เซลล์ - โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล

Download Report

Transcript เซลล์ - โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล

บทเรี ยนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
เรื่ อง
โดย
นางแสงอรุณ สง่ าชาติ
วิชาวิทยาศาสตร์ พนื้ ฐาน รหัส ว21101 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1
โรงเรียนนวมินทราชินูทศิ สตรีวทิ ยา พุทธมณฑล
ความหมายของเซลล์
เซลล์ เป็ นหน่ วยพืน้ ฐานทีเ่ ล็กทีส่ ุ ดของสิ่ งมีชีวติ
ทาหน้ าทีห่ รือกระบวนการต่ าง ๆ ในการดารงชีวติ ซึ่งรู ปร่ าง
ของเซลล์ แต่ ละอย่ างจะแตกต่ างกันมากแต่ จะมีโครงสร้ างที่
คล้ ายคลึงกัน
ประวัติของเซลล์
ประมาณ พ.ศ. 2133 (ค.ศ. 1590) Zaccharias Janssen
และ Hans Janssen ในการประดิษฐ์เครื่ องมือสาหรับ
ส่ องและขยายภาพของสิ่ งที่มีขนาดเล็กให้สามารถ
มองเห็นได้ชดั เจนขึ้น เรี ยกเครื่ องมือชนิดนี้วา่ "กล้อง
จุลทรรศน์"
ประวัติของเซลล์
ค.ศ. 1673 (พ.ศ. 2216 อันตน ฟัน เลเวนฮุก (Anton Van
Leeuwenhoek) นักวิทยาศาสตร์ชาวฮอลันดา
ผลงาน
ประดิษฐ์แว่นขยายธรรมดา ให้มีกาลังขยายมากขึ้น และใช้
ส่ องดูสิ่งต่างๆ เช่นเลืด อสุ จิ น้ าจากแหล่งน้ า
พบแบคทีเรี ย สาหร่ าย โพรโตซัวเป็ นผูค้ น้ พบจุลินทรี ยเ์ ป็ น
คนแรก
ประวัติของเซลล์
โรเบิร์ตฮุค พ.ศ.2208
ใช้กล้องจุลทรรศน์ที่ประดิษฐ์ข้ ึนตรวจดูชิ้นไม้คอร์ คที่ฝานบางๆ
พบว่าชิ้นไม้คอร์ กประกอบด้วย ช่องขนาดเล็มมากมายเขาจึงตั้งชื่อแต่ละ
ช่องว่าง เรี ยกว่า เซลล์ (CELL) ชิ้นไม้คอร์ก เป็ นเซลล์ที่ตายแล้วเหลืออยู่
แต่ผนังเซลล์(cell wall) ที่แข็งแรงประกอบไปด้วยสารพวก เซลลูโลส และ
ซูเบอริ น
ประวัติของเซลล์
ธีออร์ ดอร์ ชวานน์ (Theodor Schwan)
พ.ศ.2382
และแมทเธียส ชไลเดน (Matthias Schleiden) นักชีววิทยา
ชาวเยอรมัน ได้เสนอทฤษฎีของเซลล์ ( Cell theory) มีใจความว่า
“สิ่ งมีชีวติ ทั้งปวงประกอบด้วย เซลล์ และผลิตภัณฑ์ของเซลล์ ”
ประวัติของเซลล์
พ.ศ. 2378 (ค.ศ. 1835) Dujardin เป็ นผูพ้ บว่าภายใน
เซลล์มีส่วนประกอบที่มีลกั ษณะเป็ นของเหลวและ
สาคัญต่อชีวติ
ประวัติของเซลล์
- Hugo Von Mohl ได้ต้ งั ชื่อของเหลวดังกล่าว
ว่า "โพรโทพลาซึม" (Protoplasm)
- ในปี พ.ศ. 2374 โดย Robert Brown
ยังมีการค้นพบก้อนโพรโทพลาซึ มที่เรี ยกว่า "นิวเคลียส"
(Nucleus)
สรุ ปทฤษฎีเซลล์
ได้ดงั นี้
1. เซลล์เป็ นหน่วยหนึ่งในทางโครงสร้างของสิ่ งมีชีวติ
ทั้งหลาย
2. เซลล์เป็ นหน่วยหนึ่งในทางหน้าที่ต่าง ๆ ของสิ่ งมีชีวติ ทั้งหลาย
3. เซลล์ท้ งั หลายเกิดมาจากเซลล์ที่มีชีวติ อยูก่ ่อนแล้ว
(โดยการแบ่งเซลล์)
โครงสร้ างของเซลล์
แหล่งข้อมูล http://www.nkpw.ac.th/pornsak/cell/page02.htm
ทฤษฎีของเซลล์
สิ่ งมีชีวติ ทั้งหลายประกอบขึ้นด้วยเซลล์และเซลล์คือ
หน่วยพื้นฐานของสิ่ งมีชีวติ ทุกชนิดและทฤษฎีเซลล์ใน
ปัจจุบนั ยังครอบคลุมถึงใจความสาคัญ 3 ประการคือ
ทฤษฎีของเซลล์
1. สิ่ งมีชีวติ ทั้งหลายอาจมีเซลล์เดียวหรื อหลายเซลล์ และ
ภายในเซลล์มีสารพันธุกรรมและมีกระบวนการเมแทบอลิ
ซึ มทาให้สิ่งมีชีวติ นั้นดารงอยูไ่ ด้
ทฤษฎีของเซลล์
2. เซลล์เป็ นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดของสิ่ งมีชีวติ ที่มี
การจัดระบบการทางานภายใจเซลล์และโครงสร้างของ
เซลล์
ทฤษฎีของเซลล์
3. เซลล์ต่าง ๆ มีกาเนิดมาจากเซลล์เริ่ มแรกโดยการแบ่ง
เซลล์ของเซลล์เดิม (ตามทฤษฎีววิ ฒั นาการของสารอินทรี ย ์
พบว่าสิ่ งมีชีวติ แรกเริ่ มเกิดมาจากสิ่ งไม่มีชีวติ ) โดยนักชีววิทยา
แหล่งข้อมูล
http://www.aksorn.com/webguide/webguide_detail.php?content_id=129
ชนิดของเซลล์
1. Prokaryotic cells เซลล์ของสิ่ งมีชีวติ ชั้นต่า พวก
แบคทีเรี ย สาหร่ ายสี เขียว แกมน้ าเงิน และไมโครพลาสมา
ลักษณะเด่นคือ เซลล์ไม่มีเยือ่ หุ ม้ แบ่งแยกต่างหาก
ลักษณะ เซลล ์์จะค่อนข้างเล็ก มีขนาด 0.2-10 ไมโครเมตร
แหล่งข้อมูล
http://www.aksorn.com/webguide/webguide_detail.php?content_id=129
ตัวอย่างสัตว์ Prokaryotic cells
อะมีบา เป็ น โปรโตซัว สามารถ
เคลื่อนไหวได้ดว้ ยส่ วนของลาตัวที่
ยืน่ ออกมาชัว่ คราว เรี ยกว่า เท้าเทียม
(pseudopods) และถือว่าเป็ นตัวแทน
ของ สิ่ งมีชีวิตเซลล์ เดียว ที่รู้จกั กันดี
อะมีบา (amoeba)
ตัวอย่างสัตว์ Prokaryotic cells
ยูกลีนา
เป็ นโปรโตซัวที่มีคลอโรพลาสต์
สามารถสังเคราะห์แสงสร้างอาหารเอง
ได้เช่นเดียวกับพืช นักพฤกษาศาสตร์
จึงมักจัดเป็ นสาหร่ ายสี เขียวชนิดหนึ่ง
ด้วย เซลล์มีลกั ษณะเรี ยวยาว ด้านหน้า
มีแส้ 1 เส้น ช่วยโบกพัดช่วยเคลื่อนที่
พบอยูท่ วั่ ไปในแหล่งน้ า
ตัวอย่างสัตว์ Prokaryotic cells
สาหร่ ายสี เขียว
เป็ นจุลินทรี ยอ์ ีกชนิดหนึ่งที่อยูอ่ ย่าง
อิสระซึ่งมีท้ งั Chlorophyll และ
nitrogenane enzyme สามารถสังเคราะห์
แสง ตรึ งไนโตรเจนได้ เปลี่ยนวัตถุดินที่มี
อยูใ่ นอากาศมาเป็ น organic matter และ
เมื่อสลายตัวลงก็จะปลดปล่อย
สารประกอบนี้ให้กบั พืชที่ปลูกตามมาได้
นับว่าเป็ นแหล่งผลิตปุ๋ ยที่มีราคาถูกมาก
ตัวอยางสั
ตว ์ Prokaryotic
่
cells
พารามีเซียม
เป็ นโปรโตซัวเช่นเดียวกับอะมีบา
แต่มีขนสั้นอยูร่ อบเซลล์ช่วยในการ
เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ ว เซลล์มี
รู ปร่ างคล้ายรองเท้าแตะ ด้านข้างมี
ร่ องปาก สื บพันธุ์ได้ท้ งั แบบไม่อาศัย
เพศและอาศัยเพศพบอยูท่ วั่ ไปใน
แหล่งน้ าจืดนับเป็ นโพรโตซัวที่มีอยู่
มากอีกชนิดหนึ่ง
ตัวอย่างสัตว์ Prokaryotic cells
เทานา้ หรือสไปโรไจรา
เทาน้ าเป็ นสาหร่ ายสี เขียวชนิดหนึ่ง
ลักษณะเป็ นสาหร่ ายไม่แตกแขนงแต่
ละสายประกอบด้วยเซลล์เพียงแถว
เดียว ภายในเซลล์มีคลอโรพลาสเป็ น
เกลียวในภาพเป็ นเทาน้ า 2 สายจับคู่
เพื่อสื บพันธ์แบบอาศัยเพศ โดยมีการ
ปล่อยสารพันธุกรรมเข้าร่ วมกับอีก
สายหนึ่งพบอยูใ่ นแหล่งน้ าจืด
ชนิดของเซลล์
2. Ukaryotic cells ได้แก่ เห็ด รา เซลล์ของพืช และสัตว์
ทัว่ ๆไป มีขนาด 10-100 ไมโครเมตร
ตัวอย่ าง Ukaryotic cells
เห็ดรา(ไลเคนส์)
โปรติสตาที่ประกอบขึ้นด้วย
สาหร่ ายและราอยูร่ ่ วมกัน ซึ่งเป็ น
การอยูแ่ บบที่สิ่งมีชีวติ ทั้ง 2 ชนิดต่าง
ก็ได้รับประโยชน์ โดยสาหร่ าย
สามารถใช้สงั เคราะห์แสง สร้าง
อาหารได้ ส่ วนราดูดซึมความร้อน
ได้ แต่กไ็ ม่สารารถสังเคราะห์แสงได้
ราจึงต้องการอาหารจากสาหร่ าย
และสาหร่ ายต้องการความชื้นจากรา
ตัวอย่ าง Ukaryotic cells
กบ
เขียด
กบ เป็ นสัตว์ครึ่ งบกครึ่ งน้ าที่มีผวิ หนัง
ค่อนข้างขรุ ขระหรื อเป็ นเส้นยาว มีสี
ออกสี น้ าตาลหรื อสี น้ าตาล เขียว มักอยู่
ในบริ เวณที่ลุ่มน้ าขัง เช่น ในท้อง
นา หนองบึง ซึ่ งได้แก่ กบนา กบ
หนอง กบทูต และกบอกหนาม
ตัวอย่ าง Ukaryotic cells
เซลล์สตั ว์
ตัวอย่ าง Ukaryotic cells
เซลล์พืช
ข้ อแตกต่ างระหว่ างยูคาริโอตและโปรคาริโอต
ข้ อแตกต่ างระหว่ างยูคาริโอตและโปรคาริโอต
ลักษณะ
เซลล์ โปรคาริโอต
เซลล์ ยูคาริโอต
1. กลุ่มสิ่ งมีชีวติ
แบคทีเรีย, สาหร่ ายสี เขียว แกม
นา้ เงิน (ไซยาโนแบคทีเรีย)
สาหร่ าย, รา, โปรโตซัว, พืช, สั ตว์
2. ขนาด
1-2 ไมโครเมตร x 1-4
ไมโครเมตร หรือเล็กกว่ านี้
เส้ นผ่ านศูนย์ กลาง มากกว่ า 5
ไมโครเมตร
3. โครงสร้ างนิวเคลียส
ไม่ มเี ยือ่ หุ้มนิวเคลียส, มี
มีเยือ่ หุ้มนิวเคลียส, มีโครโมโซม
โครโมโซม เป็ นวงกลมเส้ นเดียว, มากกว่ า 1 เส้ น, ฮีสโตน มีการ
โครโมโซม ไม่ มฮี ีสโตน ไม่ มกี าร แบ่ งนิวเคลียส แบบไมโตซิส
แบ่ งเซลล์ แบบไมโตซิส
4. การไหลเวียน ของไซโทพลาส ไม่ มี
ซึม
มี
5. ฟิ โนไซโตซิส
มี
ไม่ มี
ข้ อแตกต่ างระหว่ างยูคาริโอตและโปรคาริโอต
6. แวคิวโอ
มีในบางพวก
ไม่มี
7. มีโซโซม
มี
ไม่มี
8. ไรโบโซม
70 S กระจายในไซ
80 S เกาะตามเยือ
่ หุม้
โทพลาสซึ ม
เช่น ER, 70 S ในไม
โตคอน เดรี ย
และคลอโรพลาสต์
มี
9. ไมโตคอนเดรี ย
ไม่มี
ข้ อแตกต่ างระหว่ างยูคาริโอตและโปรคาริโอต
11. กอลจิบอดี
ไม่ มี
มี
12. เอนโดพลาสมิก เรติควิ ลัม
ไม่ มี
มี
13. แวคิวโอทีม่ เี ยือ่ หุ้ม
ไม่ มี
มี
14. เยือ่ หุ้มเซลล์
โดยทัว่ ไปไม่ มสี เตอรอล เป็ นองต์ มีสเตอรอลเป็ นองค์ ประกอบ, ไม่
ประกอบ, บางส่ วนทาหน้ าที่
ทาหน้ าทีห่ ายใจ และสั งเคราะห์
เกีย่ วกับการหายใจ, เซลล์ บาง
แสง
ชนิด ทาหน้ าทีส่ ั งเคราะห์ ด้วย
แสง
15. ผนังเซลล์
ประกอบด้ วย เปปติโดไกลแคน
(มิวรีน หรือมิวโคเปปไทด์ )
ยกเว้ น ไมโครพลาสมา
ไม่ มี เปปติโดไกลแคน เป็ น
องค์ ประกอบ, ราส่ วนใหญ่ มไี ค
ติน, พืชส่ วนใหญ่ มเี ซลล์ ลูโลส,
สั ตว์ ไม่ มี
ข้ อแตกต่ างระหว่ างยูคาริโอตและโปรคาริโอต
16. อวัยวะในการ
เคลื่อนที่
เส้นใยไฟบริ
ลสานกันง่ายๆ
ประกอบด้วย
แฟลกเจลลิน
ประกอบด้วยไม
โครทิวบูล มา
เรี ยงกันใน
ลักษณะ 9+2
(flagelin)
17. เท้าเทียม
ไม่มี
18. อัตราส่ วนของ 28-73
เซลล์บางชนิดมี
ประมาณ 40
ขนาดของเซลล์
เซลล์ของสิ่ งมีชีวติ แต่ละชนิดมีขนาดแตกต่างกันมาก ตั้งแต่มอง
ไม่เห็นด้วยตาเปล่า เช่น เซลล์ของพวกแบคทีเรี ย ไปจนกระทัง่ เซลล์ที่
มีขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้ชดั เจน เช่นเซลล์ของไข่พวกสัตว์ปีก
สัตว์เลื้อยคลาน หน่วยที่ใช้วดั ขนาดของเซลล์ที่มีหลายชนิด เช่น
อังสตรอม (Angstrom ) นาโนเมตร (Nanometer:nm) ไมโครเมตร
(Micrometer : mm) และมิลลิเมตร (millimeter : mm) ซึ่งแต่ละหน่วย
สามารถเปรี ยบเทียบได้
http://student.nu.ac.th/u46410320/lesson%201.html
ตารางแสดงการเปรียบเทียบหน่ วยที่ใช้ วดั ขนาดของเซลล์
อังสตรอ นาโน ไมโครเม มิลลิเม
ม
เมตร
ตร
ตร
1
0.1
0.0001
10
1.0
0.001
0.000000
1
0.000001
10,000
1,000
1.0
0.001
1,000
1.0
10,000,000 1,000,000
ตัวอย่ างขนาดของเซลล์
ตัวอย่ างขนาดของเซลล์
ตัวอย่ างขนาดรู ปร่ างของเซลล์
เซลล์ ประสาท
เซลล์ประสาท เป็ น
โครงสร้างทัว่ ร่ างกาย และ
การทาหน้าที่ของระบบ
ประสาท ขนาดของเซลล์
ประสาทโดยทัว่ ไป มีเส้น
ผ่านศูนย์กลางของตัวเซลล์
แค่ 0.1 มิลลิเมตร
โดยประมาณ แต่ใยประสาท
มีความยาวได้หลายเมตร
ตัวอย่ างขนาดรู ปร่ างของเซลล์
เซลล์เม็ดเลือดแดง
มีขนาดประมาณ 6-8ไมครอน มีลกั ษณะ
ค่อนข้างกลม เว้าบริ เวณกลางคล้ายโดนัท ไม่
มี นิวเคลียส มีสีแดง เนื่องจากภายในมีสาร
ฮีโมโกลบิน โดยในกระแสเลือดคนปกติจะ
พบเม็ดเลือดแดงที่เจริ ญเติบโตเต็มที่ (Mature
red cell) มีเพียงไม่เกิน 2% ที่สามารถพบเม็ด
เลือดแดงตัวอ่อน (Reticulocyte) ได้
ตัวอย่ างขนาดรู ปร่ างของเซลล์
เซลล์อสุ จิ
เซลล์อสุ จิ (sperm) เป็ นเซลล์
สื บพันธุ์เพศชาย
ทาหน้าที่ สร้างอสุ จิ และสร้าง
ฮอร์โมนเพศชายควบคุมลักษณะ
ต่างๆของเพศชาย เช่น เสี ยงห้าว
มีหนวดเครา มีขนหน้าแข้ง
ตัวอย่ างขนาดรู ปร่ างของเซลล์
เซลล์เยือ่ บุข้างแก้ม
เยือ่ บุผวิ เรียงตัวชั้นเดียว
(simple epithelium) ประกอบด้ วย
เซลล์ รูปร่ าง 3 แบบ คือ เซลล์
รู ปร่ างแบนบาง (simple
spuamous epithelium) เช่ น พบที่
ท่ อของหลอดไต ทานา้ ดี และเซลล์
ทรงสู ง (simple columnar
epithelium) เช่ น พบที่ผนังลาไส้
เล็ก ท่ อนาไข่
ตัวอย่ างขนาดรู ปร่ างของเซลล์
เซลล์กล้ามเนื้อ
กายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พิมพ์ครั้งที่ 2
โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 239 หน้า
เซลล์ กล้ ามเนือ้ มีรูปร่ างพิเศษ
อาจเป็ นเส้ นใยทรงกระบอกยาว
( fiber shape) หรือรู ปกระสวย
ยาว ( spindle shape) มีการจัด
ตัวกันแน่ นวางตัวขนานกัน
รวมตัวเป็ นมัด ทาหน้ าที่แตกต่ าง
จากเซลล์ทั่วๆ ไป
Cell Structure
เซลล์ พชื
ผนังเซลล์
ไซโทพลาสซึม
เยือ่ หุ้มเซลล์
แวคิวโอล
นิวเคลียส
นิวคลีโอลัส
คลอโรพลาสต์
ไมโทคอนเดรีย
ไรโบโซม
กอลจิ บอร์ ดี้
เซลล์ สัตว์
โครงสร้ างพืน้ ฐานของเซลล์
1. ส่ วนทีห่ ่ อหุ้มเซลล์
2. ไซโทพลาสซึม
3. นิวเคลียส
โครงสร้ างพืน้ ฐานของเซลล์
1. ส่ วนที่ห่อหุ ม้ เซลล์ (Cell Structure)
เมื่อศึกษาลักษณะโครงสร้างภายในภายใต้กล้อง
จุลทรรศน์แบบอิเล็กตรอน สามารถมองเป็ นได้จดั เจนทา
ให้เห้นส่ วนประกอบในส่ วนที่ห่อหุม้ เซลล์ ในนิวเคลียส
กับไซโทพลาสซึ ม
1. ส่ วนที่ห่อหุม้ เซลล์(Cell Structure)
1.1 เยือ่ หุม้ เซลล์ (Cell membrane ,plasma membrane)
1.1 เยือ่ หุ้มเซลล์ (Cell membrane ,plasma membrane)
หน้ าที่
ลักษณะ
เป็ นเยือ่ บาง ๆ เหนียวล้ อมรอบ
เซลล์ ประกอบด้ วยสารประเภทไขมัน
และโปรตีนมีสมบัติเป็ นเยือ่ เลือกผ่ าน
(Semipermeable membrane)
- ห่ อหุ้มส่ วนต่ าง ๆ ทีอ่ ยู่ภายในเซลล์
- ควบคุมปริมาณและชนิดของสารทีผ่ ่ านเข้ า-ออกจากเซลล์ เช่ น
อาหาร อากาศ สารละลายเกลือแร่ ต่างๆ
1. ส่ วนทีห่ ่ อหุ้มเซลล์ (Cell Structure)
1.2 ผนังเซลล์ (cell wall)
1.2 ผนังเซลล์ ( cell wall )
ลักษณะ
อยู่นอกสุ ด พบเฉพาะในเซลล์ พชื
เท่ านั้นส่ วนใหญ่ เป็ นสารพวก
เซลลูโลส ซึ่งสร้ างมาจากนา้ ตาล
หน้ าที่
- ช่ วยเสริมสร้ างความแข็งแรงและป้ องกันอันตรายให้ แก่
เซลล์ พชื
- ทาให้ เซลล์ พชื คงรู ปอยู่ได้ ( เซลล์ สัตว์ ไม่ มี )
2.ไซโทพลาสซึม (Cytoplasm)
ลักษณะ
เป็ นของเหลว มีความข้นโปร่ งแสง
ประกอบด้วย น้ าประมาณ 75 – 90 % ที่เหลือ
เป็ นสารชนิดอื่น เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรท
ไขมัน และสารอนินทรี ยท์ ี่อยูใ่ นรู ป
สารละลาย ส่ วนสารอินทรี ย ์ มักอยูใ่ นรู ปของ
คอลลอยด์ (colloid)
2.ไซโทพลาสซึม (Cytoplasm)
ประกอบด้ วย
ออร์ แกนเนลต่ าง ๆ มากมาย เช่ น
• ไมโทคอนเดรีย
• คลอโรพลาสต์
• กอลจิบอดี
• ไรโบโซม
• แวคิวโอล
• สารอาหารต่ าง ๆ ได้ แก่ โปรตีน ไขมัน นา้ ตาล แก๊ ส
• รวมทั้งของเสี ย แต่ ไม่ รวมนิวเคลียส
2.ไซโทพลาสซึม (Cytoplasm)
หน้าที่
- เป็ นบริ เวณที่เกิดปฏิกิริยาเคมีของเซลล์
- เป็ นที่เก็บสะสมวัตถุดิบสาหรับเซลล์
- สังเคราะห์สารที่จาเป็ นสาหรับเซลล์
- เกี่ยวข้องกับกระบวนการขับถ่ายของเสี ยของเซลล์
- สลายวัตถุดิบเพื่อให้ได้พลังงานและสิ่ งที่จาเป็ นสาหรับเซลล์
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.1ไมโทคอนเดรีย (mitochondria)
2.1ไมโทคอนเดรีย (mitochondria)
ลักษณะ
หน้ าที่
มีลกั ษณะก้อนกลมหรื อก้อนรี และ
ยืดหยุน่ ได้ มีความยาวแตกต่างกันไป
มีจานวนไม่เท่ากันใน แต่ละเซลล์
ขึ้นอยูก่ บั หน้าที่ของเซลล์น้ นั
เป็ นแหล่ งสร้ างพลังงานให้ แก่ เซลล์
2.1ไมโทคอนเดรีย (mitochondria)
หน้ าที่
1. สร้างสารให้พลังงานสูง คือ ATP (Adenosine triphosphate)
โดยแยกเป็ น 2 ส่ วน คือ
1. เยือ่ หุม้ ด้านนอก ทาหน้าที่เกี่ยวข้อง กับการสร้างสารประกอบ ฟอสโฟลิปิด
2. เยือ่ หุม้ ด้านใน มีเอนไซม์เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ ATP
2. ภายในเมทริ กซ์มีของเหลว ที่ทาหน้าที่เป็ นเอนไซม์ ซึ่งเกี่ยวข้อง กับ
ปฏิกิริยาเคมี ต่างๆ ในวัฏจักรเครปส์ ( Krebs cycle)
3. มี DNA (Deoxyribonucleic acid) RNA (Ribonucleic acid) เอนไซม์ และ
ไรโบโซมอยูภ่ ายในออร์แกเนลล์ ทาหน้าที่สงั เคราะห์โปรตีนขึ้น ภายในออร์
แกเนลล์
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.2 คลอโรพลาสต์
(chloroplasts)
2.2 คลอโรพลาสต์ (chloroplasts)
ลักษณะ
เป็ นโครงสร้ างทีพ่ บในพืชและสาหร่ าย มี
ลักษณะเป็ นเม็ดกลมรีภายในมีสารสี เขียว
เรียกว่ า คลอโรฟิ ลล์
หน้ าที่ ช่ วยในกระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสงของพืช
2.2 คลอโรพลาสต์ (chloroplasts)
ลักษณะ
เป็ นพลาสติดที่มีสีเขียวเนื่องจากมีสาร
คลอโรฟิ ลล์ เป็ นองค์ประกอบเป็ นส่ วนใหญ่ เป็ น
แหล่งสร้างอาหารของเซลล์พืชและโพรทิสต์บาง
ชนิด ภายในคลอโรพลาสต์มีโครงสร้างที่มีลกั ษณะ
คล้ายถุงแบนๆที่มีเยือ่ หุ ม้ เรี ยกว่า ไทลาคอยด์
(thylakoid) และไทลาคอยด์เรี ยงซ้อนกันเรี ยกว่า กรา
นุม(granum) แต่ละกรานุมมีโครงสร้างเชื่อมต่อถึง
กัน บนไทราคอยด์มีสารสี ที่ใช้ในกระบวนการ
สังเคราะห์ดว้ ยแสง
เช่น คลอโรฟิ ลล์ แคโรทีนอยด์(carotenoid) และมีของเหลวที่เรี ยกว่า สโตรมา(stroma) อยู่
โดยรอบไทลาคอยด์ ในของเหลวนี้มีเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะด้วยแสง
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.3 กอลจิบอดี, กอลจิคอมแพล็กซ์
(golgi body, golgi complex )
2.3 กอลจิบอดี,กอลจิคอมเพล็กซ์ (golgi body,golgi complex)
ลักษณะ
ประกอบด้วยถุงเยือ่ บาง ๆ เรี ยงซ้อน
กันเป็ นกลุ่มของถุงกลมแบนขนาด
ใหญ่ บริ เวณตรงขอบโป่ งพองใหญ่
ขึ้น มักพบอยูใ่ กล้กบั ER มีในเซลล์
พืชและสัตว์ช้ นั สู งเกือบทุกชนิด
2.3 กอลจิบอดี, กอลจิคอมเพล็กซ์ (golgi body)
ลักษณะ
หน้ าที่
ยกเว้นเซลล์เม็ดเลือแดงที่โตเต็มที่ของ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ทาหน้าที่เติมกลุ่ม
คาร์โบไฮเดรต ให้กบั โปรตีนหรื อลิพิดที่ส่ง
มาจาก ER เกิดเป็ นไกลโคโปรตีน และไกล
โคลิพิด แล้วสร้างเวสิ เคิลบรรจุสารเหล่านี้
ไว้ เพื่อส่ งออกไปภายนอกเซลล์
เก็บสารทีร่ ่ างแหเอนโดพลาสมิคสร้ างขึน้ สะสมฮอร์ โมน เอนไซม์
และสารอืน่ ๆ
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.4 ไรโบโซม (Ribosome)
2.4 ไรโบโซม (Ribosome)
ลักษณะ
เป็ นออร์แกแนลล์ขนาดเล็กที่ไม่มเี ยือ่ หุม้
รู ปร่ างเป็ นก้อน ประกอบด้วยโปรตีนและ
RNA สัดส่ วนเท่ากันโดยน้ าหนัก
หน้ าที่
สังเคราะห์โปรตีน ประกอบด้วยหน่วยย่อย 2 หน่วยคือ หน่วยย่อย
ขนาดเล็กและหน่วยย่อยขนาดใหญ่ หน่วยย่อยทั้งสองชนิดของไรโบ
โซมอยูแ่ ยกกัน และจะประกอบติดกันขณะที่มีการสังเคราะห์โปรตีน
2.4 ไรโบโซม (Ribosome)
หน้ าที่
ไรโบโซมที่เกาะอยูท่ ี่ผวิ นอกของ RER ทา
หน้าที่เป็ นแหล่งสร้างโปรตีน ที่ใช้เป็ น
องค์ประกอบของเยือ่ หุม้ เซลล์ และส่ งออก
นอกเซลล์ นอกจากนี้ยงั มีไรโบโซมอิสระที่ไม่
เกาะอยูก่ บั ER กระจายอยูใ่ นไซโทซอล ทา
หน้าที่สร้างโปรตีนสาหรับใช้ภายในเซลล์ พบ
มากในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีอายุนอ้ ย ทา
หน้าที่สร้างฮีโมโกบิน
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.5 ไรโซโซม (Risosome)
2.5 ไลโซโซม (Risosome)
ลักษณะ
ไลโซโซม เป็ นเวสิ เคิลที่สร้างมาจาก
กอลจิคอมเพล็กซ์ มีลกั ษณะเป็ นถุง
กลมมีเยือ่ หุ ม้ ชั้นเดียว ไม่พบในเซลล์
พืช แต่พบในเซลล์สตั ว์เกือบทุกชนิด
2.5 ไลโซโซม (Risosome)
หน้ าที่
มีเอนไซม์สาหรับย่อยอาหาร ด้วยจะไปรวมกับเวสิ
เคิลหรื อแวคิวโอที่มีอาหารอยูภ่ ายใน นอกจากนี้ไลโซ
โซมของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ยังมีเอนไซม์ทาลายสิ่ ง
แปลกปลอม โดยไปรวมกับเวสิ เคิลที่มีสารแปลกปลอม
เมื่อเซลล์เสื่ อมสภาพ ไลโซโซมมีหน้าที่ทาลายออร์
แกแนลล์ในเซลล์ เมื่อเซลล์ได้รับอันตรายหรื อจะตาย
ไลโซโซมจะปล่อยเอนไซม์ออกมาสู่ ไซโตพลาสซึ ม
เพื่อสลายเซลล์ท้ งั หมด
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.6 แวคิวโอล (Vacuole)
2.6 แวคิวโอล (Vacuole)
ลักษณะ
มีลกั ษณะเป็ นถุงใส ภายในมีของเหลว
เรียกว่ า นา้ เลีย้ งเซลล์
ในเซลล์ พชื ทัว่ ไปมักมีแวคิวโอลขนาด
ใหญ่
2.6 แวคิวโอล (Vacuole)
ลักษณะ
แวคิวโอลมีหลายชนิดทาหน้าที่แตกต่างกันไป คือ
1. คอนแทร็กไทล์แวคิวโอล(contractile vacuole) ทาหน้าที่รักษาสมดุลของน้ า พบใน
เซลล์ของสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียว เช่น อะมีบา พารามีเซี ยม เป็ นต้น
2. ฟูดแวคิวโอล(food vacuole) ทาหน้าที่บรรจุอาหารที่รับมาจากภายนอกเซลล์เพื่อ
ย่อยสลายต่อไป พบในเซลล์เม็ดเลือดขาวและสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียว
3. แซบแวคิวโอล(sap vacuole) เป็ นแวคิวโอลที่พบในเซลล์พืช ขณะที่เซลล์พืชอายุนอ้ ย
มีแวคิวโอลขนาดเล็กจานวนมาก แต่เมื่อเซลล์มีอายุมากขึ้นแวคิวโอลเหล่านี้จะรวมเป็ น
ถุงเดียวกันทาให้มีขนาดใหญ่ข้ ึน ทาหน้าที่สะสมสารบางชนิด เช่น สาร
อออน น้ าตาล กรดอะมิโน ผลึกและสารพิษต่างๆ
2.6 แวคิวโอล (Vacuole)
หน้ าที่
ควบคุมปริมาณนา้ ในเซลล์ เก็บอาหารและ
ของเสี ยก่ อนถูกขับออก
นอกเซลล์ ในอะมีบา พารามีเซียม
มีแวคิวโอลทาหน้ าทีร่ ับสารซึ่งเป็ นของ
เสี ยปนอยู่แล้ วกาจัดออกนอกเซลล์
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.7. ร่ างแหเอ็นโดพลาสมิกเรติคูลมั
(Endoplasmic reticulum:ER)
2.7. ร่ างแหเอ็นโดพลาสมิกเรติคูลมั
(Endoplasmic reticulum:ER)
ลักษณะ
Biological_cell.svg
เป็ นท่อแบนใหญ่ บางบริ เวณโป่ ง
ออกเป็ นถุงเรี ยงขนานและเรี ยงซ้อน
กันเป็ นชั้นๆภายในมีของเหลวบรรจุ
อยูแ่ ละมีท่อเชื่อมถึงกันเป็ นร่ างแหอยู่
ล้อมรอบนิวเคลียสและเชื่อมกับเยือ่ หุม้
นิวเคลียสที่ผิวนอกของเอนโดพ
ลาสมิกเรติคูลมั
แหล่งข้อมูล Biological_cell.svg
2.7. ร่ างแหเอ็นโดพลาสมิกเรติคูลมั
(Endoplasmic reticulum:ER)
ลักษณะ(ต่อ)
บางบริ เวณมีไรโบโซมเกาะอยูท่ าให้มองดูคล้ายผิวขรุ ขระ
เรี ยกว่า เอนโดพลาสมิกเรติคูลมั แบบผิวขรุ ขระ
(Rough Endoplasmic RER ) บางบริ เวณไม่มีไรโบโซมเกาะอยู่
เรี ยกว่า เอนโดรพลาสมิกเรติคู-ลัมแบบผิวเรี ยบ ER ทั้งสองชนิด
มีท่อเชื่อมติดต่อกัน
แหล่งข้อมูล Biological_cell.svg
2.7.1 ร่ างแหเอ็นโดพลาสมิกเรติคูลมั แบบผิวเรียบ
(Endoplasmic reticulum:ER)
ลักษณะ/หน้ าที่
พบมากในเซลล ์์ที่มีหน้าที่กาจัดสารพิษ และสร้างสารสเตอรอยด์ จึง
พบในเซลล์ที่ต่อมหมวกไต ในอัณฑะ เซลล์รังไข่ และในเซลล์ของตับ และ
ยังทาหน้าที่ คือ ลาเลียงสารต่างๆ เช่น RNA ลิพิด โปรตีน เนื่ องจากผนังของ
ER ยอมให้สารประกอบโมเลกุลใหญ่บางชนิด รวมทั้ง ลิปิด เอนไซม์ และ
โปรตียผ่านเข้าออกได้ จึงเป็ นทางผ่านของสาร และเกลือแร่ เข้าไปกระจาย
ทัว่ เซลล์ รวมทั้งสารต่างๆ ยังอาจสะสมไว้ใน ER อีกด้วย และการขับของ
เสี ย ออกจากเซลล์ โดยผ่านทาง ER เรี ยกว่า เอกโซไซโทซิส (exocytosis)
แหล่งข้อมูล Biological_cell.svg
2.7.2 ร่ างแหเอ็นโดพลาสมิกเรติคูลมั แบบผิว
ขรุขระ (Rough Endoplasmic RER )
ลักษณะ/หน้ าที่
Biological_cell.svg
เป็ นบริ เวณที่ไรโบโซมสังเคราะห์จะ
บรรจุอยูใ่ นเวสิ เคิล และมีการลาเลียง
ส่ งออกไปนอกเซลล์ หรื อส่ งต่อไปยัง
กอลจิคอมเพล็กซ์ หรื อไปเป็ น
ส่ วนประกอบของเยือ่ หุม้ เซลล์ เป็ นต้น
เช่น เซลล์ตบั อ่อนที่ทาหน้าที่สร้าง
เอนไซม์ยอ่ ยสารอาหารต่างๆ
แหล่งข้อมูล Biological_cell.svg
2. ส่ วนทีอ่ ยู่ในไซโทพลาสซึม
2.8 เซนทริโอล (centriole)
2.8 เซนทริโอล (centriole)
ลักษณะ
Biological_cell.svg
เป็ นออร์แกเนลล์ที่ไม่มีเยือ่ หุม้ พบใน
เซลล์สตั ว์และสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียว ไม่พบ
ในเซลล์พืชและพวกเห็ดรา เป็ นบริ เวณที่
ยึดเส้นใยสปิ นเดิลช่วยในการเคลื่อนที่
ของโครโมโซม และแยกโครมาติดแต่
ละคู่ออกจากกัน เซนทริ โอลพบอยูโ่ ดย
วางตั้งฉากกัน
แหล่งข้อมูล Biological_cell.svg
2.8 เซนทริโอล (centriole)
ลักษณะ
Biological_cell.svg
อยูใ่ กล้ๆกับเยือ่ หุม้ นิวเคลียส เซนทริ โอลแต่
ละอันประกอบด้วยหลอดเล็กๆเรี ยกว่า ไม
โครทิวบลู(microtubule) เรี ยงตัวกันเป็ น
กลุ่มๆกลุ่มละ 3 หลอด มีท้ งั หมด 9 กลุ่ม แต่
ละกลุ่มเชื่อมต่อกันเป็ นแท่ง
ทรงกระบอก บริ เวณไซโตรพลาซึมที่อยู่
ล้อมรอบเซนทริ โอลแต่ละคู่เรี ยกว่า เซนโทร
โซม(centrosome) ซึ่งเป็ นแหล่งกาเนิดเส้น
ใยสปิ นเดิล
แหล่งข้อมูล Biological_cell.svg
3.นิวเคลียส
3.นิวเคลียส (Nucleus)
ลักษณะ
เป็ นส่ วนประกอบทีส่ าคัญของเซลล์ มี
ลักษณะค่ อนข้ างกลม ภายในของเหลวมีนิวคลี
โอลัส และโครมาตินโครงสร้ างของเซลล์ที่เห็นชัด
อยู่ตรงกลางเซลล์ ทาหน้ าทีเ่ ป็ นศูนย์ ควบคุม
กิจกรรมต่ างๆ ภายในเซลล์ ถูกควบคุมโดยคาสั่ งจาก
นิวเคลียส
3.นิวเคลียส (Nucleus)
หน้ าที่
1. เป็ นศูนย์กลางควบคุมการทางานของเซลล์
2. เป็ นแหล่งสังเคราะห์ DNA และ RNA
3. ควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนภายในเซลล์
4. ควบคุมการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
จากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลาน
แหล่งข้อมูลhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
โครงสร้างของนิวเคลียสประกอบด้วย
3.1 เยือ่ หุ้มนิวเคลียส (nuclear membrane)
3.2 นิวคลีโอพลาซึม ( nucleoplasm )
3.3 นิวคลีโอลัส (Nucleous)
3.1 เยือ่ หุ้มนิวเคลียส (nuclear membrane)
ลักษณะ
เป็ นเยือ่ บาง ๆ 2 ชั้น เรี ยงซ้อนกัน ที่เยือ่ นี้จะมีรู
เรี ยกว่า นิวเคลียร์พอร์ (nuclear pore) หรื อ แอนนูลสั
(annulus) มากมาย รู เหล่านี้ทาหน้าที่เป็ นทางผ่านของ
สารต่างๆ ระหว่างไซโทพลาซึมและ
นิวเคลียส นอกจากนี้เยือ่ หุม้ นิวเคลียสยังมีลกั ษณะเป็ น
เยือ่ เลือกผ่านเช่นเดียวกับเยือ่ หุม้ เซลล์ เยือ่ หุม้ นิวเคลียส
ชั้นนอกจะติดต่อกับเอนโดพลาสมิก เรติคูลมั และมี
ไรโบโซมมาเกาะเพื่อทาหน้าที่ลาเลียงสารต่าง ๆ
ระหว่างนิวเคลียสและไซโทพลาซึมด้วย
3.2 นิวคลีโอพลาซึม ( nucleoplasm )
แหล่งข้อมูลhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
คือส่ วนที่อยูภ่ ายในเยือ่ หุม้ นิวเคลียส
ประกอบด้วย
- นิวคลิโอลัส ( Nucleolus ) เป็ นแหล่ง
สังเคราะห์และรวบรวม
- กรดไรโบนิวคลีอิค ( ribonucleic acid ) เรี ยก
ย่อว่า RNA ทาหน้าที่นาคาสัง่ จากนิวเคลียสไปยัง
เซลล์ส่วนอื่นๆ และสร้างไรโบโซมเพื่อไปทาหน้าที่
สังเคราะห์โปรตีน
- โครมาติน ( Chromatin ) คือร่ างแห
โครโมโซม
3.3 นิวคลีโอลัส (Nucleous)
3.นิวคลีโอลัส (nucleolus) เป็ นส่ วนของ
นิวเคลียสที่มีลกั ษณะเป็ นก้อนอนุภาค
หนาทึบ พบเฉพาะเซลล์ของพวกยูคาริ
โอตเท่านั้น เซลล์อสุ จิ เซลล์เม็ดเลือดแดง
ที่เจริ ญเต็มที่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ านม
และเซลล์ไฟเบอร์ของกล้ามเนื้อจะไม่มีนิ
วคลีโอลัส
แหล่งข้อมูลhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
3.3 นิวคลีโอลัส (Nucleous)
ประกอบด้วย โปรตีน และ RNA โดยโปรตีนเป็ น
ชนิดฟอสโฟโปรตีน (Phosphoprotein)
และไม่พบโปรตีนฮีสโตนเลย ในเซลล์ที่มีกิจกรรมสูง
จะมีนิวคลีโอลัสขนาดใหญ่ ส่ วนเซลล์ที่มีกิจกรรมต่า
จะมี นิวคลีโอลัสขนาดเล็ก นิวคลีโอลัสมีหน้าที่ใน
การสังเคราะห์ RNA ชนิดต่าง ๆ และถูกนาออก
ทางรู ของเยือ่ หุม้ นิวเคลียส เพื่อสร้างเป็ นไรโบโซม
ต่อไป ดังนั้นนิวคลีโอลัสจึงมีความสาคัญต่อการสร้าง
โปรตีนเป็ นอย่างมาก เนื่องจากไรโบโซมทาหน้าที่
สร้างโปรตีน
แหล่งข้อมูลhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
ข้ อแตกต่ างระหว่ างเซลล์ พชื และเซลล์สัตว์
แหล่งข้อมูลhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
ข้ อแตกต่ างระหว่ างเซลล์ พชื และเซลล์สัตว์
เซลล์ พชื
• มีรูปร่ างเป็ นเหลีย่ ม
• มีผนังเซลล์ อยู่ด้านนอก
• มีคลอโรพลาสต์ ภายในเซลล์
• แวคิวโอลขนาดใหญ่
• ไม่ มีไลโซโซม
เซลล์ สัตว์
มีรูปร่ างกลมหรือรี
ไม่ มีผนังเซลล์ แต่ มสี ารเคลือบ
ด้ านนอก
ไม่ มีคลอโรพลาสต์
แวคิวโอลขนาดเล็ก
มีไลโซโซม
แหล่งข้อมูลhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
เซลล์ สัตว์
เซลล์ สัตว์
ระบบอวัยวะ
อวัยวะ
เนือ้ เยื่อ
สิ่ งมีชีวติ
เซลล์
เนือ้ เยือ่
อวัยวะ
ระบบอวัยวะ
กลุ่มเซลล์ ทมี่ รี ู ปร่ าง ลักษณะขนาดใกล้ เคียง
กัน ทาหน้ าทีร่ ่ วมกัน
กลุ่มของเนือ้ เยือ่ ทีท่ างานร่ วมกัน
กลุ่มของอวัยวะทีท่ างานร่ วมกัน
ใบงาน
คาสั่ ง ให้เรี ยนเติมข้อความลงในกรอบให้ตรงกับรู ปภาพ
9
1
10
2
11
3
4
12
5
13
6
14
7
8
15
กิจกรรม
เรื่ อง รู ปร่ างและส่ วนประกอบของเซลล์
เซลล์ เยือ่ หอม
กิจกรรม
เรื่อง รูปร่ างและส่ วนประกอบของเซลล์
1. จุดประสงค์
1.สังเกตส่ วนประกอบและหน้าที่ของเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์
2.สามารถเตรี ยมสไลด์ของเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์
3.บอกความแตกต่างระหว่างเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ได้
4.ใช้กล้องจุลทรรศน์ศึกษาเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์ได้
2. อุปกรณ์
1.กล้องจุลทรรศน์
1
กล้อง
2.กระจกสไลด์
3
อัน
3.กระจกปิ ดสไลด์
3
อัน
4.หลอดหยด
1
อัน
5.มีดโกน
1
ใบ
6.บิกเกอร์ขนาด 100 cm3
1
ใบ
2. อุปกรณ์(ต่อ)
7.น้ า
8.สารละลายไอโอดีน
50
cm3
9.สารละลายเมทิลีนบลู
10.สาหร่ ายหางกระรอก หัวหอม ใบว่านกาบหอย
11.สาลีพนั ปลายไม้
3.วิธีทา
3.1 เซลล์สาหร่ ายหางกระรอก
1.เตรี ยมเซลล์เยือ่ หอมโดยใช้ใบมีดโกนค่อยๆลอกเยือ่ ด้านในของ
ใบ ส่ วนที่เป็ นหัวซึ่ งมีสีขาว แล้วใช้ใบมีดโกนตัดให้มีขนาด
ประมาณ 0.5 cm x 0.5 cm และหยดสารละลายไอโอดีนลงไป
2 หยด
2. ปฎิบตั ิการเช่นเดียวกับข้อ 4-5
3.วิธีทา (ต่อ)
4.นาสไลด์ที่เตรี ยมเสร็ จแล้วไปส่ องดูดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ปรับภาพ
ให้ชดั เจน
5.วาดรู ปเซลล์สาหร่ ายหางกระรอก
3.2 เซลล์ ใบว่ านกาบหอย
1. เตรี ยมใบว่านกาบหอย โดยนาใบว่านกาบหอยมาฉี กด้านใน
หลังใบซึ่งมีสีม่วงให้ได้เยือ่ บางๆ แล้วใช้ใบมีดโกนตัดให้มี
ขนาด0.5 cm x 0.5 cm
2. ปฎิบตั ิการเช่นเดียวกับข้อ 4-5
3.3 เยือ่ บุขา้ งแก้ม
1. เตรี ยมลาสี พนั ปลายไม้ใช้ปลายข้างที่พนั สาลีถูขา้ งแก้มด้าน
ในเบาๆ
2. ป้ ายสาลีบนแผ่นสไลด์ หยดสารลายเมทิลีนบลูบริ เวณที่ป้าย
สาลีไว้ และค่อยๆปิ ดทับด้วยกระจกสไลด์
3. ปฎิบตั ิการเช่นเดียวกับข้อ 4-5
4. ตารางบันทึกผลการทดลอง
5. สรุ ปผลการทดลอง
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
......................................................................................
.............
เฉลยผลการทดลอง
สาหร่ ายหางกระรอก
เซลล์สาหร่ ายหางกระรอก
เฉลยผลการทดลอง
เซลล์ คุม
เซลล์ เยือ่ บุข้างแก้ ม
เฉลยผลการทดลอง
ว่ านกาบหอย
กิจกรรมที่ 2
เรื่ อง ผลัดกันถามผลัดกันตอบ
จุดประสงค์
เพื่อตรวจสอบความรู ้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเหมือน
และความแตกต่างของเซลล์พืชและเซลล์สตั ว์
คาสั่ ง
ให้นกั เรี ยนจับคู่กบั เพื่อนถาม – ตอบเกี่ยวกับ
ลักษณะของเซลล์พืชกับเซลล์สตั ว์ โดยสลับกับเพื่อน
เป็ นคนตั้งคาถาม และตอบคาถามลงในตารางข้างล่างนี้
คนที่ 1
คนที่ 2
1.คาถาม.....................................
...........................
2.ตอบ....................................
..............................
3.คาถาม....................................
..............................
4.ตอบ.......................................
..............................
2.ตอบ........................................
.............................
2.คาถาม....................................
..............................
3.ตอบ........................................
..............................
4.คาถาม.....................................
..............................
กิจกรรม
เรื่ อง คนค้นพบเซลล์
1. จุดประสงค์
1. เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวเรื่ องเซลล์
2. เพื่อศึกษาโครงสร้างภายในและภายนอกของสัตว์
เซลล์เดียว
2. วิธีทา
1.ให้นกั เรี ยนศึการู ปเซลล์สตั ว์เซลล์เดียวจากสไลด์สาเร็ จรู ป
ด้วยกล้องจุลทรรศน์
2. บันทึกและวาดภาพที่สงั เกตเห็นจากกล้องจุลทรรศน์
3. ตารางบันทึกผล
เซลล์
เซลล์อะมีบา
พารามีเซียม
ยูกลีนา
ลักษณะที่สงั เกต
คาถาม
1. ให้นกั เรี ยนวาดภาพสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียวคนละ 1 ชนิด
พร้อมทั้งชี้ส่วนประกอบต่างๆภายในเซลล์ให้ถุกต้อง
คาถาม
2. จงวาดภาพรู ปเซลล์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้และชี้บ่งส่ วนประกอบ
2.1
รู ปเซลล์กล้ามเนื้อ
คาถาม
2. จงวาดภาพรู ปเซลล์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้และชี้บ่งส่ วนประกอบ
2.2
รู ปอะมีบา
คาถาม
2. จงวาดภาพรู ปเซลล์ที่กาหนดให้ต่อไปนี้และชี้บ่งส่ วนประกอบ
2.3
รู ปเซลล์ประสาท
คาถาม
2.4 ยูกลีนาเป็ นสิ่ งมีชีวติ ประเภท..............................................
เคลื่อนที่โดย.............................................................................
คาถาม
2.5 โครงสร้างที่พบในเซลล์พืชแต่ในเซลล์สตั ว์ไม่พบคือ
..........................................................
2.6 นิวเคลียสทาหน้าที่อะไร....................................................
............................
คาถาม
2.7 เยือ่ หุม้ เซลล์มีลกั ษณะและทาหน้าที่.......................
.....................................................
คาถาม
3. จงจับคู่ลกั ษณะการทางานของเซลล์ต่อไปนี้
....1.เซลล์พาลิเสด
ก. ดูดซึมปุ๋ ยและน้ าเข้าสู่รากและลาต้น
....2. เซลล์ประสาท
ข. ส่ งความรู้สึกเจ็บจากปลายนิ้ว
....3. เซลล์ขนราก
ค. ทาให้แขนและขาเกิดการเคลื่อนไหว
....4. เซลล์กล้ามเนื้อ
ง. เป็ นสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียว
....5. เซลลือะมีบา
จ. เมื่อมีแสงสามารถสร้างน้ าตาลกลูโคส
***********************
กิจกรรม
เรื่ อง น้ าในบ่อหนึ่งหยด
1.คาชี้แจง
กิจกรรมน้ าในบ่อหนึ่งหยดเป็ นกิจกรรมที่ตอ้ งการให้นกั เรี ยน
ได้ฝึกปฎิบตั ิจริ ง โดยแบ่งนักเรี ยนกลุ่มละ 5-6 คน แล้วแต่ละ
กลุ่มส่ งตัวแทนไปตักน้ ารอบๆบริ เวณโรงเรี ยนโดยครู เป็ นผูพ้ า
ไปกลุ่มละ 20 cm3 แล้วนามาส่ งดูดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ (ซึ่ง
นักเรี ยนที่เหลือได้เตรี ยมไว้)
2. จุดประสงค์
1. เพื่อศึกษาสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียวในบ่อน้ ารอบโรงเรี ยน
2. เพื่อศึกษาการดารงชีวติ ของสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียวในน้ า
3. บอกลักษณะของสิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียวและวาดภาพชี้
ส่ วนประกอบได้
3. อุปกรณ์
1. กล้องจุลทรรศน์
1
กล้อง
2. สไลด์และกระจกปิ ดสไลด์ 1
ชุด
3. บิกเกอร์ขนาด 50 cm3
1
ใบ
4. หลอดหยด
1
อัน
5. น้ าจากบ่อ
20
cm3
6. แบบบันทึกกิจกรรมชุดที่ 1
4. วิธีทา
1. ตักน้ าจากบ่อหรื อสระรอบๆบริ เวณโรงเรี ยน 20 cm3 แล้ว
นามาหยดลงบนกระจกสไลด์ ปิ ดด้วยกระจกปิ ดสไลด์
2. นาไปส่ องดูดว้ ยกล้องจุลทรรศน์
3. สังเกตและบันทึกกิจกรรม
4. นักเรี ยนส่ งตัวแทนออกมานาเสนอหน้าชั้นเรี ยน
5. บันทึกกิจกรรม
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
............................................................................................
.......
.................................................
6. คาถาม
1. นักเรี ยนพบสิ่ งมีชีวติ หรื อไม่.............................................
ถ้าพบมีลกั ษณะอย่างไร........................................................
2. สิ่ งมีชีวติ ที่นกั เรี ยนพบเป็ นสิ่ งมีชีวติ เซลล์หรื อหลายเซลล์
...........................เรี ยกว่าอะไร................................
3.มีนกั เรี ยนกลุ่มอื่นพบสิ่ งมีชีวติ เหมือนกับนักเรี ยนหรื อไม่......
...........................................................
7. สรุ ปผลกิจกรรม
...................................................................................
...................................................................................
...............................................................................
****************************
แบบฝึ กหัด
1. ลักษณะสาคัญของสิ่ งมีชีวติ คือข้ อใด
1. ต้ องการอาหาร
2. สามารถเจริญเติบโตได้
3. สื บพันธุ์หรือขยายพันธุ์ได้
4. ถูกทุกข้ อ
แบบฝึ กหัด
2. ข้ อใดเป็ นสิ่ งมีชีวติ
1. ก้ อนหิน
2. ซากพืช
3. สาหร่ ายหางกระรอก
4. ซากสั ตว์
แบบฝึ กหัด
3.
พืชเป็ นสิ่งมีชีวิตที่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในข้อใด
1. พืชต้องการอาหาร
2. พืชเคลื่อนไหวได้
3. พืชเจริญเติบโตได้ไม่จากัด
4. พืชสร้างอาหารได้เอง
แบบฝึ กหัด
4. หน่ วยชีวติ เล็ก ๆ ทีเ่ ป็ นองค์ ประกอบของพืชทุกชนิด
หมายถึงข้ อใด
1. คลอโรพลาสต์
2. เซลล์
3. ไซโทพลาสซึม
4. ผนังเซลล์
แบบฝึ กหัด
5. เยือ่ หุ้มเซลล์ พบได้ ในข้ อใด
1. เฉพาะในเซลล์ พชื
2. เฉพาะในเซลล์ สัตว์
3. ทั้งเซลล์ พชื และเซลล์ สัตว์
4. เฉพาะเซลล์ พชื และเซลล์ สัตว์ บางชนิด
แบบฝึ กหัด
6. องค์ ประกอบใดที่พบเฉพาะในเซลล์ พชื เท่ านั้น
1. เม็ดคลอโรพลาสต์
2. เยือ่ หุ้มเซลล์
3. ผนังเซลล์
4. เม็ดคลอโรพลาสต์ และผนังเซลล์
แบบฝึ กหัด
7.เซลล์ จากโครงสร้ างของพืชทีม่ คี ลอโรพลาสต์ อยู่มากทีส่ ุ ดคือ
ข้ อใด
1. ใบ
2. ลาต้ น
3. ราก
4. ผล
แบบฝึ กหัด
8. ส่ วนประกอบของเซลล์ ในข้ อใดทีไ่ ม่ ได้ อยู่ในไซโทพลาสซึม
1. เยือ่ หุ้มเซลล์
2. เม็ดคลอโรพลาสต์
3. นิวเคลียส
4. คลอโรฟิ ลล์
แบบฝึ กหัด
9. ส่ วนประกอบใดของเซลล์ ทาหน้ าทีค่ วบคุมการทางานของ
เซลล์ และควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมจากพ่ อแม่ ไปสู่ ลูกหลาน
1. คลอโรฟิ ลล์
2. นิวเคลียส
3. ผนังเซลล์
4. ไซโทพลาสซึม
แบบฝึ กหัด
10. คลอโรฟิ ลล์ ทอี่ ยู่ภายในเม็ดคลอโรพลาสต์ เป็ นปัจจัยที่สาคัญ
ในกระบวนการใดของพืช
1. กระบวนการหายใจ
2. กระบวนการสื บพันธุ์
3. กระบวนการสร้ างอาหาร
4. กระบวนการคายนา้
แบบฝึ กหัด
11. ส่ วนใดของพืชที่เป็ นทางผ่ านเข้ าออกของสารละลายหรือ
แก๊ สต่ าง ๆ
1. ผนังเซลล์
2. เยือ่ หุ้มเซลล์
3. นิวเคลียส
4. ไซโทพลาสซึม
แบบฝึ กหัด
12. องค์ ประกอบของเซลล์ หมายเลขใดที่พบเฉพาะในเซลล์ พชื
1. ( 2 ) กับ ( 5 )
2. ( 1 ) กับ ( 3 )
3. ( 1 ) กับ ( 2 )
4. ( 3 ) กับ ( 4 )
แบบฝึ กหัด
13. หมายเลขใดเป็ นองค์ ประกอบทีส่ ร้ างความแข็งแรงให้ กบั เซลล์
1. ( 1 )
2. ( 2 )
3. ( 3 )
4. ( 5 )
14. หมายเลขใดเป็ นทีอ่ ยู่ของคลอโรฟิ ลล์ ( สารสี เขียว )
1. ( 2 )
2. ( 3 )
3. ( 4 )
4. ( 5 )
แบบฝึ กหัด
15. ข้อใดถูกต้อง
1. กล้องจุลทรรศน์ช่วยให้การศึกษาทางด้าน
จุลชีววิทยาได้พฒั นาก้าวหน้าขึ้นไปเรื่ อยๆ
2. เซลล์คือพื้นฐานของสิ่ งมีชีวติ
3. ไวรัสก็จดั เป็ นสิ่ งมีชีวติ แต่ไม่จดั เป็ นรู ปเซลล์
4. ถูกทุกข้อ
แบบฝึ กหัด
16. ข้อใดที่ดูดว้ ยกล้องจุลทรรศน์ธรรมดาไม่เห็น
1. เอนโดพลาสมิคเรติคูลมั และไรโบโซม
2. ไซโทพลาสซึมและนิวเคลียส
3. เยือ่ หุม้ เซลล์และโครโมโซม
4. นิวเคลียสและผนังเซลล์
แบบฝึ กหัด
17. ออร์แกเนลล์ใดเปรี ยบได้เป็ น " รถบรรทุกบริ การแบบ
เร่ งด่วน "
1. กอลจิบอดี
2. ไมโทคอนเดรี ย
3. เอนโพลาสมิกเรติคูลมั
4. ไลโซโซม
แบบฝึ กหัด
18. ข้อใดที่ไม่สามารถอธิ บายทั้งคลอโรพลาสต์และไมโทคอน
เดรี ย ได้ถูกต้องและครบถ้วน
1. สังเคราะห์ ATP จากวัฏจักรเครปส์
2. เพิม่ จานวนได้
3. มี DNA เป็ นองค์ประกอบ
4. มีเยือ่ หุ ม้ สองชั้น
แบบฝึ กหัด
19. สารในข้อใดผ่านผนังเซลล์ได้
1. ตัวถูกละลายทุกชนิด
2. ตัวทาละลาย
3. ตัวถูกละลายบางชนิด
4. อนุภาคของสารบางชนิด
แบบฝึ กหัด
20. ออร์แกเนลล์ใดที่ไม่มีเยือ่ หุ ม้
1. ไมโครโซม เซนตริ โอล ไรโบโซม
2. ไรโบโซม เซนตริ โอล นิวคลีโอลัส
3. ไลโซโซม เพอโรซิโซม นิวคลีโอลัส
4. เซนตริ โอล เพอโรซิโซม นิวคลีโอลัส
แบบฝึ กหัด
21. ชื่อคู่ใดที่ไม่สอดคล้องกัน
1. ไลโซโซม ซินทีซิส
2. นิวคลีโอลัส rRNA
3. เยือ่ หุม้ เซลล ไลพิด ไบเลเยอร์
4. ไซโทสเคลลาตอน ไมโครทูบูล
แบบฝึ กหัด
22. โครงสร้างใดที่มีบทบาทสาคัญเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
แบบอะมีบอยด์และการทางานของเซลล์กล้ามเนื้อ
1. ไมโครทูบูล
2. ไมโอไฟบริ น
3. ไมโครฟิ ลาเมนต์
4. ไมโครไฟเบอร์
แบบฝึ กหัด
23.คลอโรพลาสต์และไมโทคอนเดรี ยสามารถทากิจกรรมในข้อ
ใดที่ไม่พบในออร์แกเนลล์อื่นในไซโทพลาสซึ ม
1.การแบ่งตัวเอง 2. การควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนบางชนิ ด
การเคลื่อนย้ายตาแหน่งภายในเซลล์ 4. การเปลี่ยนแปลงรู ปร่ าง
1.ข้อ 1 และ 2
2.ข้อ 2 และ 3
3.ข้อ 3 และ4
4.ข้อ 1 และ 3
แบบฝึ กหัด
24. ข้อใดจับคู่แสดงหน้าที่ไม่ถูกต้อง
ก.ไซโตพลาสซึม – ควบคุมการเจริ ญเติบโต
ข.นิวเคลียส – ควบคุมการทางานของเซลล์
ค.เยือ่ หุม้ เซลล์ – มีสมบัติเป็ นเยือ่ เลือกผ่าน
ง.ผนังเซลล์ -- สารส่ วนใหญ่สามรถซึ มผ่านได้
คาสัง่
25. จงเติมข้อความในหมายเลขให้สมบูรณ์
แหล่งที่มาhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
เฉลย
(1) nucleolus nucleolus (2) nucleus
(3) ribosome
(4) vesicle (5) rough endoplasmic reticulum (ER) (6)
Golgi apparatus (7) Cytoskeleton (8) smooth ER (9)
mitochondria (10) vacuole (11) cytoplasm (12)
peroxisome (13) centrioles
แหล่งที่มาhttp://student.nu.ac.th/phitsanu_edu/
แบบฝึ กหัด
1.ผู
ต้ ้ งั ทฤษฎี
ตอนที
่ 2 เซลล์คือใคร ………………………………………….
2.คนั
ผปู ้ ระดิ
ฐ์กล้องจุ
าสัก่ ง วิท
ให้ยาศาสตร์
นกั เรี ยนตอบคาถามให้
ได้ใษ
จความสมบู
รณ์ ลทรรศน์ และ
นาไปส่ องดูไม้คอร์ก พบว่ามีลกั ษณะเป็ นช่องว่าง
มากมาย คือใคร...........................
.........................................................................................................
3.ช่องว่างที่นก
ั วิทยาศาสตร์ในข้อ 2 พบ น ้ ี
นักวิทยาศาสตร์ท่านนี้เรี ยกชื่อว่าอะไร และมี
ความหมายว่าอย่างไร
แบบฝึ กหัด
5.จงบอกหน้าที่ของส่ วนประกอบของเซลล์ต่อไปนี้
5.1 ผนังเซลล์........................................................................
5.2 เยือ่ หุม้ เซลล์..........................................................................
- นิวเคลียส..................................................................
- คลอโรพลาสต์.................................................................
- ไมโตคอนเดรี ย…….........................................................
แบบฝึ กหัด
4. เซลล์พืชและเซลล์สตั ว์แตกต่างกันอย่างไร
เซลล์พืช
เซลล์สตั ว์
แบบฝึ กหัด
6. ส่ วนประกอบใดของเซลล์ที่ทาหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างพลังงาน
แก่เซลล์....................................................
7. โครงสร้างใดของเซลล์ทาหน้าที่ควบคุมการผ่านเข้าออกของสาร
ภายในเซลล์............................................................
8. เซลล์ของใบสาหร่ ายหางกระรอกมีโครงสร้างอะไรที่ไม่พบในเซลล์
สัตว์.......................................................................
9. สิ่ งมีชีวติ เซลล์เดียวได้แก่อะไรบ้าง.....................................................
แบบฝึ กหัด
10. ตาแหน่งใดที่จะพบสารพันธุกรรม
...................................................................................
........................................................
...........................
11. นักเรี ยนคิดว่าส่ วนประกอบใดของเซลล์ที่สาคัญ
ที่สุด เพราะเหตุใด….............................................