Transcript click

การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าให้
เหมาะสมกับสภาพงาน
โดย อาจารย์สุวนิ ันท์ จันทอุไร
เนื้ อหา




การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้ า
การเลือกใช้สายไฟฟ้ า
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้ าชนิ ดให้แสงสว่าง
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้ าชนิ ดเต้ารับ
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้ า
การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้ า เป็ นการเลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ในาาน
ไฟฟ้ าให้เหมาะสมกับการติดตั้า และถูกต้อาตามมาตรฐาน โดยคานึาถึา
หลักการทาาไฟฟ้ า การใช้าาน สถานที่ สภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ และ
ประโยชน์การใช้าาน
การเลือกใช้สายไฟฟ้ า
สายไฟฟ้า คือ สายที่ใช้ในการส่งแรงดันไฟฟ้ าไปยัง อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ า
ในบ้านพักอาศัย ในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งภายในอาคารและนอกอาคาร
เปรียบเสมือน ถนนหรือท่อน้ าประปา ที่ส่งมายังบ้านพักอาศัย สายไฟฟ้ า มีหลาย
รูปแบบ หลายขนาดขึ้ นอยูก่ บั การใช้งาน ตามความเหมะสม
พิกดั ของสายไฟฟ้ าและการเลือกใช้
ในการพิจารณาเลือกสายไฟฟ้ าที่เหมาะสมนั้น มีหลายข้อด้วยกันที่ตอ้ า
พิจารณา ซึ่าจะส่ าผลต่อประสิ ทธิภาพ ความเชื่อถือได้ และความปลอดภัยในการใช้าาน
ข้อกาหนดที่ตอ้ าพิจารณาในการเลือกสายไฟฟ้ า ได้แก่
- พิกดั แราดัน ( Voltage Rating )
- พิกดั กระแส ( Current Rating )
- แราดันตก ( Voltage Drop )
- สายควบ ( Multiple Conductors )


พิกดั แรงดัน
สายไฟฟ้ าที่จะใช้ตอ้ าสามารถทนต่อแราดันใช้าานได้ตาม มอก. 11-2531 ได้กาหนด
แราดันใช้าานเอาไว้ 2 ระดับคือ 300 V และ 750 V ดัานั้นในการเลือกชนิดขอาสายไฟฟ้ าจึา
ต้อาคานึาถึาพิกดั แราดันให้เหมาะสมด้วย
พิกดั กระแส
พิกดั กระแส คือ ความสามารถขอาสายไฟฟ้ า ในการที่จะนากระแสไฟฟ้ าปริ มาณ
หนึ่าอย่าาต่อเนื่อาในขณะใช้าานโดยไม่ทาให้อุณหภูมิสุดท้ายมีค่าเกินอุณหภูมิที่กาหนดไว
พิกดั กระแสของสายไฟฟ้ าห้ ุมฉนวนจะขึน้ กับปัจจัยต่ าง ๆ
ดังต่ อไปนี้
1. ขนาดของสายไฟฟ้า สายไฟฟ้ าที่มีพ้นื ที่หน้าตัดขนาดใหญ่ ก็จะมีค่าพิกดั กระแสสู า
กว่าสายไฟฟ้ าที่มีพ้นื ที่หน้าตัดขนาดเล็กกว่า
2. ชนิดของฉนวนที่ห้ ุมสายไฟฟ้า การที่สายไฟฟ้ ามีฉนวนที่มีคุณภาพดี ย่อมที่จะทา
ให้สายไฟฟ้ าชนิดนั้นมีค่าพิกดั กระแสสู าขึ้น
3. อุณหภูมโิ ดยรอบ เนื่อาจากค่าความต้านทานขอาตัวนาจะมีค่าเพิม่ ขึ้น เมื่ออุณหภูมิ
สู าขึ้นดัานั้นถ้าอุณหภูมิบริ เวณรอบ ๆ ขอาสายไฟฟ้ าที่ใช้มีค่าสู าขึ้น ก็จะส่ าผลให้ค่าพิกดั ขอา
กระแสลดลาจากค่าปกติ
4. ลักษณะการติดตั้ง เนื่อาจากการติดตั้าสายไฟฟ้ า สามารถทาได้หลายวิธีดว้ ยกัน เช่น
เดินลอย เดินในท่อร้อยสายหรื อเดินฝัาใต้ดิน การติดตั้าแต่ละแบบก็จะมีการถ่ายเทอากาศได้ยาก
า่ายต่าากัน ถ้าสายไฟฟ้ าติดตั้าในบริ เวณที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ก็จะมีค่าพิกดั กระแสสู ากว่า
กรณี ที่ติดตั้าในบริ เวณอากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวก
ขนาดกระแสขอาสายไฟฟ้ าทอาแดาหุม้ ฉนวน PVC ตาม มอก. 11-2531 อุณหภูมิ
ตัวนา 70 oC ขนาด แราดัน 300 V และ 750 V อุณหภูมิโดยรอบ 40 oC ( สาหรับ
วิธีการเดินสาย ก-ค ) และ 30 oC
อุณหภูมิโดยรอบต่าาจาก 40 oC (สาหรับวิธีการเดินสาย ก-ค ) หรื อ 30 oC (สาหรับ
วิธีการเดินสาย า และ จ ) ให้คูณค่าขนาดกระแสด้วยตัวคูณลดดัานี้
การเดินสายไฟฟ้ า
การเดินสายไฟฟ้ าภายในอาคาร นิยมเดินสาย เป็ น 2 แบบใหญ่คือ
1การเดินสายไฟฟ้ าด้วยเข็มขัดรัดสาย
2 การเดินสายไฟฟ้ าด้วยท่อร้อยสาย
การนับจานวนสายไฟในท่ อร้ อยสาย
- ถือว่าจานวนแกนคือจานวนเส้น
- ไม่ตอ้ านับสายนิวทรัล ในระบบ 3 เฟสที่ออกแบบไว้เป็ นโหลดสมดุล (บาาขณะ
อาจมีกระแสไหลผ่าน)
- จะต้อานับสายนิวทรัล ในกรณี ที่โหลดส่ วนใหญ่ (มากกว่า 50% ) เป็ นหลอดชนิด
Electric Discharge เช่นหลอดฟลูออเรสเซนต์ , อุปกรณ์เกี่ยวกับ Data Processing
และอุปกรณ์อื่นที่ทาให้เกิดกระแส Harmonic ในสายนิวทรัล
- ไม่ตอ้ านับตัวนาสาหรับต่อลาดิน
ชนิ ดของสายไฟฟ้ าและการใช้งาน
1. สาย THW
สายไฟฟ้ าตาม มอก.11-2531 ที่ในท้อาตลาดนิยมเรี ยกว่า ทีเอชดับเบิลยู (THW)
เป็ นสาย ไฟฟ้ าชนิดทนแราดัน 750 V เป็ นสายเดี่ยว นิยมใช้กนั อย่าากว้าาขวาา โดยเฉพาะ
ใน โราาานอุตสาหกรรม เนื่อาจากใช้ในวาจรไฟฟ้ า 3 phase ได้ ปกติจะเดินร้อยในท่อร้อย
สาย ชื่อ THW เป็ นชื่อตาม มาตรฐานอเมริ กนั ซึ่ าเป็ นสายชนิดทนแราดัน 600 V อุณหภูมิ
ใช้าานที่ 75 อาศาเซลเซี ยส แต่ใน ประเทศไทยนิยม เรี ยกสายที่ผลิตตาม มอก. 11 -2531 ว่า
สาย THW เนื่อาจากมีโคราสร้าาคล้ายกันและรู ้กนั ทัว่ ไปในท้อาตลาด
การใช้ งาน : - เดินลอย ต้ องยึดด้ วยวัสดุฉนวน (insulator)
- เดินในช่อาเดินสาย ในสถานที่แห้า
- ห้ามเดินฝัาดินโดยตรา
2. สาย VAF
สายไฟตาม มอก.11-2531 ที่ตามท้อาตลาดเรี ยกว่า สายชนิด วีเอเอฟ (VAF) เป็ น
สายชนิด ทนแราดัน 300 V มีท้ าั ชนิดที่เป็ นสายเดี่ยว สายคู่ และที่มีสายดินอยูด่ ว้ ย ถ้าเป็ น
สายเดี่ยวจะเป็ นสายกลม และถ้าเป็ นชนิด 2 แกน หรื อ 3 แกน จะเป็ นสายแบน ตัวนา
นอกจากจะมีฉนวนหุ ม้ แล้วยัามีเปลือกหุ ม้ อีกชั้นหนึ่า สายคู่จะนิยมรัดด้วยเข็มขัดรัดสาย
(Clip) ใช้ในบ้านอยูอ่ าศัยทัว่ ไป สายชนิดนี้หา้ มใช้ในวาจร 3 phase ที่มีแราดัน 380 V
เช่นกัน (ในระบบ 3 phase แต่แยกไปใช้าานเป็ นแบบ 1 phase แราดัน 220 V. จะใช้ได้)
การใช้ งาน : ชนิดกลม
: ชนิดแบน
- เดินลอย
- เดินเกาะผนัา เดินซ่อนในผนัา
- เดินเกาะผนัา เดินซ่อนในผนัา
- เดินในช่อาเดินสาย
- เดินในช่อาเดินสาย
- ห้ามเดินฝัาดินโดยตรา
- ห้ามเดินฝัาดินโดยตรา
3. สาย VCT
สายไฟฟ้ าตาม มอก.11 - 2531 ตามท้อาตลาดเรี ยกว่าสาย วีซีที (VCT) เป็ นสาย
กลมมี ทั้าชนิดหนึ่าแกน 2 แกน 3แกนและ 4 แกนทนแราดันที่ 750 V. มีฉนวนและเปลือก
เช่นกัน มีขอ้ พิเศษกว่าก็คือตัวนาจะประกอบไปด้วย ทอาแดาฝอยเส้นเล็ก ๆ ทาให้มีขอ้ ดีคือ
อ่อนตัวและทนต่อสภาพการสั่นสะเทือนได้ดี เหมาะที่จะใช้เป็ นสายเดินเข้าเครื่ อาจักรที่มี
การสัน่ สะเทือนขณะใช้าาน สายชนิดนี้ ใช้าานได้ทวั่ ไปเหมือนสายชนิ ด NYY สาย VCT มี
หลายแบบตามรู ปทราโดยแบ่าได้ท้ าั แบบ VCT - GRD ซึ่ ามี 2 แกน 3 แกนและ 4 แกนและมี
สายดินเดินร่ วมไปด้วยอีกเส้นหนึ่ าเพื่อให้เหมาะสาหรับใช้เครื่ อาอุปกรณ์ไฟฟ้ าที่ตอ้ าต่อลา
ดิน
การใช้ งาน : - ใช้าานทัว่ ไป เดินร้อยท่อฝั่าดิน
4. สาย NYY
สายไฟฟ้ าตาม มอก.11-2531 ตามท้อาตลาดนิยมเรี ยกว่าสายชนิด เอ็นวายวาย (NYY)
มีท้ าั ชนิดแกนเดียว และหลายแกนสายหลายแกน ก็จะเป็ นสายชนิดกลมเช่นกัน สายชนิดนี้ทน
แราดันที่ 750 V. นิยมใช้อย่าากว้าาขวาาเช่นกัน เนื่อาจากว่ามี ความทนต่อสภาพแวดล้อม
เพราะมีเปลือกหุ ม้ อีกชั้นหนึ่ า บาาทีเรี ยกว่าเป็ นสายฉนวน 3 ชั้น ความจริ าแล้วสายชนิดนี้มี
ฉนวนชั้นเดียว อีกสอาชั้นที่เหลือเป็ นเปลือกเปลือกชั้นในทาหน้าที่เป็ นแบบ (Form) ให้สายแต่
ละแกนที่ตีเกลียวเข้าด้วยกันมีลกั ษณะกลม แล้วจึามีเปลือกนอกหุ ม้ อีกชั้นหนึ่าทาหน้าที่
ป้ อากันความเสี ยหายทาากายภาพ
การเลือกขนาดสายที่ใช้กบั อุปกรณ์ไฟฟ้ า
ให้พจิ ารณาจากกระแสขอาอุปกรณ์น้ นั ๆ แต่สาหรับสายที่เดินเข้าหลอดไฟ
และปลัก๊ ในบ้านพักอาศัยทัว่ ไปอาจใช้ค่าประมาณคือ
การใช้ งาน : - ใช้ งานทัว่ ไป เดินร้ อยท่ อฝั่งดิน หรือเดินฝั่งโดยตรง
ชนิดขอาสาย NYY ที่มีชนิดขอาฉนวนเป็ น PVC ทนอุณหภูมิได้ 70oC และตัวนาเป็ น
ทอาแดาแบ่าตามลักษณะขอาสายได้ดาั นี้
- NYY ชนิดสายเดี่ยว เป็ นสายที่มีเปลือกเพียาชั้นเดียว ทาหน้าที่ป้อากันความเสี ยหายทาา
กายภาพ ไม่ตอ้ ามีเปลือกชั้นใน
- NYY ชนิด 2 แกน 3 แกน และ 4 แกน ขึ้นอยูก่ บั ความต้อาการขอาการใช้าาน
- NYY ชนิด 4 แกน และมีสายนิวทรัลรวมอยูด่ ว้ ย เรี ยกว่า สาย NYY-N คือมีสายไฟอยู่ 3
เส้น และมีสายนิวทรัลอีก 1 เส้น มีขนาดพื้นที่หน้าตัดประมาณครึ่ าหนึ่าขอา
สายไฟ จึาเหมาะที่จะใช้ในวาจร 3 phase 4 สาย
- NYY ชนิด NYY-GRD คือสายชนิด 2 แกน 3 แกน 4 แกน ที่มีสายดิน (Ground) รวมอยู่
ด้วยอีก 1 เส้น จึาเหมาะที่จะใช้ต่อเข้ากับอุปกรณ์ไฟฟ้ าที่ตอ้ าต่อลาดิน
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดให้แสงสว่าง
อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดให้แสงสว่าง คือ โคมไฟฟ้ า หรือหลอดไฟฟ้ า มีอยู่
ด้วยกันหลายรูปแบบ ซึ่งแตกต่างกันขึ้ นอยูก่ บั การใช้งาน
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกโคมไฟฟ้ า
1 ความปลอดภัยของโคม
โคมไฟฟ้ าที่ประหยัดพลัาาานต้อาได้รับมาตรฐานความปลอดภัยตาม
เกณฑ์ดว้ ย เช่น ต้อาไม่มีคมจนอาจเกิดอันตราย ต้อามีระบบการต่อลาดินใน
กรณี ที่ใช้กบั ฝ้ าสูาเพื่อไม่เป็ นอันตรายกับคนที่มาเปลี่ยนหลอด
2 ประสิ ทธิภาพของโคมไฟฟ้า (Luminaire efficiency)
โคมไฟฟ้ าที่ประหยัดพลัาาานหมายถึาโคมที่มีประสิ ทธิภาพขอาโคมสูา
ที่สุด คือ ให้ปริ มาณแสาออกมาจากตัวโคมเมื่อเทียบกับปริ มาณแสาที่ออกจาก
หลอดให้มีค่าสูาที่สุด
3 ค่ าสั มประสิ ทธิ์การใช้ งานของโคมไฟฟ้า (Coefficients of Utilization)
ค่าที่ได้จากการวัดประสิ ทธิภาพขอาโคม โดยที่รวมผลขอาความสูาและสัม
ประสิ ทธิขอาการสะท้อนขอาผนัาและเพดานโดยผูผ้ ลิต
4 แสงบาดตาของโคม (Glare)
เป็ นค่าที่แสดาคุณภาพแสาขอาโคมต้อาเลือกโคมที่มีแสาบาดตาอยูใ่ น
เกณฑ์ที่ยอมรับได้
5 กราฟการกระจายแสงของโคม (Distribution Curve)
โคมมีหลายชนิดด้วยกันแต่ละโคมก็มีกราฟกระจายแสาขอาโคมต่าากัน
การนาโคมไปใช้ตอ้ าเลือกกราฟกระจายแสาขอาโคมที่เหมาะสมกับาาน
6 การระบายความร้ อนของโคม
โคมไฟฟ้ าทีประหยัดพลัาาานควรจะมีการระบายความร้อนได้ดี ถ้ามีอุณหภูมิสะสม
ในโคมมากเกินไปอาจทาให้ปริ มาณแสาที่ออกจากหลอดลดลา เช่นโคมไฟส่ อาลาหลอด
คอมแพคก์ถา้ ไม่มีการระบายความร้อนที่ดีปริ มาณลดลาถึา 40% เป็ นต้น
7 อายุการใช้ งาน
โคมไฟฟ้ าทีประหยัดพลัาาานต้อาพิจารณาอายุการใช้าานด้วย เช่น โคมต้อาทาด้วย
วัสดุที่สามารถใช้าานได้นานตามที่ตอ้ าการโดยไม่ผกุ ร่ อน และไม่มีการเปลี่ยนรู ปเมื่อมี
การบารุ ารักษาเนื่อาจากการเปลี่ยนหลอดหรื อทาความสะอาด
8 สถานทีต่ ดิ ตั้ง
การเลือกใช้โคมแต่ละชนิ ดขึ้นอยูก่ บั ว่าต้อาการนาไปใช้าานอะไรบ้าาต้อาการ
คุณภาพแสามากน้อยเพียาใด หรื อเน้นในเรื่ อาขอาปริ มาณแสาแต่เพียาอย่าาเดียว ต้อามี
การป้ อากันทาากล ป้ อากันน้ า ฝุ่ นผามากน้อยเพียาใด
ชนิ ดของโคมไฟฟ้ า
1. โคมไฟส่ องลง (Down light)
โคมไฟส่ อาลา หมายถึา โคมไฟที่ให้แสาลาด้านล่าา เหมาะสาหรับใช้าาน
ส่ อาสว่าาทัว่ ไปอาจจะเป็ น ชนิดฝัา ติดลอย แขวน หรื อ กึ่าฝัากึ่าลอย ดัาในรู ป
1 โคมไฟส่ อาลาหลอดอินแคนเดสเซนต์
ก) ใช้กบั าานเฉพาะที่ตอ้ าการความสวยาาม หรื อเปิ ดใช้เป็ นครั้าคราว
ข) ใช้กบั าานที่ตอ้ าการปรับหรี่ แสา
2 โคมไฟส่ อาลาหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์
ก) ใช้กบั าานที่ตอ้ าการเปิ ดใช้าานนานๆ
ข) โคมไฟที่ใช้เป็ นชนิดที่ถูกออกแบบมาสาหรับหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์
โดยเฉพาะ
ค) โคมไฟส่ อาลาหลอดคอมแพกต์ฟลูออเรสเซนต์ มี 2 แบบ คือหลอด
ติดตั้าในแนวนอน และหลอดติดตั้าในแนวตั้า
ค1) หลอดติดตั้าในแนวนอน มีขอ้ ดี คือ การกระจายแสาออกจาก
โคมมากกว่าหลอดติดตั้าในแนวนอนแต่ตอ้ าระวัาเรื่ อาการระบายความ
ร้อนและการเปลี่ยนหลอด
ค2) หลอดติดตั้าในแนวตั้า มีขอ้ ดี คือ ไม่มีปัญหาเรื่ อาการระบาย
ความร้อน แต่ตอ้ าระวัาเรื่ อาแสาบาดตา
3 โคมไฟส่ อาลาหลอดปล่อยประจุความเข้มสูา
ก)ใช้กบั าานที่มีความส่ อาสว่าาสูา หรื อบริ เวณที่เพดานสูา
ข)ใช้กบั าานที่ตอ้ าการเปิ ดใช้าานนานๆ
ค)ใช้เวลาในการจุดหลอดนานประมาณ 3-10 นาที
4 ข้อควรระวัา
การเปลี่ยนหลอดประหยัดพลัาาานแทนหลอดอินแคนเดสเซนต์ภายใน
โคมเดิม
ก)ให้ระวัาเรื่ อาแสาบาดตา และการระบายความร้อน ถ้าการระบาย
ความร้อนไม่ดีปริ มาณแสาอาจจะลดลาถึา 40% และอายุการใช้าานหลอดสั้นลา
ข)การกระจายแสาและประสิ ทธิภาพขอาโคมโดยทัว่ ไปลดลา
2. โคมไฟส่ องขึน้
โคมไฟส่ อาขึ้น หมายถึา โคมไฟที่ให้แสาขึ้นไปด้านบนเพื่อให้แสาสะท้อนที่
เพดาน และแสาดัากล่าวก็จะตกกระทบมาที่พ้นื ที่ทาาาน
โคมดัากล่าวเหมาะสาหรับาานที่เพดานสู า และเพดานมีสีอ่อน ใช้กบั บริ เวณที่
ต้อาการความสม่าเสมอขอาแสาสาหรับบริ เวณที่ความส่ อาส่ อาน้อยประมาณ200-300 ลักซ์
และสาหรับห้อาคอมพิวเตอร์ ที่ไม่ตอ้ าการแสาสะท้อนเนื่อาจากโคมไฟส่ อาลา
โคมไฟส่ องขึน้ มีคุณสมบัติและการใช้ งานที่ควรพิจารณาดังนี้
ก)มีความสม่าเสมอขอาแสาและทาให้หอ้ าที่แคบมีความรู ้สึกกว้าาและมี
บรรยากาศดี
ข)โคมไฟส่ อาขึ้นโดยทัว่ ไปให้ประสิ ทธิภาพต่า แต่มีคุณภาพแสาสูาคือไม่มี
แสาบาดทาให้เหมาะกับาานที่ตอ้ าการคุณภาพแสาสูา เช่น ห้อาคอมพิวเตอร์ ศูนย์
ควบคุม
ค)การใช้โคมไฟดัากล่าวเพดานต้อาสูามากกว่า 2.7 เมตรขึ้นไป เพือ่ ให้ไม่เกิด
ความร้อนที่เพดาน และไม่สว่าาจ้าเกินไป
3 โคมฟลูออเรสเซนต์
หลอดฟลูออเรสเซนต์เป็ นหลอดไฟที่ใช้กนั มากเพราะมีค่าประสิ ทธิ ผลการส่ อา
สว่าาสู า (Luminous Efficacy) โคมไฟสาหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์จึามีหลายรู ปแบบ
เพื่อให้เหมาะกับการใช้าานแต่ละชนิ ดแตกต่าากันไป ซึ่ าสามารถสรุ ปเป็ นชนิ ดหลักๆได้
ดัานี้
ก) โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือย (Bare Type Luminaires)
ข) โคมฟลูออเรสเซนต์โราาาน (Industrial Luminaire)
ค) โคมฟลูออเรสเซนต์กรอาแสา (Diffuser Luminaire)
า) โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรา (Louver Luminaire)
3.1 โคมฟลูออเรสเซนต์ เปลือย (Bare Type Luminaires)
โคมฟลูออเรสเซนต์เปลือยใช้กบั าานที่ตอ้ าการแสาออกด้านข้าาที่ติดตั้า
สาหรับเพดานที่ไม่สูามากนักโดยทัว่ ไปไม่เกิน 4 เมตร และไม่พถิ ีพถิ นั มากนักกับ
แสาบาดตาจากหลอด เช่น ห้อาเก็บขอา ที่จอดรถ พื้นที่ที่มีช้ นั วาาขอา ที่จอดรถ
และในพื้นที่ใช้าานไม่บ่อยและไม่ตอ้ าการความสวยาามมา
โคมฟลูออเรสเซนต์ เปลือยมีคุณสมบัติและการใช้ งานที่ควรพิจารณาดังนี้
ก) โคมดัากล่าวมีราคาถูก ทาความสะอาดา่าย และให้แสาสว่าาในทุกทิศทาา
ข) โคมดัากล่าวไม่มีตวั ครอบวัตถุภายนอกสามารถมากระแทกกับหลอดทาให้
หลอดหลุดร่ วาลามาได้
ค) โคมดัากล่าวมีแสาบาดตาจากหลอด
3.2 โคมฟลูออเรสเซนต์ โรงงาน
โคมฟลูออเรสเซนต์โราาานเป็ นโคมที่มีแผ่นสะท้อนแสาเพือ่ ควบคุมแสาให้ไป
ในทิศทาาที่ตอ้ าการ แผ่นสะท้อนแสาอาจทาจากแผ่นอลูมิเนียม แผ่นเหล็กพ่นสี
ขาว หรื อวัสดุอื่นที่มีการสะท้อนแสาสูา
โคมฟลูออเรสเซนต์ โรงงานมีคุณสมบัติและการใช้ งานที่ควรพิจารณาดังนี้
ก) โคมดัากล่าวมีราคาถูกกว่าโคมหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเปลือย ทาความ
สะอาดา่ายและให้แสาสว่าามากในทิศทาาที่ส่อาไป
ข) โคมดัากล่าวไม่มีตวั ครอบวัตถุภายนอกสามารถมากระแทกกับหลอดทาให้
หลอดสามารถหลุดร่ วาลามาได้
ค) โคมดัากล่าวไม่เน้นความสวยาาม และมีแสาบาดตาจากหลอ
3.3 โคมฟลูออเรสเซนต์ กรองแสง (Diffuser luminaire) โดยทัว่ ไปแผ่นกรอาแสา
มี 3 แบบด้วยกันคือ
1. แบบเกร็ ดแก้ว (Prismatic diffuser)
2. แบบขาวขุ่น (Opal diffuser)
3. แบบผิวส้ม (Stipple diffuser)
โคมไฟดัากล่าวมีแผ่นกรอาแสาปิ ดหลอดทั้าหมดเพื่อลดแสาบาดตาจาก
หลอด โคมประเภทนี้มีท้ าั แบบติดฝัาฝ้ าหรื อติดลอยหรื อแบบตัวยู (U-shape) อาจเพิม่ แผ่น
สะท้อนแสาอลูมิเนียมแบบเาา (Specular surface)หรื อ แบบกระจายแสา (Diffuser
surface) ที่ดา้ นหลัาหลอดเพื่อเพิ่มประสิ ทธิ ภาพขอาโคมไฟ โดยทัว่ ไปจะแนะนาเป็ นแบบ
กระจายแสาที่มีค่าการสะท้อนแสาโดยรวมสู าเท่ากับแบบเาา โคมไฟประเภทนี้เหมาะกับ
การใช้าานที่ตอ้ าการแสาบาดตาจากหลอดต่าและไม่ตอ้ าการความเข้มส่ อาสว่าาสู ามากนัก
เช่น ในพื้นที่โราพยาบาลที่ไม่ให้แสารบกวนคนไข้ ห้อาประชุมที่ไม่ตอ้ าการแสาบาดตา
และแสาสว่าามาก
3.4 โคมฟลูออเรสเซนต์ ตะแกรง (Louver luminaire)
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกรามีท้ าั แบบติดลอยและฝัาฝ้ า ลักษณะขอาโคม
ไฟประกอบด้วยแผ่นสะท้อนแสาด้านข้าาและอาจมีแผ่นสะท้อนแสาด้านหลัา
หลอดเพิ่มเข้ามาเพื่อสะท้อนแสาและควบคุมแสาให้ไปในทิศทาาที่ตอ้ าการ
ส่ วนตัวขวาาจะสามารถลดแสาบาดตา เช่น ในมุมที่เลย มุมตัดแสา โดยทัว่ ไป
แผ่นสะท้อนแสาและตัวขวาาจะทาจากอลูมิเนียม (Anodized) ซึ่ามีท้ าั แบบ
เาา (Specular Surface) และแบบกระจาย (Diffuser Surface)ซึ่าขึ้นอยูก่ บั
ผูอ้ อกแบบโคมไฟและลักษณะการใช้าานขอาโคมไฟนั้น
โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกราจาแนกออกได้เป็ น 3 ชนิดคือ
ก) โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกราแบบตัวขวาา (Profile Mirror Louver Luminaire)
ข) โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกราแบบพาราโบลิกจตุรัส (Square Parabolic Louver
Luminaire)
ค) โคมฟลูออเรสเซนต์ตะแกราแบบช่อาถี่ (Mesh Louver Luminaire)
การเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดเต้ารับ
เต้ ารับ หมายถึา อุปกรณ์ที่ใช้ต่อกระแสไฟฟ้ าชัว่ คราวไปยัาอุปกรณ์
ไฟฟ้ า มีลกั ษณะต่าา ๆ กัน แบ่าได้ 2 ชนิด คือ ชนิดเต้าเสี ยบ หรื อปลัก๊ (Plug) และ
เต้ารับ (Socket –outlet) อุปกรณ์ท้ าั สอาจะใช้ร่วมกัน เพือ่ เป็ นจุดรับไฟเข้า
เครื่ อาใช้ไฟฟ้ า เช่นโทรทัศน์ เตารี ด พัดลม ฯลฯ
หลักในการเลือกซื้อเต้ าเสี ยบ และเต้ ารับ
เต้ าเสี ยบและเต้ ารับที่ดีและปลอดภัย ควรมีลกั ษณะดังนี้
- มีการป้ อากันนิ้วมือไม่ให้สมั ผัสขาปลัก๊ ในขณะเสี ยบหรื อถอด
ปลัก๊ เช่น การทาให้เต้ารับเป็ นหลุมลึกหรื อการหุม้ ฉนวนที่โคนขาปลัก๊ หรื อทา
เต้าเสี ยบ ( ปลัก๊ )ให้มีขนาดใหญ่ เมื่อจับเต้าเสี ยบแล้วไม่มโอกาสสัมผัสขาปลัก๊
ส่ วนที่มีไฟ
- มีการป้ อากันเด็กใช้นิ้วหรื อวัสดุแหย่รูเต้ารับ เช่น มีฝาหรื อบานพับเปิ ด–
ปิ ดรู ขอาเต้ารับ ซึ่าบานพับจะเปิ ดเฉพาะตอนใช้ปลัก๊ เสี ยบเท่านั้น
- มีมาตรฐานสากลรับรอา และผ่านการทดสอบตามมาตรฐานนั้น ๆ เช่น
UL, VDE, DIN, KEMA เป็ นต้น
- ขนาดขอากระแสและแราดันไฟฟ้ าสอดคล้อากับการใช้าานจริ า เช่น
ระบบไฟ 220 โวลต์ ห้ามนาเต้าเสี ยเต้ารับสาหรับระบบไฟไม่เกิน 125
โวลต์ มาใช้าาน
- เสี ยบแล้วแน่นคาทน ไม่หลวมา่าย หรื อเกิดความร้อนขณะใช้าาน เช่น
ทดลอาเสี ยบปลัก๊ แล้วดึาออก 5 -10 ครั้า ถ้ายัาคาฝื ดและแน่นแสดาว่าใช้
าานได้
- ตาแหน่าขอาการติดตั้าเต้ารับควรอยูส่ ูาให้พน้ มือเด็กหรื อระดับน้ าที่
อาจจะท่วมถึา
- เวลาถอดปลัก๊ ให้ใช้มือจับที่ตวั ปลัก๊ อย่าดึาที่สายไฟ และอย่าใช้นิ้ว
แตะถูกขาปลัก๊
- ให้หลีกเลี่ยาและระมัดระวัาการใช้เต้ารับที่เสี ยบปลัก๊ ได้หลายตัว
เพราะอาจทาให้มีการใช้ไฟฟ้ าเกินขนาดขอาเต้ารับและสายไฟฟ้ าทาให้เกิดไฟ
ไหม้ได้
- ก่อนซื้อเต้ารับควรตรวจสอบโดยใช้ปลัก๊ (ตัวผู)้ ขากลมเสี ยบเข้าและ
ดึาออกหลาย ๆครั้า เต้ารับที่มีคุณภาพดีจะแน่นและดึาออกยาก
- หมัน่ ตรวจสอบจุดต่อการเข้าสายให้แน่นอยูเ่ สมอ
- เต้ารับที่ใช้าานภายนอกอาคารควรทนแดด ป้ อากันน้ าฝนได้ และ
หากเป็ นสายไฟ / เต้ารับที่ลากไปใช้าานไกล ๆ ต้อาต่อผ่านวาจรขอาเครื่ อา
ตัดไฟรั่วด้วย
- ตลับต่อสายที่ประกอบด้วยสายพร้อมปลัก๊ และมีเต้ารับหลายตัวพร้อม
ทั้ามีสญ
ั ลักษณ์ มอก. เลขที่ 11- 2531 นั้นมิได้หมายความว่าเต้ารับนั้นได้
มาตรฐาน เนื่อาจากมาตรฐาน มอก. 11 เป็ นมาตรฐานเฉพาะสายไฟฟ้ าเท่านั้น
มิใช่มาตรฐานขอาเต้ารับแต่อย่าาใดสาหรับขนาดขอาสายไฟที่ใช้น้ ี
ต้อาไม่ต่ากว่า 1.0 ตร.มม.
- ไม่ควรซื้อตลับสายไฟที่ใช้เต้ารับ 3 รู แต่ใช้สายไฟ 2 สายและ
เต้าเสี ยบที่ไม่มีสายดินเพราะไม่มีประโยชน์ใด ๆ ด้านความปลอดภัยเนื่อาจาก
ไม่มีการต่อลาดิน
แบบฝึ กหัด
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
9.
10.
เหตุใดจึาต้อามีการเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้ า
พิกดั กระแสขอาสายไฟฟ้ าหุม้ ฉนวนจะขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าาจะอธิบาย
สาย VAF มีคุณลักษณะอย่าาไร
สาย NYY มีคุณลักษณะอย่าาไร
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกโคมไฟฟ้ ามีอะไรบ้าา
โคมไฟฟ้ ามีกี่ชนิดอะไรบ้าา
โคมฟลูออเรสเซนต์มีกี่รูปแบบอะไรบ้าา
จาอธิบายคุณลักษณะขอา โคมฟลูออเรสเซนต์แบบมีตะแกรา
เต้ารับ หมายถึา
เต้าเสี ยบและเต้ารับที่ดีและปลอดภัย ควรมีลกั ษณะอย่าาไร