ลักษณะ การเปลี่ยนแปลง และ วิวัฒนาการของภาษาไทย

Download Report

Transcript ลักษณะ การเปลี่ยนแปลง และ วิวัฒนาการของภาษาไทย

่
ลักษณะ การเปลียนแปลง และ
วิวฒ
ั นาการของภาษาไทย
วิชาไทยศึกษา
ความสาคัญของภาษา
 ภาษาเป็ นสมบัตข
ิ องมนุษย์
้
ื่ สาร
 ภาษาเป็ นเครือ
่ งมือทีใ่ ชในการส
อ
 มนุษย์ทก
ุ สงั คมมีภาษาเฉพาะของตน
การจัดกลุ่มภาษา



ั พันธ์ของภาษา:
แบ่งตามลักษณะความสม
ตระกูลภาษา
แบ่งตามโครงสร ้างคา
แบ่งตามการเรียงลาดับคาในประโยค
ตระกู ลภาษา (Language
Families)

่ั
อินโดยูโรเปี ยน: ละติน, อังกฤษ, ฝรงเศส,
เยอรมัน





ไท (ไต) : ไทย ลาว ผูไ้ ท ไทยดา ไทลือ้
มอญ-เขมร: เขมร มอญ ขมุ ละว ้า
ไซโนทิเบตัน: จีนกลาง กวางตุ ้ง พม่า ทิเบต
ออสโตรนิ เชียน: มาเลย ์ อินโดนี เซีย ตะกะลอค
ฮามิโตซิเมติก: อาราบิค ฮีบรู
, สันสกฤต
ตระกูลภาษาอินโดยูโรเปี ยน
Indo-European
Celtic
Scottish
Welsh
Irish
Italic
Germanic
Hellenic
Latin
West
North
Italian
Spanish
French
Portuguese
Ancient Greek
Greek
German
Swedish
English
Danish
Dutch
Norwegian
Slavic
Russian
Polish
Indo-Iranian
Old Persian
Sanskrit
Persian
Hindi
ภาษาตระกู ลไท
ฟั ง กวย ลี ( Fang Kui Li : 1 959)
ื้ สายจีนแห่ง
นักภาษาศาสตร์เชอ
มหาวิทยาลัยวอชงิ ตัน ได ้แบ่งภาษาตระกูล
ั พันธ์ของ
ไทออกเป็ น 3 กลุม
่ โดยดูความสม
ี ง
คาและเสย
ภาษาตระกู ลไท
 ภาษาไทกลุ่มตะวันตกเฉี ยงใต้ (The
South Western Tai)
 ภาษาไทกลุ่มกลาง (The Central Tai)
 ภาษาไทกลุ่มเหนื อ (The Northern Tai)
ภาษาไทกลุม
่ ตะวันตกเฉี ยงใต ้ ( The
South Western Tai)






พม่า ได ้แก่ ไตใหญ่ ไตแดง เป็ นต ้น
ไทย ได ้แก่ ไทยสยาม ไทตากใบ เป็ นต ้น
ลาว ได ้แก่ ไตดา ไตแดง เป็ นต ้น
เวียดนาม ได ้แก่ ไตขาว ไตดา เป็ นต ้น
จีน ได ้แก่ ไตลือ้ ไตหย่า เป็ นต ้น
อินเดีย ได ้แก่ อาหม ไตพ่าเก่ ไตคาตี่
ภาษาไทกลุม
่ กลาง ( The Central
Tai )
โท ้ และนุ ง ในประเทศเวียดนามเหนื อ
 ลุงเจา และยุงชุน ในประเทศจีน
 ไตบลัง
 เทียนเปา

ภาษาไทกลุม
่ เหนื อ ( The
Northern Tai )
โป้ อ ้าย - เชียนเจียง
 อูหมิง - เสเหง
 เทียนโจว - ลิงยุน

การจด
ั กลุ่มภาษาโดยลักษณะ
โครงสร ้างคา



กลุม
่ ภาษาคาโดด
กลุม
่ ภาษาวิภต
ั ป
ิ ั จจัย
ภาษาคาติดต่อ
กลุ่มภาษาคาโดด (Isolating)
ไม่มก
ี ารเปลีย
่ นรูปเพือ
่ บอกหน ้าทีท
่ าง
ไวยากรณ์
 ไทย ลาว จีน เวียดนาม
ตัวอย่าง

นี )้
่
ฉันกินข้าว (วันนี ้ พรุง่ นี ้ เมือวาน
กลุ่มภาษาวิภต
ั ป
ิ ั จจัย
(Inflectional)
เปลีย
่ นแปลงรูปคาเพือ
่ แสดงความหมาย
และหน ้าทีท
่ างไวยากรณ์ หรือเติมวิภต
ั ิ
ปั จจัย
ั สกฤต อังกฤษ ฝรั่งเศส
 กรีก ละติน สน
ตัวอย่าง
child-children
mouse-mice

กลุ่มภาษาคาติดต่อ
(Agglutinating)

นาหน่ วยคาไม่อส
ิ ระมาเติมเข ้ากับรากศัพท ์
่
่
เพือบอกหน้
าทีทางไวยากรณ์
แยกส่วนต่าง
ๆ ได ้ง่าย
สวาฮิลี เตอรกี
ตัวอย่าง

ni-na-soma ‘I-pres.-read’ ‘I am
reading’
การจ ัดกลุ่มภาษาโดยการ
เรียงลาดับคา






SVO : อังกฤษ ไทย ฝรั่งเศส เขมร
เวียดนาม จีน
SOV : ญีป
่ น
ุ่ เกาหลี
VSO : เวลช ์
VOS : มาลากาซ ี
OVS : Makushi, Apalai
OSV : Fasu, Jamamadi
ลักษณะภาษาไทย





ภาษาคาโดด : พยางค์เดียว
ไม่มก
ี ารเปลีย
่ นรูปคาเพือ
่ บอกเพศ พจน์ กาล
ในประโยค
สร ้างคาด ้วยวิธป
ี ระสมคา
มีวรรณยุกต์
มีคาลักษณนาม
วิวฒ
ั นาการของภาษาไทย
วิว ัฒนาการอ ักษรไทย



ก่อนสมัยสุโขทัย: อักษรคฤนถ์หรือปั ลลวะ (อักษร
อินเดียตอนใต ้)
อักษรขอมโบราณ อักษรมอญโบราณ
 ไม่มว
ี รรณยุกต ์
 สระอยู ่ หน้า หลัง บน ล่าง
ื ไทย สมัยพ่อขุนรามคาแหง
ลายสอ
่
 เริมใช้
วรรณยุกต ์
 สระบนบรรทัดเดียวกัน
อักษรไทยสมัยพระเจ ้าลิไท
 สระอยู ่หน้า หลัง บน ล่าง
วิว ัฒนาการอ ักษรไทย

อักษรไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา



รู ปวรรณยุกต ์ 2 รู ป เอก โท เหมือนปัจจุบนั
เล่นหางหยักปลาย
ิ ทร์
อักษรไทยสมัยรัตนโกสน



่ ปวรรณยุกต ์เป็ น 4 รู ป ไม่เล่นหางหยักปลาย
เพิมรู
อ ักษรอาลักษณ์ (คัดบรรจง)
้
อ ักษรตัวพิมพ ์ สมัยร ัชกาลที่ 3 ( ใชในการพิ
มพ์ )
วิว ัฒนาการอ ักษรไทย

อักษรอาลักษณ์
่
 ใช้เป็ นแบบต ัวอ ักษรทีสวยงาม
ใช้เขียน
ในเอกสารพิเศษต่าง ๆ เช่น
ประกาศนี ยบัตร ปริญญาบัตร ฯลฯ
แผนกอาลักษณ์ กองประกาศิต สานัก
เลขาธิการคณะร ัฐมนตรี ใช้เป็ นแบบ
ของทางราชการ
ตัวอย่างอก
ั ษรอาลักษณ์
วิว ัฒนาการภาษาไทย





ภาษาไทยสมัยสุโขทัย
ภาษาไทยสมัยอยุธยาและธนบุรี จนถึงสมัย
ิ ทร์
รัตนโกสน
(รัชกาลที่ 1-3)
ภาษาไทยสมัยรัชกาลที่ 4-6
ภาษาไทยสมัยรัชกาลที่ 7-8
ภาษาไทยสมัยปั จจุบัน
ภาษาไทยสมัยสุโขทัย

ิ าจารึกพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
ศล
 อิทธิพลจากขอม มอญ และปั ลลวะของอินเดีย
ตอนใต้
 ภาษาคาโดด มีคายืมจากภาษาบาลี สันสกฤต
เขมร
(กถิน กุร รู บ)
 พยัญชนะ 39 รู ป สระ 21 รู ป วรรณยุกต ์ 2 รู ป
(ไม่ม ี ฌ ฑ ฒ ฬ ฮ)
ลักษณะภาษาไทยสุโขทัย


พยัญชนะ สระ เรียงบน
บรรทัดเดียวกัน อิ อี อื อุ
อู หน ้าพยัญชนะ
เขียนพยัญชนะต ้น สระ
ติดกัน แยกจากตัวสะกด
่ ‘ทา น’
เชน



พยัญชนะควบหรือนา
วางวรรณยุกต์ไว ้ที่
พยัญชนะแรก
่ ‘ ให่ญ’ ‘ไพ่ร’ ‘เห๋ลน’
เชน
สระ ออ อือ ไม่ต ้องมี อ
เคียง ‘พ่’
ไม่มไี ม ้หันอากาศ ‘อนน’
และเมือ
่ เริม
่ ใช ้ วางไว ้ที่
ตัวสะกด
่ ‘สง่ ัสอน’
เชน
หลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหง
มหาราช
ภาษาไทยสมัยอยุธยาและธนบุร ี
จนถึงสมัยร ัตนโกสินทร ์ (ร ัชกาลที่
1-3)

จินดามณี พงศาวดาร วรรณกรรม
จดหมายเหตุ

พยัญชนะ 44 รู ป แบ่งเป็ น 3 หมู ่ สระ 21
รู ป และวรรณยุกต ์ 4 รู ป
ภาษาไทยสมัยร ัชกาลที่ 4-6


ั ท์ภาษาอังกฤษ เชน
่ โฮเต็ล
คาทับศพ
สยามกัมมาจล
ตะแลปแก๊บ
มูลบทบรรพกิจ - พระยาศรีสน
ุ ทรโวหาร
ภาษาไทยสมัยจอมพล ป. พิบูล
สงคราม

พ.ศ.2485 จอมพล ป. พิบล
ู สงคราม
ี ง
ประกาศปรับให ้ตัดพยัญชนะ สระเสย
ซา้



งดใช้สระ 5 รู ป : ใ ฤ ฤา ฦ ฦา
งดใช้พยัญชนะ 13 รู ป : ฃ ฅ ฆ ฌ ฏ ฎ
ฐฑฒณศษฬ
ยกเลิกเมือ
่ ปี พ.ศ. 2487
ระบบเสียงภาษาไทยปั จจุบน
ั
ี ง
พยัญชนะ 44 รูป 21 เสย
 สระ 26 รูป (พจนานุกรม 2525)
ี ง
21 เสย
ี ง
 วรรณยุกต์ 4 รูป 5 เสย

ตารางระบบเสียงภาษาไทยปัจจุบน
ั
การประกอบคาในภาษาไทย
หน่วยคา: หน่วยทีเ่ ล็กทีส
่ ด
ุ ทีม
่ ค
ี วามหมาย
กระบวนการสร ้างคา




การประสมคา : รถไฟ โรงเรียน แม่น้ า พ่อครัว
บุรษ
ุ พยาบาล
การผสานคา : ชาวสวน ผู ้เรียน นักเขียน
้
การซอนค
า : บ ้านเรือน ชวั่ ดี อดหลับอดนอน
อดตาหลับขับตานอน
การซ้าคา : ดาดา เล็กๆ เด็กๆ เร็วๆ
กระบวนการสร ้างคา







ิ คัดสรร กระเปรง
การผนวกคา : คุ ้นชน
ั ท์ ระเบิด
การเปลีย
่ นหน ้าทีท
่ างไวยากรณ์ : โทรศพ
การตัดคา : หอ ก๊อป โปร
การย่อคา : รปภ. วีเจ ส.บ.ม.ย.ห.
การสร ้างใหม่ : เละตุ ้มเป๊ ะ แหล็น
ั ท์ : เปเปอร์ โลเกชน
ั่
การยืมศพ
ี งธรรมชาติ : บึม
การเลียนเสย
้ ปิ๊ ง แป๊ ก
ประโยค



ิ
ประโยคความเดียว : แม่ให ้นาฬกาฉั
น
้
ประโยคความซอน:
ฉั นคิดว่าเขาโกหก
ประโยคความรวม: ฉั นอยากไปเทีย
่ วแต่ต ้อง
เฝ้ าบ ้าน
่
การเปลียนแปลงของภาษาไทย




ี ง
ระดับเสย
ระดับคา
ระดับไวยากรณ์
ระดับความหมาย
่
การเปลียนแปลงเสี
ยง
ี งสระ: จาริก > จารึก
การเปลีย
่ นเสย
โนน > นอน
ี งสระ:
การยืดเสย
เข๋า > ข ้าว
ี งวรรณยุกต์ :
การเปลีย
่ นเสย
ทงง (สามัญ) > ทัง้ (ตรี)
ก่ (เอก) > ก็ (โท)
่
การเปลียนแปลงในระดับเสี
ยงในภาษาไทย
ปั จจุบน
ั

ี งคาควบกล้า ร
เสย
ล





ปร ับปรุง
> ปั บ
ปุ ง
่
เปลียนแปลง
> เปี่ ย
นแปง
เครียด > เคียด
ปลา
> ปา
ี ง ช ใน
เสย
่
ภาษาไทย เชน



วรรณยุกต์สงู ขึน
้ :
แม่
ี งท ้าย
ระดับเสย
ประโยค
ี งสระ
เสย

มั่กๆ
่
การเปลียนแปลงในระด
ับคา




ลักษณะนาม สมัย สุโขทัย ‘ดวง’ ใชกั้ บ รูป
ั ฐานกลม ปั จจุบน
้ ้กับสงิ่ ไม่มรี ป
่
สณ
ั ใชได
ู เชน
ดวงวิญญาณ
ั ท์ วิทยุ
นาม > กริยา : โทรศพ
้
ฬอออ ‘ล่อหลอก’ ไม่มใี ชในปั
จจุบน
ั
ั รูป = ถ่ายรูป
ชก
่
การเปลียนแปลงในระดั
บไวยากรณ์

้
สุโขทัย: ปฏิเสธซอน


จึง + ประธาน + กริยา


เขาไป่มิรู ้จักว่าผู ม
้ บ
ี ุญ (ไตรภู มพ
ิ ระร่วง)
จึงข้าพเจ้าได้เลือกสรรจัดแจงผู ใ้ หญ่ควรกับ
ราชการ
ถล่ม : สกรรมกริยา > อกรรมกริยา
่
การเปลียนแปลงในระด
ับความหมาย





สุโขทัย: แพ ้ = ชนะ, แกล ้ง = จริงใจ
อาว์ ‘น ้องชายของพ่อ’
> อา ‘น ้องของ
พ่อ’
เมืองนอก ‘นอกเมือง’
>
‘ต่างประเทศ’
ื้ ’
ลูกค ้า ‘ลูกน ้องพ่อค ้า’
>
‘ผู ้ซอ
ิ
ถูกตี
> ถูกเชญ
ความหลากหลายในการใช้
ภาษา
การแปรตามเพศ
ภาษากับเพศของผูพ
้ ูด
่ าให้สถานภาพของ
 เพศเป็ นปั จจัยทีท
คนในสังคมต่างกัน
 บทบาทของแต่ละเพศในแต่ละสังคม
ก็แตกต่างกัน
่ เรี
่ ยนรู ้จาก
 บทบาทของเพศเป็ นสิงที
กระบวนการขัดเกลาทางสังคม
ภาษากับเพศของผูพ
้ ูด
 พันธุกรรม
และ ความแตกต่างทาง
ร่างกายอาจมีอท
ิ ธิพลต่อบทบาท
้ั
ของแต่ละเพศ แต่ไม่ใช่ทงหมด
่ ยนรู ้จะกาหนด
 บทบาททีเรี
พฤติกรรมของแต่ละเพศในสังคม
ภาษากับเพศของผูพ
้ ูด
 บทบาทจะกาหนดพฤติกรรมทาง
ภาษา
 บทบาททางเพศมีอท
ิ ธิพลต่อการ
ใช้ภาษาของแต่ละเพศ
ความแตกต่างระหว่างภาษาของแต่ละเพศ
่
 ผู ห
้ ญิงมีแนวโน้มจะใช้รูปภาษาทีมี
์ มากกว่า
มาตรฐานหรือมีศ ักดิศรี
 ตัวอย่างงานวิจย
ั
– องั สนา จามิกรณ์ (2532)
่ วม
– บุญเรือง ชืนสุ
ิ ล (1993)
– ปาลีร ัฐ ทร ัพย ์ปรุง (2537)
(ภาษาในสังคมไทย: 64 -
ความแตกต่างระหว่างภาษาของแต่ละเพศ

ภาษาไทย (โสมพิทยา 2539)
– แต่ละเพศใช้คาลงท้ายต่างกัน
กลุ่มหญิง: ใช้สรรพนามและคาลง
่ งบอกเพศหญิง เช่น หนู
ท้ายทีบ่
ดิฉน
ั คะ ขา
กลุ่มชาย : ใช้สรรพนามและคาลง
่ งบอกเพศชาย เช่น ผม คร ับ
ท้ายทีบ่
่ ใจเป็ นหญิง: ใช้ของทัง้
กลุ่มชายทีมี
สองกลุ่ม
่ อยู
่ ่
การแปรตามถินที
่ อยู
่ ่อาศัย
ถินที
่ บุ
่ คคลใดบุคคลหนึ่ งตังรกรากหรื
้
่
สถานทีที
อถิน
ฐาน และใช ้ชีวต
ิ อยู่อย่างถาวร
่ อท
 เป็ นปัจจัยหนึ่ งทีมี
ิ ธิพลต่อพฤติกรรมของคนใน
้
สังคม รวมทังพฤติ
กรรมทางภาษาด ้วย

่ บการเปลียนแปลงของ
่
ภาษาถินกั
ภาษา

่
การแปรของภาษาตามถิน
่ างๆพู ดต่างกัน
– ถินต่
่ ห่
่ างไกลกันมากภาษาอาจแปรไปจน
– ถินที
่
สือสารกันไม่
เข้าใจ
ภาษาไทยถิน
่


ั ของผู ้พูดมีอท
ถิน
่ ทีอ
่ ยูอ
่ าศย
ิ ธิพลทาให ้ภาษามี
เอกลักษณ์ของตนเอง
วิธภาษาถิน
่ จาแนกตามภาคต่าง ๆ ของประเทศ
ไทย ได ้แก่
– ภาษาไทยถิน
่ เหนือ
– ภาษาไทยถิน
่ อีสาน
– ภาษาไทยถิน
่ ใต ้
– ภาษาไทยถิน
่ กลาง
ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยถิน
่


ด้านเสียง
ี งวรรณยุกต์
เสย
– ถิน
่ กรุงเทพ :
– ถิน
่ อีสาน : ค่า
ค ้า
ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยถิน
่


ด้านเสียง
ี งสระ
เสย
– ถิน
่ กรุงเทพ :
เกลือ / เกือ
ถิน
่ อีสาน : เกีย
ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยถิน
่


ด้านเสียง
ี งพยัญชนะ
เสย
– ถิน
่ กรุงเทพ :
รัก
ั
ถิน
่ อีสาน : ฮก
้
– ถิน
่ กรุงเทพ :
ชาง
ี งวรรณยุกต์แตกต่าง
ถิน
่ อีสาน : ซา่ ง (เสย
ด ้วย)
ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยถิน
่

ด้านคาศ ัพท ์
– ถิน
่ กรุงเทพ :
กินข ้าวอร่อย
่
ถิน
่ อีสาน : กินข ้าวแซบ
– ถิน
่ กรุงเทพ :
ดูหนังสนุก
ถิน
่ อีสาน : เบิง่ หนังม่วน
– ถิน
่ กรุงเทพ :
มะละกอ
ถิน
่ อีสาน : หมั่กฮุง่ / บักฮุง่
ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยถิน
่

ี งและ
ด้านไวยากรณ์
มีน ้อยกว่าด ้านเสย
ั ท์
คาศพ
– ถิน
่ กรุงเทพ :
ของนีไ
้ ม่แพงหรอก
ถิน
่ อีสาน : ของนีแ
้ พงไม่หรอก
ภาษากับวัยของผูพ
้ ูด
่
อายุเป็ นสิงบอกสถานภาพของคนใน
สังคม
อายุเป็ นปั จจัยหนึง่ ทีบ
่ ง่ บอกสถานภาพตาม
ธรรมชาติของคนแต่ละคนในสงั คม
ั คม
 อายุทาให ้สถานภาพของคนในสง
ต่างกัน
ั คมกาหนดบทบาทของวัยต่างกัน
 แต่ละสง
– จีน: เคารพคนทีอ
่ ายุ คนทีม
่ อ
ี ายุมากมี
อานาจ
ิ ใจ
ในการตัดสน

่
อายุเป็ นสิงบอกสถานภาพของคนใน
สังคม
อเมริกน
ั : ให ้ความสาคัญกับวัยหนุ่มสาว
เนือ
่ งจากเป็ น
สงั คมอุตสาหกรรม เน ้น
ความก ้าวหน ้า
ความสาเร็จสว่ นบุคคล
ั คมไทย
 สง
ิ่ สาคัญ คนทีม
– อายุเป็ นสง
่ อ
ี ายุมากจะมี
สถานภาพและ
อานาจมากกว่าคนทีม
่ อ
ี ายุน ้อยกว่า
–
่
อายุเป็ นสิงบอกสถานภาพของคนใน
สังคม
ิ ในสงั คมจะ
สถานภาพทางสงั คมของสมาชก
เปลีย
่ นแปลงไปเมือ
่ วัยเปลีย
่ นแปลงไป
 คนต่างวัยจะมีพฤติกรรมต่างกัน
้
– การใชภาษาเป็
นพฤติกรรมอย่างหนึง่
้
ดังนัน
้ คนต่างวัยกันจึงมี การใชภาษาที
่
แตกต่างกัน

ภาษาของผู พ
้ ู ดต่างวัย

้
ผู ้พูดทีต
่ า่ งวัยกันจะใชภาษาต่
างกัน
ตัวอย่าง

ภาษาผู ้ใหญ่
– ใส ่
– สาม
– เร็ว

[s]
[ ch ] / [ c ]
[r]
[y]
ภาษาเด็ก
– ใฉ ใจ
– ฉาม จาม
– เย็ว
ตัวอย่าง

ภาษาผู ้ใหญ่
– สนุก
– ขนม
– วิทยุ
ื พิมพ์
– หนั งสอ
– อร่อย
ภาษาเด็ก
– หนุก
– หนม
– วิด-ยุ
– ฉือ-พอมพ์ / จือ
๋ พิมพ์
– หย่อย
ี
ออกเสยงคาให ้กร่อน ทาให ้ง่าย
ขึน
้

ตัวอย่าง

ภาษาผู ้ใหญ่
ี หน ้า
– เสย
– ขัดคอ
– สวย
ั ท์ตา่ งกัน
ใชค้ าศพ

ภาษาเด็ก
– หน ้าแตก
– เบรค
– จ๊าบ
ภาษาของผู พ
้ ู ดต่างวัย

แสลงในภาษาวัยรุน
่
้
– แสลงทีเ่ กิดแล ้วใชแพร่
หลายอย่างรวดเร็ว
และสูญหายไปอย่างรวดเร็ว
้
– แสลงทีใ
่ ชแพร่
หลายมากจนคนกลุม
่ อืน
่ รับ
้
ไปใชและกลายเป็
นทีย
่ อมรับในสงั คมไป
ในทีส
่ ด
ุ
งานวิจย
ั

เพ็ญพร ตันวัฒนานันท์ (2525/2528)
ึ ษาการแปรของภาษาตามอายุ
– ศก
ี งซงึ่ เข ้ามาใหม่ใน
– คนรุน
่ อายุน ้อยจะออกเสย
สงั คมมากกว่ากลุม
่ คนรุน
่ อายุมาก
ี งมากกว่าคน
– เด็กมีการแปรในการออกเสย
สูงอายุ
่
ภาษาของคนต่างวัยเป็ นเครืองบ่
งชี ้
่
ความเปลียนแปลงของภาษา

ภาษาของคนรุน
่ อายุน ้อยเป็ นเครือ
่ งแสดง
แนวโน ้มของภาษาในอนาคต
ภาษากับชนชัน้
ชนชน้ั

้ั งคม (social
การจัดช่วงชนสั
stratification)
–
–
่
คือการจัดระด ับสู งตาของคนกลุ
่มต่างๆ
ในสังคม
้ั งคม” (social class)
ทาให้เกิด “ชนสั
้ั งคม
ประเภทของระบบชนสั
–
่
มีการจาแนกทีหลากหลาย
เช่น
้ั งคมแบบปิ ด และ ระบบชนสั
้ั งคม
ระบบชนสั
แบบเปิ ด
้ั งคมแบบเปิ ด คือระบบทีสมาชิ
่
– ระบบชนสั
ก
่
้ั
่ งไปยังอีก
ทุกคนสามารถเลือนจากช
นหนึ
้ั
่ งได ้
ชนหนึ
่
้ั งคมแบบปิ ด คือระบบทีสมาชิ
– ระบบชนสั
ก
่
้ั
่ งไปยังอีก
ไม่สามารถเลือนจากช
นหนึ
้
่
้ั งคมแบบเปิ ด
ระบบชนสั

่ นต ัวกาหนดความแตกต่าง
ปั จจัยทีเป็
้ั
ของแต่ละชน
่ ง่
- ความมังคั
- อานาจ
์
- ศ ักดิศรี
่ ง่
ความมังคั
รายได้
 ทร ัพย ์สมบัต ิ
่
 เงินทองทีมี
้
 การซือบริ
การต่างๆ เช่น
– การร ักษาพยาบาล
– การบันเทิง

อานาจ

ความสามารถของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
่
ทีจะสามารถควบคุ
มหรือกากับ
่
พฤติกรรมของบุคคลอืน
่
ทีมาของอ
านาจ
 ความแข็งแรงทางร่างกาย
 ฐานันดร
 ตาแหน่ งทางการเมือง
 ตาแหน่ งในหน่ วยงาน
์
ศักดิศรี

่
์
ทีมาของศ
ักดิศรี
– มีอานาจ
่ ง่ ั
– มีความมังค
– ความสาเร็จส่วนบุคคล
์
ศักดิศรี

์ มก
ศ ักดิศรี
ั แสดงออกทางภาษา เช่น
– การใช้คาเรียกขานหรือการระบุ
่
ตาแหน่ งเพือแสดงการยกย่
อง
 ท่าน ท่านประธาน ผู จ
้ ัดการ คุณ
หมอ
่
่ ้เป็ นเกณฑ ์ในการแบ่ง
ปัจจัยอืนๆที
ใช
้ั งคม
ชนสั
รายได้
 อาชีพ
 การศึกษา

้ั
ภาษากับชนอาชี
พ
่
้ั
จากการศึกษาพบว่าผู พ
้ ู ดทีมาจากช
น
อาชีพต่างกันจะใช้ภาษาต่างกัน
้ จากภาษาทีผู
่ พ
 ด ังนัน
้ ู ดใช้อาจทาให้ระบุได้
้ั
ว่ามาจากชนอาชี
พใด

้ั งคมกับการเปลียนแปลงของ
่
ชนสั
ภาษา
้ั งคมมีส่วนในการกาหนดรู ปแบบและ
ชนสั
่
ปภาษา
ทิศทางของการเปลียนแปลงของรู
่
 เจตคติตอ
่ การเปลียนแปลง
และค่านิ ยม
่
เกียวกับ
์ ของ
การใช้ภาษาผู กพันกับความมีศ ักดิศรี
รู ปภาษา
่ มพันธ ์กับชนสั
้ั งคม
ซึงสั

่
่ มพันธ ์
ลักษณะการเปลียนแปลงของรู
ปภาษาทีสั
้ั
กับชนของสั
งคม

่
การเปลียนแปลงจากข้
างล่าง
–

้
่ ดขึนตาม
่
เกิ
การเปลียนแปลงของภาษาที
ธรรมชาติโดยไม่มใี ครรู ้สึกตัว
่
การเปลียนแปลงจากข้
างบน
่
่ มจากการก
่
• การเปลียนแปลงที
เริ
าหนดของคนใน
้ั งเพือแก้
่
่ ดใี นสังคม
ชนชนสู
ไขรู ปทีไม่
่
่ ร้ ับไปใช้ ใช้อย่างรู ้ว่าเป็ น
• เป็ นการเปลียนแปลงที
ผู
่ ศ ักดิศรี
์
รู ปทีมี
ภาษากับการแปรตามชาติ
พันธุ ์
ชาติพน
ั ธุ ์
เอกลักษณ์ทางสังคมของบุคคลใด
บุคคลหนึ่ งหรือคนกลุม
่ ใดกลุ่มหนึ่ งซึง่
้
เกิดขึนเพราะบุ
คคลนั้นหรือกลุ่มนั้นมี
่
วัฒนธรรมทีเฉพาะและแตกต่
างกับ
่
กลุม
่ อืนๆ
่ บ่
่ งบอกชาติพน
สิงที
ั ธุ ์
้
เชือชาติ
 สีผว
ิ
 ภาษา
่
 เครืองแต่
งกาย

อาหาร
 ศาสนา
 ขนบธรรมเนี ยม
ประเพณี

กลุม
่ ชาติพน
ั ธุ ์ในเมืองไทย
กลุ่มชาวมุสลิม
 กลุ่มชาวเขา
เผ่าต่างๆ
 กลุ่มชาวเขมร
 กลุ่มชาวมอญ

กลุ่มชาวลาว
ต่าง ๆ
 กลุ่มชาวจีน
 กลุ่มชาวอินเดีย

่ ดจากความแตกต่างกันทาง
ปัญหาทีเกิ
ชาติพน
ั ธุ ์

ก่อให้เกิดความแตกแยก ความขัดแย้ง
ภาษากับชาติพน
ั ธุ ์

้
ต่างกลุ่มชาติพน
ั ธุ ์กัน ภาษาต่างกัน ด ังนัน
่ งบอกชาติพน
่งทีบ่
่
ั ธุ ์ได้
ภาษาเป็ นสิงหนึ
ภาษาไทยกับกลุ่มชาติพน
ั ธุ ์ในประเทศ
ไทย

กลุ่มชาวจีน
[ l ] : เด็กๆ ก็
–
[d]
ได้
–
[ -n ]
เส้น
[ŋ]
–
long vowel
short vowel
short vowel
long vowel
–
: เป็ น
ภาษาและวัฒนธรรม
่
หน้าทีของภาษา
่
่
เป็ นเครืองมื
อในการสือสาร
่
 เป็ นเครืองมื
อสร ้างสรรค ์ ถ่ายทอด
วัฒนธรรมและวิทยาการ
– สืบสานถ่ายทอดวัฒนธรรมและ
วิทยาการ
่
– ภาษาช่วยให้เกิดการเปลียนแปลงทาง
่
้
พฤติกรรมและสร ้างสิงใหม่
ๆขึนมา

่
หน้าทีของภาษา
่
่ วยให้เข้าใจโลก
ภาษาเป็ นเครืองมื
อทีช่
– ภาษาสะท้อนความคิดของมนุ ษย ์ในแต่
่ ตอ
้ เห็นถึงความ
ละสังคมทีมี
่ โลก : ชีให้
่ างๆทีมี
่ อยู ่ใน
เข้าใจและการแยกแยะสิงต่
โลก
 ภาษาบ่งบอกถึงเอกลักษณ์และลักษณะของ
้ั
ผู ใ้ ช้ กลุ่มสังคม หรือชนชน
– เช่น ร ัก ฮัก

วัฒนธรรมสาคัญกับภาษาอย่างไร
การพิจารณาธรรมชาติและ
คุณลักษณะของภาษาให้สมบู รณ์ ครบ
วงจร ต้องพิจารณาถึงวัฒนธรรมด้วย
การทานุ บารุงภาษาไทย
การทานุ บารุงภาษา
การทีม
่ นุษย์ยน
ื่ มือเข ้าไปพัฒนาให ้เป็ น
ภาษามาตรฐาน
ั คมในการฟื้ นฟู
 ความพยายามของสง
ปรับปรุง แก ้ไขภาษา
 การทานุบารุงภาษาแสดงออกมาในรูปของ
่ การจัดตัง้ องค์กรต่าง ๆ
กิจกรรมต่างๆ เชน
ระดับชาติเพือ
่ ควบคุมหรือจัดระเบียบการใช ้
ื่ มวลชน เป็ น
ภาษา การจัดกิจกรรมทางสอ

การทาให้เป็ นภาษามาตรฐาน
 การสร ้างหรือการเขียนกฎเกณฑ์ทาง
ไวยากรณ์ให ้แก่ภาษาใดภาษาหนึง่
้ าง
เพือ
่ ทาให ้เกิดการยอมรับและใชอย่
ถูกต ้องในสงั คม
โครงการต่างๆ
 โครงการปฏิรป
ู ระบบการเขียน
ภาษาไทย โดยพระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกล ้าเจ ้าอยูห
่ วั
 การตัง
้ วรรณคดีสมาคม
– ตัง
้ โดยรัชกาลที่ 6 ในปี พ.ศ.
2457 และทรงเป็ นนายกสมาคม
่ กของวรรณคดี
หน้าทีหลั
สมาคม :
– พิจารณาวรรณกรรมทุกสาขา
ยกเว ้น
ประวัตศ
ิ าสตร์ ประทับตรามังกรให ้กับ
ผลงานทีเ่ ป็ นทีย
่ อมรับ
– ให ้รางวัลกับผลงานดีเด่น
– เป็ นกิจกรรมการทานุบารุงภาษาไทย
ทีส
่ าคัญเพราะนับเป็ นครัง้ แรกที่
สงั คมไทยเข ้ามาจัดการกับภาษาไทย
การปฏิรูปการสะกดคาในสมัยจอมพล
ป. พิบูลสงคราม


พ.ศ.2485 จอมพล ป. พิบล
ู สงคราม
ี ง
ประกาศปรับให ้ตัดพยัญชนะ สระเสย
ซา้
 งดใช้สระ 5 รู ป ใ ฤ ฤา ฦ ฦา
 งดใช้พยัญชนะ 13 รู ป ฃ ฅ ฆ ฌ ฏ
ฎฐฑฒณศษฬ
ยกเลิกเมือ
่ ปี พ.ศ. 2487
่
การสัมมนาเกียวกั
บการใช้
ภาษาไทย
 การประชุมทางวิชาการของชุมนุม
ภาษาไทย
 การประชุมของศูนย์ชม
ุ นุมสง่ เสริม
วัฒนธรรมไทย
ั มนาเรือ
 การสม
่ ง “ความเป็ นไทยทีค
่ วร
ธารงไว ้”
ั มนาเรือ
 การสม
่ ง “การสอนภาษาไทยให ้
การจัดรายการโทรทัศน์
 รายการ
“ภาษาไทยในจอ”
 รายการ “ภาษาไทยวันละคา”
 รายการ “ภาษาสโมสร”
 รายการ “เรารักภาษา”
การเขียนหนังสือหรือบทความ
ลงหนังสือพิมพ ์
 ตาราไวยากรณ์
 จินดามณี
 พจนานุกรม
 บทความต่างๆ
ราชบัณฑิตยสถาน




องค์กรในการทานุบารุงภาษาไทย
บทบาทเกีย
่ วข ้องกับภาษาไทยมาตรฐาน
สถาปนาในปี พ.ศ.2476 ในสมัยรัชกาลที่ 7
หน ้าทีห
่ ลัก :
–
–
–
ค ้นคว ้าและบารุงสรรพวิชาให ้เป็ นคุณประโยชน์แต่ชาติ
และประชาชน
ติดต่อและแลกเปลีย
่ นความรู ้กับองค์การปราชญ์อน
ื่ ๆ
ให ้ความเห็น คาปรึกษา และปฏิบต
ั ก
ิ ารเกีย
่ วกับวิชาตาม
ความประสงค์ของรัฐบาล