第九课语言、文字

Download Report

Transcript 第九课语言、文字

第九课 语言、文字、姓名
教学目的要求
1.掌握泰语的起源、特征和应用。
2. 掌握泰国人的姓名、称谓。
教学难点和重点
1.泰语的起源、特征。
2.泰国人的姓名、称谓。
教学过程
 一、泰语的起源
 据泰国出土的素可泰石碑记载,泰文是素可泰王朝兰甘亨国
王1283年在孟文和高棉文的基础上创造的。目前所发现的最
早的泰文文献是13世纪的兰甘亨碑文,现存于国立博物馆。
泰文字母以古代高棉字母为媒介,以印度字母为模式,又与
这两种语言有很大的区别。但是,人们考察了泰国邻国的文
字后却发现,缅甸、柬埔寨和老挝的文字与泰文颇有相似之
处。文字学家认为,这几个国家的文字都源自南印度的格兰
他字母,随佛教传入东南亚。因此,可以断定,兰甘亨王国
只是对文字进行了加工和修改,而不是像素可泰石碑记载的
那样是创造了泰文。
 根据泰族人的分布地区和语言,又分为中部泰人、东北泰人、北部泰人
和南部泰人。中部泰人是典型的泰人。中部泰人的社会、经济和文化发
展程度都较其他泰族人要高。中部泰语即曼谷话是全国通用的标准泰语。
东北泰人又称“东北人”。“东北人”的语言、文化和风俗习惯与老挝
寮人相近,官方场合使用泰文,民间通用“东北话”寮语。柯叻市和坤
敬市是东北泰人的的政治、经济中心。北部泰人又称“泰阮”。13-18
世纪之间曾建立过以清迈为中心的兰那王国,中国元史称“八百媳妇
国”,故又有“兰那人”之称。北部泰人历史上曾经使用与中国傣族相
同的语言,先官方场合使用泰文,民间仍使用兰那方言,也叫“昆勐
话”。清迈是北部泰人的政治、经济和文化中心,因此北部泰人也称
“清迈人”,方言为“清迈话”。南部泰人主要指南部半岛春逢府以南
的泰人,约占全国人口的9% 。现在南部泰人是历史上当地泰人和孟人、
马来人以及北部、东北部移民融合形成的。官方场合使用泰文,民间使
用当地方言。
 泰语旧称暹罗语,属于汉藏语系壮侗族壮泰语支,与中国的壮语和傣语
属相同语族。泰语在形成、发展的过程中受到一些外来语言的影响。对
泰语有影响的语言主要有汉语、孟-高棉语、梵文、巴利语、马来-爪哇
语以及英语。泰语与汉语在词汇、发音上都有相似之处。泰语和汉语有
100多个词汇相同。尽管泰语中的英语词汇不多,但是通过电视、广播
和翻译,对年青一代的影响越来越大。在今天的泰语中,外来词汇几乎
要占30% 。
二、文字
 泰文是拼音文字,现代泰语有辅音音素32个,辅音
字母42个,其中部分辅音来自梵文和巴利文;由元
音音素38个,元音字母40个。泰语有五声调,并有
长短音和请浊音的变化。
 泰文没有形态变化,即没有性、数、格的变化,任
何词在句子中只要处于不同的位置,就可以变成名
词、动词、形容词或副词,句子的基本词序是主语谓语-宾语。与汉语的习惯不同的是,泰文定语在中
心词后面,即修饰词在被修饰词后面。泰文的书写
顺序是从左向右,没有标点符号。
ภาษาไทย เป็ นภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเชื้อสายอื่นใน
ประเทศไทย ภาษาไทยเป็ นภาษาในกลุ่มภาษาไต ซึ่ งเป็ นกลุ่มย่อยของตระกูลภาษาไท-กะได
สันนิษฐานว่า ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกาเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และ
นักภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า ภาษาไทยน่าจะมีความเชื่อมโยงกับ ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูลภาษาจีน-ทิเบต
ภาษาไทยเป็ นภาษาที่มีระดับเสี ยงของคาแน่นอนหรื อวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออก
เสี ยงแยกคาต่อคา เป็ นที่ลาบากของชาวต่างชาติเนื่องจาก การออกเสี ยงวรรณยุกต์ที่เป็ น
เอกลักษณ์ของแต่ละคา และการสะกดคาที่ซบั ซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมี
การใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นด้วย
ชื่อภาษาและที่มา
คาว่า ไทย หมายความว่า อิสรภาพ เสรี ภาพ หรื ออีกความหมายหนึ่งคือ ใหญ่ ยิง่ ใหญ่ เพราะ
การจะเป็ นอิสระได้จะต้องมีกาลังที่มากกว่า แข็งแกร่ งกว่า เพื่อป้ องกันการรุ กรานจากข้าศึก แม้
คานี้จะมีรูปเหมือนคายืมจากภาษาบาลีสนั สกฤต แต่แท้ที่จริ งแล้ว คานี้เป็ นคาไทยแท้ที่เกิดจาก
กระบวนการสร้างคาที่เรี ยกว่า 'การลากคาเข้าวัด' ซึ่งเป็ นการลากความวิธีหนึ่ง ตามหลักคติชน
วิทยา คนไทยเป็ นชนชาติที่นบั ถือกันว่า ภาษาบาลีซ่ ึ งเป็ นภาษาที่บนั ทึกพระธรรมคาสอนของ
พระพุทธเจ้าเป็ นภาษาอันศักดิ์สิทธิ์และเป็ นมงคล เมื่อคนไทยต้องการตั้งชื่อประเทศว่า ไท ซึ่ ง
เป็ นคาไทยแท้ จึงเติมตัว ย เข้าไปข้างท้าย เพื่อให้มีลกั ษณะคล้ายคาในภาษาบาลีสนั สกฤตเพื่อ
ความเป็ นมงคลตามความเชื่อของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผูเ้ ป็ นไท
นัน่ เอง
 หน่วยเสี ยงภาษาไทยประกอบด้วยหน่วยเสี ยงสาคัญ 3 ประเภท[1] คือ




1.หน่วยเสี ยงพยัญชนะ
2.หน่วยเสี ยงสระ
3.หน่วยเสี ยงวรรณยุกต์
[แก้] พยัญชนะ[แก้] พยัญชนะต้นภาษาไทยแบ่งแยกรู ปแบบเสี ยงพยัญชนะก้องและพ่นลม ในส่วนของเสี ยงกักและเสี ยงผสม
เสี ยดแทรก เป็ นสามประเภทดังนี้




เสี ยงไม่กอ้ ง ไม่พ่นลม
เสี ยงไม่กอ้ ง พ่นลม
เสี ยงก้อง ไม่พ่นลม
หากเทียบกับภาษาอังกฤษ โดยทัว่ ไปมีเสี ยงแบบที่สองกับสามเท่านั้น เสี ยงแบบที่หนึ่งพบได้เฉพาะเมื่ออยูห่ ลัง s ซึ่งเป็ นเสี ยงแปร
ของเสี ยงที่สอง
 เสี ยงพยัญชนะต้นโดยรวมแบ่งเป็ น 21 เสี ยง ตารางด้านล่างนี้บรรทัดบนคือสัทอักษรสากล บรรทัดล่างคืออักษรไทยในตาแหน่ง
พยัญชนะต้น (อักษรหลายตัวที่ปรากฏในช่องให้เสี ยงเดียวกัน) อักษรโรมันที่กากับเป็ นระบบถอดอักษรของราชบัณฑิตยสถาน
ริม
ฝี ปาก
ล่ าง
-ฟันบน
ริมฝี ปาก
ทั้งสอง
[
m]
ม
m
เสี ยงนาสิ ก
เสี ยงกัก
ปุ่ มเหงือก
[
p]
ป
p
[pʰ]
ผ,พ,ภ
ph
[t]
ฏ,ต t
[f]
ฝ,ฟ f
[tʰ]
ฐ,ฑ,ฒ,ถ,ท,ธ
th
เสี ยงเปิ ด
ข้ างลิน้
[
k]
ก
k
[s]
ซ,ศ,ษ,ส
s
[kʰ]
ข,ฃ,ค,ฅ,ฆ*
kh
[ʔ]
อ** [h]
ห,ฮ
h
[t͡ɕ]
จ
c(h)
[t͡ɕʰ]
ฉ,ช,ฌ
ch
[r]
รr
เสี ยงรัว
เส้ น
เสียง
เพดานอ่ อน
[ŋ]
ง
ng
[d]
ฎ,ด
d
เสี ยงผสม
เสี ยด
แทรก
เสี ยงเปิ ด
เพดาน
แข็ง
[n]
ณ,น
n
[b]
บ
b
เสี ยงเสี ยด
แทรก
หลังปุ่ มเหงือก
[w]
ว
w
[j]
ญ,ย y
[l]
ล,ฬ l
* ฃ และ ฅ เลิกใช้แล้ว ดังนั้นอาจกล่าวได้วา่ ภาษาไทยสมัยใหม่มีพยัญชนะ
เพียง 42 ตัวอักษร
** อ ที่เป็ นพยัญชนะต้นหมายถึงเสี ยงเงียบ และดังนั้นมันจึงถูกพิจารณาว่า
เป็ นเสี ยงกัก เส้นเสี ยง
พยัญชนะสะกด
ถึงแม้วา่ พยัญชนะไทยมี 44 รู ป 21 เสี ยงในกรณี ของ
พยัญชนะต้น แต่ในกรณี พยัญชนะสะกดแตกต่าง
ออกไป สาหรับเสี ยงสะกดมีเพียง 8 เสี ยง และรวมทั้ง
ไม่มีเสี ยงด้วย เรี ยกว่า มาตรา เสี ยงพยัญชนะก้องเมื่ออยู่
ในตาแหน่งตัวสะกด ความก้องจะหายไป
ในบรรดาพยัญชนะไทย นอกจาก ฃ และ ฅ ที่เลิกใช้
แล้ว ยังมีพยัญชนะอีก 6 ตัวที่ใช้เป็ นตัวสะกดไม่ได้คือ
ฉ ผ ฝ ห อ ฮ ดังนั้นมันจึงเหลือเพียง 36 ตัวตามตาราง
อักษรโรมันที่กากับเป็ นระบบถอดอักษรของ
ราชบัณฑิตยสถาน
ริม
ฝี ปาก
ล่าง
-ฟันบน
ริมฝี ปาก
ทั้งสอง
เสี ยง
นาสิ ก
เสี ยง
กัก
เสี ยง
เปิ ด
หลังปุ่ ม
เหงือก
ปุ่ มเหงือก
[m]
มm
เพดาน
แข็ง
[w]
ว o(w)
เส้ น
เสี ยง
[ŋ]
ง
ng
[n]
ญ,ณ,น,ร,ล,ฬ n
[t̚]
จ,ช,ซ,ฌ,ฎ,ฏ,ฐ,ฑ,ฒ,
ด,ต,ถ,ท,ธ,ศ,ษ,ส t
[p̚]
บ,ป,พ,ฟ,ภ p
เพดานอ่อน
[k̚]
ก,ข,ค,ฆ k
[j]
ย i(y)
* เสี ยงกัก เส้นเสี ยง จะปรากฏเฉพาะหลังสระเสี ยงสั้นเมื่อไม่มีพยัญชนะสะกด
[ʔ]
*-
กลุ่มพยัญชนะแต่ละพยางค์ในคาหนึ่ง ๆ ของภาษาไทยแยกออกจากกันอย่างชัดเจน (ไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่
พยัญชนะสะกดอาจกลายเป็ นพยัญชนะต้นในพยางค์ถดั ไป หรื อในทางกลับกัน) ดังนั้นพยัญชนะหลายตัวของพยางค์
ที่อยูต่ ิดกันจะไม่รวมกันเป็ นกลุ่มพยัญชนะเลย
ภาษาไทยมีกลุ่มพยัญชนะเพียงไม่กี่กลุ่ม ประมวลคาศัพท์ภาษาไทยดั้งเดิมระบุวา่ มีกลุ่มพยัญชนะ (ที่ออกเสี ยงรวมกัน
โดยไม่มีสระอะ) เพียง 11 แบบเท่านั้น เรี ยกว่า พยัญชนะควบกล้ า หรื อ อักษรควบกล้ า
/kr/ (กร), /kl/ (กล), /kw/ (กว)
/kʰr/ (ขร,คร), /kʰl/ (ขล,คล), /kʰw/ (ขว,คว)
/pr/ (ปร), /pl/ (ปล)
/pʰr/ (พร), /pʰl/ (ผล,พล)
/tr/ (ตร)
พยัญชนะควบกล้ ามีจานวนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจากคายืมภาษาต่างประเทศ อาทิ อินทรา จากภาษาสันสกฤต พบว่าใช้
/tʰr/ (ทร), ฟรี จากภาษาอังกฤษ พบว่าใช้ /fr/ (ฟร) เป็ นต้น เราสามารถสังเกตได้วา่ กลุ่มพยัญชนะเหล่านี้ถูกใช้
เป็ นพยัญชนะต้นเท่านั้น ซึ่งมีเสี ยงพยัญชนะตัวที่สองเป็ น ร ล หรื อ ว และกลุ่มพยัญชนะจะมีเสี ยงไม่เกินสองเสี ยงใน
คราวเดียว การผันวรรณยุกต์ของคาขึ้นอยูก่ บั ไตรยางศ์ของพยัญชนะตัวแรก
สระ
เสี ยงสระในภาษาไทยแบ่งออกเป็ น 3 ชนิดคือ สระเดี่ยว สระประสม และสระเกิน สะกดด้วยรู ปสระพื้นฐาน
หนึ่งตัวหรื อหลายตัวร่ วมกัน (ดูที่ อักษรไทย)
สระเดี่ยว หรื อ สระแท้ คือสระที่เกิดจากฐานเพียงฐานเดียว มีท้งั สิ้ น 18 เสี ยง อักษรโรมันที่กากับเป็ นระบบ
ถอดอักษรของราชบัณฑิตยสถาน
สระประสม คือสระที่เกิดจากสระเดี่ยวสองเสี ยงมาประสมกัน เกิดการเลื่อนของลิ้นในระดับสู งลดลงสู่ระดับ
ต่า ดังนั้นจึงสามารถเรี ยกอีกชื่อหนึ่งว่า "สระเลื่อน" มี 3 เสี ยงดังนี้
เ–ียี /iaː/ ประสมจากสระ อี และ อา ia
เ–ีือ /ɯaː/ ประสมจากสระ อือ และ อา uea
–ีัว /uaː/ ประสมจากสระ อู และ อา ua
ในบางตาราจะเพิ่มสระสระประสมเสี ยงสั้น คือ เ–ียี ะ เ–ีือะ –ีัวะ ด้วย แต่ในปั จจุบนั สระเหล่านี้ปรากฏ
เฉพาะคาเลียนเสี ยงเท่านั้น เช่น เพียะ เปรี๊ ยะ ผัวะ เป็ นต้น











สระเกิน คือสระที่มีเสี ยงของพยัญชนะปนอยู่ มี 8 เสี ยงดังนี้
–ีา /am, aːm/ am ประสมจาก อะ + ม (อัม)เช่น ขา บางครั้งออกเสี ยงยาวเวลาพูด (อาม)เช่น น้ า
ใ– /aj, aːj/ ai ประสมจาก อะ + ย (อัย)เช่น ใจ บางครั้งออกเสี ยงยาวเวลาพูด (อาย)เช่น ใต้
ไ– /aj, aːj/ ai ประสมจาก อะ + ย (อัย)เช่น ไหม้ บางครั้งออกเสี ยงยาวเวลาพูด (อาย)เช่น ไม้
เ–า /aw, aːw/ ao ประสมจาก อะ + ว (เอา)เช่น เกา บางครั้งออกเสี ยงยาวเวลาพูด (อาว)เช่น เก้า
ฤ /rɯ/ rue,ri,roe ประสมจาก ร + อึ (รึ )เช่น ฤกษ์ บางครั้งเปลี่ยนเป็ น /ri/ (ริ )เช่น กฤษณะ หรื อ /rɤː/ (เรอ)เช่น
ฤกษ์
ฤๅ /rɯː/ rue ประสมจาก ร + อือ (รื อ)
ฦ /lɯ/ lue ประสมจาก ล + อึ (ลึ)
ฦๅ /lɯː/ lue ประสมจาก ล + อือ (ลือ)
บางตาราก็วา่ สระเกินเป็ นพยางค์ ไม่ถูกจัดว่าเป็ นสระ
สระบางรู ปเมื่อมีพยัญชนะสะกด จะมีการเปลี่ยนแปลงรู ปสระ สามารถสรุ ปได้ตามตารางด้านขวา
 ¹ คาที่สะกดด้วย –ะ + ว นั้นไม่มี เพราะซ้ ากับ –ีัว แต่เปลี่ยนไปใช้ เ–า แทน
 ² คาที่สะกดด้วย –อ + ร จะลดรู ปเป็ น –ร ไม่มีตวั ออ เช่น พร ศร จร ซึ่งก็จะไปซ้ ากับสระ โ–ะ ดังนั้นคาที่สะกดด้วย โ–ะ
+ ร จึงไม่มี
 ³ คาที่สะกดด้วย เ–อ + ย จะลดรู ปเป็ น เ–ย ไม่มีพินทุอ์ ิ เช่น เคย เนย เลย ซึ่งก็จะไปซ้ ากับสระ เ– ดังนั้นคาที่สะกดด้วย เ–
+ ย จึงไม่มี
 ⁴ พบได้นอ้ ยคาเท่านั้นเช่น เทอญ เทอม
 ⁵ มีพยัญชนะสะกดเป็ น ย เท่านั้น เช่น ไทย ไชย
ลิน้ ส่ วนหน้ า
ลิน้ ส่ วนหลัง
ปากเหยียด
ปากเหยียด
ปากห่ อ
สั้น
ยาว
สั้น
ยาว
สั้น
ยาว
ลิน้ ยกสู ง
/i/
–ีิ i
/iː/
–ี ี i
/ɯ/
–ีึ ue
/ɯː/
–ีื ue
/u/
–ีุ u
/uː/
–ีู u
ลิน้ กึง่ สู ง
/e/
เ–ะ e
/eː/
เ– e
/ɤ/
เ–อะ oe
/ɤː/
เ–อ oe
/o/
โ–ะ o
/oː/
โ– o
ลิน้ กึง่ ตา่
/ɛ/
แ–ะ ae
/ɛː/
แ– ae
/ɔ/
เ–าะ o
/ɔː/
–อ o
ลิน้ ลดตา่
/ä/
–ะ a
/äː/
–า a
 สระเดี่ยว
สระประสม
สระเสียงสั้น
สระเสียงยาว
สระเกิน
ไม่ มีตวั สะกด
มีตวั สะกด
ไม่ มีตวั สะกด
มีตวั สะกด
ไม่ มีตวั สะกด
มีตวั สะกด
–ะ
–ีั–¹
–า
–า–
–ีา
(ไม่มี)
–ีิ
–ีิ–
–ีี
ี
–ี–
ใ–
(ไม่มี)
–ีึ
–ีึ–
–ีือ
–ีื–
ไ–
ไ––⁵
–ีุ
–ีุ –
–ีู
–ีู –
เ–า
(ไม่มี)
เ–ะ
็
เ–ี–
เ–
เ––
ฤ, –ฤ
ฤ–, –ฤ–
แ–ะ
็
แ–ี–
แ–
แ––
ฤๅ
(ไม่มี)
โ–ะ
โ–
โ––
ฦ, –ฦ
ฦ–, –ฦ–
เ–าะ
––
–ีอ็ –
–อ
–อ–²
ฦๅ
(ไม่มี)
–ีัวะ
(ไม่มี)
–ีัว
–ว–
เ–ียี ะ
(ไม่มี)
เ–ียี
เ–ียี –
เ–ีือะ
(ไม่มี)
เ–ีือ
เ–ีือ–
เ–อะ
(ไม่มี)
เ–อ
เ–ีิ–³, เ–อ–⁴
เสี ยงวรรณยุกต์ ในภาษาไทย (เสี ยงดนตรี หรื อเสี ยงผัน) จาแนกออกได้เป็ น 5 เสี ยง ได้แก่
หน่ วย
เสี ยงวรรณยุกต์
ตัวอย่ าง
สั ทอักษร
เสี ยง
เสี ยงเอก
เสี ยงสามัญ (ระดับเสี ยง
(ระดับเสี ยง หน่า /nàː/
[naː˩]
กลาง) ว่า
ต่า)
/nâ
เสี ยงโท (ระดับเสี ยงสูง-ต่า) น่า/หน้า
[naː˥˩]
ː/
เสี ยงตรี (ระดับเสี ยงกลาง-สูง
/ná
น้า
[naː˧˥] หรื อ [naː˥]
หรื อ สูงอย่างเดียว)
ː/
เสี ยงจัตวา (ระดับเสี ยงต่า-กึ่ง
/nǎ [naː˩˩˦] หรื อ
หนา
สูง)
ː/
[naː˩˦]
ส่ วน รู ปวรรณยุกต์ มี 4 รู ป ได้แก่
ไม้เอก ( -ี่ )
ไม้โท ( -ี้ )
ไม้ตรี ( -ี )
ไม้จตั วา ( -ี )
ทั้งนี้คาที่มีรูปวรรณยุกต์เดียวกัน ไม่จาเป็ นต้องมีระดับเสี ยงวรรณยุกต์เดียวกัน ขึ้นอยูก่ บั
ระดับเสี ยงของอักษรนาด้วย เช่น ข้า (ไม้โท) ออกเสี ยงโทเหมือน ค่า (ไม้เอก) เป็ นต้น
三、泰语的应用
 泰国的官方语言为泰语,全国有85%以上的人使用泰语。泰国政府规定,
以首都曼谷为主的中部泰语为标准泰语。泰国其他主要语言有汉语和马
来语。按照不同的地理位置,泰语有中部、北部、东北部和南部4种方
言,曼谷话是泰国通用的标准语言。曼谷和北部地区流行中国方言(潮
州话为主),南部地区马来族居民讲马来语,此外,英语是泰国学校的
必修语言,在曼谷和其他大城市特别是在商业界被广泛使用。泰国还有
宫廷语言,即王室用语。
 华人占泰国人的10%左右,华语在泰国也比较流行。泰国各府都有华文
报纸和书刊发行。泰国华语一直沿用繁体,排版任然以竖排为主。泰国
华语拼音也一直沿用传统的注音字母,但现在泰国也开始使用《汉语拼
音方案》。由于泰国诗琳通公主获得了中文博士学位,华语教育在泰国
得到了广泛的重视。泰国华人比较多的城镇都有华语学校。泰国著名大
学朱拉隆功大学有汉语专业。另外一所著名大学皇家理工大学还建立了
汉语教学中心。另外,几乎所有的高等专业技术学院和师范学院都开设
华语课程。
四、姓名




泰国人的姓名与西方人姓名相似,即都是名在前面,姓氏在后面,泰国人称呼时
通常只呼其名。如泰国前总理川•立派,川是他的名字,立派是他的姓。在正式
场合或填写文件时必须在姓氏前面加上身份名称。通常情况下,成年男子称
“乃”,先生的意思,已婚妇女则称“娘”女士的意思。男孩子称“牒猜”,女
孩子称“牒莹”.在日常生活中,人们不分男女在名字前均加“昆”,即“您”,
表示礼貌。已婚妇女可以自由选择姓氏①,子女也可以选择随父母任何一方的姓
氏。
泰国是一个君主立宪制国家,仍然存在贵族称谓,贵族爵位由国王敇封。贵族爵
位分为五等:招披耶、披耶、拍、銮、坤。1932年以后,国王不再封爵,故有
爵位的人数很少。王室成员也有一套自己的称谓国王的嫡系子女称昭法;国王的
庶子或昭法的嫡子称帕翁昭;昭法的庶子或帕翁昭的嫡子称蒙昭;蒙昭的子女称
蒙拉差翁;蒙拉差翁的子女称蒙銮。泰国王室宫廷法规定,蒙昭以上才算正式王
室成员。此外女性的王室称谓还必须加上女字,以示性别。
泰国人的称谓与中国广西少数民族壮族的习惯极为相似。称长辈为伯伯、叔叔、
大妈、大婶、姑姑;对平辈人称兄、弟、姐、妹;对儿童称小弟、小妹。在平辈
或熟人中往往称呼小名或乳名,再熟悉的人中还常常称兄道弟。
此外,有职务或技术职称的也以职务或职称冠称。
五、作业
1.熟记本课内容,尤其是泰语的起源。
2.对比中泰姓名的不同。





六、小结
(一)据泰国出土的素可泰石碑记载,泰文是素可泰王朝兰甘亨国王1283年在
孟文和高棉文的基础上创造的。泰语旧称暹罗语,属于汉藏语系壮侗族壮泰语支,
与中国的壮语和傣语属相同语族。泰文是拼音文字,长短音和请浊音的变化,没
有形态变化,句子的基本词序是主语-谓语-宾语,定语在中心词后面。
泰国的官方语言为泰语,全国有85%以上的人使用泰语。泰国政府规定,以首都
曼谷为主的中部泰语为标准泰语。泰国其他主要语言有汉语和马来语。按照不同
的地理位置,泰语有中部、北部、东北部和南部4种方言
(二)泰国人的姓名与西方人姓名相似,即都是名在前面,姓氏在后面后面,
泰国人称呼时通常只呼其名。泰国是一个君主立宪制国家,仍然存在贵族称谓和
平民称谓之分。此外,有职务或技术职称的也以职务或职称冠称。