที่ถูกส่งออกไปจะเกิดการสูญเสียความเข้ม ของสัญญาณ ระหว่างเส้นทางการสื่อสาร ทาให้ขอ้ มูลฝั ่งรับเกิด ข้อผิดพลาดและเป็ นการลดทอนประสิทธิภาพของการสื่อสารลง ซึ่งสื่อที่ใช้ในการส่งผ่านข้อมูล (Transmission medium) จึงส่งผลต่อ ประสิทธิภาพในการส่งด้วย โดยสื่อกลางในการส่งแบ่งออกเป็ น.

Slide 1



สือกลางการสื
อสาร
(Transmission media)
การส่งข้อมู ลจากผู ส
้ ่งไปยังผู ร้ ับให้ครบถ้วน

และถูกต้องจาเป็ นต้องอาศ ัยสือกลางในการ

เชือมต่

่ อกลาง

่ น
ซึงสื
(Medium) ทาหน้าทีเป็
เส้นทางเดินของข้อมู ล โดยคุณภาพของ
่ กส่งออกไปจะเกิดการสู ญเสียความ
สัญญาณทีถู

เข้มของสัญญาณ ระหว่างเส้นทางการสือสาร
ทาให้ขอ
้ มู ลฝั่ งร ับเกิดข้อผิดพลาดและเป็ นการ

ลดทอนประสิทธิภาพของการสือสารลง
ซึง่
่ ใช้
่ ในการส่งผ่านข้อมู ล (Transmission
สือที
medium) จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการส่งด้วย

โดยสือกลางในการส่
งแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท


Slide 2


1. สือกลางแบบมี
สาย (Guide media) เป็ น


่ งอาศ
องได้เป็ นต ัวส่งผ่าน
ัยวัสดุ
ทีจับต้
สือซึ
สัญญาณ เช่น สายทองแดง สายคูต
่ เี กลียว
(Twisted pair)

1.1 Twisted Pair (สายคู ต
่ เี กลียว) สายคู ต
่ เี กลียว
แบ่งออกเป็ น
้ ว่า UTP
- สายคู ต
่ เี กลียวไม่หุม
้ ฉนวนเรียกสันๆ
(Unshielded Twisted Pair)
- และสายคู ต
่ เี กลียวหุม
้ ฉนวน STP (Shielded Twisted
Pair)


Slide 3

- UTP (Unshielded Twisted Pair) คู ส
่ ายในสายคู ต
่ ี

เกลียวไม่หุม
้ ฉนวนคล้ายสายโทรศ ัพท ์ มีหลายเส้น ซึงแต่


ละเส้นก็จะมีสแ
ี ตกต่างไปและตลอดทังสายนั
นจะถู
กหุม


ด้วยพลาสติก(Plastic Cover) ซึงการตี
เกลียวลักษณะนี ้
จะช่วยให้มน
ั มีคุณสมบัตใิ นการป้ องก ันสัญญาณรบกวน
่ เช่น จากเครืองถ่

่ ่
จากอุปกรณ์ไฟฟ้าอืนๆ
ายเอกสารทีอยู
่ ร ับความนิ ยมมาก
ใกล้ๆ เป็ นต้น ปั จจุบน
ั เป็ นสายทีได้
่ ด เนื่ องจากราคาถู กและติดตังได้
้ ง่าย
ทีสุ


Slide 4

- STP (Shield Twisted Pair) เป็ นสายคู ่
ลักษณะคล้ายก ันก ับสาย UTP แต่มฉ
ี นวน
ป้ องก ันสัญญาณรบกวน สายคูต
่ เี กลียวหุม

่ นโลหะถักเป็ นร่างแหโลหะหรือฟอยส ์
ฉนวนทีเป็
่ างแหนี จะมี

ซึงร่
คณ
ุ สมบัตเิ ป็ นเกราะในการ
ป้ องก ันสัญญาณรบกวนต่างๆ ภาษาเทคนิ ค
้ า ชิลด ์ (Shield) จะใช้ในกรณี ท ี่
เรียกเกราะนี ว่


เชือมต่
อเป็ นระยะทางไกลเกินกว่าระยะทางทีจะ
ใช้สาย UTP


Slide 5

1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
ลักษณะแกนกลางของสายโคแอกเชียลเป็ น
้ั
ทองแดงแล้วหุม
้ ด้วยพลาสติกส่วนชนนอกหุ

้ ด้วย
่ ก
่ องก ันสัญญาณ
โลหะหรือฟอยล ์ทีถ
ั เป็ นร่างแหเพือป้
รบกวน สายโคแอกเชียลมี 2 แบบ คือ แบบหนา
(thick) และแบบบาง (thin) ส่วนใหญ่ใช้ก ับระบบ
่ เชือมต่

เครือข่ายแบบ Ethernet แบบเดิม ซึงใช้


ระหว่างเครืองคอมพิ
วเตอร ์โดยตรงไม่ตอ
้ งใช้อป
ุ กรณ์
รวมสาย (Hub) แต่ในปั จจุบน
ั มีการใช้น้อยลง
่ ราคาถู กกว่าและ
่ วยสาย UTP ทีมี
เนื่ องจากถู กแทนทีด้
้ั ง่ายกว่า
สามารถติดตงได้


Slide 6

1.3 ใยแก้วนาแสง (Fiber-Optic)
ลักษณะใยแก้วนาแสงจะส่งสัญญาณ
่ านท่อแก้วหรือท่อพลาสติกเล็กๆซึง่
แสงวิงผ่


ท่อแก้วนี จะถู
กหุม
้ ด้วยเจลหรือพลาสติก เพือ
ป้ องก ันความเสียหายและการสู ญเสียของ
่ งสัญญาณได้ระยะ
สัญญาณ มีขอ
้ ดีตรงทีส่
ทางไกลโดยไม่มส
ี ญ
ั ญาณรบกวน


Slide 7

2 สายกลางแบบไร ้สาย (Unguided
media)


่ ใช้วส
เป็ นสือกลางประเภทที
ไม่
ั ดุใดๆ ในการนา

สัญญาณ ซึงจะไม่
มี

การกาหนดเส้นทางให้สญ
ั ญาณเดินทาง เช่น คลืนไมโครเวฟ

คลืนแม่
เหล็กไฟฟ้า



2.1 ระบบคลืนไมโครเวฟ
ระบบสือสารด้
วยคลืน

่ ่ในพืนที
้ ที
่ ่
ไมโครเวฟ มักใช้ในการเชือมต่
อเครือข่ายทีอยู


่ าบาก เช่น มีแม่น้ าขวางกันอยู

เชือมต่
อด้วยสือประเภทอื
นล


หรือการสือสารข้
ามอาคาร เป็ นต้น การส่งสัญญาณข้อมู ลไป

ก ับคลืนไมโครเวฟเป็
นการส่งสัญญาณข้อมู ลแบบร ับช่วงต่อๆ
ก ันจากสถานี ร ับส่งสัญญาณหนึ่ งไปยังอีกสถานี หนึ่ ง โดย

สามารถเกิดสัญญาณรบกวน ซึงสภาพดิ
นฟ้าอากาศมีผลต่อ

การส่งคลืนไมโครเวฟพอสมควร
เช่นถ้าสภาพอากาศมีฝน
หรือควันมาก สัญญาณไมโครเวฟจะถู กรบกวนได้ ด้วยเหตุนี้

ทาให้เครืองส่
งร ับไมโครเวฟส่
่ วนใหญ่จะถู กออกแบบมาให้
ระบบคลืนไมโครเวฟ


Slide 8


2.2 ระบบดาวเทียม การสือสารผ่
านดาวเทียมเป็ นการ


่ ่บนพืนดิ
้ น ส่งตรงไปยังดาวเทียม
สือสารที
สถานี
ร ับ-ส่งทีอยู
่ นดิ
้ นอีกครงหนึ
้ั
่ง ลักษณะ
แล้วส่งกลับมายังตวั ร ับปลายทางทีพื


การสือสารระบบดาวเที
ยมเหมาะสาหร ับการติดต่อสือสาร


่ เข้าถึงลาบาก เช่น เดินเรืออยู ่
ระยะไกลทีระบบสื
อสารอื
นๆ
กลางทะเล

สัญญาณรบกวนและสภาพดินฟ้าอากาศก็นบ
ั ว่ามีผลต่อ
การส่งข้อมู ลจากสถานี พนโลกก
ื้

ั ดาวเทียมอยู พ
่ อสมควร

เพราะว่าสภาพอากาศทีแปรปรวนจะรบกวนสั
ญญาณให้

ผิดเพียนไปได้
โดยส่วนใหญ่ดาวเทียมจะถู กออกแบบมาให้


ชดเชยการรบกวนของสภาพอากาศทีแปรปรวนเหล่
านัน


Slide 9

1.4 รหัสแทนข้อมู ล (Data
 คอมพิ
วเตอร ์เก็บข้อมู ลในลักษณะ
Code)

ตัวเลข “0” และ “1”
่ ร ับการจัดกลุ่มอย่างมีความหมาย
ทีได้
เรียกว่า รหัสแทนข้อมู ล (Data Code)
้ กนามาใช้ทงในการแปลง
้ั
รหัสเหล่านี ถู
่ าเข้ามาเพือการจั

รู ปแบบข้อมู ลทีน
ดเก็บ
อย่างมีประสิทธิภาพและการนากลับมา
ใช้งานได้อย่างถู กต้อง


Slide 10

1.4 รหั่ สแทนข้

มู

(Data

ข่าวสารทีติดต่อสือสารสามารถเป็
นได้ทง้ั
Code)
ตัวอ
ักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ รวมเรียกว่า



อ ักขระ เพือความเหมาะสมในการสือสาร
ข้อมู ล จึงมีการแปลงอ ักขระด ังกล่าวให้เป็ น
สัญญาณพัลส ์ไฟฟ้าหรือบิตแทน

รหัส รหัสทีถื่ อว่าเป็ นสากลในวงการสือสาร
ข้อมู ล ได้แก่ รหัสแอสกี (ASCII) รหัสโบ

ดอต (BAUDOT) รหัสเอ็บซีดก

(EBCDIC) และรหัสยู นิโค้ด
(UNICODE)


Slide 11

ชนิ ดของรหัสแทนข้อมู ล

 ในทางทฤษฎีแล้วผู ใ้ ช้สามารถกาหนดรหัส
แทนอ ักขระใด ๆ ได้เองจากกลุ่มของ
เลขฐานสอง 8 บิต
้ าไม่ได้ เพราะหาก
แต่ในความเป็ นจริงนันท


ทาเช่นนันอาจเกิ
ดปั ญหาระหว่างเครืองสอง

่ รหัสต่างกัน เปรียบเทียบได้ก ับคน
เครืองที
ใช้
สองคนคุยกันคนละภาษา
้ งควรมีการกาหนดรหัสแทนข้อมู ลที่
ด ังนันจึ


เป็ นสากล เพือให้
เครืองคอมพิ
วเตอร ์ต่าง ๆ

่ ยม
สามารถสือสารกันได้
รหัสแทนข้อมู ลทีนิ
ใช้ก ันในปั จจุบน
ั คือ


Slide 12

1.4.1.1 รหัส EBCDIC (Extended Binary
Code Decimal Interchange Code)
รหัสเอบซีดก
ิ โคด พัฒนาโดยบริษท
ั ไอบีเอ็ม

้ั
ใช้แทนข้อมู ลทีแตกต่
างกันได้ทงหมด
2 หรือ
256 ชนิ ด
การเก็บข้อมู ลโดยใช้รหัสเอบซีดก
ิ จะแบ่งรหัส
ออกเป็ นสองส่วนคือ


Slide 13


โซนบิต (Zone bits) ซึงอยู
่ทางด้านซ ้ายมี
จานวน 4 บิต
และนิ วเมอริกบิต (Numeric bits) ในอีก

4 บิตทีเหลื



Slide 14

1.4.1.2 รหัส ASCII (American Standard Code for
Information Interchange)

่ ยมใช้ก ันมาก
รหัสแอสกี เป็ นรหัสทีนิ

่ ใน
จนสามมารถนับได้วา
่ เป็ นรหัสมาตรฐานทีใช้

การสือสารข้
อมู ล
รหัสแอสกีใช้เลขฐานสอง 8 หลักแทนข้อมู ล
หนึ่งตัว เช่นเดียวกับรหัสเอบซีดค
ิ นั่นคือ 1 ไบต ์
้ การแบ่งรหัส
มีความยาวเท่าก ับ 8 บิต รวมทังมี
ออกเป็ นสองส่วน คือ โซนบิตและนิ วเมอริกบิต
เช่นเดียวกัน


Slide 15

รหัส EBCDIC

รหัส ASCII


Slide 16


ขนาด 8 บิตซึงมี
รู ปแบบเพียง 256 รู ปแบบ ไม่สามารถแทนภาษาเขียน
แบบต่าง ๆ ในโลกได้
่ นภาษาภาพ เช่น
ครบหมด โดยเฉพาะภาษาทีเป็
ภาษาจีนหรือภาษาญีปุ่่ น
เพียงภาษาเดียวก็มจ
ี านวนรู ปแบบเกินกว่า 256 ตัวแล้ว
่ น 16 บิต จึงแทน
UniCode จะเป็ นระบบรหัสทีเป็
ตัวอ ักษรได้มากถึง
่ ยงพอสาหร ับตัวอ ักษรและสัญลักษณ์
65,536 ตัว ซึงเพี

กราฟฟิ กโดยทัวไป
้ ญลักษณ์ทางคณิ ตศาสตร ์ต่าง ๆ ในปั จจุบน
รวมทังสั

ระบบ UniCode มีใช้ใน
ระบบปฏิบต
ั ก
ิ าร Window NT ระบบปฏิบต
ั ก
ิ าร UNIX
้ การ
บางรุน
่ รวมทังมี
สนับสนุ นชนิ ดข้อมู ลแบบ UniCode ในภาษา JAVA
ด้วย


Slide 17


Slide 18


Slide 19


Slide 20

ระบบโทรเลข

และเทเล็กซ ์ทัวโลก
้ งใช้แทนตวั
ประกอบด้วยรหัส 5 บิต ด ังนันจึ
่ ักขระพิเศษ
อ ักขระได้ 25 หรือ 32 ต ัว และเพิมอ
้ ก 2 ตัว คือ
ขึนอี

11111 หรือ LS (Letter Shift Character) เพือ

เลือกเปลียนเป็
นอ ักขระกลุ่มต ัวอ ักษร
(Lowercase)
และ 11011 หรือ FS (Figure Shift Character)
่ อกเปลียนเป็


เพือเลื
นอ ักขระกลุ่มเครืองหมาย
(Uppercase)

ด ังนันรหั
สโบดอตจึงสามารถใช้แทนอ ักขระได้



Slide 21


Slide 22