บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต

Download Report

Transcript บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต

บทที่ 1
ความรู้ เบือ้ งต้ นเกีย่ วกับอินเตอร์ เน็ต
ความหมายของอินเทอร์ เน็ต
อินเทอร์ เน็ต (Internet) คือ เครื อข่ายคอมพิวเตอร์
ขนาดใหญ่ที่เกิดจากการนาเอาระบบเครื อข่ายย่อย
หลายเครื อข่ายมาเชื่อมต่อกัน มาจากคาว่า Inter
Connection Network เรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า “ไซเบอร์
สเปซ (Cyberspace)”
ประวัติความเป็ นมาของอินเทอร์ เน็ต
อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในปี 1940 โดยคอมพิวเตอร์ที่ใช้
จะเป็ นเครื่ องที่มีขนาดใหญ่ เช่น Mainframe ทาให้มี
ข้อจากัดในการใช้งาน จึงมีการคิดวิธีการสื่ อสารระหว่าง
คอมพิวเตอร์ข้ ึน โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริ กา
จัดตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า ARPA (Advanced Research
Projects Agency) เป็ นหน่วยงานในการดูแลและ
พัฒนาการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ และตั้งชื่อเครื อข่ายว่า
“ARPANET”
ประวัติความเป็ นมาของอินเทอร์ เน็ต
ระดับนานาชาติ
พ.ศ.2503 โครงการของ ARPAnet (Advanced Research Projects
Agency Network) เป็ นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของ
สหรัฐอเมริ กา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลวิจยั ทางการทหาร
พ.ศ.2512 เริ่ มทดลองเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจากมหาวิทยาลัย
4 แห่งเข้าด้วยกันเป็ นครั้งแรก (แสตนฟอร์ด,ลอสแองเจอลิส,
แคลิฟอร์เนีย,ยูทาร์)
ปี 2524 มหาวิทยาลัยทุกแห่งในสหรัฐเชื่อมโยงเข้าสู่เครื อข่าย และ
เปลี่ยนชื่อมาเป็ น “อินเตอร์ เน็ต”
พ.ศ.2526 นามาตรฐานการติดต่อแบบ TCP/IP (Transmission Control
Protocol / Internet Protocol) มาใช้กบั คอมพิวเตอร์ในระบบเครื อข่าย
Internet
ประวัตคิ วามเป็ นมาอินเทอร์ เน็ตในประเทศไทย
 พ.ศ.2530 การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ระหว่างมหาวิทยาลัย สงขลา
นคริ นทร์และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ไปยังมหาวิทยาลัย
เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
 พ.ศ 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(NECTEC)ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ กบั มหาวิทยาลัย เรี ยกเครื อข่ายนี้
ว่า ไทยสาร (ThaiSarn : Thai Social Scientific Academic &
Research Network) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ความรู้ตลอดจน
ข้อคิดเห็นของ นักวิจยั นักวิชาการ โดยจุดแรกที่มีการเชื่ อมโยงเข้ากับ
อินเตอร์เน็ต
ความสาคัญของอินเทอร์ เน็ต
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทนั สมัย
การติดต่อสื่ อสารที่สะดวก และรวดเร็ ว
แหล่งรวบรวมข้อมูลแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก
1202111 อ.สุธาสินี ฉิมเล็ก
1202111 อ.สุธาสินี ฉิมเล็ก
1202111 อ.สุธาสินี ฉิมเล็ก
อุปกรณ์ ทจี่ าเป็ นในการเชื่อมต่ ออินเทอร์ เน็ต
1. คู่สายโทรศัพท์ (เช่ น โทรศัพท์ บ้าน)
อุปกรณ์ ทจี่ าเป็ นในการเชื่อมต่ ออินเทอร์ เน็ต
2. ช่ องทางเชื่อมต่ อ
- MODEM
- ADSL
Modem แบบ Internal
- LAN
(เวลาติดตั้งต้องติดตั้งในเครื่ อง)
- อืน่ ๆ
ADSL Router
Modem แบบ External
(ติดตั้งภายนอก)
สาย Lan
อุปกรณ์ ทจี่ าเป็ นในการเชื่อมต่ ออินเทอร์ เน็ต
3. โปรแกรมรองรับการทางาน
- Web browser
- Mail Client
- อืน่ ๆ
อุปกรณ์ ทจี่ าเป็ นในการเชื่อมต่ ออินเทอร์ เน็ต
4. ผู้ให้ บริการอินเทอร์ เน็ต (Internet Service Provider)
การเชื่อมต่ อระบบอินเทอร์ เน็ต
ประเภทโปรแกรมที่ใช้ กบั อินเตอร์ เน็ต
1. โปรแกรมประเภทบราวเซอร์
โปรแกรมประเภทนี้เป็ นโปรแกรมที่ใช้สาหรับท่องเว็บไปยังเว็บ
ไซด์ต่าง ๆ ที่ตอ้ งการ โดยปกติแล้วเราจะคุน้ เคยกับโปรแกรมที่มีชื่อว่า Internet
Explorer ที่มาพร้อมกับวินโดว์ แต่ความเป็ นจริ งแล้วยังมีอีกหลายโปรแกรมที่
สามารถใช้งานได้ และปั จจุบนั มีการพัฒนาทาให้สามารถใช้คาสั่งเป็ น
ภาษาไทยได้
ประเภทโปรแกรมที่ใช้ กบั อินเตอร์ เน็ต
2. โปรแกรมประเภทสร้ างเว็บเพจ
โปรแกรมประเภทนี้เป็ นโปรแกรมสาหรับสร้างหน้าเว็บเพจที่เราใช้เข้าไป
ดู ซึ่ งโปรแกรมประเภทนี้มีอยูม่ ากมายหลายโปรแกรม ที่โครงสร้างหลักแล้ว Web
ส่ วนใหญ่ใช้โครงสร้างภาษา HTML ตัวอย่างโปรแกรมที่ใช้สร้างเว็บ เช่น โปรแกรม
Dreamweaver
ประเภทโปรแกรมที่ใช้ กบั อินเตอร์ เน็ต
3. โปรแกรมประเภทสนทนา
สาหรับโปรแกรมประเภทนี้ เป็ นโปรแกรมที่
ใช้ติดต่อหรื อสารระหว่างกันซึ่ งอาจติดต่อด้วยการพิมพ์
ผ่านทางแป้ นพิมพ์ การคุยผ่านไมโครโฟน และผ่าน
กล้องวีดีโอ ซึ่ งทาให้เห็นทั้งภาพและเสี ยงขณะที่คุยกัน มี
โปรแกรมหลายประเภทที่ใช้เกี่ยวกับการสนทนา แต่
Windows ก็มีโปรแกรมที่เรี ยกว่า NetMeeting
บริการพืน้ ฐานบนอินเทอร์ เน็ต
1. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)
2. World Wild Web (WWW)
3. File Transfer Protocol (FTP) บริ การดาวโหลดไฟล์
4. Telnet การใช้คอมพิวเตอร์แบบรี โมท
5. Usenet บอร์ดข่าวสารระดับโลก
6. สนทนา (Chat)
7. อื่นๆ Voice/Video Conference ,Search Engine , Game ,
Multimedia , TV , Radio , VDO
1.จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail or E-mail)
• เป็ นวิธีการติดต่อสื่ อสารกันบน Internet ที่เป็ นมาตรฐาน และนิยมมากที่สุด
• ส่ งเอกสารที่เป็ นข้อความธรรมดา แบบมัลติมิเดีย มีท้ งั ภาพและเสี ยง
• ผูท้ ี่ส่งและรับจะต้องมี E-Mail Address คล้ายๆ กับชื่อ-นามสกุล และที่อยู่
[email protected]
•ข้อมูลในจดหมายจะถูกส่ งไปยัง Server ข้อมูลในจดหมายจะถูกเก็บไว้
จนกระทัง่ ถูกเรี ยกใช้
[email protected]
ชื่อสมาชิกอินเทอร์ เน็ต @ โดเมนเนม
1.จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail or E-mail)
ผูใ้ ช้งานอินเทอร์ เน็ตสามารถทาการ รับ – ส่ ง อีเมล์ ได้หลากหลายวิธี
ทั้งการใช้งานโปรแกรมเฉพาะในการรับ – ส่ งอีเมล์ เช่นโปรแกรม Microsoft
Outlook
1.จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail or E-mail)
ผูใ้ ช้งานอิ นเทอร์ เน็ตสามารถทาการ รั บ – ส่ ง อี เมล์ ผ่านระบบ
เว็บเบส (อาศัยบริ การ WWW) เช่นระบบเว็บเบสอีเมล์ของ Hotmail
ข้ อดีของ E-mail
เป็ นการติดต่อสื่ อสารที่มีประสิ ทธิภาพ
สามารถกระจายข้อมูลในจดหมายไปยังผูอ้ ่านหลายๆ คนได้
ข้อมูลในจดหมายอาจจะถูกส่ งต่อไปยังผูอ้ ื่นอีกได้ง่าย
สามารถส่ งข้อมูลในจดหมายได้รวดเร็ วมาก แม้วา่ จะอยูไ่ กลออกไป
สามารถแนบ files ไปกับข้อมูลในจดหมายได้
ไม่ตอ้ งติดแสตมป์ ใส่ ซองหรื อไปที่ทาการไปรษณี ย ์
ข้ อเสี ยของ E-mail
ได้รับจดหมายที่ไม่พึงประสงค์มากขึ้น
Junk mail หมายถึง E-mail ที่ไร้สาระ ไม่ใช้แล้ว
2. บริการแสดงผลเว็บไซต์ หรือ WWW
(World Wide Web)
บริการ WWW คือบริ การแสดงผลเว็บไซต์ซ่ ึงเป็ นเอกสารไฮเปอร์ เท็กซ์
(Hyper Text) ที่สามารถแสดงผลได้ท้ งั ตัวอักษร รู ปภาพ ภาพเคลื่อนไหว
เสี ยง และการเชื่อมโยง (Link) ไปยังเอกสารไฮเปอร์เท็กซ์ อื่น ๆ
บริ การ WWW จะต้องทางานบนโปรแกรมในกลุ่ม Web
Browser ซึ่ งได้แก่ Microsoft Internet Explorer , Netscape
Communication , Mozilla Firefox , Google Chrome , Safari เป็ นต้น
โดยผู ้ใ ช้ ต ้อ งเปิ ดโปรแกรมในกลุ่ ม ดั ง กล่ า วขึ้ นมาแล้ว ป้ อนURL
( Uniform Resource Locator) ของเว็บไซต์ที่ตอ้ งการแสดงผล ตัวอย่าง
URL เช่น www.uru.ac.th
3. File Transfer Protocol
บริการ Download ไฟล์
 บริ การถ่ายโอนแฟ้ มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ เครื่ องหนึ่ งไปยังคอมพิวเตอร์
อีกเครื่ องหนึ่งในเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต
 ผูใ้ ช้สามารถเลือกแฟ้ มข้อมูลที่ตอ
้ งการถ่ายโอนได้ท้ งั จากเครื่ องของตนเพื่อ
ถ่ายโอนไปยังเครื่ องปลายทาง (Upload) หรื อเลือกแฟ้ มข้อมูลจากเครื่ อง
ปลายทางเพื่อทาการถ่ายโอนมาที่เครื่ องของตนเองได้ (Download)
 การเรี ยกใช้บริ การ FTP ให้พิมพ์ ftp:// ตามด้วยชื่ อของ FTP site หรื อ FTP
server เช่น ftp://microsoft.com
 โปรแกรมที่ใช้ Download เช่น Cute FTP, WS_FTP หรื อ FTP ที่อยูใ่ น
บราวเซอร์ (Browser )
4.Telnet การใช้ คอมพิวเตอร์ ระยะไกล
เป็ นบริ การที่เราสามารถเข้าใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่ องหนึ่งที่
อยูไ่ กล ๆ ได้โดยอาศัยอินเทอร์เน็ต เช่น หากเราอยูน่ อก
สานักงาน เราก็สามารถเรี ยกใช้ขอ้ มูลจากเครื่ องคอมพิวเตอร์ใน
สานักงานที่ถูกเปิ ดและต่อเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตไว้ ได้เสมือนกับ
ทางานที่สานักงานนั้น ๆ
ผูใ้ ช้สามารถใช้ Server ตัวใดๆในโลกที่เชื่อมกับอินเทอร์เน็ต
โดย Server ดังกล่าวต้องอนุญาติให้คุณใช้ คือ ผูใ้ ช้ตอ้ งมีบญั ชี
และรหัสผ่านนั้นเอง
บริ การ Telnet สามารถสัง่ Server ให้ทางานได้เช่น รันโปรแกรม
หรื อ คอมไพล์โปรแกรม
5. การแลกเปลีย่ นข่ าวสารและความคิดเห็น
(Usenet หรือ Weblog)
เป็ นการให้บ ริ การแลกเปลี่ ย นข่ าวสารและแสดงความคิ ดเห็ น ผูใ้ ช้บ ริ การ
อินเทอร์ เน็ตทัว่ โลกสามารถพบปะกันแสดงความคิดเห็นของตน
มีการจัดการผูใ้ ช้เป็ นกลุ่มข่าวหรื อนิวส์ กรุ๊ ป (News Group) แลกเปลี่ยนความ
คิดเห็นกันในหัวข้อต่าง ๆ เช่น เรื่ องหนังสื อ การเลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ คอมพิวเตอร์
บันเทิงและการเมือง เป็ นต้น (อาศัยบริ การ WWW)
การใช้งานบริ การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็นในปั จจุบนั มีลกั ษณะ
ที่เรี ยกว่า Weblog โดยมี การสร้ างบล็อกของผูใ้ ช้แต่ละคนขึ้นมา ซึ่ งผูใ้ ช้งาน
อื่นสามารถเข้ามาอ่านข้อความในบล็อกและสามารถแสดงความคิดเห็นของ
ตนลงในบล็อกเหล่านั้นได้
5. การแลกเปลีย่ นข่ าวสารและความคิดเห็น
(Usenet หรือ Weblog)
6. การสนทนาด้ วยข้ อความ (Chat)
บริ การให้ผใู้ ช้อินเทอร์เน็ตพูดคุยสนทนาโดย
 การพิมพ์
 Internet Phone
 โดยภาพนิ่ ง ภาพเคลื่อนไหว
บริ การที่นิยมในลักษณะเดียวกันคือโปรแกรม MSN
Messenger, ICQ,Yahoo
7. การสื บค้ นข้ อมูล (Search)
คือบริ การการค้นหาข่าวสารในเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต มีการจัดเรี ยง
ข้อมูลข่าวสารตามหัวข้ออย่างมีระบบ ทาให้ผใู ้ ช้คน้ หาข้อมูลได้ง่าย
และสะดวกขึ้น โดยบริ การนี้ผใู ้ ช้ตอ้ งเปิ ดเว็บไซต์ (อาศัยบริ การ
WWW) ที่มีการทางานเป็ น เครื่ องมือที่ใช้ในการสื บค้น (Search
Engine) ได้แก่ www.google.co.th , www.yahoo.com ,
www.altavista.com เป็ นต้น จากนั้นป้ อนคาค้นหา (Key Word) แล้ว
สัง่ ให้ Search Engine ทาการค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ก็จะ
ปรากฏสารบัญเวปไซต์ ตามคาที่สงั่ ค้นหา ซึ่งผูใ้ ช้สามารถเรี ยกเวป
ไซต์เหล่านั้นขึ้นมาแสดงผลได้
8. บริการอืน่ ๆ
ข้อมูลเสี ยง Voice
การประชุมทางไกล Video Conferrence
การสื บค้นข้อมูล Search Engine
โปรแกรมคอมพิวเตอร์
สื่ อผสม Multimedia
โทรทัศน์ TV
วิทยุ Radio
วีดีโอ VDO
คอมพิวเตอร์ ในระบบอินเทอร์ เน็ต
รู้ จกั กันได้ อย่ างไร
202.100.20.1
203.183.233.6
การทางานของอินเทอร์ เน็ต
มีโปรโตคอลที่เป็ นมาตรฐานสาหรับการ
เชื่อมต่ ออินเทอร์ เน็ต คือ TCP/IP (Transmission
Control Protocol/Internet Protocol)
โปรโตคอล (Protocol)
ในการสื่ อสารทางเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ จาต้องมีการสื่ อสาร
ข้อมูลระหว่างเครื่ องคอมพิวเตอร์ในระบบ ซึ่งเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่
ต่ออยูใ่ นเครื อข่ายเดียวกันนี้ อาจจะมีฮาร์ดแวร์,ซอฟท์แวร์ที่แตกต่าง
กัน ดังนั้นเมื่อทาการส่ งข้อมูลถึงกันและตีความหมายได้ตรงกัน จึง
ต้องมีการกาหนดระเบียบวิธีการติดต่อให้ตรงกัน
โปรโตคอล ( Protocol ) คือระเบียบวิธีที่กาหนดขึ้นสาหรับการ
สื่ อสารข้อมูล โดยสามารถส่ งผ่านข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่าง
ถูกต้อง ซึ่งตัวโปรโตคอลที่นิยมใช้ในปัจจุบนั คือ TCP/IP
IP Address คืออะไร
คอมพิวเตอร์ทุกเครื่ องบนอินเทอร์เน็ต ต้องมีหมายเลข
ประจาเครื่ อง เรี ยกว่า IP Address (หรือ Internet Address)
เปรี ยบเสมือนบ้านเลขที่ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มี
เครื่ องหมายจุดขั้นระหว่างชุด เช่น 192.168.100.1 หรื อ
172.16.10.1 เป็ นต้น
โดยมีองค์กรที่ทาหน้าที่จดั สรรหมายเลย IP Address
โดยเฉพาะเรี ยกว่า InterNIC (Inter Network Information
Center)
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
ในเครื อข่ายอิ นเทอร์ เ น็ ต คอมพิวเตอร์ ทุกเครื่ องจะมี ห มายเลข
ประจาเครื่ อง (IP Address) ซึ่ งกาหนดเรี ยกตัวเลขระบุตาแหน่ ง เช่น
202.44.202.22 , 201.44.202.3 หรื อ 203.147.7.200 เป็ นต้น แต่ระบบ
หมายเลขมี ขอ้ บกพร่ องคื อจ ายากและไม่ ไ ด้สื่ อ ความหมายให้ผูใ้ ช้ง าน
ทัว่ ไปทราบ ดังนั้น จึงมีผคู ้ ิดระบบตั้งชื่อให้ง่ายขึ้น เรี ยกว่า ระบบชื่อของ
เครื่อง (Domain Name System : DNS ) โดย DNS จะเปลี่ยน ตัวเลข IP
Address ให้เป็ นคาที่อ่านแล้วเข้าใจและจาได้ง่าย
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
DNS เป็ นระบบที่ใช้เก็บข้อมูลของชื่อโดเมน ซึ่ งใช้ในเครื อข่าย
ขนาดใหญ่อย่างอินเทอร์ เน็ต โดยข้อมูลที่เก็บมีหลายอย่าง แต่สิ่งสาคัญคือ
ความสัมพันธ์ระหว่างชื่ อโดเมนนั้นๆ กับหมายเลขไอพีที่ใช้งานอยู่ คาว่า
DNS สามารถแทนความหมายได้ท้ งั Domain Name Service (บริ การ
ชื่อโดเมน) และ Domain Name Server (เครื่ องบริ การชื่อโดเมน) อีกด้วย
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
โดย DNS จะเปลี่ยน ตัวเลข IP Address ให้เป็ นคาที่อ่านแล้ว
เข้าใจและจาได้ง่าย เช่น
- IP Address 208.117.236.69 เป็ น DNS คือ www.youtube.com
- IP Address 216.239.61.104 เป็ น DNS คือ www.google.co.th
- IP Address 58.147.100.24 เป็ น DNS คือ www.mthai.com
- IP Address 61.19.224.17 เป็ น DNS คือ www.moc.go.th
- IP Address 207.46.19.254 เป็ น DNS คือ www. microsoft.com
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
การกาหนด DNS เรี ยงลาดับความสาคัญของชื่อจากขวาไปซ้าย
โดยมีจุดคัน่ เช่น
sony.com
ย่อมาจาก Commercial ใช้ในธุรกิจ
ชื่อเจ้าของหน่วยงาน คือบริ ษทั โซนี่
nectec.or.th
ย่อมาจาก Thailand (ชื่อประเทศ)
ย่อมาจาก Organization (หน่วยงานหรื อองค์กรของรัฐ)
ชื่อหน่วยงาน NECTEC เจ้าของหรื อต้นสังกัด
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
การกาหนดกลุ่มโดเมน (Domain Group) มีหลักการดังนี้
หากชื่ อทางขวาสุ ดมี 3 ตัวอักษร ให้เข้าใจว่ามีการจดชื่ อโดเมน
ที่ประเทศสหรัฐอเมริ กา โดยจะบอกลักษณะการดาเนิ นงานขององค์ กร
คือ
com หมายถึง Commercial ใช้สาหรับธุรกิจ บริ ษทั ห้างร้าน
edu หมายถึง Education ใช้สาหรับสถาบันการศึกษา
gov หมายถึง Government ใช้สาหรับหน่วยงานราชการ
net หมายถึง Network ใช้สาหรับหน่วยงานที่เป็ นเครื อข่าย
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
การกาหนดกลุ่มโดเมน (Domain Group) มีหลักการดังนี้
หากชื่อทางขวาสุ ดมี 2 ตัวอักษร จะบอกชื่อย่อของประเทศ เช่น
th = ประเทศไทย (Thailand)
au = ประเทศออสเตรเลีย (Australia)
ca = ประเทศแคนาดา (Canada)
uk = ประเทศอังกฤษ (United Kingdom)
ชื่อโดเมน (DNS : Domain Name System)
ชื่อถัดมาจะลักษณะการดาเนินงานขององค์ กร แบ่ งออก 5 กลุ่ม คือ
ac หมายถึง Academic ใช้สาหรับสถาบันการศึกษา
co หมายถึง Commercial ใช้สาหรับภาคองค์กร ภาคเอกชน
go หมายถึง Government ใช้สาหรับหน่วยงานราชการ
or หมายถึง Organization ใช้สาหรับองค์กรที่ไม่แสวงหาผล
กาไร
in หมายถึง Individual ใช้สาหรับหน่วยงานนิติบุคคล
ประโยชน์ ของอินเทอร์ เน็ต
ด้ านการศึกษา
สามารถใช้เป็ นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่วา่ จะเป็ นข้อมูลทางวิชาการ
ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต จะทาหน้าที่เสมือนเป็ น ห้องสมุดขนาด
ใหญ่
นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัย
อื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กาลังศึกษาอยูไ่ ด้
ประโยชน์ ของอินเทอร์ เน็ต
ด้ านธุรกิจ
ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสิ นใจทางธุรกิจ
สามารถซื้อขายสิ นค้า ผ่านระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต
ผูใ้ ช้ที่เป็ นบริ ษทั หรื อองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิ ดให้บริ การ และ
สนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้
คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรม
ทดลองใช้ (Shareware) หรื อโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็ นต้น
ประโยชน์ ของอินเทอร์ เน็ต
ด้ านการบันเทิง
การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่าน
ระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรี ยกว่า Magazine Online รวมทั้ง
หนังสื อพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์
เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสื อทัว่ ๆ ไป
สามารถฟังวิทยุผา่ นระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ตได้
สามารถดูหนัง ฟังเพลงได้
โทษของอินเทอร์ เน็ต
1. เป็ นที่เผยแพร่ สิ่ งผิดกฎหมายต่างๆ เช่น Software เถื่อน สื่ อ
ลามกอนาจาร อาวุธสงคราม และ อื่นๆ อีกมากมาย
2. ไวรัสคอมพิวเตอร์
3. การใช้ในทางที่ผดิ เช่น การโจรกรรมข้อมูล การเข้าทาลาย
ข้อมูล
4. ข้อมูลบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเยาวชน
โทษของอินเทอร์ เน็ต
5. อาจทาให้นอนดึกและเสี ยสุ ขภาพ
6. เกิดการล่อลวง ให้ขอ้ มูลเท็จ
7. บางคนเล่นอินเทอร์เน็ตมากไม่ยอมออกกาลังกาย
8. อยูห่ น้าจอนานๆ อาจทาให้เสี ยสายตา
9. เรื่ องอนาจารผิดศีลธรรม (Pornography/Indecent Content)
10. โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic)
โรคติดอินเทอร์ เน็ต (Webaholic)
เป็ นอาการทางจิ ต ประเภทหนึ่ ง ซึ่ งนั ก จิ ต วิ ท ยาชื่ อ Kimberly
S Young ได้ศึกษาและวิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่าง
น้อย 4 ประการ เป็ นเวลาไม่นอ้ ยกว่า 1 ปี แสดงว่าเป็ นอาการติดอินเทอร์เน็ต
1. รู ้ สึ ก หมกมุ่ น กับ อิ น เทอร์ เ น็ ต แม้ใ นเวลาที่ ไ ม่ ไ ด้ต่ อ เข้า ระบบ
อินเทอร์เน็ต
2. มี ค วามต้อ งการใช้อิ น เทอร์ เ น็ ต เป็ นเวลานานขึ้ น อยู่ เ รื่ อยๆ ไม่
สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
3. รู ้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรื อหยุดใช้
4. คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทาให้ตนเองรู ้สึกดีข้ ึน
โรคติดอินเทอร์ เน็ต (Webaholic)
5. ใช้อินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา
6. หลอกคนในครอบครั ว หรื อเพื่อน เรื่ องการใช้อินเทอร์ เน็ ต ของ
ตนเอง
7. มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น หดหู่ กระวนกระวาย
ซึ่ งอาการดังกล่าว ถ้ามีมากกว่า 4 ประการในช่วง 1 ปี จะถือว่าเป็ น
อาการติ ด อิ น เทอร์ เ น็ ต ซึ่ งส่ ง ผลเสี ย ต่ อ ระบบร่ างกาย ทั้ง การกิ น
การขับถ่าย และกระทบต่อการเรี ยน สภาพสังคมของคน ๆ นั้นต่อไป
1202111 อ.สุธาสินี ฉิมเล็ก
สถานทีส่ ามารถใช้ อนิ เทอร์ เน็ต
1. สานักงาน
2. สถาบันการศึกษา
3. บ้าน
4. ร้านอินเทอร์เน็ต บางครั้งเรี ยกว่า Internet Café
5. ตูอ้ ินเทอร์เน็ต บางครั้งเรี ยกว่า Public Internet Booth
แบบฝึ กหัด
1. Cyberspace คืออะไร
2. ISP คืออะไร จงยกตัวอย่าง และมีบทบาทเกี่ยวข้องอย่างไรกับ
3.
4.
5.
6.
อินเทอร์เน็ต
เหตุใดจึงต้องนาระบบ DNS มาใช้เพื่ออ้างอิงถึงชื่อเครื่ อง
คอมพิวเตอร์ที่อยูบ่ นเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ตและเว็บต่างกันอย่างไร
จงอธิบายหลักการทางานของ FTP มาพอสังเขป
ยกตัวอย่างบริ การบนอินเทอร์เน็ตที่นกั ศึกษาเคยใช้มาอย่างน้อย 3
บริ การ