วิวัฒน

Download Report

Transcript วิวัฒน

จัดทำโดย
้
นำงสำวร ัชนิ กร เชือสะอำด
เลขที่ 2
ม. 6.15
นำงสำวศรวณี ก ์ ภำชนนท ์
เลขที่ 32
ม. 6.15
๊ องมำ เลขที่ 38
นำงสำวพิมลพรรณ ติบเมื

ั ท์ถก
โทรศพ
ู ประดิษฐ์ขน
ึ้ เป็ นครัง้ แรกในประเทศ
สหรัฐอเมริกา
โดย ALEXANDER GRAHAM BELL เมือ
่ ปี ค.ศ. 1876
ั ท์นัน
(พ.ศ. 2419) ระบบโทรศพ
้ จะต ้องประกอบด ้วย
ั ท์
เครือ
่ งโทรศพ
ื่ มต่อระหว่าง 2
2 เครือ
่ งวางห่างกัน โดยมีสายไฟฟ้ าเชอ
เครือ
่ ง
สามารถ
ื่ สารถึงกัน โดยอาศย
ั หลักการของการเปลีย
สอ
่ น
ั ญาณเสย
ี ง
สญ
เป็ น
ั ญาณไฟฟ้ าสง่ ไปตามสายไฟฟ้ า เมือ
สญ
่ ถึงปลายทาง
ั ญาณไฟฟ้ า
สญ
จะถูก
ั ญาณเสย
ี งตามเดิมในระบบนีย
เปลีย
่ นเป็ นสญ
้ งั ไม่มรี ะบบ
ชุมสาย
ั ท์ท ี่ Alexander ประดิษฐ์ก็คอ
หลักการของโทรศพ
ื ตัวสง่
(Transmitter) และ ตัวรับ(Receiver) ซงึ่ มีโครงสร ้างเหมือน
ลาโพงในปั จจุบน
ั กล่าวคือ มีแผ่น ไดอะแฟรม (Diaphragm)
ี งมา
ติดอยูก
่ บ
ั ขดลวด ซงึ่ วางอยูใ่ กล ้ ๆ แม่เหล็กถาวร เมือ
่ มีเสย
ั่ ทาให ้ขดลวดสน
ั่ หรือเคลือ
กระทบแผ่น ไดอะแฟรม ก็จะสน
่ นที่
ตัดสนามแม่เหล็ก เกิดกระแสขึน
้ มาในขดลวด วิง่ ตามสายไฟถึง
ตัวรับซงึ่ ตัวรับก็จะมีโครงสร ้างเหมือนกับ ตัวสง่ เมือ
่
กระแสไฟฟ้ ามาถึงก็จะเข ้าไปในขดลวด เนือ
่ งจากกระแสไฟฟ้ า
ทีม
่ านี้ เป็ น AC มีการเปลีย
่ นแปลงขัว้ บวกและลบอยูต
่ ลอดเวลา
ก็จะทาให ้เกิดสนามแม่เหล็กขึน
้ รอบ ๆ ขดลวดของ ตัวรับ

สนามแม่เหล็กนีจ
้ ะไปผลักหรือดูดกับสนามแม่เหล็กถาวรของ
ตัวรับ แต่เนือ
่ งจากแม่เหล็กถาวรทีต
่ วั รับนัน
้ ไม่สามารถเคลือ
่ นที่
ได ้ ขดลวดและแผ่นไดอะแฟรม จึงเป็ นฝ่ ายทีถ
่ ก
ู ผลักและดูดให ้
เคลือ
่ นที่ การทีไ่ ดอะแฟรม เคลือ
่ นที่ จึงเป็ นการตีอากาศตาม
ี งขึน
จังหวะของกระแสไฟฟ้ าทีส
่ ง่ มา นั่นคือ เกิดเป็ นคลืน
่ เสย
้ มา
ในอากาศ ทาให ้ได ้ยิน ต่อมาในปี พ.ศ.2420 THOMAS
ALWA EDISON ได ้ประดิษฐ์ ตัวสง่ ขึน
้ มาใหม่ให ้สามารถสง่ ได ้
ื่ ว่า คาร์บอน
ขึน
้ กว่าเดิมซงึ่ ตัวสง่ ที่ Edison ประดิษฐ์ขน
ึ้ มา มีชอ
ทรานสมิทเตอร์(CarbonTransmitter)
คาร์บอน ทรานสมิทเตอร์(Carbon Transmitter) ให ้
ี งมากระทบ
กระแสไฟฟ้ าออกมาแรงมาก เนือ
่ งจากเมือ
่ มีเสย
แผ่นไดอะแฟรม แผ่นไดอะแฟรมจะไปกดผง คาร์บอน
(Carbon) ทาให ้ค่าความต ้านทานของผงคาร์บอนเปลีย
่ นแปลง
ไปตามแรงกด ดังนัน
้ แรงเคลือ
่ น ตกคร่อมผงคาร์บอนจะ
เปลีย
่ นแปลงด ้วย เนือ
่ งจากแรงเคลือ
่ น ทีจ
่ า่ ยให ้ คาร์บอน มีคา่
มากพอสมควร การเปลีย
่ นแปลงแรงเคลือ
่ น จึงมีมากตามไป
ด ้วย และการเปลีย
่ นแปลงนี้ เป็ นการเปลีย
่ นแปลงยอดของ DC
ทีจ
่ า่ ยให ้คาร์บอน ดังรูป ซงึ่ เราอาจกล่าวได ้ว่า การเปลีย
่ นแปลง

่ กัน แต่ DC มี
ดังนัน
้ เมือ
่ DC ไปถึงไหน AC ก็ไปถึงนั่นเชน
ั ท์ขณะ
ค่าประมาณ 6-12 Volts (ค่าแรงเคลือ
่ น เลีย
้ งสายโทรศพ
ยกหู) ซงึ่ มากพอทีจ
่ ะวิง่ ไปได ้ระยะทาง ประมาณ 5 กิโลเมตร
ั ญาณเสย
ี งก็ไปได ้เชน
่ กันหลังจากนีก
นั่นคือ AC ทีเ่ ป็ นสญ
้ ็ได ้มี
ั ท์ขน
้
การพัฒนาโทรศพ
ึ้ มาใชงานมากมายหลายระบบ
ตาม
เทคโนโลยีทก
ี่ ้าวหน ้าขึน
้ ไปเรือ
่ ย ๆ ซงึ่ มีการพัฒนาทัง้ ระบบ
ั ท์ (Telephone Set)
ชุมสาย (Exchange) และ ตัวเครือ
่ งโทรศพ
้
ิ ธิภาพมาก
ด ้วย ให ้สามารถใชงานได
้สะดวกสบาย และมี ประสท
ขึน
้

ิ ธิบต
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2490 ห ้องทดลองเบลล์ได ้จดสท
ั รของ
ั ท์เคลือ
ระบบนี้ และก็ได ้พัฒนาระบบวิทยุโทรศพ
่ นทีก
่ ลายมา
ั ท์แบบรวงผึง้ หรือโทรศพ
ั ท์เซลลูลาร์แต่ระบบ
เป็ นระบบโทรศพ
้
ยังไม่สามารถนาไปใชในทางธุ
รกิจได ้ จนกระทัง่ พ.ศ. 2526
ั ท์แบบเซลลูลาร์ก็ได ้ถูกติดตัง้ ขึน
ระบบโทรศพ
้ และเปิ ดให ้ใช ้
บริการ โดยบริการทัง้ หมดจะถูกแบ่งออกเป็ นสว่ นเล็กๆ ซงึ่
เรียกว่าเซลล์แต่ละเซลล์จะมีขนาดเล็กพ่วงต่อกันเป็ นแบบ
รวงผึง้ เนือ
่ งจากพืน
้ ทีใ่ ห ้บริการมีขนาดเล็ก จึงไม่จาเป็ นต ้องใช ้
้
้
เครือ
่ งสง่ ทีม
่ ก
ี าลังสูงๆ และสามารถใชความถี
ซ
่ ้าใชงานได
้
รูปแสดงวงจรโทรศัพท ์ปัจจุบน
ั
ั ท์เซลลูลาร์เป็ นระบบโทรศพ
ั ท์เคลือ
 โทรศพ
่ นที่
ระบบใหม่ทไี่ ด ้ถูกพัฒนาขึน
้ มาให ้เหมาะสมกับ
้
ื่ สารวิทยุ
การใชงาน
ในระบบสอ
ั ท์เคลือ
โทรศพ
่ นทีใ่ นปั จจุบน
ั สามารถครอบคลุม
พืน
้ ทีใ่ ห ้บริการได ้กว ้างมากขึน
้ ขยายขอบเขต
้ การได ้ต่อเนือ
การให ้บริการแก่ผู ้ใชบริ
่ งไม่ม ี
ขีดจากัดอีกด ้วย กล่าวคือในเขตพืน
้ ทีท
่ ม
ี่ ี
่ กรุงเทพฯ มีความ
ประชากรหนาแน่นเชน
้
ั ท์เคลือ
ต ้องการใชโทรศ
พ
่ นทีจ
่ านวนมาก ก็
ออกแบบให ้มีจานวนเซลล์มากขึน
้ เพือ
่ รองรับ
้ การให ้มากขึน
อัตราใชบริ
้
ั ท์เซลลูลาร์เป็ นระบบทีต
 ระบบโทรศพ
่ ้องนา
้ ้วกลับมาใชอี้ ก จานวน
ความถีท
่ ใี่ ชแล
่ งสญ
ั ญาณจะมากน ้อยก็ขน
ชอ
ึ้ อยูก
่ บ
ั จานวน
แถบคลืน
่ ความถีท
่ จ
ี่ ัดสรรให ้โดยองค์กรที่
่ งสญ
ั ญาณทีเ่ ป็ น
รับผิดชอบ และชว่ งห่างของชอ
่ งสญ
ั ญาณ
มาตรฐานใชกั้ นอยูเ่ ป็ น เครือข่ายชอ
ในกลุม
่ เซลล์ทต
ี่ ด
ิ กันจะต ้องใช ้ ความถีท
่ ี่
ั ท์
แตกต่างกัน ระบบการทางานของโทรศพ
เซลลูลาร์ต ้องระมัดระวัง การสอดแทรกของ
่ งสญ
ั ญาณทีใ่ ชความถี
้
ชอ
เ่ ดียวกัน ในบริเวณที่
ใกล ้เคียงกัน ต ้องให ้อยูใ่ นขีดจากัดทีย
่ อมรับได ้

้
สว่ นในการนาความถีเ่ ดิมมาใชใหม่
นัน
้
่ งเซลล์สญ
ั ญาณที่
จาเป็ นต ้องเลือกจานวนชอ
แตกต่างกัน( K) ควรให ้มีมากทีส
่ ด
ุ ทีจ
่ ะจัดได ้
เท่าทีจ
่ าเป็ น จะต ้องไม่ให ้เกิดการทับกันหรือ
่ งว่างระหว่างเซลล์ด ้วย จานวนชอ
่ งเซลล์
เกิดชอ
ั ญาณทีแ
สญ
่ ตกต่าง ( K) ทีย
่ อมรับได ้และนิยม
้
ใชงานคื
อ K=4,7,12 และ 19 เซลล์ เป็ นต ้น
ั ญาณเสย
ี งและสญ
ั ญาณข ้อมูล
 ในอดีตเราสญ
แยกออกจากกัน แต่ในปั จจุบันการเติบโต
ทางด ้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได ้ขยายตัว
เพิม
่ ขึน
้ จึงนาเทคโนโลยีทส
ี่ ามารถนาเอา
ั ญาณเสย
ี งมารวมบนเครือข่ายข ้อมูล เพือ
สญ
่
เป็ นการประหยัดค่าใชจ่้ ายในองค์กร โดย
ี ง โดยทีช
ให ้บริการได ้ทัง้ ภาพและเสย
่ ด
ุ ข ้อมูล
้
จะถูกแปลง ผ่านสายเชา่ ทีใ่ ชโปรโตคอล
IP
(Internet Protocal)ด ้วยการพัฒนาเทคโนโลยี
ั ท์ผา่ น
สารสนเทศก็ทาให ้เกิดบริการ โทรศพ
ั ญาณเสย
ี งมาผสมกับสญ
ั ญาณข ้อมูล
 การนาสญ
เพือ
่ ให ้สามารถสง่ ผ่านไปบนระบบเครือข่ายด ้วย
โปรโตคอล (Internet Protocal) ทาให ้เกิด
การประหยัดค่าใชจ่้ าย ให ้กับองค์กรได ้ ซงึ่ การ
ื่ สารแบบเดิมนัน
ติดต่อสอ
้ เป็ นแบบอนาล๊อก
ั ท์ทส
(analog) เมือ
่ เราเอาโทรศพ
ี่ ามารถใช ้
ื่ มต่อก็จะ
ระบบ IP Technology มาเชอ
ั ท์สองเครือ
เหมือนกับว่าเอาโทรศพ
่ ง ต่อกัน
ั ญาณจะถูกแพ๊ก และแล ้วจะทยอยสง่
โดยสญ
 เมือ
ั ท์จากเครือ
ั ท์ธรรมดา
่ ผู ้พูดโทรศพ
่ งโทรศพ
ี งของ
หรือพูดผ่านไมโครโฟน ทีต
่ อ
่ กับการ์ดเสย
ี งอนาล๊อก จะถูกแปลง
คอมพิวเตอร์ คลืน
่ เสย
ั ญารดิจต
เป็ นสญ
ิ อล จากนัน
้ ถูกบีบอัดด ้วยตัว
ถอดรหัส ผ่านอุปกรณ์ PBX (Private Box
Exchange) หรือ VoIP Gateway
VoIP Gateway แล ้วจะถูกสง่ ต่อไป
ยัง Gatekeeperเพือ
่ ค ้นหา เครือ
่ งปลายทางที่
่ หมายเลขไอพี หมายเลข
จะรับการติดต่อ เชน
ั ท์ แล ้วแปลงเป็ นเพ็กเกจข ้อมูล
โทโทรศพ
สง่ ออกไปบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ ท เพือ
่ สง่
ให ้กับผู ้รับปลายทางต่อไป
 2.เมือ
่ ผ่าน
packet เหล่านัน
้ ไปถึงด ้านปลายทาง
ข ้อมูล Header เหล่านีจ
้ ะถูกแยกออกเพือ
่ ให ้
เหลือแค่ Voice Frame หลังจากนัน
้ ก็จะทาการ
ั ญาณ Digital PCM ให ้กลับมาเป็ น
แปลงสญ
ั ญาณรูปแบบอนาล๊อก ทีเ่ ป็ นสญ
ั ญาณเสย
ี ง
สญ
อีกครัง้
 3.เมือ
่
 การประหยัดค่าใชจ่้ าย
การนาเทคโนโลยี VoIP
้
้
มาใชงาน
เป็ นการประยุกต์ใชระบบเครื
อข่าย
ื่ สารข ้อมูล สามารถประหยัดค่าใชจ่้ ายได ้
การสอ
้
เนือ
่ งจากเรานาอุปกรณ์เดิมมาใชงาน
และนา
ื่ สารระยะทางไกล ชว่ ยประหยัดการโทร
การสอ
ทางไกลหรือต่างประเทศได ้
 ชว
่ ยเพิม
่ ค่าอุปกรณ์ในองค์กร การนาเอา
เทคโนโลยี VoIPจะสามารถนาอุปกรณ์ทม
ี่ อ
ี ยูใ่ น
่ router switch หรือ PBX นามาใช ้
องค์กร เชน
ให ้เกิดประโยชน์มากขึน
้
 ทาให ้องค์กร
ได ้ประโยชน์ในด ้านข ้อมูลข่าวสาร
เพราะสะดวกในการติดต่อ ทาให ้องค์กรเกิดการ
แลกเปลีย
่ น กัน จะนาประโยชน์มาสูองค์กรได ้
 ลดค่าใชจ่้ ายในด ้านต่างๆได ้ เชน
่ ลดค่าโทร
ทางไกลต่างประเทศ ในองค์กร ประหยัด
พลังงาน หรือ การให ้บริการลูกค ้าได ้ทันทีเพียง
้
ใชคนเดี
ยว
้
นำงสำวร ัชนิ กร เชือสะอำด
เลขที่
2 ชัน้ ม. 6.15
 นำงสำวศรวณี ก ์ ภำชนนท ์
เลขที่ 32 ชัน้ ม. 6.15
๊ องมำ เลขที่
 นำงสำวพิมลพรรณ ติบเมื
38 ชัน้ ม. 6.15
