ใช้ในการประชาสัมพันธ์

Download Report

Transcript ใช้ในการประชาสัมพันธ์

การจัดการ
ความรู้
สานักชลประทาน
ที่ 9
การจัดการความรู้ มิไดเป็
่ องผู้บริหาร
้ นหน้าทีข
หรือทีมงานใดทีมงานหนึ่งแตเพี
่ ยงฝ่ายเดียว แ
คนทุกคนทีท
่ างานรวมกั
น ทัง้ ในบทบาทของผ
่
และบทบาทของผู้ปฏิบต
ั งิ าน หรือบทบาทของค
เป็ นเพือ
่ นรวมงาน
่
CKO
ของเรา
การจัดการความรู้ สู่ความเป็ นเลิศ
จากพระราชกฤษีกาวาด
กเกณฑและ
่ วยหลั
้
์
วิธก
ี ารบริหารกิจการ
บานเมื
องทีด
่ ี พ.ศ.2546 มาตรา11 ระบุให้
้
ส่วนราชการมีหน้าทีพ
่ ฒ
ั นาความรู้ใน
ส่วนราชการ เพือ
่ ให้มีลก
ั ษณะเป็ น
องค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสมา่ เสมอ
รวมทัง้ ต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้
ความสามารถ สร้างวิสัยทัศนและ
์
ปรับเปลีย
่ นทัศนคติของข้าราชการใน
การจั
ด
การความรู
้
ความ
หมาย....
คือการบริหารงาน(หรือการ
ทางาน) ทีม
่ ก
ี ารแลกเปลีย
่ นเรียนรู้
ระหวางกั
น คือ การบริหารจัดการ
่
ทีส
่ ่ งเสริมให้คนในองคกรได
้
์
แลกเปลีย
่ นเรียนรูร้ วมกั
นเพือ
่ ตอยอด
่
่
ความรูที
่ ตละคนมี
อยูให
้ แ
่
่ ้สมบูรณ์
แลวน
ตกรรมในการ
้ าไปใช้สรางนวั
้
แก้ปัญหา หรือพัฒนางาน
ทาไม? ตองจั
ดการความรู้
้
ก็เพือ
่ ให้สานัก
ชลประทานที่ 9 เป็ น
องคกรแห
่งการเรียนรู้
์
บุคลากรมีความสามารถใน
การปฏิบต
ั งิ านสูงขึน
้ และ
มีความสุขกับการทางาน

ทาไม? ตองเป็
นองคกรแห
้
่ง
์
การเรียนรู้
ก็เพือ
่ ความเป็ นเลิศในดานต
างๆ
้
่
ไดแก
้ ่

การพัฒนาแหลงน
่ ้า

การบริหารจัดการน้า

การป้องกันและบรรเทา
ภัยจากน้า
วิวฒ
ั นาการของการจัดการความรู้
 ยุคที่ 1 : กำหนดให้กำรจัดกำรควำมรู ้เป็ นระบบที่มีโครงสร้ำง
ตำยตัว ใช้เทคโนโลยีสำรสนเทศมำสนับสนุนกำรใช้ควำมรู้ เพื่อช่วย
กำรตัดสิ นใจ ( ทฤษฎีของ Yamazaki)
 ยุคที่ 2 : มีกำรจำแนกประเภทควำมรู ้และอธิ บำยควำมรู ้ไว้อย่ำง
ชัดเจนมีกำรแยกเป็ น 2 ประเภทคือ Explicit และ Tacit
Knowledge (ทฤษฎีของ Nonaka)
ยุคที่ 3 : กำรจัดกำรควำมรู้เป็ นเรื่ องที่ซบั ซ้อน เพรำะควำมรู ้ไม่ใช่
สิ่ งของที่จบั ต้องได้ และควำมรู ้กม็ ีหลำยมิติ อำจไม่สำมำรถแสดงให้
เห็นกำรจัดกำรควำมรู ้อย่ำงเป็ นเหตุและผลได้โดยง่ำย (ทฤษฎี
TUNA MODEL ของ ดร.ประพนธ ์ ผาสุข

การจัดการความรูมี
้ แนวคิดที่
น่าสนใจอยู่ 3 ทฤษฎี
 ทฤษฎี
ปิ รามิดแหงความรู
่
้ ของ
Yamazaki
ทฤษฎี ภูเขาน้าแข็งแหง่
ความรู้ ของ Nonaka


ทฤษฎี ปลาทูโมเดล (Tuna
ทฤษฎี ปิ รำมิดแห่งควำมรู้ ของ Yamazaki
ปัญญ
ำ
ควำมรู้
Knowledge
สำรสนเทศ
Information
ข้อมูล
Data
ทฤษฎี ภูเขำน้ ำแข็งแห่งควำมรู้ ของ Nonaka
Explicit Knowledge
20%
ควำมรู้ชดั แจ้ง
Tacit Knowledge
80%
ควำมรู้ฝังลึก
ทฤษฎี ปลำทูโมเดล ของ ดร.ประพนธ์ ผำสุ ขยืด
ทัศนคติเดิม
เชื่อว่ำ “ควำมรู ้ ” คือ อำนำจ
(Knowledge is Power) ทำให้ไม่ยอม
แลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้กนั เพรำะ
--- กำรมีควำมรู ้ทำให้เรำมีควำมสำคัญเหนือกว่ำคนอื่น
- เพรำะกลัวว่ำคนอื่นจะรู ้มำกกว่ำเรำ
- เพรำะกลัวตัวเองหมดควำมสำคัญ
วัฒนธรรมองคกร
์
ผู้บริหารตองเปลี
ย
่ นวัฒนธรรมองคกร
้
์
และวิธท
ี างานของคนในองคกร
ให้เอือ
้
์
คือ ตองให
อมให
้
้คนทีใ่ ฝ่รูและคนพร
้
้
้ได
“คนพรอมให
้
้ ” คือ คนทีไ่ มหวงความ
่
“คนทีใ่ ฝ่รู้ ”
คือ คนซึง่ ไมอายที
จ
่ ะข
่
ธรรมชาติของความรู้
ความรูไม
อนทรัพยสิ์ นอืน
่ ๆ
้ เหมื
่
ทีใ่ ช้แลวหมดไป
้
แตความรู
ถ
่
่
้ ายิ
้ ง่ ใช้ก็ยง่ิ เพิม
คุณคา่ หรือยิง่ เพิม
่ ปริมาณ
มากขึน
้
การจัดการความรู้กบั การรับประทานอาหารร่ วมกัน
นาย ก.กินข้ าว กับ นา้ พริกปลาทู
นาย ข.กินข้ าว กับ แกงจืด
ถ้ านาอาหารมากินร่ วมกันจะมีกบั ข้ าวเพิม่ ดีกว่านั่งกินอยู่คนเดียว
ข้ าว + นา้ พริกปลาทู + แกงจืด
การทา 5 ส. ตอ
่ KM
 ส.1
สรางบรรยากาศ
ทีเ่ อือ
้ ตอการ
้
่
เรียนรู้ มีการปรับองคกรให
้ ตอการ
้เอือ
่
์
เรียนรู้ เช่นมีมม
ุ แหงการเรี
ยนรู้
่
 ส.2 สนุ กสนาน มีความสุขความ
พอใจทีไ่ ดแลกเปลี
ย
่ น
เรียนรู้
้
ทัง้ 2 ฝ่าย คือ คนพรอมให
้
้ กับ
คนใฝ่รู้
 ส.3 สรางสรรค
้
้
์ ช่วยกันคิดคน
พัฒนานวัตกรรมในการทางานให้
วิธีการนา Tacit K. ออกมาเป็ น Explicit k.
1.ผู้บังคับบัญชา ออกคาสั่ งให้พนักงาน
ทุกคนเขียนเลารายละเอี
ยดเกีย
่ วกับ
่
เทคนิคการทางานของตนเอง
2. การบริหารงาน(ทางาน) ทีม
่ ก
ี าร
แลกเปลีย
่ นเรียนรูระหว
างกั
น เช่น
้
่
ShareTo Learn , LearnTo Share
Share & Learn ,การเลาเรื
่ ง
่ อ
ความสาเร็จ (Storytelling) ชุมนุ มนัก
ปฏิบต
ั ิ (CoP : Community of
Practice)
1.ฐำนข้อมูล
Knowledge Bases
7.กำรสับเปลี่ยนงำน
Job Rotation
6.กำรจัดตั้งทีม
ข้ำมสำยงำน
Cross-Function Team
สรรพวิธี
จัดกำรควำมรู ้
KM Tools
5.สภำกำแฟ
Knowledge Cafe
2.ชุมชนนักปฏิบตั ิ
Community of Practice
CoP
3.กำรเล่ำเรื่ อง
Storytelling
4.กำรทบทวน
หลังกำรปฏิบตั ิ
After Action Reviews
ชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice : CoP)
คือกลุมคนที
ม
่ ารวมตัวกัน เพือ
่ แลกเปลีย
่ น
่
เรียนรูเกี
่ วกับการทางาน
้ ย
ทัง้ ในส่วนทีเ่ ป็ นวิธป
ี ฏิบต
ั ท
ิ เี่ ป็ นเลิศ
ประสบการณความส
าเร็จ
์
ซึง่ เป็ น
และการสรุปบทเรียนซึง่ เป็ นความผิดพลาด
ลมเหลว
และขอควรระวั
ง
้
้
ตางๆในการท
างาน เพือ
่ ถายทอดความรู
และ
่
่
้
ประสบการณให
่ น
์ ้กับเพือ
สมาชิกในกลุม
้ ญหาและ
่ นาไปใช้ในการแกปั
พัฒนางานให้ดีขน
ึ้
เรื่องเล่ า(Storytelling)
เป็ นเทคนิคในกำรดึงควำมรู้ที่อยูใ่ นตัวคน (Tacit Knowledge)
ซึ่งยำกแก่กำรอธิ บำยถ่ำยทอด ให้กลำยเป็ นควำมรู้ที่ชดั แจ้ง
(Explicit Knowledge) ด้วยวิธีกำรเล่ำเกี่ยวกับประสบกำรณ์
ควำมสำเร็ จในกำรทำงำนของตนเองให้สมำชิกในกลุ่มฟัง
ทำให้สมำชิกได้เรี ยนรู้จำกประสบกำรณ์ควำมสำร็ จจำกผูอ้ ื่น
จำกนั้น ก็ให้สมำชิกที่ได้ฟัง ช่วยกันถอดบทเรี ยน หรื อสกัด
ขุมควำมรู้วำ่ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดควำมสำเร็ จคืออะไร
การทบทวนหลังการปฏิบต
ั งิ าน (After Action Reviews)
AAR คือ การอภิปรายเกีย
่ วกับ
เหตุการณที
้ จาการ
์ เ่ กิดขึน
ทางานโดยให้สมาชิกแตละคนได
พู
่
้ ด
สะทอนความคิ
ดเห็ น
้
หรือความรูสึ้ กทีม
่ ต
ี อการท
างานทีผ
่ าน
่
่
มาวา่ มีจุดเดน
่
จุดดอยและข
อที
่ วรปรับปรุงแกไขให
้
้ ค
้
้
ดีขน
ึ้
ถาจะมีการ
สภากาแฟ (Knowledge Cafe)
เป็ นเครือ
่ งมือ หรือวิธก
ี ารแลกเปลีย
่
Face to Face คือเป็ นกลุมคนเล็
กๆ
่
พบปะพูดคุยแลกเปลีย
่ นความรูและป
้
ตางๆ
ในการทางาน
่
ทาให้เกิดก
ขอมู
อการแพรกระจายข
้ ลขาวสารหรื
่
่
จากบุคคลหนึ่งไปสู่บุคคลหนึ่ง ไดอย
้
การจัดตัง้ ทีมข้ามสายงาน (Cross-Functional Team
เป็ นการจัดตัง้ ทีม เพือ
่ มาทางานรวมกั
น
่
ทีก
่ าหนดขึน
้ ภายใตความเชื
อ
่ ทีว่ า่ กา
้
ตองอาศั
ยผู้เชีย
่ วชาญจากหลายๆดาน
้
้
การณและท
างานรวมกั
น จึงจะประสบค
่
์
เปลีย
่ นหรือการถายทอดความรู
ระหว
างท
่
้
่
เรียนรูระหว
างกั
นมากขึน
้
้
่
การสั บเปลีย
่ นงาน (Job Rotation)
เป็ นการยายบุ
คลากรไปทางานในหน่วย
้
ภายในสายงานเดียวกันหรือข้ามสายงาน
การทีม
่ ป
ี ระสิ ทธิผลในการกระตุนให
้
้เกิด
ความรูและประสบการณ
ของทั
ง้ สองฝ่าย
้
์
การพัฒนาทักษะทีห
่ ลากหลายมากขึน
้
การบริหารความวางเพื
อ
่
่
KM
มี ท
3า อย
าง
่
ั ควำมคิดเดิม ว่ำฉันเก่ง
 ใจว่ าง คืออัตตำ ไม่ยดึ ติดอยูก่ บ
ฉัน
รู ้แล้ว หรื อมีอคติ คือปิ ดกั้นกำรเรี ยนรู ้ของเรำ
 พืน
้ ที่ว่าง บนเวทีพ้นื ที่จริ งทั้งอย่ำงป็ นทำงกำร เช่นประชุม
สัมนำ หรื อไม่เป็ นทำงกำร เช่น มุมกำแฟ มุมหนังสื อ และเวที
เสมือนจริ ง เช่น บน website ของ สชป.9
 เวลาว่ าง ทั้งเป็ นทำงกำร เช่นวันอังคำรตอน 8.00 น.หรื อไม่
เป็ นทำงกำร เช่นช่วงพักดื่มกำแฟ หรื อทำนอำหำร
“...จงเป็นน้าครึง่ แกว
้
ตลอดชีวต
ิ
เพือ
่ เรียนรู้
เพิม
่ เติมไดตลอด…”
กลอน KM
“ ไม่ มใี คร
เธอรู้ บ้าง
เธอก็รู้
มาแบ่ งปัน
รู้ ไป
หมดทุกอย่ าง
ฉันรู้ บ้าง มาสร้ างสรรค์
ฉันก็รู้
อยู่ด้วยกัน
สร้ างความรู้ สู่ ..... KM ”
แนวคิดของการจัดการ
ความรู้
• สุดยอดของการบริหารงาน คือ
การบริหารคน
• สุดยอดของการบริหารคน คือ
การจัดการความรู้
จบการนาเสนอ