บทที่ 6 ระบบขับถ่ายปั สสาวะ Urinary system Urinary system นักศึกษาจะได้ เรียนรู้ เกีย่ วกับอวัยวะทีเ่ กีย่ วข้ องกับการผลิต และการขับนา้ ปัสสาวะ คือ ไต ท่ อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่

Download Report

Transcript บทที่ 6 ระบบขับถ่ายปั สสาวะ Urinary system Urinary system นักศึกษาจะได้ เรียนรู้ เกีย่ วกับอวัยวะทีเ่ กีย่ วข้ องกับการผลิต และการขับนา้ ปัสสาวะ คือ ไต ท่ อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่

บทที่ 6 ระบบขับถ่ายปั สสาวะ
Urinary system
Urinary system
นักศึกษาจะได้ เรียนรู้ เกีย่ วกับอวัยวะทีเ่ กีย่ วข้ องกับการผลิต
และการขับนา้ ปัสสาวะ คือ ไต ท่ อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่ อ
ปัสสาวะ รู้ ส่วนประกอบและหน้ าทีข่ องไต ในการผลิตนา้
ปัสสาวะ และความสั มพันธ์ ระหว่ างระบบการขับถ่ ายปัสสาวะ
และระบบการไหลเวียนของเลือดในร่ างกาย
ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ
เกีย่ วข้ องกับการขับถ่ ายของเสี ย หรือสารพิษออกจากร่ างกายใน
รู ปนา้ ปัสสาวะ เป็ นระบบขับถ่ ายของเหลวทีส่ าคัญทีส่ ุ ดใน
ร่ างกาย
 อวัยวะทีส
่ ั ตว์ ใช้ ในการขับนา้ ปัสสาวะ คือ ไต ท่ อไต กระเพาะ
ปัสสาวะ และท่ อปัสสาวะ

การขับถ่ายของเสี ยในร่ างกาย

โดยทั่วไปการขับของเสี ยทีร่ ่ างกายไม่ ต้องการมี 4 ระบบ คือ
1.ระบบทางเดินอาหาร
2.ระบบหายใจ
3. ระบบขับถ่ ายของเสี ยที่ผวิ หนังเช่ น ต่ อมเหงือ่
4. ระบบขับถ่ ายปัสสาวะ
ไต (Kidney)
มี 1 คู่ ติดกับกระดูกสั นหลังส่ วนเอว เนือ้ ไตมีเนือ้ เยือ่ บางๆ คลุม
เรียกว่ าเยือ่ ไต (renal capsule)
 ส่ วนใหญ่ มีรูปร่ างคล้ ายเมล็ดถัว
่ เช่ นไตของสุ กร, สุ นัข และแมว
 ไตของโคจะมีรูปร่ างเป็ นกลีบๆ (segment หรื อ lobe)
 ในม้ าไตจะมีรูปร่ างคล้ ายกับรู ปหัวใจ

กายวิภาคของไต
renal capsule
arculate artery
renal fascia
adipose tissue
interlobular artery
cortex
medulla
papilla
major calyx
interlobular vein
interlobular artery
arcularte vein
interlobular vein
hilus
renal pelvis
nephron
renal column
renal pyramid
ureter
renal pyramid
To urinary bladder
ไตมีหน้ าที่
1. สร้ างนา้ ปัสสาวะจากการกรองนา้ เลือด
2. ควบคุมสมดุลของนา้ ในร่ างกาย ไม่ ให้ มีการขับนา้ ออกมา
เกินไป
3. ควบคุมสมดุลของกรด-ด่ างในร่ างกาย โดยการควบคุมสมดุล
ของกรด-ด่ างในนา้ เลือด
4. ควบคุมสมดุลของเกลือแร่ ในร่ างกาย (electrolyte balance)
โดยการขับแร่ ธาตุมีมากเกินความต้ องการออก และดูดกลับแร่
ธาตุทตี่ ้ องการเข้ านา้ เลือด
ไตมีหน้ าที่ (2)
5. เกีย่ วข้ องกับการสร้ างเซลล์ เม็ดเลือดแดง
6. เกีย่ วกับการทาลายสารพิษ (detoxification) แล้ วขับออกจาก
ร่ างกาย
7. ผลิตไวตามินดีในรู ปทีส่ ามารถทางานได้ ในรู ปของ
1,25 Dihydroxycholocalciferal
กายวิภาคของไตแบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน
1. เนือ้ ไตส่ วนนอก มีสีเหลือง
2. เนือ้ ไตส่ วนใน มีสีเข้ มกว่ า
ปนแดง มีกลุ่มของเส้ นเลือด
มีหลอดไตขนาดต่ างๆ เรียง
แดงฝอยทีจ่ ดั เรียงตัวกันเป็ น
ตัวกันแน่ น
กลุ่ม เรียกว่ า โกลเมอรู ลสั
(glomerulus)
เส้ นเลือดที่เข้ ามาในโกล
เมอรู รัส แต่ ละอันจะมีถุงหุ้ม
เรียกว่ า Bowman’s capsule
เนือ้ ไต
เนือ้ ไต มีหน่ วยย่ อยทีท่ าหน้ าทีผ่ ลิตนา้ ปัสสาวะ เรียกว่ า เนฟรอน
มี 2 ชนิด คือ
1. เนฟรอน ทีอ่ ยู่ใกล้ กบั เปลือกหุ้มไตเรียกว่ า cortical nephron
2. เนฟรอน ทีอ่ ยู่ใกล้ กบั เนือ้ ไตส่ วนใน หรือเนฟรอนทีพ่ บอยู่ใกล้
กรวยไต เรียกว่ า juxtamedullary nephron
Distal convoluted tubule
Glomerulus
Thick segment of
Henle’s loop
Bowman’s capsule
Collecting
duct
veins
arteries
To renal pelvis
Thin segment of Henle’s loop
แสดงส่ วนประกอบของเนฟรอน
เนฟรอน
แบ่ งออกเป็ น 2 ส่ วน
1. Glomerulus เป็ นกระจุกเส้ นเลือดฝอยทีแ่ ตกมาจาก afferent
arteriole มีส่วนของหลอดไตทีม่ ีปลายตันคล้ ายถุง เรียกว่ า
Bowman’s capsule ห่ อหุ้มไว้
2. หลอดไต (renal tubule) ประกอบด้ วย หลอดไตส่ วนต้ น ห่ วง
หลอดไต หลอดไตส่ วนปลาย และ หลอดไตรวม
หลอดไต
2.1 หลอดไตส่ วนต้ น (Proximal convoluted tubules)เป็ นท่ อ
ยาวๆขดไปมา ต่ อจาก Bowman’s capsule พบมากในเนือ้ ไต
ส่ วนนอก หน้ าที่
 ดูดซึ มนา้ กลับจากนา้ เลือดทีก
่ รองทีผ่ ่ านจากโกลเมอรู ลสั ได้
(ประมาณ 65 เปอร์ เซ็นต์ )
 สารอืน
่ เช่ น โซเดียมคลอไรด์ กรดอะมิโนบางชนิดสามารถดูด
ซึมกลับได้
 สามารถขับสารบางอย่ างจากหลอดไต เช่ น ครี เอทีน ไอโอดีน
เพือ่ เข้ าสู่ นา้ กรองได้
หลอดไต (2)
2.2 ห่ วงหลอดไต (Loop of Henle หรือ Henle’s loop) มีลกั ษณะ
เป็ นห่ วง หรือท่ อรู ปตัวยูขนาดสั้ นบ้ างยาวบ้ างพบในเนือ้ ไตส่ วน
ใน แบ่ งเป็ น 2 ส่ วน คือ
- Thin segment of Henle’s loope
- Thick segment of Henle’s loop
หน้ าที่ ดูดซึมนา้ กลับได้ ประมาณ 15 เปอร์ เซ็นต์ โซเดียมและ
คลอไรด์ ออิ อนก็สามารถดูดซึมกลับได้
หลอดไต (3)
2.3 หลอดไตส่ วนปลาย (distal convoluted tubule) เป็ นท่ อเล็กๆ
อยู่ในเนือ้ ไตส่ วนนอก อยู่ระหว่ างส่ วนปลายของ thick segment
of Henle’s loop และหลอดไตรวม หน้ าที่
- ดูดซึมนา้ กลับ(ประมาณ 10 เปอร์ เซ็นต์ )
- ดูดซึมโซเดียม และคลอไรด์ ออิ อนได้ บ้าง
- สามารถหลัง่ หรือขับสารต่ างๆ กลับเข้ าสู่ ท่อไตได้ ด้วย เช่ น
แอมโมเนียอิออน ไฮโดรเจนอิออน และโปแตสเซี่ยมอิออน
หลอดไต (4)
2.4 หลอดไตรวม เป็ นท่ อมีขนาดใหญ่ มีส่วนปลายของหลอดไต
ส่ วนปลาย (arch tubules) หลายๆ ท่ อมาเปิ ดเข้ า
หลอดไตรวมหลายๆ ท่ อรวมกันเป็ น papilla ducts ซึ่งตรง
ปลายจะมีรูให้ นา้ ปัสสาวะไหลลงสู่ minorcalyx , major calyx และ
renal pelvis ต่ อไป หน้ าที่
- ดูดซึมนา้ กลับได้ ประมาณ 9 เปอร์ เซ็นต์
- มีการขับสาร เช่ น K+และ H+เข้ าสู่ ท่อไตส่ วนนีไ้ ด้
แสดงเซลล์ เยือ่ บุของผนังหลอดไตส่ วนต่ างๆ
การดูดกลับของสารทีส่ าคัญในหลอดไต
1. กลูโคส สามารถดูดกลับได้ 100 % ที่หลอดไตส่ วนต้ น
2. Na+, K+ และนา้ Na+ ถูกดูดซึมกลับได้ 99 % ตลอดแนว
หลอดไต (ใช้ กลไก active transport) การดูดซึมทีห่ ลอดไตส่ วน
ปลายต้ องใช้ ฮอร์ โมนaldosterone
การดูดซึมนา้ ในหลอดไตจะใช้ กลไก passive transport
การดูดกลับของสารทีส่ าคัญในหลอดไต (2)
3. โปรตีน ไม่ สามารถดูดซึมได้ แต่ กรดอะมิโนดูดซึมได้ 95 %
4. ยูเรีย ไม่ ดูดซึมและต้ องการขับออก
5. กรดยูริก สามารถดูดกลับได้ เล็กน้ อย
6. Cl- ถูกดูดกลับพร้ อมกับ Na+ โดยกลไก passive transport เข้ า
สู่ เส้ นเลือดฝอยทีพ่ นั อยู่รอบๆหลอดไต
การผลิตน้าปัสสาวะ
มีกระบวนการพืน้ ฐาน 3 ขั้นตอน คือ
 การกรองนา้ เลือดที่ glomerulus (glomerulus filtration)
เป็ นหน้ าที่ของ glomerulus
 การดูดสารกลับทีห
่ ลอดไต (tubular reabsorption)
 การหลัง่ หรื อการขับสารเพิม
่ ในหลอดไต (tubular secretion)
เป็ นหน้ าที่ของหลอดไต
ความดันต่ างๆ ที่เกีย่ วข้ องกับการกรองน้าเลือด
ความดันทีเ่ ส้ นเลือดแดงฝอยของ glomerulus เรียกว่ า blood
hydrostatic pressure
 ความดันของโปรตีนในเลือด คือโปรตีน albumin เรี ยกว่ า
osmotic pressure หรือ colloidal osmotic pressure
 ความดัน hydrostatic pressure ที่ Bowman’s capsules

ค่ าความดันในการกรองน้าปัสสาวะ
หาค่ าความดันในการกรองนา้ ปัสสาวะได้ จากสู ตร
ความดันสุ ทธิ = a – (b+c)
a = blood hydrostatic pressure
b = colloidal osmotic pressure
c = hydrostatic pressure ที่ Bowman’s capsule
การผลิตปัสสาวะจะเกิดขึน้ ได้ เมื่อค่ า a ต้ องมีค่าสู งกว่ าค่ า b และ
cและค่ า a ต้ องสู งกว่ าความดันสุ ทธิ การผลิตปัสสาวะลดลงเมื่อ
a ลดลง
ท่ อไต (Ureter)
ทาหน้ าทีร่ ับนา้ ปัสสาวะจากไตส่ งต่ อไปยังกระเพาะปัสสาวะ
ตรงส่ วนทีต่ ่ อกับกระเพาะปัสสาวะ จะมี valves ป้องกันการไหล
ย้ อนกลับ
กระเพาะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder) มีลกั ษณะเป็ นถุง ด้ านในเป็ น
ช่ องว่ างขนาดใหญ่ ทีผ่ นังมีส่วนของกล้ ามเนือ้ เรียบและเนือ้ เยือ่ บุผวิ
เมื่อมีนา้ ปัสสาวะมากขึน้ ผนังกระเพาะปัสสาวะจะยืดตัวออก
มีกล้ ามเนือ้ หูรูด (sphincter) ป้องกันการไหลย้ อนกลับของนา้
ปัสสาวะเข้ ากระเพาะปัสสาวะ
ส่ วนประกอบของน้าปัสสาวะ
มีนา้ ประมาณ 95% และมีของแข็งประมาณ 5 % ในของแข็ง
ได้ แก่ ยูเรีย แอมโมเนีย นา้ ตาล โซเดียม คลอไรด์ แคลเซี่ยม และ
แมกนีเซี่ยม เป็ นต้ น
นา้ ปัสสาวะมีสีค่อนข้ างเหลือง (จากนา้ ดี) มีpH เป็ นกรดเล็กน้ อย
- ปัสสาวะที่เป็ นกรด มีค่า pH ต่ากว่ า 7.4 จะมี H+และ NH4+ สู ง
- ปัสสาวะมีค่าเป็ นด่ าง มี HCO3-, Na+ และ K+ สู ง