Outbreak investigation_30 June 2553

Download Report

Transcript Outbreak investigation_30 June 2553

Outbreak
Investigation
อุบลร ัตน์ นฤพนธ์จริ กุล
น ักวิชาการสาธารณสุข ชานาญการพิเศษ
สาน ักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค
30 มิถน
ุ ายน 2553
Learning Objectives
ิ้ สุดบทเรียน
 เมือ
่ สน
ผู ้เข ้าอบรมสามารถ
บอกว ัตถุของการสอบสวนการระบาด
 อธิบายขนตอนของการสอบสวนทาง
ั้
ระบาดวิทยาได้
 อธิบายถึงความสาค ัญของการออก
สอบสวนการระบาดทีท
่ ันเวลา

Detecting an outbreak
การตรวจจับการระบาด
การค้นพบ
(Detection)
เป็นการระบาด
หรือไม่ ?
ระบบเฝ้ าระวังปกติ
การรายงาน ผู ้ป่ วย/ lab
การตรวจสอบข่าวลือ
ประชาชนทัว่ ไป
ื่ ต่าง ๆ
สอ
เหตุการณ์นนเป
ั้ ็ นการระบาด จริงหรือไม่ ?

รายงานผู ้ป่ วยมากกว่าทีค
่ าดการณ์ไว ้
 จากการเฝ้ าระวังทางระบาดวิทยา
ทันเวลา


และมีการวิเคราะห์ท ี่
กลุม
่ ก ้อนของผู ้ป่ วย ในชว่ งเวลา สถานที่ และบุคคล
กลุม
่ เดียวกัน
ความตระหนักจากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
ื่ ต่าง ๆ
โรงเรียน หรือ สอ
ตรวจสอบข่าวลือต่าง ๆ
่ นร่วมในระบบ
 สนั บสนุนการมีสว

การระบาดคืออะไร ?
จากนิยาม
การระบาดคือ การมีผป
ู ้ ่ วยจานวนที่
มากกว่าปกติกว่าทีค
่ าดหมายไว้ ใน
สถานที่ และ เวลานน
ั้
5
การมีผป
ู ้ ่ วยมากกว่าปกติ
 เทียบก ับ
่ งเวลาเดียวก ัน 5 ปี ย้อนหล ัง
 ค่า Median จานวนผูป
้ ่ วย ณ ชว
Number of diarrhea case by month, District A
70
60
# cases
50
40
30
20
10
0
Jan
Feb
Mar
Apr
2003
May
Jun
Jul
Aug Sep
Oct
Median 1998 - 2002
Nov Dec
6
ผู ้ป่ วยโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อ. อากาศอานวย จ. สกลนคร
พ.ศ. 2545 เปรียบเทียบกับค่ามัธยฐาน 5 ปี ย ้อนหลัง
จานวน
200
2545
180
161
ม ัธยฐานปี 2539-2544
150
122
100
97
96
78
80
70
66
50
48
61
45
35
23
14
18
กย
ตค
18
17
0
มค
กพ
มีค
เมย
พค
แหล่งข้อมูล : สาน ักระบาดวิทยา
มิย
กค
สค
พย
ธค
เดือ7น
การหาค่ามัธยฐาน 5 ปี ย ้อนหลัง
ตารางที1
่ จานวนผู ้ป่ วยโรคปอดอักเสบจาแนกตามรายเดือน จังหวัดแห่งหนึง่
2550
2549
2548
2547
2546
มกราคม
10933
12202
10941
12306
12993
กุมภาพันธ์
10430
9610
11221
13823
11946
มีนาคม
10540
11691
10002
13538
12270
8
ื่ มโยงทางระบาดวิทยา
การพิจารณาจากความเชอ


เห็นเป็น Cluster
ื่ มโยงก ัน
ไม่เห็นเป็น Cluster แต่จริงๆ แล้วมีความเชอ
ื้
ผูป
้ ่ วยยืนย ันโรคติดเชอ
Streptococcus suis 1 ราย
9
บางครงการพบผู
ั้
ป
้ ่ วยเพียงรายเดียวก็อาจเป็นการระบาด
Emerging / Re-emerging
diseases
1997:
A 3-year old boy, case of
Avian Flu (H5N1) in Hong
Kong alerted the public
health people around the
world to start a full scale
investigation.
11
บางครัง้ การพบผู ้ป่ วยเพียงรายเดียวก็อาจเป็ นการระบาด
 โรคทีแ
่ พร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว หรือ มีความรุนแรง หรือ มี
ผลกระทบสูง...
12
ั
นิยามศพท์
(Terms)
 Endemic = การเกิดโรคเป็นประจาในท้องถิน
่
 Epidemic = Outbreak
Outbreak -> เร่งด่วน, รวดเร็ว
Epidemic -> ขยายวงกว้าง
 Cluster
ความเป็นกลุม
่ ก้อนของผูป
้ ่ วยตามบุคคล, เวลา, สถานที่
 Pandemic
การระบาดทีข
่ ยายวงกว้างไปหลายประเทศ, หลาย
ภูมภ
ิ าคทวโลก
่ั
13
1918 flu pandemic (Spanish flu)
50 – 100 million deaths worldwide in 18 months
14
ทาไมต้องสอบสวนการระบาด?
 หยุดยงการระบาด
ั้
(ผูป
้ ่ วยใหม่)
 เพิม
่ พูนองค์ความรูข
้ องเรา
 ป้องก ันการระบาดครงใหม่
ั้
 ประเมินระบบเฝ้าระว ัง
 สร้างระบบเฝ้าระว ัง
 เรียนรูร้ ะบาดวิทยาภาคสนามจากการ
ปฏิบ ัติจริง
ว ัตถุประสงค์เฉพาะของการสอบสวน
เพือ
่ พิสจ
ู น์หา:
ื้ ทีท
 สาเหตุ ต ัวเชอ
่ าให้เกิดโรค
 วิธก
ี ารถ่ายทอดโรค
ื้ สาเหตุ
 แหล่งทีม
่ าของเชอ
 พาหะทีม
่ ค
ี วามเป็นไปได้
ี่ งต่อการเกิดโรค
 ประชากรทีเ่ สย
ี่ งหรือปัจจ ัยป้องก ัน
 ล ักษณะประชากรทีม
่ ป
ี จ
ั จ ัยเสย
Real time vs. retrospective
investigation
ึ ษาย ้อนหลัง
ธรรมชาติของการสอบสวนโรค-เป็ นการศก
แต่การสอบสวนทีเ่ ป็ น real time ก็มโี อกาสเป็ นไปได ้
ื่ สารทีท
่ SARS
ด ้วยการสอ
่ ันสมัย ตัวอย่างเชน
ั ดาห์ เดือน
การระบาดอาจคงอยูห
่ ลายวัน สป
 ขึน
้ อยูก
่ บ
ั ความจาของบุคคล
 ข ้อมูลถูกรวบรวมไว ้เรียบร ้อยแล ้ว


้ อไม่
เพียงแต่จะนามาใชหรื
It is never to late, but it can also be more difficult
18
ขนตอนการสอบสวนการระบาด
ั้
(Steps in outbreak investigation)
1. เตรียมการออกภาคสนาม
2. ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัย และยืนย ันการระบาดของโรค
3. กาหนดนิยามและค้นหาผูป
้ ่ วย
4. รวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
5. ตงสมมุ
ั้
ตฐ
ิ าน
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์เพือ
6. การศก
่ พิสจ
ู น์สมมุตฐ
ิ าน
ึ ษาพิเศษอืน
7. การศก
่ ๆ :-สารวจสภาพแวดล้อม Lab
8. สรุปและเสนอมาตรการควบคุมป้องก ันโรค
9. ติดตามผลการดาเนินงานควบคุมโรค
10. เขียนรายงานสอบสวนโรค
ตอนที่ 1: เมือ
่ เกิดการระบาด
[At outbreak begins]
 ก่อนออกสอบสวนโรค
เตรียมทีม
ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัยโรค
ยืนย ันการระบาด
การเตรียมทีม

ิ
เตรียมทีมและบทบาทหน้าทีข
่ องสมาชก
้ ที)่ ได้แก่ ห ัวหน้าทีม น ักระบาด
ทีมในสนาม (ออกพืน
ั
่ ตรวจ ฯลฯ
วิทยา logistics ทีมสมภาษณ์
เก็บสงิ่ สง
 ทีมนอกสนาม (สน ับสนุน) ได้แก่ แพทย์ ทีป
่ รึกษาทีม
ี่ วชาญ ทีมห้องปฏิบ ัติการ ฯลฯ
ผูเ้ ชย




กาหนด ว ัตถุประสงค์ ของการออกสอบสวนโรค
่ แบบสอบสวน
เครือ
่ งมือและความรูท
้ จ
ี่ าเป็น เชน
่ สงิ่ สง
่ ตรวจ ยาและ
โรค อุปกรณ์เก็บและนาสง
เวชภ ัณฑ์ตา่ งๆ
่ งทางการติดต่อสอ
ื่ สาร
ชอ
21
ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัยโรค
 การวินจ
ิ ฉ ัยแยกโรค
(Differential diagnosis)
 การตรวจสอบการวินจ
ิ ฉ ัยโรค
(Verify diagnosis)
 การยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัยโรค
(Confirm diagnosis)
เริม
่ ต ้นจาก Index cases
22
Differential diagnosis
 อาการและอาการแสดงของผูป
้ ่ วยทีม
่ า รพ.
 ผลการตรวจ ต่าง ๆ ของแพทย์ & ผลทาง
ห้องปฏิบ ัติการ ทีโ่ รงพยาบาล
 Vital sign : T P R
 CXR
 Blood : CBC, LFT, Calture
 Stool exam
่ ตรวจเพือ
 เก็บสงิ่ สง
่ ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัยเฉพาะ
โรค
23
Verify diagnosis
ั
 ระยะฟักต ัวของโรคทีส
่ งสย
ั เชน
ั ัส
ี่ งทีส
่ ประว ัติ การสมผ
 ปัจจ ัยเสย
่ งสย
ั ตา่ ง ๆ อาหารทีส
ั
สตว์
่ งสย
้ ทีก
 ข้อมูลการเกิดโรคในพืน
่ อ
่ นหน้านี้
24
Confirm diagnosis
ผลการตรวจยืนย ันทางห้องปฏิบ ัติการ
ั ตรศพ และ การตรวจทาง
ผลการชนสู
พยาธิวท
ิ ยา
25
ยืนย ันการระบาด
 จานวนผูป
้ ่ วยมากกว่าปกติ
ื่ มโยงทาง
 ผูป
้ ่ วยแต่ละรายมีความเชอ
ระบาดวิทยา
้ ทีม
 โรคทีไ่ ม่เคยพบในพืน
่ าก่อน
(Emerging disease)
 โรคทีม
่ ค
ี วามรุนแรง แพร่กระจายเร็ว มี
ผลกระทบสูง
26
To Investigate or not to Investigate


ั common source outbreak
สงสย
ื่ มโยงก ันทางระบาดวิทยาของผูป
มีความเชอ
้ ่ วย
หลายราย

เป็นโรคทีม
่ ค
ี วามรุนแรงสูง อ ัตราป่วยตายสูง

มีโอกาสแพร่กระจายได้งา่ ย

เป็นโรคนโยบาย ผูบ
้ ริหารสนใจ

ื่ สาธารณชนให้ความสนใจ
เป็นข่าว สอ
27
ขนตอนการสอบสวนการระบาด
ั้
(Steps in outbreak investigation)
1. เตรียมการออกภาคสนาม : Rapid Response Team
2. ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัย และยืนย ันการระบาดของโรค
3. กาหนดนิยามและค้นหาผูป
้ ่ วย
4. รวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
5. ตงสมมุ
ั้
ตฐ
ิ าน
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์เพือ
6. การศก
่ พิสจ
ู น์สมมุตฐ
ิ าน
ึ ษาพิเศษอืน
7. การศก
่ ๆ :-สารวจสภาพแวดล้อม Lab
8. สรุปและเสนอมาตรการควบคุมป้องก ันโรค
9. ติดตามผลการดาเนินงานควบคุมโรค
10. เขียนรายงานสอบสวนโรค
28
ตอนที่ 2: In the field
เก็บข้อมูลภาคสนาม

ระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา

การตงนิ
ั้ ยามผูป
้ ่ วย (Case definition)

การค้นหาผูป
้ ่ วยเพิม
่ เติม (Active case finding)

การเก็บข้อมูล และ Line listing

การวิเคราะห์ขอ
้ มูลเชงิ พรรณนา (Descriptive
analysis)

การตงสมมติ
ั้
ฐานการระบาด (Generating
hypothesis)
29
30
Which one is longer?
Standard measurement
31
นิยามผูป
้ ่ วย
้ ัดสน
ิ ว่าใครเป็น
 เกณฑ์มาตรฐานในการใชต
ผูป
้ ่ วย ทีเ่ รากาล ังค้นหาและทาการสอบสวน
ั
 เข้าใจง่าย, ชดเจน,
ว ัดได้งา่ ย
 ระบุ อาการ&อาการแสดง (Clinical criteria),
ประกอบก ับ เวลา (time), สถานที่ (place),
บุคคล (person)
 Sensitivity vs. specificity
32
นิยามผูป
้ ่ วย: ต ัวอย่าง
้ ไป และมีอาการ
ผูท
้ อ
ี่ ายุมากกว่า 5 ปี ขึน
ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครงใน
ั้
1 ว ัน หรือ
ถ่ายเป็นมูกเลือดอย่างน้อย 1 ครงั้ ใน
หมูบ
่ า้ น “x” ระหว่างว ันที่ 1 มิถน
ุ ายน ถึง
20 กรกฎาคม 2550
33
นิยามผูป
้ ่ วย
Sensitivity: Most cases detected, but …
many false positives
many specimens
Overloadto test
low % tested specimens +ve
Specificity: Cases missed, but …
few false positives
fewer specimens to test
Underload
high % tested specimens +ve
34
นิยามผูป
้ ่ วย: ต ัวอย่าง
ระหว่างวันที่ 11-12 เมษายน 2541 ได ้รับรายงาน
ึ่ จาก 2 หมูบ
ผู ้ป่ วย ซงึ่ น่าจะเป็ นโรคโบทูลซ
ิ ม
่ ้าน
ข ้อมูลเบือ
้ งต ้นพบว่าผู ้ป่ วยสว่ นใหญ่รับประทาน
หน่อไม ้อัดปี๊ บ นิยามผู ้ป่ วยทีเ่ หมาะสมคือ
ผูป
้ ่ วย
หมายถึง
ประชากรในหมูบ
่ า้ นทงั้ 2 แห่ง
 ทีม
่ อ
ี าการอย่างน้อย 3 ใน 10 อย่างต่อไปนี้ ได้แก่
ั เสย
ี งแหบ ปากแห้ง
หน ังตาตก กลืนลาบาก พูดไม่ชด
เจ็บคอ อุจจาระร่วง อาเจียน และแขนขาอ่อนแรงแบบ
สมมาตร
 ในระหว่างว ันที่ 10-13 เมษายน 2541
35
นิยามผูป
้ ่ วย
 อาจแบ่งเป็นประเภท
ั (Suspected)
 ผูป
้ ่ วยสงสย
 อาการและอาการแสดงเข้าได้
อายุมากกว่า 5 ปี ในหมูบ
่ า้ น X

มี
 ย ังไม่มผ
ี ล Lab ยืนย ัน
 ผูป
้ ่ วยน่าจะเป็น (Probable)

 อาการเข้าได้
ื่ มโยงทางระบาด
 มีความเชอ
วิทยาก ับผูป
้ ่ วยยืนย ัน
ื้ ก่อโรค
 Lab ยืนย ันเชอ
diarrhea…
Probable
Mucous
้ งต้นเข้าได้
 ผล Lab เบือ
 ผูป
้ ่ วยยืนย ัน (Confirmed)
Suspected
WBC,

bloody diarrhea
RBC in stool exam
Confirmed
RSC
พบ Shigella sonnei
36
ั
นิยามศพท์

Passive case


ผูป
้ ่ วยทีม
่ าโรงพยาบาล
Active case

ผูป
้ ่ วยทีค
่ น
้ หาได้เพิม
่ เติมในชุมชน
ผูป
้ ่ วยทีเ่ ราไปพบในชุมชนแล้วแนะนาให้มาโรงพยาบาล ?
37
ั
นิยามศพท์
 Index
case
 ผูป
้ ่ วยที่ detect
ได้เป็นรายแรก / ทาให้ตอ
้ งออก
สอบสวนโรค / เป็นแหล่งโรค
 First
case / Primary cases
 ผูท
้ ป
ี่ ่ วยเป็นรายแรก
 Secondary
/ กลุม
่ แรก ตามว ันเริม
่ ป่วย
case
้ื มาจากผูป
/ กลุม
่ ผูป
้ ่ วย ทีน
่ า
่ จะร ับเชอ
้ ่ วย
กลุม
่ แรก
 ผูป
้ ่ วย
38
ั
นิยามศพท์
จานวนผูป
้ ่ วย
18
16
14
12
10
8
6
4
2
0
การระบาดของโรคไข้หว ัดใหญ่
Index case
ผูป
้ ่ วยมา รพ.
2nd
1st case
29 30 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20
ว ันเริม
่ ป่วย
39
ั
นิยามศพท์
Asymptomatic infection
ื้ ไม่มอ
(ผูต
้ ด
ิ เชอ
ี าการ)
Vector
Vehicle
Carrier (พาหะ)
Reservoir
(ร ังโรค)
แหล่งโรค (Source)???
40
(Passive cases)
(Active cases)
41
การค้นหาผูป
้ ่ วยเพิม
่ เติม

Passive strategies ตรวจสอบข้อมูลทีม
่ อ
ี ยูแ
่ ล้ว
 OPD,
IPD log book in hospitals, Health center
 Laboratory

log book
Active strategies
 ตงจุ
ั้ ดค ัดกรองโรคในชุมชน
 Door
to door
42
การเก็บข้อมูลผูป
้ ่ วย

ข้อมูลทว่ ั ไป
 Age,

gender, race, occupation
ข้อมูลทางคลีนก
ิ
 Symptoms,
date of onset, lab results,
severity of illness

ี่ งและปัจจ ัยป้องก ัน
ปัจจ ัยเสย

ั ัส
ผูส
้ มผ
43
Identifying
info.
Survey of hepatitis Bcases ina male juvenile detention, Saraburi, Thailand, November 1999
Date of interview
Interviewer's name
Patient number
Patient's name-Surname
Age (inyears)
Study field
2. Carpanter
5. Music
1. Machanic
4. Barber
Number of domitory (1-5)
3. Electric
6. Agriculture
Clinical symptoms (sickinside the juvenile detention, since 1 Jan99)
No
Yes Onset of symptoms
Jaundice
Nausia/Vomiting
Fatigue
This hepatitis cases is laboratory confirm
Yed
Clinical
info.
Demographic info.
Possible riskfactors
Tatooing
Y
Homosexual
Y
Injecteddruguser Y
N
N
N
N
Risk factors
44
Obi card
45
Line Listing: What and Why?

เป็นการจ ัดระเบียบข้อมูลผูป
้ ่ วย

ทาให้ขอ
้ มูลดูงา่ ย ทบทวนความถูกต้องและ
แก้ไขได้งา่ ย

ตาราง
 แถว
หมายถึง ผูป
้ ่ วยแต่ละราย
 คอล ัมน์ หมายถึง
ต ัวแปรแต่ละต ัวทีส
่ นใจ
46
Line listing of streptococcus meningitis cases after eating raw pork
ID
Sex
Age
1
M
50
2
M
41
3
M
43
4
M
62
5
M
71
6
M
56
7
M
51
8
M
50
9
F
49
Onset
27/4/0
7
26/4/0
7
27/4/0
7
27/4/0
7
26/4/0
7
26/4/0
7
31/4/0
7
26/4/0
7
27/4/0
7
Alcohol
25/4/07
26/4/07
Yes
BF
Raw
LUN
Raw
DIN
-
BF
Cook
LUN
Cook
DIN
Cook
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
Yes
Raw
Raw
Cook
-
-
-
No
-
Raw
-
-
-
-
Yes
-
Raw
-
-
-
-
Yes
-
Raw
-
-
Cook
-
Yes
Raw
Raw
-
-
-
-
Yes
-
Raw
-
-
-
-
้ อ
การใชข
้ มูลจาก Line Listing
ั ว
่ น
 หาความถี่ สดส
ของข้อมูลทว่ ั ไป
่ ยในการบ่งชป
ี้ ระชากรกลุม
ี่ ง
 ชว
่ เสย
ั ว
่ น
 หาความถี่ สดส
ี่ ง
ของข้อมูลปัจจ ัยเสย
่ ยในการบ่งชแ
ี้ หล่งโรค
 ชว
mode of
transmission
48
การวิเคราะห์ขอ
้ มูลเชงิ พรรณนา
(Descriptive data analysis)
 Time:
 Epidemic curve
 Place:
 spot map
 area map
 Attack rate by place
 Person
 Frequency
 Specific attack rate
49
Time: Epidemic Curve

Histogram



แกนนอน (แกน X) หมายถึง เวลา อาจเป็นชว่ ั โมง ว ัน
ั
้ ก ับระยะฟักต ัวของโรค
สปดาห์
เดือน ขึน
แกนตงั้ (แกน Y) หมายถึง จานวนผูป
้ ่ วย
การสร้าง Epi curve



่ งของแกนนอน เท่าก ับ 1/3 – 1/8
ความกว้างแต่ละชอ
ของระยะฟักต ัวทีย
่ าวทีส
่ ด
ุ ของโรค
่ งเวลาก่อนผูป
ควรเว้นชว
้ ่ วยรายแรกและหล ังผูป
้ ่ วยราย
สุดท้ายเล็กน้อย
่ งว่างระหว่างแท่ง
ไม่มช
ี อ
50
ประโยชน์ของ Epi curve

บอก time trend




Onset ของผูป
้ ่ วยรายแรก
Peak ของการระบาด
Onset ของผูป
้ ่ วยรายสุดท้าย
บอก outliers



ื้ ร่วมก ับผูป
ผูท
้ ไี่ ม่ได้ร ับเชอ
้ ่ วยรายอืน
่ ๆ
อาจเป็นสาเหตุของการระบาด / แหล่งโรค
ด้วยต ัวเอง
อาจเป็น secondary case
51
้ื
Epidemic curve: การหาระยะร ับเชอ
ั้ ส
Exposure period = (Onset of the first case – ระยะฟักต ัวทีส
่ นที
่ ด
ุ ของโรค)
ถึง (Peak of outbreak – ระยะฟักต ัวเฉลีย
่ ของโรค)
จานวนผูป
้ ่ วย
ระยะฟักต ัวทีย
่ าวทีส
่ ุด
ระยะฟักต ัวเฉลีย
่
16
14
12
10
8
6
ระยะฟักต ัว
ั้ ส
ทีส
่ นที
่ ด
ุ
4
2
0
18 22 26 30 4
กันยายน
8 12 16 20 24 28 1
ตุลาคม
5
ว ัน
9 13 17 21 25 29
เริม
่ ป่วย
พฤศจิกายน
จานวนผูป
้ ่ วยโรคต ับอ ักเสบ เอ ในโรงงานแห่งหนึง่
52
Place: Map, attack rate by place
 Map บอกการกระจายของผูป
้ ่ วยตาม
้ ที่
พืน

Spot map: จานวนผูป
้ ่ วย

Area map: เปรียบเทียบความหนาแน่น,
อ ัตราป่วย
53
Measles case distribution by sector, Nupo camp, Tak, Jan – Mar
2007
1
Case in week 2
13
10
8
5
2
6
3
4
15
1
4
Burma
12
11
9
Case in week 6
Case in week 7
Case in week 8
Case in week 9
Case in week 10
7
Case in week 11
Case in week 12
Case in week 13
8
Epidemic curve by week of onset (N = 27)
7
number of cases
6
5
4
3
2
1
0
w k1
w k2
w k3
w k4
w k5
w k6
w k7
w k8
w k9
w k10 w k11 w k12 w k13 w k14
ผูป
้ ่ วยโรคคางทูมแยกตามว ันเริม
่ ป่วยและห้องเรียน ในโรงเรียน
อนุบาลแห่งหนึง่ , พ.ค. – ก.ย 2542 (จานวนผป.ทงหมด
ั้
38 ราย)
NS 1
NS 2
1/1
1/2
3/2
10
3/1
2/1
8
6
4
2/2
2
18-24May
25-31May
1-7Jun
8-14Jun
15-21Jun
22-28Jun
29Jun-5Jul
6-12Jul
13-19Jul
20-26Jul
27Jul -2Aug
3-9Aug
10-16Aug
17-23Aug
24-30Aug
31Aug-6Sep
7-13Sep
14-20Sep
21-27Sep
28Sep-4Oct
5-11Oct
0
น ักเรียน 1 คน
Kit.
Weekly
interval
ครู 1 คน
การระบาดชนิดแหล่งโรคแพร่กระจาย
(Propagated source outbreak)
55
้ ทีท
พืน
่ ไี่ ด้ร ับผลกระทบ
- 12 จาก14 อาเภอ (85.7%)
Thawangpha
- 52 จาก 99 ตาบล (52.5%) และ 262
จาก 885 หมูบ
่ ้าน(29.6%) ถูกน้ าท่วม
- อาเภอท่าว ังผาและอาเภอเมืองได้ร ับผล
NAN
กระทบจากภาวะนา้ ท่วมสูงสุด และพบว่า
ี
มีอบ
ุ ัติการเกิดโรคของเลปโตสไปโรซส
่ ก ัน
สูงเชน
ี หาย
แสดงผลกระทบความเสย
สูง
ปานกลาง
น้อย
N
ถนนวังหิน
บ้านห้วยเสียด ม.9 ต.ดอนสัก
ชุมชนทอง
ไมล ์
ปากคลองดอนสัก
ชุมชนเกาะ
แรต
ท่าเทียบเรือเอนกประสงค
วัด์ดอน
เขาสุวรรณประดิษฐ ์
ชุมชนเทศบาล
สัก
ท่าเรือซีทรานเฟอร ์
รี่
ร.พ.ดอนสัก
ถนนริมทะเล
ชุมชนทางข้าม
ทีว่่ าการอาเภอ
ชุมชนบ้าดอนสั
นคราม
ก
์
วัดท้องอ่าว
ชุมชนโพธิทอง
ถนนชลคราม
เขา
ชะโงก
ชุมชนปากดอน
สัก
ท่าเรือราชาเฟอร ์รี่
อ่าวไทย
ชุมชนบางนาง
บน
ถนนประชาอุทศ
ิ
คล
อง
ดอ
น
สัก
ถนนก ้าวเจริญ
ชุมชนก้าว
เจริญ
สระน้ าก้าวเจริญ
ถนน ถนนบ้านใน – ดอนสัก - ขน
ต้น อม
ท้อน
ชุมชนท้อง
อ่าว
ถนน
บ้าน
ใน –
ดอน
สัก ขน
อม
ถนน
บาง
น้ า
จืด
ถนน บ้าน
มิตรภาพนาง
กา
ม.1
0
ต.
ดอน
สัก
วัดวิสท
ุ ธิชลาราม
ถนน
้
ชุมชนบางน
วัดวิ า
จืด
สุทธิช
ลาราม
ถนนเขานู ด
นอกเขตเทศบาล
57
้ื H5N1
ั ปีกป่วยตายและตรวจพบเชอ
้ ทีร่ ับแจ้งมีสตว์
พืน
พ.ศ. 2550
ั ปีกป่วยตาย
้ ทีร่ ับแจ้งมีสตว์
พืน
ื้ H5N1
้ ทีต
พืน
่ รวจพบเชอ
พ.ศ. 2551
รายงาน 163 ตาบล
- ผลลบ 15 ตาบล
- ผลบวก 2 ตาบล
ั ว์ www.dld.go.th
แหล่งทีม
่ า: ศูนย์ควบคุมโรคไข ้หวัดนก กรมปศุสต
Attack Rate โรคคางทูมในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึง่ จ ังหว ัดราชบุร ี จาแนกตามห้องเรียน
ห้องเรียน
จานวน
น ักเรียน
จานวนผูป
้ ่ วย
Attack Rate
ว ันเริม
่ ป่วย
รายแรก
อ.1/3
อ.1/4
อ.1/5
ป.1/1
ป.1/2
ป.1/3
ป.1/4
ป.1/5
ป.4/2
ป.5/4
ป.5/5
ป.6/1
ป.6/2
ม.1/1
ม.5/1
ครู
38
38
36
39
42
42
42
44
45
53
54
55
53
47
53
158
1
2
1
7
6
7
16
8
2
1
1
2
2
1
1
2
2.63
5.26
2.78
17.95
14.29
16.67
38.10
18.18
4.44
1.89
1.85
3.64
3.77
2.13
1.89
1.27
18 ก.ย.51
13 ก.ย.51
18 ก.ย.51
12 ส.ค.51
14 ส.ค.51
15 ส.ค.51
29 ก.ค.51
13 ส.ค.51
27 ส.ค.51
5 ก.ย.51
25 ส.ค.51
22 ส.ค.51
13 ก.ย.51
25 ส.ค.51
2 ก.ย.51
23 ส.ค.51
59
Person: Distribution, Specific AR
Distribution of avian influenza cases, Thailand 2004
Male : Female = 8 : 3

Median age 7 (2 - 58 years old)

8 died (CFR 72.7%) :
- Age <15 years CFR 85.7%
- Age >15 years CFR 50.0%
60
Clinical manifestations of confirmed AI cases
Thailand, Jan – Mar 2004
Fever
Cough
Sputum
Dyspnea
Rhinorrhea
Diarrhea
Vomiting
Wbc<5000
Platelet<106
Pleural effus.
0
10
20
30
40
50
60
70
80
90
100
Percent of cases
Pediatric (N=7)
Adult (N=4)
การสรุปข้อมูลจากระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
- โรค อะไร ?
ี่ งทีจ
- ใคร คือ ประชากรกลุม
่ เสย
่ ะเกิดโรค?
- อะไร คือ พาหะนาโรค และ แหล่งโรค?
- โรค แพร่กระจายไปอย่างไร?
62
Cases
25
1200
1000
20
Person
800
Place
Time
15
600
400
10
200
5
0
0-4
0
'5-14 '15-44 '45-64 '64+
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
Age Group
Evaluate information
Risk group?
Source?
Transmission?
Set Hypothesis from all
63
ขนตอนการสอบสวนการระบาด
ั้
(Steps in outbreak investigation)
1. เตรียมการออกภาคสนาม : Rapid Response Team
2. ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัย และยืนย ันการระบาดของโรค
3. กาหนดนิยามและค้นหาผูป
้ ่ วย
4. รวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
5. ตงสมมุ
ั้
ตฐ
ิ าน
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์เพือ
6. การศก
่ พิสจ
ู น์สมมุตฐ
ิ าน
ึ ษาพิเศษอืน
7. การศก
่ ๆ :-สารวจสภาพแวดล้อม Lab
8. สรุปและเสนอมาตรการควบคุมป้องก ันโรค
9. ติดตามผลการดาเนินงานควบคุมโรค
10. เขียนรายงานสอบสวนโรค
64
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์
ตอนที่ 3: การศก
[In your brain]

Cohort study

Case-control study

การเลือก study design
65
What is a Cohort?
 “Cohort” กลุม
่ คนทีม
่ ล
ี ักษณะบางประการร่วมก ัน
้ ทีเ่ กิดโรค (source population)
 ประชากรในพืน
 Examples of cohorts:
 คนงานในโรงงานแห่งหนึง่
 ผูเ้ ข้าชมเกมฟุตบอลเกมหนึง่
้ งงานเดียวก ัน
 ผูท
้ รี่ ว่ มงานเลีย
66
What is a Cohort?


ึ ษาเชงิ วิเคราะห์ เหมาะสาหร ับ close population
การศก
ั ันธ์ระหว่าง ปัจจ ัยเสย
ี่ ง (Exposure) ก ับ
ทดสอบความสมพ
การเกิดโรค (Outcome)
ึ ษา
จุดเริม
่ ต้นการศก
ิ้ สุดการศก
ึ ษา
จุดสน
ป่วย
มีปจ
ั จ ัย
ไม่ป่วย
ป่วย
ไม่มป
ี จ
ั จ ัย
ไม่ป่วย
67
Cohort study : การวิเคราะห์ขอ
้ มูล
ี่ งในการป่วยของคนทีม
เปรียบเทียบความเสย
่ ป
ี จ
ั จ ัยก ับคนทีไ่ ม่มป
ี จ
ั จ ัย
ป่ วย
่
มีปัจจยเสี
ั ยง
a
่
ไม่มีปัจจยเสี
ั ยง
c
รวม
a+c
ไม่ป่ วย รวม
b
a+b
d
c +d
b+d a+b+c+d
ี่ ง (risk/ AR) ของการป่วยในกลุม
ความเสย
่ มีปจ
ั จ ัย = a / ( a + b )
ี่ ง (risk/ AR) ของการป่วยในกลุม
ความเสย
่ ไม่มป
ี จ
ั จ ัย = c / ( c + d )
a/(a+b)
Risk Ratio (RR) =
c/(c+d)
68
Cohort study
ั าผ ักดอง
shigellosis outbreak: สงสยว่
เป็นอาหารทีเ่ ป็นสาเหตุของการป่วย
Case
Ate
Non-case
9
16
Noteat
7
113
RR = 6.2, 95%CI 2.5, 15.1
Total
25
120
มี
ปัจจ ัย
Case
ไม่ม ี
ปัจจ ัย
Case
Non-case Non-cas
ี่ งต่อการป่วยเป็น 6 เท่า
ผูท
้ รี่ ับประทานผ ักดองมีความเสย
ของผูท
้ ไี่ ม่ร ับประทาน
69
Case-Control Study
้ อ
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์ทใี่ ชบ
การศก
่ ยทีส
่ ด
ุ ในการ
สอบสวนโรค
ึ ษาได้งา
 ทาการศก
่ ย รวดเร็ว ประหย ัด
ึ ษามีขนาดใหญ่ เก็บข้อมูล
 ใชเ้ มือ
่ ประชากรทีจ
่ ะศก
ไม่ได้ทก
ุ คน
ึ ษามีขนาด / ขอบเขต ไม่
 ใชเ้ มือ
่ ประชากรทีจ
่ ะศก
ั
ชดเจน
้ แล้ว
 มี case เกิดขึน
 ต้องเลือก control มาเปรียบเทียบ
70
Case-Control Study
ั ันธ์ระหว่าง ปัจจ ัยเสย
ี่ ง
 ทดสอบความสมพ
(Exposure) ก ับ การเกิดโรค (Outcome)
ี่ งทีม
 เปรียบเทียบการมีปจ
ั จ ัยเสย
่ ใี นอดีต
ระหว่าง Case ก ับ control
ิ้ สุดการศก
ึ ษา
จุดสน
มีปจ
ั จ ัย
ึ ษา
จุดเริม
่ ต้นการศก
ป่วย
ไม่มป
ี จ
ั จ ัย
มีปจ
ั จ ัย
ไม่มป
ี จ
ั จ ัย
ไม่ป่วย
71
Case-control Study
เปรียบเทียบการมีปจ
ั จ ัยในกลุม
่ คนป่วยก ับการมีปจ
ั จ ัยในกลุม
่ คนไม่ป่วย
มีปจ
ั จ ัย
ไม่มป
ี จ
ั จ ัย
ป่วย
ไม่ป่วย
a
c
b
d
่ น (Odd) ของ การมีปจ
อ ัตราสว
ั จ ัย ต่อ การไม่มป
ี จ
ั จ ัย ในกลุม
่ คนป่วย = a/c
อ ัตราสว่ น (Odd) ของ การมีปจ
ั จ ัย ต่อ การไม่มป
ี จ
ั จ ัย ในกลุม
่ คนไม่ป่วย = b/d
Odds Ratio
a
c
/
b
=
d
ad/
72
Case-control study
ั าหน่อไม้ปี๊บ
Botulism outbreak สงสยว่
เป็นสาเหตุของการเกิดโรค
Case
Control
Total
13
4
Noteat
1
62
OR = 201, 95%CI 18, 5410
17
63
Ate
มีปจ
ั จ ัย
ไม่มป
ี จ
ั จ ัย
Cases
มีปจ
ั จ ัย
ไม่มป
ี จ
ั จ ัย
Controls
ั ว่ นของการกินหน่อไม้ปี๊บเป็น 201 เท่า เมือ
กลุม
่ คนป่วยมีสดส
่ เทียบก ับกลุม
่ คนทีไ่ ม่ป่วย
ี่ งต่อการป่วยเป็น 201 เท่า
ผูท
้ รี่ ับประทานหน่อไม้ป๊ี บมีความเสย
ของผูท
้ ไี่ ม่ร ับประทาน
73
Case-Control or Cohort: ทาอะไรดี??
้ ทีเ่ กิดการระบาด
้ ก ับประชากรในพืน
ขึน

ั
้ ทีเ่ กิดการระบาดมีขอบเขตชดเจน
ประชากรในพืน

สามารถเก็บข้อมูลได้ทก
ุ คน หรือเกือบหมดทุกคน
 Use a cohort study

้ ทีท
พืน
่ เี่ กิดการระบาด / กลุม
่ ประชากรทีเ่ กิดการ
ั
ระบาด ไม่มข
ี อบเขตชดเจน

้ ทีใ่ หญ่ / ประชากรมีจานวนมาก เก็บข้อมูลได้
พืน
ไม่หมด
 Use a case-control study
74
ขนตอนการสอบสวนการระบาด
ั้
(Steps in outbreak investigation)
1. เตรียมการออกภาคสนาม : Rapid Response Team
2. ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัย และยืนย ันการระบาดของโรค
3. กาหนดนิยามและค้นหาผูป
้ ่ วย
4. รวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
5. ตงสมมุ
ั้
ตฐ
ิ าน
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์เพือ
6. การศก
่ พิสจ
ู น์สมมุตฐ
ิ าน
ึ ษาพิเศษอืน
7. การศก
่ ๆ :-สารวจสภาพแวดล้อม Lab
8. สรุปและเสนอมาตรการควบคุมป้องก ันโรค
9. ติดตามผลการดาเนินงานควบคุมโรค
10. เขียนรายงานสอบสวนโรค
75
ึ ษาอืน
้ ที่
ตอนที่ 4: การศก
่ ๆ ในพืน
[In the field 2]
 ผูร้ า้ ยต ัวจริงและว ัตถุพยาน

Environmental study and
trace back

Specimen collection and
laboratory testing
76
กระบวนการทา ข ้าวหมูแดง &ไข่ต ้ม
ในการระบาดของ Shigellosis ในโรงเรียน A
ต้มหมู
~ 1-1.5 ชม.
เคีย
่ วก ับ
เครือ
่ งปรุ
ง
TEXT
หนหมู
่ ั TEXT
แดง
ต้มไข่
จุด
ี่ ง
เสย
รวม และ
ต ักแจก
่ า้ เย็น
แชน
ปอก
เปลือก
TEXT
หนไข่
่ั
ดว้ ย
ด้ายและมีด
77
ระบบนา้ ในโรงเรียน A
สูบนา้ ประปาเก็บไว้ในถ ังพ ักสูง
จุด
ี่ ง
เสย
ไหลผ่าน
เครือ
่ งกรอง
TEXT
ต่อท่อ
่ เู ้ ย็น
เข้าสูต
้ ม
ใชด
ื่
78
ึ ษาทางห้องปฏิบ ัติการ
ผลการศก
ผลการตรวจ RSC
Shigella
group D +
Salmonella
group C
Shigella
group D
Salmonella
group B
Salmonella
group D
น ักเรียน
(42 คน)
9
(21 %)
-
-
1
(2 %)
แม่คร ัว
(9 คน)
1
(11 %)
1
(11 %)
1
(11 %)
-
ครู
(9 คน)
-
-
-
-
79
ึ ษาทางห้องปฏิบ ัติการ
ผลการศก

(ต่อ)
อุปกรณ์ เครือ
่ งใช ้ ภาชนะ
้ น, กระทะ
swab เขียง 4, จาน, ท ัพพี , ชอ
not found organisms

เครือ
่ งปรุงรส
ี วิ้ ขาว
ซอสถว่ ั เหลือง, ซอสมะเขือเทศ, ซอ
not found organisms

Residual chlorine ในน้ าดืม
่ และน้ าใช ้
<0.2 ppm.
80
การสารวจสภาพแวดล้อม
ผูป
้ รุงประกอบอาหาร
 สวมถุงมือเป็นบางครงั้
ั้ ป.5-ม.3
 หากงานยุง
่ แม่คร ัวทีป
่ รุงอาหารชน
ั้ ป.1-4
่ ยแม่คร ัวทีป
จะมาชว
่ รุงอาหารชน
 ในห้องสว้ มของแม่คร ัว ไม่มส
ี บู่ มีผา้ เช็ดมือ
เพียงผืนเดียว
 เริม
่ ปรุงอาหารตงแต่
ั้
เวลา 06.00-11.00 น.
81
หน้าทีข
่ องแม่คร ัวแต่ละคน
+ Shigella gr.D
คนที่ 1
+ Salmonella
เตรียมอาหาร
คนที่ 3
ขาย
คนที่ 1
คนที่ 2
ป.5-ม.3
ป.1-4
คนที่ 4
หน
่ ั หมู, ผ ัก
Etc.
คนที่ 5
ขาย ,
ล้างจาน
คนที่ 6
หน
่ ั หมู,
ผ ัก, ปอก
เปลือกไข่
คนที่ 7
หน
่ ั หมู,
ผ ัก
Etc.
คนที่ 8
ปอกเปลือก
ไข่, หน
่ ั ไข่
คนที่ 9
ล้างจาน
82
ประว ัติ (History)
ื้ Shigella
 แม่คร ัวทีต
่ รวจพบเชอ
หญิงชาวกระเหรีย
่ ง อายุ 18 ปี
เดินทางมาจากจ ังหว ัดตาก เข้าทางานใน รร.
แห่งนีไ้ ด้ประมาณ 5 เดือน ไม่เคยเดินทางไปใน
พืน
้ ทีใ่ ด
รับประทานอาหารกลางวันเหมือนเด็ก นร.ป.1-4
ั ดาห์ทผ
2 สป
ี่ า่ นมา มีถา่ ยท ้องตอนกลางคืน (เพือ
่ น
ร่วมห ้องบอก)
83
้ ทางท่อสง
่ นา้ ประปาของหน่วยบ ัญชาการนาวิกโยธิน
แผนทีแ
่ สดงเสน
ถังพักน้ าสนามกอล์ฟนย.
มารีนรีสอร์ท
บ ้านพักข ้าราชการ
สโมสรเรือใบ
กรมสน.
พันพยาบาล
ื่ สาร
พันสอ
รร.ทหาร นย.
รปภ.นย.
โรงปรุง
รร.นาวิก
โยธิน
่ มท่อว ันที่ 28 มี.ค.51
ซอ
่ มท่อว ันที่ 22 พ.ค.51
ซอ
้ งศฝนย.
โรงเลีย
ท่อหล ักทีป
่ ร ับปรุงแล้ว
บกนย.
่ มท่อว ันที่ 24 มี.ค.51
ซอ
ั ประดู่
สโมสรสก
พ1ร4
พ1ร3
พ2ร4
พ2ร3
พ1ร2
พ1ร1
พ2ร2
พ2ร1
กรมสน.เพือ
่ พราง
ถังพักน้ าอนุสาวรีย ์ นย.
ท่อหล ักทีย
่ ังไม่ปร ับปรุง
ี
รางระบายนา้ เสย
แหล่งนา้ ทีต
่ รวจพบ E. Coli
(ทีม SRRT 30 พ.ค. 51)
แหล่งนา้ ทีต
่ รวจพบ
Coliform B., Hepatis A
(20 มิ.ย. 51)
้ องหน่วยบ ัญชาการ
แผนภาพแสดงการบริหารนา้ ดืม
่ นา้ ใชข
บาบ ัดคลอรีน
แหล่งนา้ ดิบ
คลองไผ่
โรงกรอง 3
อูต
่ ะเภา
ถ ังพ ักนา้ ใสโรงกรอง 1
0.2-0.5 ppm
<0.2 ppm
ถ ังพ ักของหน่วยงาน
้ ง
/ โรงเลีย
<0.2 ppm
วศ.ทร.
แหล่งอืน
่
น้าดืม
่
ถ ังพ ัก 2
ถ ังพ ัก
อนุสาวรีย ์
สนามกอล์ฟ
กร.
<0.2 ppm
<0.2 ppm
โรงกรอง uv
ถ ังพ ัก 1
เครือ
่ งกรองแต่ละ
หน่วยงาน
ผลิตนา้ แข็ ง
ไม่กรอง
้ รุงอาหาร
นา้ ใชป
้ ว่ ั ไป
นา้ ใชท
85
่ ตรวจทางห้องปฏิบ ัติการ
สงิ่ สง

Human clinical specimens from cases, contacts
 Blood
 Saliva
 RSC
 Serum
 Hair
 Vomitus
 Feces
 others

Urine

Type of specimen depends on the outbreak

Specimens from environments, animals
86
ขนตอนการสอบสวนการระบาด
ั้
(Steps in outbreak investigation)
1. เตรียมการออกภาคสนาม : Rapid Response Team
2. ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัย และยืนย ันการระบาดของโรค
3. กาหนดนิยามและค้นหาผูป
้ ่ วย
4. รวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
5. ตงสมมุ
ั้
ตฐ
ิ าน
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์เพือ
6. การศก
่ พิสจ
ู น์สมมุตฐ
ิ าน
ึ ษาพิเศษอืน
7. การศก
่ ๆ :-สารวจสภาพแวดล้อม Lab
8. สรุปและเสนอมาตรการควบคุมป้องก ันโรค
9. ติดตามผลการดาเนินงานควบคุมโรค
10. เขียนรายงานสอบสวนโรค
87
ตอนที่ 5: สรุปผล&เสนอมาตรการควบคุมโรค
From start to finish

Chain of infection

หล ักการควบคุมโรค
88
89
หลักการควบคุมโรค
การสอบสวนทางระบาดวิทยา
กาหนดมาตรการควบคุมโรค
สามารถกระทาได้ตงั้ แต่
เริ่มมีการระบาด
กาจัด / ควบคุมแหล่งโรค แหล่งแพร่เชือ
้
ตัดทางแพร่กระจาย (Mode transmission)
ปกป้องประชากรกลุม
่ เสีย
่ ง
90
ื้
กาจ ัด / ควบคุมแหล่งโรค แหล่งแพร่เชอ
•
กาจัดแหล่งแพร่โรค (ต ้นตอทีแ
่ ท ้จริง)
•
ั ผัสโรค
แยกกักผู ้ป่ วย จากัดการเคลือ
่ นย ้ายผู ้สม
•
อพยพประชากร (Evacuation)
91
คาจาก ัดความ
 การแยกโรค (Isolation)



การแยกและจาก ัดการเคลือ
่ นทีเ่ ดินทางของผูป
้ ่ วย
ด้วยโรคติดต่อร้ายแรง
ม ักหมายถึงการแยกโรคในโรงพยาบาล
เป็นมาตรการสาหร ับระด ับบุคคล
 การก ักก ันโรค (Quarantine)



การแยกและจาก ัดการเคลือ
่ นทีเ่ ดินทางของ
ั ัสโรค
บุคคลทีส
่ บายดีแต่มป
ี ระว ัติการสมผ
ม ักหมายถึงการก ักบริเวณให้อยูก
่ ับบ้าน หรือ
สถานทีซ
่ งึ่ กาหนดให้ หรือในบริเวณโรงพยาบาล
เป็นมาตรการสาหร ับบุคคลหรือสาหร ับชุมชนก็ได้
92
ต ัดทางแพร่กระจาย
 ปร ับปรุงสุขาภิบาล
 นา
้
อาหาร ขยะ สว้ ม
 ปร ับปรุงสุขอนาม ัย
 ปร ับปรุงสภาพแวดล้อม
 Control vector
93
Modify host response
 Immunization ประชากรทีม
่ ค
ี วามไวร ับ
ต่อโรค
 Personal protective Equipment
 Prophylactic chemotherapy
 Post exposure prophylaxis
94
การติดตามมาตรการควบคุมโรค
การประเมินมาตรการควบคุม
ิ ธิผลของมาตรการควบคุม คือ
ประสท
การเกิดโรคลดลงทุกว ัน
หมายเหตุ แปลได้หลายความหมาย
- มาตรการควบคุมกาล ังได้ผล
ี่ งเป็นโรคหมดแล้ว
- ประชากรทีเ่ สย
ื้ โรคลดลงเองตามธรรมชาติ
- แหล่งเชอ
- การรายงานไม่สมา
่ เสมอ!!!!
95
ขนตอนการสอบสวนการระบาด
ั้
(Steps in outbreak investigation)
1. เตรียมการออกภาคสนาม : Rapid Response Team
2. ยืนย ันการวินจ
ิ ฉ ัย และยืนย ันการระบาดของโรค
3. กาหนดนิยามและค้นหาผูป
้ ่ วย
4. รวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยาเชงิ พรรณนา
5. ตงสมมุ
ั้
ตฐ
ิ าน
ึ ษาเชงิ วิเคราะห์เพือ
6. การศก
่ พิสจ
ู น์สมมุตฐ
ิ าน
ึ ษาพิเศษอืน
7. การศก
่ ๆ :-สารวจสภาพแวดล้อม Lab
8. สรุปและเสนอมาตรการควบคุมป้องก ันโรค
9. ติดตามผลการดาเนินงานควบคุมโรค
10. เขียนรายงานสอบสวนโรค
96
ตอนที่ 6: At work ends

เขียนรายงานสอบสวนโรค
้ ระโยชน์
่ กล ับให้ผเู ้ กีย
สง
่ วข้องได้ใชป
* กลุม
่ ผูบ
้ ริหารทีม
่ ห
ี น้าทีใ่ นการควบคุมโรค
* กลุม
่ เจ้าหน้าทีส
่ าธารณสุข ทีม
่ ห
ี น้าทีเ่ ฝ้าระว ัง
และควบคุมโรคในชุมชน
* กลุม
่ ประชาชนและชุมชนทีเ่ กิดโรค หรือ
ประชาชนทว่ ั ไป
97
But better information… leads to better results

This means having:
A good description of Time, Place, Person (TPP)
 Good data collection and preservation of samples
 A well coordinated multidisciplinary team

Immediate
detection
Immediate
response
Reduced
morbidity and
mortality
Outbreak Detection and Response
First
Case
Detection/
Reporting
Lab
ConfirmationResponse
DAY
40
37
34
31
28
25
22
19
16
13
10
7
Opportunity
for control
4
1
90
80
70
60
CASES 50
40
30
20
10
0
Outbreak Detection and Response
First
Detection/
Case
Lab
Reporting
Confirmation
Response
DAY
40
37
34
28
25
22
19
16
13
10
7
4
1
90
80
70
60
CASES 50
40
30
20
10
0
31
Opportunity
for control
Thanks for
your kind attention
Many slides in this presentation are from the World Health Organization, the
European Programme for Intervention Epidemiology Training and work of ThaiFETP and SRRT
101