ฟังก์ชันเบื้องต้น VB.NET

Download Report

Transcript ฟังก์ชันเบื้องต้น VB.NET

String Manipulation
กนกวรรธน์ เซี่ยงเจ็น
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่ อสำร
มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
ฟังก์ ชันเบือ้ งต้ นของ VB.NET
 Introduction
 ฟังก์ ชันทีเ่ กีย
่ วกับ String
 ฟังก์ ชันทีเ่ กีย
่ วกับ ตัวเลข
 ฟังก์ ชันทีเ่ กีย
่ วกับ วันที่และเวลำ
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงระหว่ ำงตัวแปรต่ ำงชนิดกัน
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงประเภทข้ อมูล
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
2
ฟังก์ ชันเบือ้ งต้ นของ VB.NET (ต่ อ)
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบในกำรแสดงผล
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบในกำรแสดงผล
 ฟังก์ ชันทีเ่ กีย
่ วข้ องกับอำร์ เรย์
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงกล่ องข้ อควำม (Dialog Box)
 สรุ ป
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
3
Introduction
 ในกำรเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนำ แอพพลิเคชั่ น (Application)
ขนำดใหญ่ เรำมี ค วำมจ ำเป็ นต้ อ งทรำบถึ ง ควำมสำมำรถ
คุ ณ ลั ก ษณะ คุ ณ สมบั ติ ข อง เครื่ อ งมื อ ที่ เ รำใช้ ในกำรเขี ย น
โปรแกรม ไม่ ต่ ำ งจำกกำรเล่ น เกมส์ ที่ ตั ว ละครแต่ ล ะตั ว จะมี
คุณลักษณะ คุณสมบัติของควำมสำมำรถต่ ำงๆ ที่เรำต้ องเลือก
นำมำใช้ ให้ เหมำะสมกับสถำนกำรณ์
 (ขณะนีเ้ รำใช้ VB.NET) ซึ่ งคุณสมบัติต่ำงๆ ของ VB.NET มี
มำกมำยจนเรำไม่ สำมำรถจำได้ หมดสิ้น แต่ สิ่งที่เนื้อ หำในบทนี้
ผู้สอนตั้งใจให้ นิสิตเห็นถึงควำมสำมำรถเพียงส่ วนหนึง่ ที่ เรำจะ
นำมำใช้ พฒ
ั นำโปรแกรม
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
4
Introduction
 กำรพัฒนำโปรแกรมของเรำตอนนี้เป็ น VB.NET อนำคต
อำจเป็ น ASP, JAVA, PHP, Etc.
ถ้ ำอนำคตนิ สิตต้ องไปทำงำนในบริ ษัทแล้ วเขำให้ เรำ
เขียนโปรแกรมภำษำด้ วย ASP, JAVA, PHP เรำจะทำ
อย่ ำงไร
คำตอบคือ ไม่ ยำก สิ่ งสำคัญคือพืน้ ฐำนที่เป็ นแนวทำงที่
สำคัญที่จะทำให้ เรำทำควำมเข้ ำใจเกี่ยวกับควำมสำมำรถ
และคุณสมบัตขิ องโปรแกรมภำษำใหม่ ได้ โดยง่ ำย
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
5
Introduction (ต่ อ)
 คุ ณ ลั ก ษณะและคุ ณ สมบั ติ ที่ นิ สิ ต จะได้ เ ห็ น ในแต่ ล ะบท
เป็ น
พืน้ ฐำนของกำรพัฒนำโปรแกรม ในเกือบทุกๆ ภำษำโปรแกรม
ถ้ ำ ในอนำคตหำกนิ สิ ต เปลี่ ย นเครื่ อ งมื อ ในกำรพั ฒ นำ
โปรแกรม เช่ น จำก VB.NET เป็ น Delphi, JAVA หรื อ
เครื่องมืออื่นๆ ผู้สอนหวังว่ ำนิสิตจะระลึกถึงควำมรู้ ที่ได้ จำกกำร
เรี ยนในบทเรี ยนนี้ว่ำ ภาษาอื่นๆ ที่เรายังไม่ ได้ ทาการศึกษามีอย่ ู
มาก เราไม่ สามารถศึกษาได้ ทั้งหมด แต่ สิ่งที่เราจะสามารถเข้ าไป
ถึงซึ่งความสาเร็ จได้ นั้น มันขึน้ อย่ กู บั พืน้ ฐานเป็ นสาคัญ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
6
Introduction (ต่ อ)
 ถ้ ำพืน
้ ฐำนของเรำไม่ ดีแล้ ว ก็ไม่ ต่ำงจำกบ้ ำนที่เสำเรือนไม่
แข็งแรง เมื่อมีคลืน่ ลมแรง ซัดสำดก็มิอำจสำมำรถพยุงตัว
เรือนอยู่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น หำกนะวันนีน้ ิสิตมีพนื้ ฐำนที่ไม่
ดี คิดไม่ เป็ น แก้ ปัญหำไม่ เป็ น กำรเรี ยนภำษำโปรแกรมก็
คงไม่ เกิดประโยชน์ ต่อเรำเลย
 ผู้สอนหวังว่ ำนิ สิตจะให้ ควำมสำคัญของพืน
้ ฐำนของกำร
คิดและกำรกระทำอย่ ำงถูกต้ องเป็ นสำคัญ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
7
Introduction (ต่ อ)
 ผู้ ส อนมิ ไ ด้ ต้ ั ง ใจให้ นิ สิ ต จดจ ำฟั ง ก์ ชั น กำรท ำงำนทั้ ง หมดใน
บทเรียนนี้ เพียงเพือ่ ใช้ ในกำรสอบ
แต่ อยำกให้ นิสิตทรำบว่ ำกำรแก้ ปัญหำในขณะที่เรำพั ฒนำ
โปรแกรมนั้น เรำต้ องสำมำรถเลือกใช้ ฟังก์ ชันให้ เหมำะสมกับ
กำรแก้ ปัญหำ โดยไม่ จำเป็ นต้ องสร้ ำงขึน้ มำใหม่ ให้ เสี ยเวลำ และ/
หรือ สำมำรถสร้ ำงฟังก์ ชันขึน้ มำใช้ งำนได้ อย่ ำงเหมำะสม
หวังว่ ำสิ่ งที่ผ้ ูสอนได้ กล่ ำวไปจะช่ วยจุ ดประกำยควำมคิด
ของนิสิตได้ ไม่ มำกก็น้อย
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
8
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับ String
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงตัวเลขเป็ นข้ อควำม
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ตด
ั คำในข้ อควำม
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ กบ
ั รหัส ASCII
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ตด
ั ช่ องว่ ำงในข้ อควำมทิง้
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงขนำดอักษรของข้ อควำม
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ เปรียบเทียบข้ อควำม 2 ข้ อควำม
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
9
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับ String (ต่ อ)
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ค้นหำตำแหน่ งของคำในข้ อควำม
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ นับจำนวนตัวอักษรในข้ อควำม
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แทนทีค
่ ำในข้ อควำม ด้ วยคำใหม่
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ สลับอักษรของข้ อควำมจำกหลังไปหน้ ำ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
10
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงตัวเลขเป็ นข้ อควำม
 เป็ นฟังก์ ชันที่ใช้ แปลงตัวเลขเป็ นข้ อควำม
Str(number)
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน
X = Str(100) ‘ ดังนั้น X จะเก็บข้ อควำม “100” ไม่ ใช่ เลข 100
Y = 200
Z = Str(Y) ‘
ดังนั้น Y จะเก็บข้ อควำม “200” ไม่ ใช่ เลข 200
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
11
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ตัดคำในข้ อควำม
ฟังก์ ชัน
Mid
รู ปแบบ
ผลกำรทำงำน
Mid(String, Start[, Length])
ตั ด ข้ อ ควำมจำกต ำแหน่ ง ที่ ก ำหนดใน
Start
ไปตำมจำนวนอักษรที่ระบุ ใน
Length
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
12
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ชันทีใ่ ช้ ตัดคำในข้ อควำม
myString = “50280001”
Result = Mid (myString, 1, 2) ‘ Result จะมีค่ำเป็ น 50
myString = “50280001”
Result = Mid(myString, 3, 2) ‘ Result จะมีค่ำเป็ น 28
myString = “50280001”
Result = Mid(myString, 5, 4) ‘ Result จะมีค่ำเป็ น 0001
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
13
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ กบั รหัส ASCII
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบ
ผลกำรทำงำน
Asc
Asc(Character)
แปลงตัวอักขระเป็ นตัวเลข ASCII
Chr
Chr(Character Code)
แปลงตัวเลข ASCII เป็ นตัวอักขระ
Code1 = Asc(“A”) ‘ Code1 มีค่ำเท่ ำกับ 65 ซึ่งเป็ นค่ ำ ASCII ของ A
CharCode1 = Chr(65) ‘ CharCode1 มีค่ำเท่ ำกับ A
Code2 = Asc(Chr(66)) ‘ Code2 จะมีค่ำเท่ ำกับเท่ ำใด?
CharCode1 = Chr(Asc(“B”)) ‘ CharCode1 มีค่ำเท่ ำกับเท่ ำใด?
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
14
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ตัดช่ องว่ ำงในข้ อควำมทิง้
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบ
ผลกำรทำงำน
LTrim
LTrim(String)
ตัดช่ องว่ ำงทำงซ้ ำยของข้ อควำมทิง้
Trim
Trim(String)
ตัดช่ องว่ ำงของข้ อควำมทั้งทำงซ้ ำยและขวำ
RTrim
RTrim(String)
ตัดช่ องว่ ำงทำงขวำของข้ อควำมทิง้
myString = “
VB.NET
”
Result1 = LTrim(myString) ‘ Result1 = “VB.NET ”
Result2 = Trim(myString) ‘ Result2 = “VB.NET”
Result3 = RTrim(myString) ‘ Result3 = “ VB.NET”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
15
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงขนำดอักษรของข้ อควำม
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบ
ผลกำรทำงำน
LCase
LCase(String)
แปลงตัวอักษรทั้งหมดให้ เป็ นตัวพิมพ์เล็ก
UCase
UCase(String)
แปลงตัวอักษรทั้งหมดให้ เป็ นตัวพิมพ์ใหญ่
myString = “VB.net”
Result1 = LCase(myString) ‘ Result1 มีค่ำเป็ น vb.net
Result2 = UCase(myString) ‘Result2 มีค่ำเป็ น VB.NET
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
16
ฟังก์ชันที่ใช้ เปรียบเทียบข้ อควำม 2 ข้ อควำม
StrComp(String1, String2, [Compare])
ตัวแปร
String1,
String2
Compare
ควำมหมำย
ข้ อควำมที่เรำนำมำใช้ เปรียบเทียบกัน
ค่ ำ ที่ ใ ช้ ในกำรเปรี ย บเที ย บ มี ท้ั ง หมด 3 แบบ
ดังแสดงในตำรำงหน้ ำถัดไป
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
17
ฟังก์ชันที่ใช้ เปรียบเทียบข้ อควำม 2 ข้ อควำม (ต่ อ)
รู ปแบบในกำรเปรียบเทียบ
CompareMethod
ไม่ คำนึงถึงขนำดของตัวพิมพ์เล้ กใหญ่
ตัวพิมพ์ ใหญ่ จะถูกพิจำรณำก่ อนตัวพิมพ์ เล็ก
ตัวพิมพ์ เล็กจะถูกพิจำรณำก่ อนตัวพิมพ์ ใหญ่
Text
Binary
ไม่ กำหนด
ค่ ำที่ส่งกลับออกมำ
-1
0
1
รู ปแบบในกำรเปรียบเทียบ
String1 อยู่ก่อน String2
String1
และ String2 เป็ นข้ อควำมเดียวกัน
String1
อยู่หลัง String2
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
18
ฟังก์ชันที่ใช้ เปรียบเทียบข้ อควำม 2 ข้ อควำม (ต่ อ)
Str1 = “ABCD”
Str2 = “abcd”
MyComp1 = StrComp(Str1, Str2, CompareMethod.Text)
MyComp2 = StrComp(Str1, Str2, CompareMethod.Binary)
MyComp3 = StrComp(Str2, Str1)
ตัวแปร
MyComp1
MyComp2
MyComp3
ผลลัพธ์
เหตุผล
0
เพรำะ Text จะเปรียบเทียบโดยไม่ ดูตวั พิมพ์
-1
เพรำะ Binary จะเปรียบเทียบตัวพิมพ์ใหญ่ มำก่ อน
เปรียบเทีย่อบตั
วพิมทยำลัพ์ยเนเรศวร
ล็กมำก่พะเยำอน
สำนักวิช1
ำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื
สำร มหำวิ
19
ฟังก์ชันที่ใช้ ค้นหำตำแหน่ งของคำในข้ อควำม
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบคำสั่ ง/หน้ ำที่
InStr
InStr([Start, ] StringCheck, StringMatch [, Compare])
InStrRev
InStrRev(StringCheck, StringMatch [, Compare])
ตัวแปร
Start
StringCheck
StringMatch
Compare
ควำมหมำย
ตำแหน่ งเริ่มต้ นในกำรค้ นหำ (ถ้ ำไม่ ระบุจะเริ่มที่ต้นคำ)
ข้ อควำมที่เป็ นเนือ้ หำ
คำทีต่ ้ องกำรค้ นหำ
ดู
จ
ำก
CompareMethod จำกสไลด์ ก่อนหน้ ำนี้
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
20
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ ชันที่ใช้ ค้นหำตำแหน่ งของคำในข้ อควำม
SearchString = “XXpXXpXXPXXP”
SearchChar = “P”
Pos1 = Instr(4, SearchString, SearchChar, 1) ‘ 6
Pos2 = Instr(1, SearchString, SearchChar, 0) ‘ 9
Pos3 = Instr(SearchString, SearchChar) ‘ 9
Pos4 = Instr(1, SearchString, “W”) ‘ ไม่ พบ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
21
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ นับจำนวนตัวอักษรในข้ อควำม
 เป็ นฟังก์ ชันทีใ่ ช้ นับจำนวนตัวอักษร (รวมช่ องว่ ำงด้ วย)
Len(String)
 ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน
myString = “VB.NET”
Num = Len(myString) ‘ Num จะมีค่ำเท่ ำกับ 6
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
22
ฟังก์ชันที่ใช้ แทนที่คำในข้ อควำม ด้ วยคำใหม่
Replace( Expression, Find, Replacement[, Start[, Count[, Compare]]])
ตัวแปร
Expression
Find
Replacement
Start
Count
Compare
ควำมหมำย
ข้ อควำมทีต่ ้ องกำรถูกแทนที่
คำทีต่ ้ องกำรค้ นหำ
คำทีต่ ้ องกำรนำไปแทนที่
ตำแหน่ งเริ่มต้ นในกำรเริ่มต้ นแทนที่
ควำมยำวของข้ อควำม นับจำกตำแหน่ งทีก่ ำหนดใน Start
สำนั
ำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื
่อสำร มหำวิ
23
รูกปวิชแบบในกำรเปรี
ยบเที
ยบทยำลัยนเรศวร พะเยำ
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ ชันที่ใช้ แทนที่คำในข้ อควำม ด้ วยคำใหม่
myString = “Sawasdi Phayao”
Output = Replace(myString, “i”, “ee”)
ผลลัพธ์ ทอี่ ยู่ใน Output คือ “Sawasdee Phayao”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
24
ฟังก์ ชันที่ใช้ สลับอักษรของข้ อควำมจำกหลังไปหน้ ำ
StrReverse( Expression )
myString = “ABCDEF”
Output = strReverse(myString)
ผลลัพธ์ ทอี่ ยู่ใน Output คือ “FEDCBA”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
25
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับตัวเลข
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงเลขฐำน 10 ไปเป็ นเลขฐำนทีก
่ ำหนด
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ในกำรปัดเศษ
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงข้ อควำมเป็ นตัวเลข
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
26
ฟังก์ ชันที่ใช้ แปลงเลขฐำน 10 ไปเป็ นเลขฐำนที่กำหนด
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบ
ผลกำรทำงำน
Oct
Oct(String)
แปลงเลขฐำน 10 เป็ นเลขฐำน 8
Hex
Hex(String)
แปลงเลขฐำน 10 เป็ นเลขฐำน 16
Num1 = Oct(7) ‘ ผลลัพธ์ Num1 = 7
Num2 = Oct(8) ‘ ผลลัพธ์ Num2 = 10
Num3 = Oct(9) ‘ ผลลัพธ์ Num3 = 11
Num4 = Hex(9) ‘ ผลลัพธ์ Num4 = 9
Num5 = Hex(10) ‘ ผลลัพธ์ Num5 = A
Num6 = Hex(15) ‘ ผลลัพธ์ Num6 = F
Num7 = Hex(16) ‘ ผลลัพธ์ Num7 = 11
Num8 = Oct(15) ‘ ผลลัพธ์ Num8 =17
Num9 = Oct(16) ‘ ผลลัพธ์ Num9 = 20
Num10 = Hex(31) ‘ ผลลัพธ์ Num10 = 1F
Num11 = Hex(32) ‘ ผลลัพธ์ Num11 = 20
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
27
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ในกำรปัดเศษ
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบ
ผลกำรทำงำน
Fix
Fix(Number)
ถ้ ำเป็ นค่ ำบวกให้ ตัดเศษทิง้ แต่ ถ้ำเป็ นค่ ำลบให้ ปัดเศษขึน้
Int
Int(Number)
ถ้ ำเป็ นค่ ำบวกให้ ตัดเศษทิง้ แต่ ถ้ำเป็ นค่ ำลบให้ ปัดเศษลง
CInt
CInt(Number)
ถ้ ำมีค่ำมำกกว่ ำ 5 ให้ ปัดเศษขึน้ กรณีตรงข้ ำมให้ ปัดเศษลง
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
28
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ชันทีใ่ ช้ ในกำรปัดเศษ
ค่ ำ x
Int(x)
Fix(x)
CInt(x)
2.7
2
2
3
2.2
2
2
2
2
2
2
2
-2
-2
-2
-2
-2.2
-3
-2
-2
-2.7
-3
-2
-3
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
29
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แปลงข้ อควำมเป็ นตัวเลข
Val( String )
 ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน
Num1 = Val (“123”) ‘ Num1 มีค่ำเท่ ำกับ 123
Num2 = Val (“1 2 3”) ‘ Num1 มีค่ำเท่ ำกับ 123
Num3 = Val (“123deegood”) ‘ Num1 มีค่ำเท่ ำกับ 123
Num4 = Val (“A”) ‘ Num1 มีค่ำเท่ ำกับ 0 (เพรำะว่ ำ “A” ไม่ ใช่ ตัวเลข)
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
30
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวันทีแ่ ละเวลำ
 ใน VB.NET
ได้ มีกำรนำเอำ DateTime มำใช้ ในเรื่อง
ของวันทีแ่ ละเวลำ ประกอบด้ วยคุณสมบัตดิ งั นี้
ชื่อ
รู ปแบบคำสั่ ง
หน้ ำที่
ToDay
ToDay
แสดงวันทีป่ ัจจุบัน และเวลำเทีย่ งคืน
Day
Day(date)
แสดงวันทีข่ องข้ อมูลทีร่ ะบุใน date
Month
Month(date)
แสดงเดือนของข้ อมูลทีร่ ะบุใน date
Year
Year(date)
แสดงปี ของข้ อมูลทีร่ ะบุใน date
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
31
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
ชื่อ
รู ปแบบคำสั่ ง
หน้ ำที่
TimeOfDay
TimeOfDay
แสดงเวลำปัจจุบันของเครื่อง
Hour
Hour(time)
แสดงชั่วโมงของข้ อมูลที่ระบุใน time
Minute
Minute(time)
แสดงนำทีของข้ อมูลทีร่ ะบุใน time
Second
Second(time)
แสดงวินำทีของข้ อมูลที่ระบุใน time
Now
Now
แสดงวันทีแ่ ละเวลำปัจจุบันของเครื่อง
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
32
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
ชื่อ
DateValue
WeekDay
รู ปแบบคำสั่ ง
หน้ ำที่
แปลงข้ อควำมใน strDate ให้ อยู่ในรู ปแบบ
ของวันที่
WeekDay(date
ใช้ แสดงวั น ของสั ป ดำห์ ข องข้ อ มู ล ที่ ร ะบุ ใ น
[,firstdayofweek]) date
ส ำหรั บ ค่ ำ ที่ ร ะบุ ใ นส่ วน
firstdayofweek ได้ แก่ วันแรกของสั ปดำห์ ที่
จะเริ่มนับ ซึ่งให้ ใช้ ค่ำคงทีต่ ่ ำงๆ ดังหน้ ำถัดไป
DateValue(strDate)
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
33
WeekDay: ค่ ำของ firstdayofweek
ค่ ำคงที่
vbUseSystem
ค่ ำที่เป็ นตัวเลข
0
ควำมหมำย
ใช้ ตำม National
Language Support
(NLS) API
วันอำทิตย์ (ค่ ำ default)
vbMonday
2
วันจันทร์
vbTuesday
3
วันอังคำร
vbWednesday
4
วันพุธ
vbThursday
5
วันพฤหัสบดี
vbFriday
6
วันศุกร์
สำนักวิชำเทคโนโลยี7
สำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
vbSaturday
วันเสำร์
vbSunday
1
34
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
ชื่อ
รู ปแบบคำสั่ ง
MonthName
MonthName(Month[,
Abbreviate])
WeekdayName
WeekdayName
(weekDay, Abbreviate,
FirstDayofWeekvalue)
หน้ ำที่
แปลงตัวเลขของเดือนให้ เป็ น ชื่อเดือน
ถ้ ำ Abbreviate = false แสดงชื่อเต็ม
ถ้ ำ Abbreviate = true แสดงชื่อย่อ
ใช้ แสดงชื่อวันในสั ปดำห์ ทกี่ ำหนด
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
35
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำนฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวัน-เวลำ
 กำรแปลงค่ ำเป็ น 20 มิถุนำยน 2004 เวลำเทีย
่ งคืน
myShortDate = DataValue(“July 20, 2004)
 กำรจัดเก็บวันทีป
่ ัจจุบันของเครื่อง และมีเวลำเป็ นเทีย่ งคืน
myDate = ToDay
 กำรจัดเก็บตัวเลขของ วัน เดือน ปี
myDay = Day(ToDay)
myMonth = Month(ToDay)
myYear = Year(ToDay)
ของเครื่อง
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
36
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำนฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวัน-เวลำ
 กำรจัดเก็บวันที่ของสั ปดำห์
โดยจะ dayOfweek
มีค่ำ
เท่ ำกับ 2 เนื่องจำก MyDate มีค่ำเป็ นวันจันทร์ (เราใช้
เครื่ องหมาย # เพื่อบอกว่ าข้ อมูลข้ างต้ นเป็ นข้ อมูลของ
วันที)่
MyDate = “#July 20, 2004#”
dayOfWeek = WeekDay(MyDate)
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
37
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำนฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวัน-เวลำ
 กำรจัดเก็บเวลำ ชั่วโมง นำที วินำที
myTime = TimeOfDay
myHour = Hour(myTime)
myMinute = Minute(myTime)
mySecond = Second(myTime)
 กำรจัดเก็บวันทีแ
่ ละเวลำปัจจุบันของเครื่อง
CurrentDateTime = Now
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
38
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำนฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วกับวัน-เวลำ
 ต้ องกำรจัดเก็บชื่อของเดือน
myMonth = 1
myName = MonthName(myMonth, False) ‘ January
myName1 = MonthName(myMonth, True) ‘ Jan
 ต้ องกำรจัดเก็บชื่อของวันในสั ปดำห์
myDate = WeekDayName(1, False) ‘ Sun
myDate1 = WeekDayName(1, True) ‘ Sunday
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
39
ฟังก์ชันที่ใช้ แปลงระหว่ ำงตัวแปรต่ ำงชนิดกัน
ฟังก์ ชัน
รู ปแบบคำสั่ ง
ผลลัพธ์ ที่ส่งออกจำกฟังก์ ชัน
CDbl
CDbl (Expression)
แปลงเป็ น Double
CInt
CLng
CSng
CInt (Expression)
CLng (Expression)
CSng (Expression)
แปลงเป็ น Integer
แปลงเป็ น Long
แปลงเป็ น Single
CStr
CBool
CByte
CStr (Expression)
แปลงเป็ น String
CBool (Expression) แปลงเป็ น Boolean
CByte (Expression) แปลงเป็ น Byte
CChar
CChar (Expression) แปลงเป็ น Charater
CDec
CDec (Expression)
แปลงเป็ น Decimal
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
40
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงประเภทข้ อมูล
TypeName( variable_name )
variable_name

คือ ตัวแปรทีเ่ รำต้ องกำรดูประเภทข้ อมูล
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน
Dim x As Integer
Dim y , answer1, answer2 As String
x = 10
y = “hello”
answer1 = TypeName(x) ‘ ตอบว่ ำ “Integer”
ำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื
่อสำร มหำวิ
ทยำลัยนเรศวร พะเยำ
answer2 = สTypeName(y)
‘ ตอบว่
ำ “String”
41
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบในกำรแสดงผล
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของตัวเลขและวันที่
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของวันทีแ
่ ละเวลำ
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบทำงกำรเงิน
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของจำนวน
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงจำนวนในรู ปเปอร์ เซ็ นต์
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
42
ฟังก์ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของตัวเลขและวันที่
Format(Expression, Style, DayOfWeek, WeekOfYear)
คือ ข้ อมูลทีต่ ้ องกำรจัดรู ปแบบ
 Style คือ รู ปแบบในกำรแสดงผล
 DayOfWeek คือ ค่ ำทีใ่ ช้ ระบุวน
ั แรกของสั ปดำห์
 WeekOfYear คือ ค่ ำทีใ่ ช้ ระบุสัปดำห์ แรกของเดือน

Expression
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
43
Style : กลุ่มตัวเลข
ค่ ำ/ข้ อควำมทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบ
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
General Number, G หรื อ g
ตัวเลขทีไ่ ม่ มีเครื่องหมำยจุลภำค
Currency, C หรื อ c
จำนวนเงิน
Fixed, F หรื อ f
เลขทศนิยม 2 ตำแหน่ ง
Standard, N หรื อ n
จำนวนเงินทีม่ ีทศนิยม 2 ตำแหน่ ง
Percent, P หรื อ p
เปอร์ เซ็นต์ ทมี่ ีทศนิยม 2 ตำแหน่ ง
Scientific, E หรื อ e
จำนวนทำงคณิตศำสตร์
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
44
Style : กลุ่มตัวเลข (ต่ อ)
ค่ ำ/ข้ อควำมทีใ่ ช้
กำหนดรู ปแบบ
D หรื อ d
X หรื อ x
Yes/No
True/False
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
เลขฐำนสิ บ
เลขฐำนสิ บหก
มีค่ำเป็ น No เมื่อค่ ำเป็ นศูนย์ กรณีค่ำอืน่ ๆ เป็ น Yes
มีค่ำเป็ น False เมื่อค่ ำเป็ นศู นย์ กรณีค่ำอื่นๆ เป็ น
True
On/Off
มีค่ำเป็ น Off เมื่อค่ ำเป็ นศูนย์ กรณีค่ำอืน่ ๆ เป็ น On
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
45
Style : กลุ่มตัวเลข (ต่ อ)
อักษรทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบ
None
0
#
.
%
,
:
ค่ ำที่จะปรำกฏในตำแหน่ งที่กำหนด
ไม่ ระบุ
จะมีค่ำเป็ น 0 ถ้ ำตำแหน่ งทีก่ ำหนดไม่ มีค่ำ
ไม่ ต้องแสดงผล หำกว่ ำตำแหน่ งนั้นไม่ มีค่ำ
แสดงจุดทศนิยม
แสดงเครื่องหมำย %
แสดงเครื่องหมำยจุลภำค
แสดงเครื่องหมำย : ที่ใช้ แบ่ งส่ วนของเวลำ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
46
Style : กลุ่มตัวเลข (ต่ อ)
อักษรทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบ
/
E- , E+ , e- , e+
-,+,$,()
\
“”
ค่ ำที่จะปรำกฏในตำแหน่ งที่กำหนด
เครื่องหมำย / ที่ใช้ แบ่ งส่ วนต่ ำงๆ ของวันที่
เครื่องหมำยที่ใช้ ในจำนวนทำงคณิตศำสตร์
แทนเครื่องหมำย - , + , $ และ ( )
ใช้ กำหนดไว้ หน้ ำเครื่ องหมำยที่ต้องกำรกำหนด
ขึน้ เอง
ใช้ แสดงเครื่ องหมำย “” ล้ อมรอบข้ อควำมที่
กำหนดอยู่ภำยใจ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
47
Style : กลุ่มตัวเลข (ต่ อ)
คำสั่ ง
Format(x, “”)
X=5
X = -5
X = 0.5
5
-5
0.5
Format(x, “0.00”)
Format(x, “#,##0”)
5.00
5
-5.00
-5
0.50
1*
Format(x, “($#,##0)”)
($5)
-($5)
($1)*
Format(x, “$#,##0.00”)
$5.00
-$5.00
$0.50
Format(x, “0%”)
500%
-500%
50%
500.00%
-500.00%
50.00%
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื
่อสำร มหำวิทยำลั
ยนเรศวร พะเยำ
Format(x, “0.00E+00”)
5.00E+00
-5.00E+00
48
5.00E-01
Format(x, “0.00%”)
Style : กลุ่มวันทีแ่ ละเวลำ
ค่ ำ/ข้ อควำมทีใ่ ช้ กำหนดรู ปแบบ
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
วันทีต่ ำมทีร่ ะบบกำหนด
วันทีแ่ บบ Long Date
วันทีแ่ บบ Medium Date
วันทีแ่ บบ Short Date
เวลำแบบ Long Time
เวลำในรูปแบบ 12 ชั่วโมง (AM/PM)
เวลำในรูปแบบ 24 ชั่วโมง
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
General Date, G
Long Date, D
Medium Date
Short Date, d
Long Time, T
Medium Time
ShortTime, t
49
Style : กลุ่มวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
ค่ ำ/ข้ อควำมทีใ่ ช้ กำหนด
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
M, m
และ Short Time
Short Date และ Short Time
เดือนและวัน
R, r
Greenwich Mean Time (GMT)
F
G
Long Date
S
u
Sortable Index
U
Long Date
y
GMT Sortable Index
ปี และเดือน
และ Long Time แบบ GMT
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
50
Style : กลุ่มวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
อักษรทีใ่ ช้
:
/
d
dd
ddd
dddd
M
MM
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
เครื่องหมำย :
เครื่องหมำย /
วันทีโ่ ดยไม่ มี 0 นำหน้ ำ (กรณีก่อนวันที่ 10) เช่ น 1,2,3,9
วันทีโ่ ดยมี 0 นำหน้ ำ
วันทีแ่ บบย่ อ เช่ น Sun
วันทีแ่ บบเต็ม เช่ น Sunday
เดือนโดยไม่ มี 0 นำหน้ ำ
สำนักวิชำเทคโนโลยี
เดือนโดยมี
0 นสำรสนเทศและกำรสื
ำหน้ ำ ่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
51
Style : กลุ่มวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
อักษรทีใ่ ช้
MMM
MMMM
gg
h
hh
H
HH
m
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
เดือนแบบย่ อ เช่ น Jan
เดือนแบบเต็ม เช่ น January
อักษรกำกับช่ วงเวลำ เช่ น A.D.
เวลำแบบ 12 ชั่วโมง โดยไม่ มี 0 นำหน้ ำ เช่ น 1:15:15 PM
เวลำแบบ 12 ชั่วโมงโดยมี 0 นำหน้ ำ เช่ น 01:15:15 PM
เวลำแบบ 24 ชั่วโมงโดยไม่ มี 0 นำหน้ ำ
เวลำแบบ 24 ชั่วโมงโดยมี 0 นำหน้ ำ
กวิชำเทคโนโลยี
นำทีสโำนัดยไม่
มี 0สำรสนเทศและกำรสื
นำหนด้ ำ ่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
52
Style : กลุ่มวันทีแ่ ละเวลำ (ต่ อ)
อักษรทีใ่ ช้
mm
s
ss
t
tt
z
zz
zzz
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
นำทีโดยมี 0 นำหน้ ำ
วินำทีโดยไม่ มี 0 นำหน้ ำ
วินำทีโดยมี 0 นำหน้ ำ
เวลำแบบ 12 ชั่วโมง โดยใช้ “A” (ก่อนเทีย่ ง) “P” (หลังเที่ยง)
เวลำแบบ 12 ชั่วโมง โดยใช้ “AM” (ก่อนเทีย่ ง) “PM” (หลังเทีย่ ง)
Time zone โดยไม่ มี 0 นำหน้ ำเช่ น -8
Time zone โดยมี 0 นำหน้ ำ
สำนักวิชำเทคโนโลยี
สำรสนเทศและกำรสื
มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
53
Time zone
แบบเต็
ม เช่ น -่อสำร
08:00
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของวันทีแ่ ละเวลำ
FormatDateTime( Expression, NamedFormat )
คือ ข้ อมูลทีต่ ้ องกำรจัดรู ปแบบ
 NamedFormat
คือ ค่ ำภำยใต้ Global Constant
“DateFormat” ดังแสดงในตำรำงหน้ ำถัดไป

Expression
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
54
DateFormat
ค่ ำของ DateFormat
.GeneralDate
.LongDate
.ShortDate
.LongTime
.ShortTime
รู ปแบบทีป่ รำกฏ
แสดง Short Date สำหรับวันที่ และ Long
สำหรับเวลำ
แสดง Long Date
แสดง Short Date
แสดงเวลำตำมทีร่ ะบบกำหนด
แสดงเวลำแบบ 24 ชั่วโมง (hh:mm)
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
Time
55
ตัวอย่ ำง:ฟังก์ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของวันที่และเวลำ
Dim myDate As DateTime = #2/14/89#
Dim myString As String
myString = FormatDateTime(myDate, DateFormat.LongDate)
ผลลัพธ์ ที่ได้ myString จะมีค่ำเท่ ำกับ “Tuesday, February 14, 1989”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
56
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบทำงกำรเงิน
FormatCurrency(Expression, NumDigitsAfterDecimal,
IncludeLeadingDigit,
UseParensForNegativeNumbers,
GroupDigits)
คือ ข้ อมูลทีต่ ้ องกำรจัดรูปแบบ
 NumDigitsAfterDecimal คือ จำนวนจุดทศนิยม
 IncludeLeadingDigit
คือ จะให้ มี 0 หน้ ำทศนิยมหรือไม่ กรณีข้อมูลมี
ค่ ำน้ อยกว่ ำ 1 โดยทีเ่ รำสำมำรถกำหนดได้ 3 รูปแบบคือ
( TriState.True(มี), TriState.False(ไม่ มี) และ TriState.UseDefault
(ตำมทีร่ ะบบกำหนด) )

Expression
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
57
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบทำงกำรเงิน (ต่ อ)

UseParensForNegativeNumbers
คือ ค่ ำที่ใช้ กำหนดให้ แสดงจำนวนลบในวงเล็ บ
หรือไม่ ใช้ ค่ำเดียวกับ IncludeLeadingDigit
คือ ค่ ำที่ใช้ กำหนดให้ แสดงเครื่องหมำยจุลภำค ( , ) หรือไม่ ใช้ ค่ำ

GroupDigits

เดียวกับ IncludeLeadingDigit
ตัวอย่ำง
Dim myNumber As Integer = -4456.35
Dim myString As String
myString=FormatCurrency(myNumber,,,TriState.True,TriState.True)
ผลลัพธ์ ที่ได้ คือ “(4,456.33)”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
58
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของจำนวน
FormatNumber(Expression, NumDigitsAfterDecimal,
IncludeLeadingDigit,
UseParensForNegativeNumbers,
GroupDigits)
คือ ข้ อมูลทีต่ ้ องกำรจัดรูปแบบ
 NumDigitsAfterDecimal คือ จำนวนจุดทศนิยม
 IncludeLeadingDigit
คือ จะให้ มี 0 หน้ ำทศนิยมหรือไม่ กรณีข้อมูลมี
ค่ ำน้ อยกว่ ำ 1 โดยทีเ่ รำสำมำรถกำหนดได้ 3 รูปแบบคือ
( TriState.True(มี), TriState.False(ไม่ มี) และ TriState.UseDefault
(ตำมทีร่ ะบบกำหนด) )

Expression
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
59
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของจำนวน (ต่ อ)

UseParensForNegativeNumbers
คือ ค่ ำที่ใช้ กำหนดให้ แสดงจำนวนลบในวงเล็ บ
หรือไม่ ใช้ ค่ำเดียวกับ IncludeLeadingDigit
คือ ค่ ำที่ใช้ กำหนดให้ แสดงเครื่องหมำยจุลภำค ( , ) หรือไม่ ใช้ ค่ำ

GroupDigits

เดียวกับ IncludeLeadingDigit
ตัวอย่ำง
Dim myNumber As Integer = 45600
Dim myString As String
myString=FormatNumber(myNumber,2,,,TriState.True)
ผลลัพธ์ ที่ได้ คือ “45,600.00”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
60
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของเปอร์ เซ็นต์
FormatPercent(Expression, NumDigitsAfterDecimal,
IncludeLeadingDigit,
UseParensForNegativeNumbers,
GroupDigits)
คือ ข้ อมูลทีต่ ้ องกำรจัดรูปแบบ
 NumDigitsAfterDecimal คือ จำนวนจุดทศนิยม
 IncludeLeadingDigit
คือ จะให้ มี 0 หน้ ำทศนิยมหรือไม่ กรณีข้อมูลมี
ค่ ำน้ อยกว่ ำ 1 โดยทีเ่ รำสำมำรถกำหนดได้ 3 รูปแบบคือ
( TriState.True(มี), TriState.False(ไม่ มี) และ TriState.UseDefault
(ตำมทีร่ ะบบกำหนด) )

Expression
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
61
ฟังก์ชันทีใ่ ช้ แสดงรู ปแบบของเปอร์ เซ็นต์ (ต่ อ)

UseParensForNegativeNumbers
คือ ค่ ำที่ใช้ กำหนดให้ แสดงจำนวนลบในวงเล็ บ
หรือไม่ ใช้ ค่ำเดียวกับ IncludeLeadingDigit
คือ ค่ ำที่ใช้ กำหนดให้ แสดงเครื่องหมำยจุลภำค ( , ) หรือไม่ ใช้ ค่ำ

GroupDigits

เดียวกับ IncludeLeadingDigit
ตัวอย่ำง
Dim myNumber As Integer = 0.65
Dim myString As String
myString=FormatPercent(myNumber)
ผลลัพธ์ ที่ได้ คือ “65.00%”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
62
ฟังก์ ชันทีเ่ กีย่ วข้ องกับอำร์ เรย์
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ สำเนำค่ ำระหว่ ำงอำร์ เรย์
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ตด
ั ข้ อควำมเก็บลงในอำร์ เรย์
 ฟังก์ ชันทีน
่ ำค่ ำของอำร์ เรย์ มำต่ อเป็ นข้ อควำม
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
63
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ สำเนำค่ ำระหว่ ำงอำร์ เรย์
 ฟังก์ ชัน Filter ใช้ สำหรั บสำเนำข้ อมูลที่มีค่ำตรงกับที่กำหนดจำก
Array หนึ่งมำยังอีก Array หนึ่งซึ่ งมีรูปแบบของคำสั่ งดังนี้
Filter (Source, Match, Include[, Compare])
คือ Array ต้ นแบบ
Match คือ ค่ ำที่ใช้ ค้นหำ
Include คือ เงือ
่ นไขในกำรเลือก
True: ให้ เลือกเฉพำะข้ อมูลทีต
่ รงกันกับทีก่ ำหนดไว้
False: ให้ เลือกเฉพำะข้ อมูลทีไ่ ม่ ตรงกับทีก
่
ำหนดไว้
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
Source
64
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ชันที่ใช้ สำเนำค่ ำระหว่ ำงอำร์ เรย์
 ถ้ ำอำร์ เรย์ ที่กำหนดใน Source
ไม่ มีข้อควำมตรงกับที่
ต้ องกำรค้ นหำเลย (ไม่ Match)
จะได้ ผลลัพธ์ เป็ น
อำร์ เรย์ ว่ำงๆ
 อำร์ เรย์ ทใี่ ช้ ในฟังก์ ชันนีต
้ ้ องเป็ นอำร์ เรย์ 1 มิติ
 อำร์ เรย์ ทใี่ ช้ รับข้ อมูลต้ องเป็ น Dynamic อำร์ เรย์
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
65
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ชันที่ใช้ สำเนำค่ ำระหว่ ำงอำร์ เรย์
Dim myString(2) As String
myString(0) = “This”
myString(1) = “Is”
myString(2) = “IT”
Dim Output1() As String = Filter(myString, “is”, True,
CompareMethod.Text)
Dim Output2() As String = Filter(myString, “is”, True,
CompareMethod.Binary)
Dim Output3() As String = Filter(myString, “is”, False,
CompareMethod.Binary)
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
66
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ชันที่ใช้ สำเนำค่ ำระหว่ ำงอำร์ เรย์
 ผลลัพธ์ ทไี่ ด้ จำกตัวอย่ ำง
อำร์ เรย์ Output1 มีค่ำเป็ น [“This”, “Is”]
อำร์ เรย์ Output2 มีค่ำเป็ น [“This”]
อำร์ เรย์ Output3 มีค่ำเป็ น [“Is”, “IT”]
 นิสิตคิดว่ ำคำตอบถูกต้ องหรื อไม่ อย่ ำงไร จงอธิบำย?
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
67
ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ ตัดข้ อควำมเก็บลงในอำร์ เรย์
 ฟั งก์ ชัน Split
ใช้ สำหรั บแยกและตัดข้ อควำมที่กำหนดลง
อำร์ เรย์ ทกี่ ำหนด ซึ่งมีรูปแบบของคำสั่ งดังนี้
Split (Expression [, Delimiter [, Limit[, Compare]]])
คือ ข้ อควำมทีต่ ้ องกำรตัดคำ
Delimiter คือ คำที่ใช้ ในกำรตัด (กรณีไม่ ระบุจะใช้ ช่องว่ ำง)
Limit คือ จำนวนตัวอักษรทีต
่ ้ องกำรตัด กรณีเป็ น -1 จะหมำยถึง
ทั้งคำ (กำหนดหรื
อไม่ กไ็ ด้ )
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
68
Expression
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ ชันที่ใช้ ตัดข้ อควำมเก็บลงในอำร์ เรย์
 ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน
Dim myString1 As String = “Who are You?”
Dim myString2 As String = “A, B, C”
Dim Output1() As String = Split(myString1)
Dim Output2() As String = Split(myString2, “,”)
อำร์ เรย์ Output1 จะมีค่ำเป็ น [“Who”, “are”, “You?”]
อำร์ เรย์ Output2 จะมีค่ำเป็ น [“A”, “B”, “C”]
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
69
ฟังก์ชันที่นำค่ ำของอำร์ เรย์ มำต่ อเป็ นข้ อควำม
 ฟั งก์ ชัน Join
ใช้ สำหรับนำค่ ำของอำร์ เรย์ มำต่ อเป็ นข้ อควำม
ตำมทีเ่ รำต้ องกำร ซึ่งมีรูปแบบของคำสั่ งดังนี้
Join (SourceArray , Delimiter)
คือ อำร์ เรย์ ที่จัดเก็บข้ อควำมทีต่ ้ องกำรนำมำต่ อ
เป็ นข้ อควำม
Delimiter คือ คำที่ใช้ คน
ั่ แต่ ละค่ ำของอำร์ เรย์ ที่นำมำต่ อกัน
SourceArray
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
70
ตัวอย่ ำง: ฟังก์ ชันที่นำค่ ำของอำร์ เรย์ มำต่ อเป็ นข้ อควำม
Dim myString(2) As String
Dim myList As String
myString(0) = “Rice”
myString(1) = “Water”
myString(3) = “Fruit”
myList = Join(myString, “, ”)
ผลลัพธ์ ใน myList จะมีค่ำเป็ น “Rice, Water, Fruit”
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
71
ฟังก์ชันที่ใช้ แสดงกล่องข้ อควำม (Dialog Box)
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดง Dialog Box
ของข้ อควำม
 ฟังก์ ชันทีใ่ ช้ แสดง Dialog Box สำหรับรับข้ อมูล
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
72
ฟังก์ชันที่ใช้ แสดง Dialog Box ของข้ อควำม
[MsgBoxReult =] Msgbox(Prompt[, Buttons[, Title]])




คือ ค่ ำที่ส่งกลับมำจำกกำรคลิกบน Dialog Box
Prompt คือ ข้ อควำมทีต
่ ้ องกำรแสดงให้ ผู้ใช้ อ่ำน
Buttons คือ ค่ ำทีใ่ ช้ ระบุปุ่มทีเ่ รำต้ องกำรแสดงบน Dialog Box
Title คือ ข้ อควำมที่ต้องกำรให้ ปรำกฏบน Title Bar ของ Dialog
MsgBoxResult
Box
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
73
MsgBox: MsgBoxResult
 ค่ ำผลลัพธ์ ที่สำมำรถส่ งกลับจำก Message box
เมื่อ
ผู้ใช้ คลิกปุ่ มคำสั่ งบน Dialog Box
ปุ่ ม
ค่ ำตัวเลข
ปุ่ ม
ค่ ำตัวเลข
Ignore
5
Msgbox
Result
Ignore
OK
1
Msgbox
Result
OK
Cancel
2
Cancel
Yes
6
Yes
Abort
3
Abort
No
7
No
Retry
4
Retry
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
74
MsgBox:Buttons
 เป็ นค่ ำที่ใช้ ระบุปุ่มที่เรำต้ องกำรแสดงบน Dialog Box
โดยจะกำหนดผ่ ำนคุณสมบัติ MsgBoxStyle
ค่ ำของ MsgBoxStyle ค่ ำตัวเลข
กำรแสดงผล Message Box
OKOnly
0
OK
OKCancel
AbortRetryIgnore
YesNoCancel
YesNo
1
2
3
4
OK และ Cancel
RetryCancel
Critical
Abort, Retry และ Ignore
Yes, No และ Cancel
Yes และ No
Retry และ Cancel
5
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
แสดง Critical ICON
16
75
MsgBox:Buttons (ต่ อ)
ค่ ำของ MsgBoxStyle
ค่ ำตัวเลข กำรแสดงผล Message Box
แสดง Question ICON
Question
32
แสดง Exclamation ICON
Exclamation
48
แสดง Information ICON
Information
64
กำหนดให้ ปุ่มที่ 1 เป็ นปุ่ ม Default
DefaultButton1
0
กำหนดให้ ปุ่มที่ 2 เป็ นปุ่ ม Default
DefaultButton2
256
กำหนดให้ ปุ่มที่ 3 เป็ นปุ่ ม Default
DefaultButton3
512
Modal กับเฉพำะ Application
ApplicationModal
0
SystemModal
4096 Modal กับทั้งระบบ
MsgBoxSetForeground 65536 แสดงผลแบบ Active Desktop
MsgBoxRight
524288 แสดงข้อควำมชิดขวำ
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
76
MsgBoxRtlReading
1048576 แสดงข้อควำมสำหรับภำษำที่อ่ำนจำกขวำไปซ้ ำย
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน MsgBox
If MsgBox(“Are you sure to delete?”,
MsgBoxSytle.Question &
MsgBoxStyle.YesNo, “Confirmation”) =
MsgBoxResult.Yes Then
do something . . .
End If
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
77
ฟังก์ชันที่ใช้ แสดง Dialog Box สำหรับรับข้ อมูล
InputBox(Prompt[, Title[, DefaultResponse[, XPos[, YPos]]]])
คือ ข้ อควำมทีต่ ้ องกำรให้ ผู้ใช้ อ่ำน
คือ ข้ อควำมที่ต้องกำรให้ ปรำกฏบน Title

Prompt

Title
Bar
ของ
Dialog Box



คือ ค่ ำเริ่มต้ นในกำรแสดง Dialog Box
XPos
คือ ระยะห่ ำงจำกขอบซ้ ำยจอภำพ ถ้ ำไม่ กำหนดจะ
ปรำกฏกลำงหน้ ำจอ
YPos
คือ ระยะห่ ำงจำกขอบขวำจอภำพ ถ้ ำไม่ กำหนดจะ
ปรำกฏกลำงหน้
จอ สำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
สำนักวิำ
ชำเทคโนโลยี
78
DefaultResponse
ตัวอย่ ำงกำรใช้ งำน InputBox
Dim Message, Title, DefaultValue As String
Dim myValue As Object
Message = “Enter a value between 1 and 3”
Title = “Input DEMO”
DefaultValue = “1”
myValue=InputBox(Message, Title, DefaultValue)
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
79
สรุป
เนือ้ หำทั้งหมดในบทนี้ เป็ นเพียงส่ วนหนึ่งของสิ่ งที่นิสิต
ต้ องเรียนรู้ ยังมีควำมรู้ อีกมำกมำย ที่เรำต้ องศึกษำค้ นคว้ ำกัน
ต่ อไป ผู้สอนหวังว่ ำ นิสิตจักเข้ าใจในเป้ าหมายของผ้ สู อน
ผ้ ูสอนมิได้ ม่ ุงหวังให้ นิสิตท่ องจา แต่ ให้ ร้ ู จักวิธีการและ
แนวคิดว่ าในการแก้ ปัญหาที่มีเครื่ องมือที่ช่วยอำนวยควำม
สะดวก และหำกแม้ ว่ำไม่ มีเครื่องมือช่ วย ในส่ วนของนิสิตเอง
ก็ควรทีจ่ ะสามารถสร้ างเครื่องมือขึ้นมาเองได้ โดยเครื่ องมือที่
สร้ างต้ องครอบคลมุ ในการแก้ ปัญหาทัง้ หมด
สำนักวิชำเทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรสื่อสำร มหำวิทยำลัยนเรศวร พะเยำ
80