3รูปแบบการเรียนรู้

Download Report

Transcript 3รูปแบบการเรียนรู้

รู ปแบบการเรียนรู้ หมายถึง สภาพลักษณะของการ
เรี ยนการสอนที่ครอบคลุมองค์ประกอบสาคัญ ซึ่ งด้รรับ
การจั้ดวรอย่างเป็ นระเบียบ ตามหลักปรัชญา ทฤษฎี
หลักการ แนวคิ้ หรื อความเชื่อต่าง ๆ
องค์ ประกอบทีส่ าคัญของการเรียนรู้
1. มีปรัชญา ทฤษฎี หลักการ แนวคิ้ หรื อความเชื่อที่
เป็ นพื้นฐานหรื อเป็ นหลักของรู ปแบบการสอนนั้น ๆ
2. มีการบรรยายและอธิ บายสภาพหรื อลักษณะของการ
จั้การเรี ยนการสอนที่สอ้คลรองกับหลักการที่ย้ึ ถือ
3. สามารถนาผูเร รี ยนดปสู่ เปร าหมายของระบบหรื อ
กระบวนการนั้น ๆ
4. มีการอธิ บายหรื อใหรขอร มูลเกี่ยวกับวิธีสอนและ
เทคนิคการสอนต่าง ๆ อันจะช่วยใหรกระบวนการเรี ยน
การสอนนั้น ๆ เกิ้ประสิ ทธิ ภาพสู งสุ ้
5. มีการจั้ระบบคือ มีการจั้องค์ประกอบและ
ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของระบบใหรสามารถนา
ผูเร รี ยนดปสู่ เปร าหมายของระบบหรื อกระบวนการนั้น ๆ
การเลือกรูปแบบการเรียนรู้
การเลือกรู ปแบบการเรี ยนรูรที่จะนามาใชรในการเรี ยน
การสอนควรคานึงถึง
1. เป็ นรู ปแบบที่เสนอแนะแนวทางใหรผเูร รี ยนด้รรับ
ความรู รความเขราใจต่อบทเรี ยนเป็ นอย่าง้ี ดม่ตอร งใชร
เวลามาก นาความรูรดปใชรด้ร
2. เป็ นรู ปแบบที่ก่อใหรเกิ้เจตคติที่้ีถูกตรองกับสภาพ
ความตรองการของสังคมและเป็ นที่ยอมรับ
3. เป็ นรู ปแบบที่ก่อใหรเกิ้ทักษะต่าง ๆ เช่น การ
แสวงหาความรู ร การแกรปัญหา การแส้งออกทางสังคม
เป็ นตรน
4. เป็ นรู ปแบบที่ก่อใหรเกิ้แนวทางที่จะนาความรูรเจตคติ
และทักษะต่าง ๆ ที่ด้รฝึกฝนอย่าง้ี เอาดปใชรและปฏิบตั ิ
ในชีวติ ประจาวันด้ร
รูปแบบการเรียนรู้ /การเรียนการสอน
•
•
•
•
การพัฒนารู ปแบบการเรี ยนการสอน
การออกแบบและการจั้ประสบการณ์การเรี ยนรูร
เทคนิคและวิทยาการจั้การเรี ยนรูร
เทคนิคการจั้การเรี ยนรูรแบบมีส่วนร่ วมโ้ยใชร
กระบวนการคิ้
• การจั้การเรี ยนรูรโ้ยยึ้ผูเร รี ยนเป็ นสาคัญ
• การสอนแบบบูรณาการ
ตัวอย่ างรูปแบบการเรียนรู้ /การเรียนการสอน
1. แบบบรรยาย (Lecture method)
2. แบบอภิปราย (Discussion method)
3. แบบการอภิปรายกลุ่มย่อย (Small group discussion)
4. แบบสาธิต (Demonstration method)
5. แบบแส้งบทบาทสมมติ (Role playing)
6. แบบการแกรปัญหาโ้ยใชรสารสนเทศ (Information
problem-solving approach: big 6 skill)
7. แบบการแส้งละคร (Dramatization method)
8. แบบสถานการณ์จาลอง (Simulation)
9. แบบเกมส์ (Games)
10. แบบเนรนกระบวนการ (Process)
11. แบบกระบวนการกลุ่ม (Group process)
12. แบบร่ วมมือ (Cooperative learning)
13. แบบการแข่งขันเกมส์เป็ นทีม (Team Games
Tournaments: TGT)
14. แบบใชรคาถาม (Questioning method)
15. แบบเนรนความสามารถผูเร รี ยนตามศักยภาพ (Student
teams achievement divisions)
16. แบบต่อเต็ม (Jigsaw)
17. แบบเทคนิคเรื่ องราว (Storyline)
18. แบบมุ่งประสบการณ์ภาษา (Concentrated language
encounters)
19. แบบชี้แนะ (Direct instruction)
20. แบบสารวจคาถามและอ่าน (SQ3R)
21. แบบอุปนัย (Inductive method)
22. แบบนิรนัย (Deductive method)
23. แบบครนพบ (Discovery method)
24. แบบวิทยาศาสตร์ (Scientific method)
25.แบบแกรปัญหา (Problem solving method)
26. แบบพัฒนาสมองทั้ง 2 ซีก (4 MAT method)
27. แบบการสอนพัฒนาทักษะความคิ้ (Six steps process
of thinking)
28. แบบการพัฒนาทักษะการคิ้แบบหมวก 6 ใบ (Six hats)
29. แบบเอกัตภาพ (Individualized instruction)
30. แบบศูนย์การเรี ยน (Learning center)
31. บทเรี ยนโปรแกรม (Programe instruction)
32. แบบโมู้ล (Instruction module)
33. แบบใชรชุ้การสอน (Instructional package)
34. แบบรูรความตรองการเรี ยนรูร (Know- Want - Learned:
KWL)
35. แบบกรณี ศึกษา (Case study method)
36. แบบเนรนประสบการณ์ (Experiential learning)
37. แบบสรรางสรรค์ (Creative teaching)
38. แบบระ้มสมอง (Brainstorming method)
39. แบบฝึ กความคิ้สรรางสรรค์ (Synetics method)
40. แบบสรรางสรรค์ความรูร (Constructivism method)
41. แบบสื บสวนสอบสวน (Inquiry method)
42. แบบท้ลอง (Experimental method)
43. แบบการใชรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
44. แบบโครงงาน (Project method)
45. แบบทัศนศึกษา (Field trip)
46. แบบใชรแหล่งเรี ยนรู รในชุมชนและธรรมชาติ (Community
and natural learning center)
47. แบบดตรสิ กขา
48. แบบสรรางศรัทธาและโยนิโสมนสิ การ
49. แบบการทาค่านิยมใหรกระจ่าง
50. แบบเบญจขันธ์
51. แบบอริ ยสัจจ์
52. แบบกระบวนการสรรางนิสยั
53. แบบพัฒนาจริ ยธรรม (Moral development)
54. แบบพัฒนาบุคลิกภาพ (Personality development)
55. แบบกระบวนการเผชิญสถานการณ์
56. แบบการใชรนิทาน (Tale)
57. แบบซักคราน (Jurisprudential inquiry model)
58. แบบการเรี ยนรู รของกาเย่ (Gagne learning)
59. แบบสื บเสาะหาความรู รเป็ นกลุ่ม (Group investigation
method)
60. แบบจั้กรอบมโนทัศน์ (Concept mapping technique)
61. แบบใชรผงั ความรู รแบบวี (Knowledge Vee diagramming)
62. แบบวรรณี (Wannee teaching model)
63. แบบการพยากรณ์ (Forecast or prediction method)
64. แบบบูรณาการ (Integration)
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอน
1. กลุ่มรู ปแบบการเรี ยนรู รที่เนรนกระบวนการคิ้
เช่น การสอนตามหลักการเรี ยนรู รของกาเย่
2. กลุ่มรู ปแบบการเรี ยนรู รที่เนรนการมีส่วนร่ วม
เช่น การสอนที่เนรนการเรี ยนแบบร่ วมมือ
3. กลุ่มรู ปแบบการเรี ยนรู รที่เนรนการพัฒนาพฤติกรรม
และค่านิยม เช่น การแส้งบทบาทสมมติ
การจัดการเรียนการสอนแบบกาเย่
“ควรมีการจั้สภาพการเรี ยนการสอนใหรเหมาะสมกับ
การเรี ยนรู รแต่ละประเภท ซึ่ งมีลกั ษณะเฉพาะแตกต่าง
กันและส่ งเสริ มกระบวนการเรี ยนรู รภายในสมอง โ้ย
จั้สภาพการณ์ภายนอกใหรเอื้อต่อกระบวนการเรี ยนรูร
ภายในของผูเร รี ยน”
วัตถุประสงค์
“เพื่อช่วยใหรผเู ร รี ยนสามารถเรี ยนรู รเนื้อหาสาระต่าง ๆ
ด้รอย่าง้ีและรว้เร็ ว และสามารถจ้จาสิ่ งที่เรี ยนด้ร
นานขึ้น”
กระบวนการสอนแบบกาเย่
มี 9 ขั้น้ังนี้
1. กระตุนร และ้ึงู้้ความสนใจของผูเร รี ยน
2. แจรงวัตถุประสงค์ของบทเรี ยนใหรผเูร รี ยนทราบ
3. กระตุนร ใหรระลึกถึงความรูรเ้ิม
4. นาเสนอสิ่ งเรราหรื อเนื้อหาสาระใหม่
5.การใหรแนวการเรี ยนรู รเพื่อช่วยใหรผเู ร รี ยนเขราใจด้ร
ง่ายขึ้น
6. กระตุนร ใหรผเูร รี ยนแส้งความสามารถ
7. การใหรขอร มูลปร อนกลับเพื่อเป็ นการเสริ มแรง
8. การประเมินผลการแส้งออกของผูเร รี ยน
9.การใหรโอกาสผูเร รี ยนฝึ กฝนและถ่ายโอนการ
เรี ยนรู รดปสู่สถานการณ์อื่น ๆ ด้ร
การสอนที่เน้ นการเรียนแบบร่ วมมือ
“ผูเร รี ยนควรร่ วมมือกันในการเรี ยนรู รมากกว่าการแข่งขัน
เพราะการแข่งขันก่อใหรเกิ้สภาพการณ์ของการแพร-ชนะ
ต่างจากการร่ วมมือกัน ซึ่ งก่อใหรเกิ้สภาพการณ์ของการ
ชนะ-ชนะ อันเป็ นสภาพการณ์ที่้ีกว่าทั้งทาง้รานจิตใจ
และ สติปัญญา”
หลักการเรียนรู้แบบร่ วมมือ
มี 5 ประการ ประกอบ้รวย
1. หลักการพึ่งพาอาศัยกัน
2. อาศัยการหันหนราเขราหากัน
3. อาศัยทักษะในการทางานร่ วมกัน
4. ร่ วมกันวิเคราะห์กระบวนการกลุ่มที่ใชรในการทางาน
5. จะตรองมีผลงานทั้งรายบุคคลและรายกลุ่มที่สามารถ
ตรวจวั้และประเมินด้ร
วัตถุประสงค์
“ช่วยใหรผเู ร รี ยนด้รเรี ยนรู รเนื้อหาสาระต่าง ๆ ้รวยตนเอง
และ้รวยความร่ วมมือและความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ
รวมทั้งด้รพฒั นาทักษะทางสังคมต่าง ๆ เช่น ทักษะ
การสื่ อสาร ทักษะการทางานร่ วมกับผูอร ื่น ทักษะการ
สรรางความสัมพันธ์ รวมทั้งทักษะการแสวงหาความรูร
ทักษะการคิ้แกรปัญหาและอื่น ๆ “
กระบวนการเรียนการสอนแบบร่ วมมือ
มีหลายรู ปแบบ ด้รแก่
1. การจั้กลุ่มการศึกษาเนื้อหาสาระ
2. การท้สอบ
3. การคิ้คะแนน
4. ระบบการใหรรางวัลแตกต่างกันออกดป
เพื่อสนองวัตถุประสงค์เฉพาะ แต่ไม่วา่ จะเป็ น
รู ปแบบใด ต่างก็ใช้หลักการเดียวกัน คือ
หลักการเรี ยนรู ้แบบร่ วมมือ 5 ประการ
และมีวตั ถุประสงค์มุ่งตรงไปในทิศทางเดียวกัน
คือ เพื่อช่วยให้ผเู ้ รี ยนเกิดการเรี ยนรู ้ในเรื่ องที่
ศึกษาอย่างมากที่สุดโดยอาศัยการร่ วมมือกัน
การสอนแบบการแสดงบทบาทสมมติ
“การแส้งบทบาทสมมติเป็ นวิธีการที่ช่วยใหรบุคคลด้รแส้ง
ความรูรสึกนึกคิ้ต่าง ๆ ที่อยูภ่ ายในออกมา ทาใหรสิ่งที่ซ่อนเรรน
อยูเ่ ปิ ้เผยออกมาและนามาศึกษาทาความ
เขราใจกันด้ร ช่วยใหรบุคคลเกิ้การเรี ยนรูรเกี่ยวกับตนเอง เกิ้
ความเขราใจในตนเอง ในขณะเ้ียวกันการที่บุคคลสวมบทบาท
ของผูอร ื่นก็สามารถ
ช่วยใหรผเู ร รี ยนเกิ้ความเขราใจในความคิ้ ค่านิยม และ
พฤติกรรมของผูอร ื่นด้รเช่นเ้ียวกัน”
วัตถุประสงค์
“เพื่อช่วยใหรผเู ร รี ยนเกิ้ความเขราใจในตนเอง เขราใจ
ในความรู รสึกและพฤติกรรมของผูอร ื่น และเกิ้การ
ปรับเปลี่ยนเจตคติ ค่านิยม และพฤติกรรมของตนใหร
เป็ นดปในทางที่เหมาะสม”
กระบวนการสอนแบบแสดงบทบาทสมมติ
มี 9 ขั้น ด้รแก่
1. ผูสร อนนาเสนอสถานการณ์ ปัญหา และบทบาท
สมมติที่มีลกั ษณะใกลรเคียงกับความเป็ นจริ ง และมี
ความยากง่ายสมกับวัยและความสามารถของผูเร รี ยน
2. เลือกผูแร ส้งร่ วมกัน
3. จั้ฉาก
4.
5.
6.
7.
8.
9.
เตรี ยมผูสร งั เกตการณ์
แส้ง
อภิปรายและประเมินผล
แส้งเพิ่มเติม
อภิปรายและประเมินผลอีกครั้ง
แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุ ปการเรี ยนรูร
การออกแบบและการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้
“การออกแบบและการจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ ”
หมายถึง การจั้การเรี ยนการสอนที่หลากหลาย
โ้ยมีการจั้ประสบการณ์การเรี ยนรูรตามสภาพ
จริ ง เนรนการเรี ยนรู รคู่คุณธรรม มีการใชรสื่อการ
สอน และมีการวั้ และประเมินผลตามสภาพการ
เรี ยนรู รน้ นั ”
การออกแบบและการจั้ประสบการณ์การเรี ยนรูรมีหลาย
รู ปแบบ แต่ในที่น้ ีจะกล่าวถึงเพียง 5 รู ปแบบ ้ังนี้
1. การจั้การเรี ยนรู รแบบเอกัตภาพ
2. การจั้การเรี ยนรูรแบบศูนย์การเรี ยน
3. การจั้การเรี ยนรูรโ้ยใชรชุ้การสอน
4. การจั้การเรี ยนรู รโ้ยใชรคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI)
5. การจั้การเรี ยนรูรแบบโครงงาน
การจัดการเรียนรู้แบบเอกัตภาพ
“เป็ นการจั้ประสบการณ์การเรี ยนรูรใหรกบั ผูเร รี ยนที่คานึงถึง
ความแตกต่างระหว่างบุคคลโ้ยจะจั้ใหรสอ้คลรองกับ
สติปัญญา ความสามารถ ความสนใจ ความตรองการ และความ
สะ้วกของผูเร รี ยนแต่ละบุคคลซึ่งผูเร รี ยนจะด้รรับ
ความรูรและประสบการณ์การเรี ยนรูรจากการศึกษา ครนควรา
สื บครน้รวยตนเองทั้งนี้ข้ ึนอยูก่ บั ความสามารถและความ
สะ้วกของผูเร รี ยนเองเป็ นสาคัญ”
องค์ ประกอบสาคัญ
• บทเรี ยน
• แบบท้สอบความรูร และแบบวั้ผลสัมฤทธิ์
ทางการเรี ยน
• สื่ อการเรี ยน หรื อแหล่งเรี ยนรู ร
ลักษณะของการจัดการเรียนรู้แบบเอกัตภาพ
1.
2.
3.
4.
กาหน้เวลาเรี ยนของแต่ละบุคคล
กิจกรรมการเรี ยนของแต่ละคน
การจั้หน่วยการเรี ยน
การประเมินผลการเรี ยนเป็ นรายบุคคล
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบเอกัตภาพ
•
•
•
•
ขั้นเตรี ยมบทเรี ยน
ขั้นเตรี ยมแบบท้สอบ
ขั้นเตรี ยมสื่ อการสอน
ขั้นการเรี ยนรู ร
- ท้สอบก่อนเรี ยน
- เขราร่ วมกระบวนการจั้กิจกรรมการเรี ยนรู ร
- ท้สอบหลังเรี ยน
การจัดการเรียนรู้แบบศูนย์ การเรียน
“เป็ นกระบวนการที่ผสูร อนจั้ประสบการณ์การ
เรี ยนรู รใหรกบั ผูเร รี ยน โ้ยใหรผเู ร รี ยนศึกษาหาความรูร
้รวยตนเองตามความตรองการ ความสนใจและ
ความสามารถจากศูนย์การเรี ยนที่ผสูร อนด้รจ้ั
เตรี ยมเนื้อหาสาระ กิจกรรมและสื่ อการสอน
โ้ยปกติจะมีหลายศูนย์การเรี ยน ซึ่งแต่ละศูนย์จะ
มีเนื้อหาสาระ และ กิจกรรมเบ็้เสร็ จในตัวเอง
ผูเร รี ยนจะหมุนเวียนกันเขราศึกษาหาความรูรจากศูนย์
ต่าง ๆ ตามโปรแกรมที่กาหน้ดวรภายใตรการู้แล
ของอาจารย์ผสูร อน ซึ่งผูสร อนจะเป็ นผูเร ตรี ยมศูนย์
การเรี ยน ใหรคาแนะนา และประเมินผลการเรี ยนรูร
ของผูเร รี ยน้รวย”
องค์ ประกอบของศูนย์ การเรียน
1.
2.
3.
4.
ชุ้การสอน
ศูนย์การเรี ยน
ผูเร รี ยน
ผูสร อน
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
1. ขั้นเตรี ยมการ ด้รแก่ เตรี ยมผูสร อน เตรี ยมวัสุ้
อุปกรณ์ เตรี ยมสถานที่
2. ขั้นสอน ด้รแก่ สรรางกติกาการเรี ยนรู รร่วมกัน
ท้สอบก่อนเรี ยน นาเขราสู่ บทเรี ยน แบ่งกลุ่ม
ผูเร รี ยน ้าเนินกิจกรรม
3. ขั้นสรุ ปบทเรี ยน
4. ขั้นประเมินผล
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ ชุดการสอน
“เป็ นกระบวนการเรี ยนรู รจากชุ้การสอน เป็ นสื่ อการสอนชนิ้
หนึ่งที่เป็ นลักษณะของสื่ อประสม (Multi-media) เป็ น
การใชรสื่อตั้งแต่สองชนิ้ขึ้นดปร่ วมกันเพื่อใหรผเู ร รี ยนด้รรับ
ความรู รที่ตอร งการ อาจจั้ดวรเป็ นชุ้ๆ บรรจุในกล่อง ซองหรื อ
กระเป๋ า ชุ้การสอนแต่ละชุ้ประกอบ้รวย เนื้อหาสาระ บัตร
คาสัง่ /ใบงานในการทากิจกรรม วัสุ้อุปกรณ์ เอกสาร/ใบ
ความรู ร เครื่ องมืออื่น ๆ ที่จาเป็ น รวมทั้งแบบประเมินผลการ
เรี ยนรู ร”
องค์ ประกอบของชุดการสอน
1.
2.
3.
4.
คู่มือการใชรชุ้การสอน
บัตรคาสัง่ หรื อบัตรงาน
เนื้อหาสาระและสื่ อการเรี ยนประเภทต่าง ๆ
แบบประเมินผล
ขั้นตอนในการใช้ ชุดการสอน
1. ขั้นท้สอบก่อนเรี ยนใหรผเู ร รี ยนด้รท้สอบ
ก่อนเรี ยน
2. ขั้นนาเขราสู่ บทเรี ยน
3. ขั้นประกอบกิจกรรมการเรี ยน
4. ขั้นสรุ ปบทเรี ยน
5. ขั้นประเมินผลการเรี ยน
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
(CAI)
“เป็ นกระบวนการเรี ยนรูรของผูเร รี ยนที่อาศัยคอมพิวเตอร์
ซึ่งเป็ นเทคโนโลยีระ้ับสูงมาประยุกต์ใชรเป็ นสื่ อหรื อ
เครื่ องมือสาหรับการเรี ยนรู รโ้ยจั้เนื้อหาสาระหรื อ
ปราบการณ์สาหรับใหรผเูร รี ยนด้รรับรูร อาจจั้เป็ นลักษณะ
บทเรี ยนก็ด้ร”
องค์ ประกอบ
1.
2.
3.
4.
เนื้อหาสาระหรื อบทเรี ยน
คอมพิวเตอร์พรรอมชุ้อุปกรณ์ต่อพ่วง
คู่มือแนะนาขั้นตอนการเรี ยนรู ร
โปรแกรมคอมพิวเตอร์และโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
1.
2.
3.
4.
5.
ขั้นนาเขราสู่ บทเรี ยน
ขั้นการเสนอเนื้อหา
ขั้นคาถามและคาตอบ
ขั้นการตรวจคาตอบ
ขั้นการปิ ้บทเรี ยน
การจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน
“เป็ นกระบวนการเรี ยนรูรที่เปิ ้โอกาสใหรผเูร รี ยนด้ร
ศึกษาครนควราและลงมือปฏิบตั ิกิจกรรมตามความ
สนใจ ความถนั้ และ ความสามารถของตนเอง
ซึ่งอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ”
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
1. การเลือกหัวขรอเรื่ องหรื อปัญหาที่จะศึกษา
2. การวางแผน ประกอบ้รวย การกาหน้
วัตถุประสงค์ การตั้งสมมติฐาน การกาหน้วิธี
การศึกษา การลงมือปฏิบตั ิ การเขียนรายงาน
การนาเสนอผลงาน
ส่ วนประกอบการเขียนรายงานโครงงาน
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ชื่อโครงงาน
ชื่อผูทร าโครงงาน/โรงเรี ยน/วันเ้ือนปี ที่จ้ั ทา
ชื่ออาจารย์ที่ปรึ กษา
บทคั้ย่อ
กิตติกรรมประกาศ
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
วัตถุประสงค์ของการศึกษาครนควรา
8. สมมติฐานของการศึกษาครนควรา (ถรามี)
9. วิธี้าเนินการ
10. สรุ ปผลการศึกษาครนควรา
11. อภิปรายผล/ประโยชน์/ขรอเสนอแนะ
12. เอกสารอรางอิง
7.
ข้ อดี-ข้ อจากัดของการจัดการสอนแบบเอกัตภาพ
ข้ อดี
1. ผูเร รี ยนด้รเลือกเรี ยนตรงตามความสนใจ
2. ผูเร รี ยนด้รมีโอกาสฝึ กและใชรทกั ษะ กระบวนการ
วิธีการเรี ยนรูรที่หลากหลายในการศึกษา ครนควรา
และสรรางองค์ความรูร้วร ยตนเอง
3. เป็ นการเรี ยนรูรที่มีความหมายสาหรับผูเร รี ยน เพราะ
ลงมือปฏิบตั ิเอง
เพิม่ เติม
-จั้การเรี ยนรู รด้รสอ้คลรองกับสติปัญญาของผูเร รี ยน
-เป็ นการบูรณาการการเรี ยนรูรโ้ยยึ้ผูเร รี ยนเป็ นศูนย์กลาง
-ผูเร รี ยนมีอิสระในการครนควรา
-มีความสะ้วกกับการเรี ยนรู รของผูเร รี ยน
-เพิ่มศักยภาพของผูเร รี ยนอย่างเต็มที่
ข้ อจากัด
1. ผูเร รี ยนจะตรองมีวนิ ยั จึงจะเห็นผล
2. ผูสร อนจะตรองจั้เตรี ยมบทเรี ยนและสื่ อการเรี ยนที่
เหมาะสม ซึ่งตรองใชรเวลามาก
3. ลงทุนสูง
เพิม่ เติม
- ผูเร รี ยนอาจศึกษาดม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของเนื้อหา
สาระ
- ถราผูเร รี ยนขา้ความรับผิ้ชอบทางการเรี ยน จะทาใหร
ดม่เกิ้ผลสาเร็ จทางการเรี ยนอย่างเต็มที่
- ผูเร รี ยนอาจแทรกทัศนคติของตนเองลงในเนื้อหา
ทาใหรคลา้เคลื่อนดม่ตรงประเ้็น
- วิธีการเรี ยนการสอนดม่ตรงตามมาตรฐาน เพราะ
พื้นฐานของผูเร รี ยนแตกต่างกัน
- เพิ่มภาระใหรผสู ร อนเพราะตรองจั้การเรี ยนการสอน
ใหรกบั ผูเร รี ยนแต่ละคน
ข้ อดี-ข้ อจากัด
ของการจัดการสอนแบบศูนย์ การเรียน
ข้ อดี
1. ส่ งเสริ มผูเร รี ยนใหรเกิ้การเรี ยนรู รตามความสามารถ
2. ส่ งเสริ มใหรผเู ร รี ยนกลราแส้งออกทางความคิ้
3. ส่ งเสริ มใหรผเู ร รี ยนแสวงหาความรู ร้วร ยตนเอง
4. ฝึ กการทางานเป็ นทีม
5. ล้ปัญหาการขา้แคลนผูสร อน
6. จั้การเรี ยนรู รใหรกบั กลุ่มผูเร รี ยนจานวนมาก
7.จั้การเรี ยนรู รใหรกบั กลุ่มผูเร รี ยนที่มีความ
หลากหลายด้ร
8.ผูสร อนเกิ้การตื่นตัวอยูต่ ลอ้เวลาในการ
ครนควราหาความรูร
เพิม่ เติม
- มีความหลากหลายของเนื้อหาตามศูนย์การเรี ยนรู ร
-เป็ นแรงจูงใจหรื อ้ึงู้้ใหรผเูร รี ยนมีความสนใจเขราดป
ศึกษาหาความรูร
- มีการแยกเนื้อหาสาระดวรช้ั เจน
- ผูเร รี ยนด้รรับความรูรจากผูสร อนที่มีความชานาญ
ตามเนื้อหาสาระ
- มีสื่อการสอนที่ตรงตามเนื้อหา
ข้ อจากัด
1. ผูสร อนตรองมีความรูรและเขราใจ มีทกั ษะในการ
จั้เตรี ยมชุ้การสอน
2. ผูสร อนตรองเป็ นผูมร ีความใฝ่ รูรใฝ่ เรี ยน ครนหาสิ่ งใหม่ ๆ
3. ความรู รที่ด้รจากชุ้การสอนอยูใ่ นจากั้
4. เสี ยค่าใชรจ่ายค่อนขรางมาก
5. การหมุนเวียนกันอาจดม่เป็ นดปตามลา้ับขั้นตอน
ของการเรี ยนรูรตามหลักสูตร
เพิม่ เติม
- มีการจากั้ระยะเวลาในการเรี ยนรู ร ทาใหรขา้ความ
ต่อเนื่อง
- ผูเร รี ยนใหรความสนใจกับวิชาที่ตนเองชอบมากกว่า ทา
ใหรดม่มีการพัฒนาความรู ร
- ดม่มีการจั้ลา้ับความสาคัญความยาก-ง่ายของ
เนื้อหา
- ผูสร อนดม่สามารถมองเห็นภาพรวมของผูเร รี ยน
ข้ อดี-ข้ อจากัดการสอนโดยใช้ ชุดการสอน
ข้ อดี
1. ส่ งเสริ มการเรี ยนเป็ นรายบุคคล
2. แกรปัญหาขา้แคลนอาจารย์ผสูร อน
3. ส่ งเสริ มการจั้การศึกษาตลอ้ชีวติ
4. สรรางความมัน่ ใจและช่วยล้ภาระผูสร อน
5. ผูเร รี ยนสามารถแสวงหาความรูรด้ร้วร ยตนเอง
6. ช่วยใหรผเูร รี ยนจานวนมากด้รรับความรูรแนวเ้ียวกันอย่าง
มีประสิ ทธิภาพ
เพิ่มเติม
- มีสื่อการเรี ยนรูรหลายแบบ กระตุนร ความสนใจของผูเร รี ยน
- ผูเร รี ยนสามารถศึกษากระบวนการเรี ยนรูร้วร ยตนเอง
- ผูสร อนสังเกตพฤติกรรมกระบวนการเรี ยนรู ร การมีส่วน
ร่ วมของผูเร รี ยนด้ร
- การใชรสื่อที่หลากหลายทาใหรผเูร รี ยนมีความรูร เพิ่มมากขึ้น
- มีความสะ้วกในการจั้การเรี ยนการสอน
- สื่ อการเรี ยนการสอนมีมาตรฐาน
ข้ อจากัด
1. การออกแบบและการผลิตชุ้การสอนตรองอาศัย
ผูเร ชี่ยวชาญทาง้รานเนื้อหา ้รานเทคโนโลยี ้ราน
การศึกษา ้รานศิลปะ ทางานร่ วมกัน
2. ผูสร อนตรองเป็ นกัลยาณมิตร รวมทั้งมีความกระตือ
รื อรรนสนใจใฝ่ รู รวทิ ยาการใหม่ ๆ อยูเ่ สมอ
3. ตรองใชรเวลาพอสมควรในการเตรี ยมชุ้การสอน
พรรอมสื่ ออุปกรณ์ใหรครบครัน
เพิม่ เติม
-ตรองมีการปรับสื่ อการสอนใหรทนั สมัยอยูต่ ลอ้เวลา
-ตรองมีการเตรี ยมสื่ อสารองเพราะบางครั้งสื่ ออาจชารุ ้ด้ร
-ดม่สามารถสอ้แทรกเนื้อหาสาระเพิม่ เติมด้รเนื่องจากมีเวลาจากั้ ทา
ใหรผสู ร อนดม่สามารถพัฒนาศักยภาพในการสอนด้รอย่างมี
ประสิ ทธิภาพและทาใหรผเู ร รี ยนด้รรับความรู รอย่างจากั้
-มีปัญหาในเรื่ องการจั้เก็บสื่ อ เพราะสื่ อแต่ละอย่างมีความแตกต่างกัน
-สื่ อการสอนอาจดม่เหมาะสมตามศักยภาพของผูเร รี ยน
ข้ อดี-ข้ อจากัด
การสอนแบบการใช้ คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน
ข้ อดี
1. มีความสะ้วกในการสอน
2. จั้กิจกรรมด้รหลากหลาย
3. สามารถควบคุมการใชรงานโปรแกรมของผูเร รี ยนที่
ใชรในเวลาเ้ียวกันด้ร
4. สามารถสอนแนวคิ้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้ร
รว้เร็ ว
เพิม่ เติม
-สื่ อมีความหลากหลายและแปลกใหม่
-สื่ อช่วยกระตุนร ความสนใจในการเรี ยนรู ร
-สื่ อมีการอัพเ้ทและเปลี่ยนแปลงพัฒนาขรอมูลด้รอย่าง
ต่อเนื่อง
-นาสื่ อเทคโนโลยีมาใชรใหรเป็ นประโยชน์ทางการศึกษา
- สื่ อสามารถเป็ นเครื่ องมือในการสื่ อสารเพื่อ
สรรางความเขราใจใหรแก่ผเู ร รี ยนด้รง่ายและสะ้วก
- ช่วยใหรบทเรี ยนมีความกระชับและเขราใจง่าย
- สื่ อเป็ นเทคโนโลยีที่ทนั สมัย ช่วยพัฒนาความคิ้
สรรางสรรค์ของผูเร รี ยน
ข้ อจากัด
1. ปั ญหาความหลากหลายของซอฟแวร์ในแต่ละ
ชั้นที่เขรามาใชรในหรองปฏิบตั ิการ
2. ตรองใชรเครื่ องคอมพิวเตอร์จานวนมาก
เพิม่ เติม
- สื่ อมีตนร ทุนในการผลิตสูง
- มีวสั ุ้อุปกรณ์ที่ใชรจานวนมากและยุง่ ยาก
- ขา้การสื่ อสารแบบสองทาง
- เป็ นการจากั้เนื้อหาในการเรี ยนรูร
- ผูเร รี ยนขา้การใชรความคิ้ในการเรี ยนรูร
- หากกระบวนการสาธารณูปโภคผิ้พลา้ก็ดม่สามารถใชร
สื่ อ
ชนิ้นี้ด้ร
- ผูเร รี ยนขา้ความชานาญจะเรี ยนรูรด้รชาร
ข้ อดี-ข้ อจากัดของการสอนแบบโครงงาน
ข้ อดี
1. ผูเร รี ยนมีโอกาสเลือกประเ้็นการศึกษา วิธีการศึกษา และแหล่ง
ความรู ร้วร ยตนเอง
2. ผูเร รี ยนเป็ นผูศร ึกษา้รวยตนเองทุกขั้นตอน
3. มีการเชื่อมโยงและบูรณาการระหว่างความรู รเ้ิมกับความรู รใหม่
4. ผูเร รี ยนมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรี ยนรู รกบั ผูอร ื่น
5. ผูเร รี ยนด้รฝึกแกรปัญหาในการทางาน
เพิม่ เติม
- มีอิสระทางความคิ้ เลือกหัวขรอโครงงานด้รตาม
ความสนใจ
- มีขอบเขตที่แน่นอน มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สามารถพิสูจน์ขอร เท็จจริ งด้ร
- มีข้ นั ตอนตรงตามมาตรฐานงานวิจยั
- ผูเร รี ยนมีความกระตือรื อรรนในการทาโครงงาน
- ผูเร รี ยนมีความภาคภูมิใจในการทาโครงงาน
- ผูเร รี ยนมีความสามัคคี ช่วยกันทาโครงงาน
- ผูเร รี ยนมีเจตคติที่้ีต่อการทาโครงงานและวิชาที่เรี ยน
- ผูเร รี ยนมีการพัฒนาทักษะและกระบวนการคิ้
- ผูเร รี ยนเกิ้การฝึ กคิ้และแกรปัญหาอย่างเป็ นระบบ
ข้ อจากัด
1. ใชรเวลาในการเรี ยนรูรมาก
2. เสี ยค่าใชรจ่ายสู ง
3. ผูสร อนอาจใหรคาปรึ กษาและู้แลดม่ทวั่ ถึง
4. ถราผูเร รี ยนวางแผนดม่้ีอาจทาใหรการทางานดม่สาเร็ จ
5. ถราผูสร อนขา้ความเอาใจใส่ หรื อขา้ความอ้ทน
อาจทาใหรดม่ประสบผลสาเร็ จ
เพิ่มเติม
-ผูเร รี ยนตรองทาตามขั้นตอน รู ปแบบ ที่ผสู ร อนกาหน้
-ใชรหลักฐานในการอรางอิงเท่านั้น เพื่อใหรโครงงาน
น่าเชื่อถือ
-ผูเร รี ยนเกิ้การเรี ยนรู รเฉพาะเรื่ องโครงงานที่ตนเองทา
-ผูเร รี ยนอาจมีปัญหาการทางานในกลุ่มด้รเนื่องจาก
ตรองร่ วมมือกันทา