PPT - สำนักการสอบสวนและนิติการ

Download Report

Transcript PPT - สำนักการสอบสวนและนิติการ

ประวัตวิ ท
ิ ยากร
ชื่อ-ชื่อสกุล
นายกองตรี เรืองฤทธิ์ ชานาญศิลป์
การศึกษา
นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคาแหง
เนติบณ
ั ฑิตไทย สานักอบรมศึกษากฎหมายแห่ งบัณฑิตยสภา
รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา
การอบรม
หลักสู ตรนายอาเภอ รุ่นที่ 55
หลักสู ตรปลัดอาเภอ รุ่นที่ 35
ปลัดอาเภอ หัวหน้ าฝ่ ายกิจการพิเศษ
หัวหน้ างานงบประมาณ ส่ วนบัตรประจาตัวประชาชน
ปลัดอาเภอ หัวหน้ าฝ่ ายทะเบียนและบัตร
ปลัดอาเภอ หัวหน้ าฝ่ ายปกครองและพัฒนา
จ่ าจังหวัดเลย
หัวหน้ าฝ่ ายบริหารงานทะเบียนเพือ่ ความมัน่ คง ส่ วนการทะเบียนทั่วไป
ป้ องกันจังหวัด พระนครศรีอยุธยา, สุ พรรณบุรี
หัวหน้ ากลุ่มพัฒนาระบบอานวยความเป็ นธรรม
ประสบการณ์
อานาจหน ้าทีแ
่ ละกระบวนการ
ไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท
ของฝ่ ายปกครอง
ิ ป์
นายกองตรี เรืองฤทธิ์ ชานาญศล
่ นอานวยความเป็นธรรม
สว
สาน ักการสอบสวนและนิตก
ิ าร
กรมการปกครอง
10 กันยายน 2553
ขอขอบคุณ
นายประดิษฐ์ ยมานันท์ นายอาเภอเมืองชุมพร
นายวัชรพงษ์ จาวรุ่ งวณิ ชสกุล นิติกรชานาญการพิเศษ สนง.ก.พ.ร.
นายสุ รพงษ์ สายโอภาศ ผูอ้ านวยการส่ วนอานวยความเป็ นธรรม
รูปแบบการระงับข ้อพิพาท : ภาคปฏิบต
ั ิ
การเจรจาต่อรอง (Negotiation)
การไกล่เกลีย
่ ประนอมข ้อพิพาท (Conciliation or
Mediation)
การอนุญาโตตุลาการ (Arbitration)
การพิจารณาคดีของศาล (Litigation)
4
ความข ัดแย้ง
ยุต ิ
การ
เจรจา
การไกล่ อนุญาโต
เกลีย
่
ตุลาการ
ศาล
เฉพาะเรือ
่ ง
ยุตธิ รรม
มีแพ ้มีชนะ
รูปแบบในการระงับข ้อพิพาท
5
อนุญาโตตุลาการ คือ อะไร
กระบวนการระงับข ้อพิพาทด ้วยการให ้
ี้ าด
คนกลางเข ้ามาทาหน ้าทีว่ น
ิ จ
ิ ฉั ยชข
ี้ าด (Award) จะมี
ข ้อพิพาท ซงึ่ คาชข
ผลผูกพันคูพ
่ พ
ิ าทให ้ต ้องปฏิบัตต
ิ าม
6
การระงับข ้อพิพาทโดยการอนุญาโตตุลาการ
 ลักษณะสาคัญของการอนุญาโตตุลาการ
ี้ าดมีผลบังคับได ้ตามกฎหมาย
 คาชข
 เกิดจากความสมัครใจของคูพ
่ พ
ิ าท
 การดาเนินการเป็ นความลับ
ี้ าด
 คูพ
่ พ
ิ าทเป็ นผู ้เลือกผู ้ทาหน ้าทีช
่ ข
(อนุญาโตตุลาการ)
 คูพ
่ พ
ิ าทเป็ นผู ้กาหนดวิธพ
ี จ
ิ ารณาเอง
7
การไกล่เกลีย
่ ทาให ้คูก
่ รณีรักษา
ั พันธภาพอันดีไว ้ได ้
สม
8
องค์ประกอบของการไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท
 มีข ้อพิพาทหรือข ้อขัดแย ้งเกิดขึน
้
 มีคก
ู่ รณีตงั ้ แต่สองฝ่ ายขึน
้ ไป
 มีคนกลางชว่ ยเหลือในการเจรจา
 คูก
่ รณีสมัครใจให ้คนกลางชว่ ยเหลือในการไกล่เกลีย
่
ิ ใจของคูก
 ผลของการไกล่เกลีย
่ เกิดจากการตัดสน
่ รณีเอง
9
ข ้อพิพาททีไ่ กล่เกลีย
่ ได ้
 ข ้อพิพาททางแพ่งและพาณิชย์ทั่วไป
 ข ้อพิพาททางอาญาทีย
่ อมความกันได ้
 ข ้อพิพาทอืน
่ ๆ
10
หลักการทีส
่ าคัญของการไกล่เกลีย
่
1. การไกล่เกลีย
่ เป็ นไปโดยความสมัครใจ
2. การไกล่เกลีย
่ เป็ นความลับ
3. คารับหรือข ้อเท็จจริงทีเ่ กิดจากการไกล่เกลีย
่ ต ้อง
้ นพยานในชน
ั ้ ศาลหรืออนุญาโตตุลาการ
ไม่ใชเป็
ี้ าดข ้อพิพาท
4. ผู ้ไกล่เกลีย
่ จะต ้องไม่วน
ิ จ
ิ ฉั ยชข
11
ข ้อดีของการไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท
1. สะดวก ไม่เป็ นพิธก
ี ารมากนัก
2. รวดเร็วกว่าการดาเนินคดีในศาลหรือวิธก
ี ารอืน
่
3. ประหยัดค่าใชจ่้ ายในการฟ้ องร ้องและบังคับคดี
ั พันธภาพระหว่างคูพ
4. รักษาสม
่ พ
ิ าทและพรรคพวก
5. สร ้างความพึงพอใจให ้แก่คพ
ู่ พ
ิ าท
ื่ เสย
ี งและความลับสว่ นตัวและทางธุรกิจ
6. รักษาชอ
ของคูพ
่ พ
ิ าท
7. สร ้างความสงบสุขให ้แก่ชม
ุ ชน สงั คมและ
ประเทศชาติ
12
ข ้อดีของการไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท (2)
่ าลและหน่วยงานอืน
8. ลดปริมาณคดีทข
ี่ น
ึ้ สูศ
่
9. สร ้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสงั คม
ให ้ประเทศชาติ
10. เป็ นประโยชน์ตอ
่ การระงับข ้อพิพาททีม
่ ค
ี พ
ู่ พ
ิ าท
จานวนมาก
ี่ งจากการพิพากษา ชข
ี้ าดคดี
11. ลดอัตราความเสย
13
บทบาท
ของผู ้ไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท
1. ชว่ ยทาให ้คูพ
่ พ
ิ าทมาพบปะเจรจาคืนดีกน
ั
2. อานวยความสะดวกในการไกล่เกลีย
่ หรือ
ประนอมข ้อพิพาท
3. ชว่ ยเสาะหาข ้อมูลทีจ
่ าเป็ นและข ้อมูลทาง
ื่ กลาง
กฎหมาย แปลความหมาย และเป็ นสอ
ให ้แก่คพ
ู่ พ
ิ าทได ้เข ้าใจตรงกัน
4. ให ้ความรู ้ในการไกล่เกลีย
่ หรือประนอมข ้อพิพาท
ตลอดจนการเจรจาต่อรองแก่คพ
ู่ พ
ิ าท
14
บทบาท
ของผู ้ไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท
5. ดาเนินการและควบคุมกระบวนการไกล่เกลีย
่
ตามพฤติการณ์แห่งคดีตามทีเ่ ห็นเหมาะสม
และสมควรหรือรับผิดชอบต่อกระบวนการ
แต่ไม่รับผิดชอบต่อผล
ึ ปฏิปักษ์
6. ชว่ ยลดทอนประเด็นทีพ
่ พ
ิ าทและรู ้สก
15
บทบาท
ของผู ้ไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาท
7. ชว่ ยสารวจทางเลือกในการระงับข ้อพิพาท
ทีเ่ ป็ นไปได ้
ึ ว่า
8. ชว่ ยประสานประโยชน์ให ้ทัง้ สองฝ่ ายรู ้สก
การระงับข ้อพิพาทจะเป็ นประโยชน์แก่ตน
ั ญาประนีประนอมยอมความ
9. ชว่ ยในการทาสญ
16
คุณสมบัตข
ิ องผู ้ไกล่เกลีย
่
คุณสมบัตท
ิ ต
ี่ ด
ิ ตัวมา
ความ
ี่ วชาญ
เชย
ประสบการณ์
การอบรมพัฒนา
17
คุณสมบัตท
ิ ต
ี่ ด
ิ ตัวมาของผู ้ไกล่เกลีย
่
 เป็ นกันเอง ท่าทางเป็ นมิตร ยิม
้ แย ้มแจ่มใส
 ไว ้วางใจได ้ รักษาความลับ
 มีความตัง้ ใจทีจ
่ ะชว่ ยเหลือ เป็ นผู ้ฟั งทีด
่ ี
ึ ของตนเองและผู ้อืน
 ไวต่ออารมณ์ ความรู ้สก
่
ิ ใจของผู ้อืน
 ยอมรับการตัดสน
่
18
คุณสมบัตข
ิ องผู ้ไกล่เกลีย
่
ทีจ
่ ะต ้องอบรมและพัฒนา
1. เป็ นอิสระ และเป็ นกลาง
2. รักษาความลับของคูพ
่ พ
ิ าท
3. มีความอดกลัน
้ และอดทน
ื่ สต
ั ย์สจ
4. ซอ
ุ ริตไม่แสวงหาผลประโยชน์
5. มีความรู ้และประสบการณ์ในการไกล่เกลีย
่
19
คุณสมบัตข
ิ องผู ้ไกล่เกลีย
่
ทีจ
่ ะต ้องอบรมและพัฒนา (ต่อ)
6. มีความสามารถในการเจรจาและ
ื่ สาร
ติดต่อสอ
7. มีความรู ้ความสามารถในเนือ
้ หาหรือเรือ
่ ง
ทีพ
่ พ
ิ าท
8. มีความเมตตาและชอบในการไกล่เกลีย
่
9. มีความรู ้ความเข ้าใจในหลักจิตวิทยาการ
ไกล่เกลีย
่
10. ใจกว ้าง มีอารมณ์ขน
ั
20
จริยธรรมผู ้ไกล่เกลีย
่
ื่ สต
ั ย์ สุจริต
1. ซอ
2. วางตนเป็ นกลางไม่เข ้าข ้างฝ่ ายใด
ิ ใด ๆ จากคูพ
3. ไม่เรียกร ้องทรัพย์สน
่ พ
ิ าท
4. วาจาสุภาพ สารวม น่านับถือ และมีความ
เมตตา
21
จริยธรรมผู ้ไกล่เกลีย
่ (ต่อ)
5. เปิ ดเผยข ้อเท็จจริง อันเป็ นมูลเหตุให ้
ถูกคัดค ้าน
6. ถอนตัวเมือ
่ ถูกคัดค ้าน
7. รักษาความลับของคูพ
่ พ
ิ าท
ื่ สารกับคูพ
8. ไม่ตด
ิ ต่อสอ
่ พ
ิ าทโดยมิชอบ
9. ปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีด
่ ้วยความขยันขันแข็ง
22
จริยธรรมของผู ้ไกล่เกลีย
่
ผู ไ้ กล่ เ กลี่ย จะต อ้ งสร า้ งศรั ท ธาให ้
คู่ ก รณี เ กิด ความเช ื่ อ ถื อ และไว ว้ างใจ
ื่ ถือ และไว ้วางใจ
เพราะความศรั ท ธาเช อ
จะทาให ้คู่ก รณีระบายความในใจออกมา
และยอมโอนอ่อ นตามแรงกระตุ ้นจนเต็ ม
ั ญาผูกพันต่อกัน
ใจทีจ
่ ะเข ้ามาทาสญ
23
ผู ้ไกล่เกลีย
่ : ข ้อกฎหมาย
มาตรา 323 ป.อาญา
“ผู ้ใดล่วงรู ้หรือได ้มาซงึ่ ความลับของผู ้อืน
่ โดย
เหตุทเี่ ป็ นเจ ้าพนักงานผู ้มีหน ้าที.่ ...แล ้วเปิ ดเผย
ี หาย
ความลับนั น
้ ในประการทีน
่ ่าจะเกิดความเสย
แก่ ผู ้หนึง่ ผู ้ใด ต ้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหก
เดือนหรือปรับไม่เกินหนึง่ พันบาทหรือทัง้ จาทัง้
ปรับ”
24
บทบาทหน ้าทีข
่ องฝ่ ายปกครอง
1. การไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาททางแพ่งและ
อาญา อันยอมความได ้ ซงึ่ เป็ นหน ้าทีต
่ าม
มาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครอง
ท ้องที่ พ.ศ.2457
2. การไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาททางแพ่งและ
อาญา ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ
แผ่นดิน มาตรา 61/2 มาตรา 61/3
25
บทบาทหน ้าทีข
่ องฝ่ ายปกครอง (ต่อ)
3. การไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาทหรือข ้อขัดแย ้ง
ี
เพือ
่ รักษาผลประโยชน์ในการเลีย
้ งชพ
และประโยชน์ทจ
ี่ ะพึงได ้ของราษฎร
ตามมาตรา 116 แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะ
ปกครองท ้องที่ พ.ศ.2457
26
กฎหมายการไกล่เกลีย
่ ข ้อพิพาทของฝ่ ายปกครอง
1.
2.
3.
4.
พระธรรมนูญศาลหัวเมือง ร.ศ.114
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท ้องที่ ร.ศ.116
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท ้องที่ พ.ศ.2457
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท ้องที่ พ.ศ.2457
5.
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
แก ้ไขเพิม
่ เติม พ.ศ.2527
แก ้ไขเพิม
่ เติม พ.ศ.2550
6. กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อ
พิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
7. กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษ
ทางอาญา พ.ศ.2553
27
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท ้องที่
พ.ศ.2457 (ม.87)
กรมการอาเภอต้องให้ราษฎรทีม
่ ก
ี จ
ิ ธุระ
หาได้ทก
ุ เมือ
่ ถ้าราษฎรร้องทุกข์อย่างใด
่ ยได้ตอ
่ ย
ซงึ่ กรมการอาเภอควรชว
้ งชว
ตามสมควร
คาพิพากษาฎีกา ที่ 960/2506
เรือ
่ งนีโ้ จทก์จาเลยตกลงก ันให้อาเภอเมือง
ั
สมุทรสงครามทาสญญาประนี
ประนอมให้
อาเภอย่อมมีอานาจทาให้ได้ตาม ม.87
แห่ง พ.ร.บ.ล ักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457
หล ักการไกล่เกลีย
่ และประนีประนอม
ตามมาตรา 87
ื่ เป็ นหลักฐาน
1. คูก
่ รณีสมัครใจและลงลายมือชอ
2. คูก
่ รณีฝ่ายใดฝ่ ายหนึง่ อยูใ่ นพืน
้ ทีห
่ รือเรือ
่ ง
เกิดขึน
้ ในพืน
้ ที่
3. เป็ นข ้อพิพาททางแพ่งหรือข ้อพิพาททาง
อาญาอันยอมความได ้
ื่ ในสญ
ั ญา
4. ถ ้าตกลงกันได ้ให ้คูก
่ รณีลงชอ
ประนีประนอมยอมความ
29
พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท ้องที่
พ.ศ.2457 (มาตรา 116)
ี ของ
“ การรักษาผลประโยชน์ในการหาเลีย
้ งชพ
่ การปิ ดน้ าและการระบายน้ า ....
ราษฎร เชน
ตลอดจนอย่างอืน
่ ๆ ถ ้าหากเกิดเกีย
่ งแย่งกันใน
ประโยชน์ทจ
ี่ ะพึงได ้...ให ้เรียกประชุมปรึกษาหาวิธท
ี ี่
จะรักษาประโยชน์ทงั ้ สองฝ่ ายก็ให ้รักษาประโยชน์
ใหญ่ โดยยอมทิง้ ประโยชน์น ้อย...เมือ
่ เห็นด ้วยกัน
โดยมากประการใด ให ้จัดการตามนัน
้ ”
30
้ ฐานเกีย
กฎหมายพืน
่ วก ับการไกล่เกลีย
่
ข้อพิพาทในปัจจุบ ัน
มาตรา 850 – 852 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กฎหมายอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 42 – 45
ประมวลกฎหมายวิธพ
ี จ
ิ ารณาความอาญา มาตรา 39
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา
61/1, มาตรา 61/2, มาตรา 61/3
ประมวลกฎหมายอาญา(เฉพาะความผิดอ ันยอมความได้)
กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข้อพิพาท
ทางแพ่ง
กฎกระทรวงว่าด้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทาง
อาญา
31
ภารกิจของฝ่ ายปกครองในการไกล่เกลีย
่
ภารกิจเกีย
่ วกับคดี
ึ ษาวิธก
ศก
ี ารไกล่เกลีย
่
ต ้องคัดเลือกผู ้ไกล่เกลีย
่ ทีม
่ ค
ี ณ
ุ สมบัตท
ิ ด
ี่ แ
ี ละ
เหมาะสมเพือ
่ ขึน
้ บัญช ี ฯ
ให ้ความรู ้แก่ประชาชนเกีย
่ วกับการไกล่เกลีย
่
ภารกิจเกีย
่ วกับงานธุรการ
้ การด ้าน
ให ้ความสะดวกแก่ประชาชนทีม
่ าใชบริ
การไกล่เกลีย
่
งานเกีย
่ วกับเอกสาร
งานด ้านการกาหนดนัดวันไกล่เกลีย
่
32
ข้อแตกต่างระหว่าง ม.87 ก ับ ม.61/2 , 61/3
ประเด็น
ม.87
ม.61/2
ม.61/3
ผูไ้ กล่เกลีย
่
นายอาเภอ/ปลัดอาเภอ
คณะบุคคล 3 คน
นายอาเภอ/ปลัดอาเภอ
ข ้อพิพาท
แพ่งและอาญาอันยอม
ความได ้
แพ่ง
อาญาอันยอมความได ้
ทุนทรัพย์
ไม่จากัดทุนทรัพย์
- ทีด
่ น
ิ มรดกไม่จากัด
- แพ่งอืน
่ 200,000 บาท
ั ญา
สญ
ประนีประนอมยอมความ
อนุญาโตตุลาการ
ั ญายอมความ
สญ
การบังคับ
ให ้ทนายฟ้ องต่อศาลหรือ
ไปร ้องทุกข์
ยืน
่ คาร ้องต่ออัยการให ้
ยืน
่ ร ้องต่อศาล
ร ้องทุกข์ตอ
่ พนักงานสอบสวน
หรือฟ้ องต่อศาล
การ
ดาเนินการ
กฎหมายแพ่ง/อาญาอัน
ยอมความได ้
พ.ร.บ.ระเบียบบริหาร
ราชการแผ่นดินฯ และ
อนุญาโตตุลาการ
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ
แผ่นดินฯ และ
ป.อาญา ความผิดอันยอม
ความกันได ้)
อายุความ
ไม่สะดุดหยุดลง
สะดุดหยุดลง
นับแต่วน
ั จาหน่ายข ้อพิพาท
-
กฎกระทรวงว่ าด้ วยการไกล่ เกลีย่ และ
ประนอมข้ อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
มำตรำ ๖๑/๑
ให้อำเภอมีอำนำจหน้ำทีภ่ ำยในเขตอำเภอ ดังต่อไปนี้
(๑) ........
(๔) ไกล่ เ กลี่ยหรื อจัด ให้มีกำรไกล่ เกลี่ยประนอมข้อ พิพำท
เพื่อ ให้เ กิ ด ควำมสงบเรี ย บร้อ ยในสัง คมตำมมำตรำ ๖๑/๒ และ
มำตรำ ๖๑/๓
35
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคหนึง่
ในอำเภอหนึง่ ให้มีคณะบุคคลผูท้ ำหน้ำทีไ่ กล่เกลีย่ และ
ประนอมข้อพิพำทของประชำชนทีค่ ู่กรณีฝ่ำยใดฝ่ ำยหนึง่ มี
ภูมิลำเนำอยู่ในเขตอำเภอ ในเรือ่ งทีพ่ ิพำททำงแพ่งเกีย่ วกับ
ทีด่ ิน มรดก และข้อพิพำททำงแพ่งอื่นทีม่ ีทุนทรัพย์ไม่เกิน
สองแสนบำทหรือมำกกว่ำนั้น ตำมทีก่ ำหนดในพระรำชกฤษฎีกำ
36
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคสอง
ให้นำยอำเภอโดยควำมเห็นชอบของคณะกรมกำรจังหวัดจัดทำบัญ ชี
รำยชื่อบุคคลที่จะทำหน้ำที่เป็ นคณะบุ คคลผูท้ ำหน้ำที่ไกล่ เกลี่ยและประนอม
ข้อพิพำท โดยคัดเลือกจำกบุคคลที่มีควำมรูห้ รือมีประสบกำรณ์เหมำะสมกับ
กำรทำหน้ำทีไ่ กล่เกลีย่ ข้อพิพำท
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคสำม
เมือ่ มีขอ้ พิพำทเกิดขึ้ นและคู่พิพำทตกลงยินยอมให้ใช้วิธีกำรไกล่เกลีย่
ข้อพิพำทให้คู่พิพำทแต่ละฝ่ ำยเลือกบุคคลจำกบัญชีรำยชื่อตำมวรรคสองฝ่ ำย
ละหนึง่ คน และให้นำยอำเภอ พนักงำนอัยกำรประจำจังหวัดหรือปลัด อำเภอที่
ได้รบั มอบหมำยคนหนึง่ เป็ นประธำน เพือ่ ทำหน้ำที่เป็ นคณะบุคคลผูท้ ำหน้ำที่
ไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท
37
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคสี่
ให้ค ณะบุ คคลผู ท้ ำหน้ำที่ไ กล่ เ กลี่ยและประนอมข้อพิพำทมีอำนำจ
หน้ำที่รบั ฟั งข้อพิพำทโดยตรงจำกคู่ พิพำท และดำเนินกำรไกล่เกลี่ ยให้เกิด
ข้อตกลงยินยอมร่ วมกันระหว่ำงคู่ พิพำทโดยเร็วถ้ำคู่พิพำททั้ง สองฝ่ ำยตกลง
กันได้ ให้คณะบุคคลผูท้ ำหน้ำที่ไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทจัดให้มีกำรทำ
สัญญำประนีประนอมยอมควำมระหว่ำงคู่พิพำท และให้ถือเอำข้อตกลงตำม
สัญญำประนีป ระนอมยอมควำมมีผ ลผู กพันคู่ พิพ ำททั้ง สองฝ่ ำย ในกรณี ที่
คู่พิพำทไม่อำจตกลงกันได้ ให้คณะบุ คคลผูท้ ำหน้ำที่ไกล่เกลี่ ยและประนอม
ข้อพิพำทสังจ
่ ำหน่ำยข้อพิพำทนั้น
38
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคห้ำ
ข้ อ ต ก ล ง ต ำ ม ว ร ร ค สี่ ใ ห้ มี ผ ล เ ช่ น เ ดี ย ว กั บ ค ำ ชี้ ข ำ ด ข อ ง
อนุญำโตตุลำกำรตำมกฎหมำยว่ำด้วยอนุญำโตตุลำกำร
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคหก
หลักเกณฑ์และวิธีกำรจัดทำบัญชี กำรดำเนินกำรไกล่เกลี่ ยข้อพิพำท
และกำรจัดทำสัญ ญำประนี ประนอมยอมควำม ตลอดจนค่ ำตอบแทนของ
คณะบุ ค คลผู ท้ ำหน้ำ ที่ ไ กล่ เ กลี่ ย และประนอมข้อ พิ พ ำท ให้เ ป็ นไปตำมที่
กำหนดในกฎกระทรวง
39
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคเจ็ ด
ในกรณี ทค
ี่ พ
ู่ พ
ิ าทฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งไม่ปฏิบตั ต
ิ าม
สัญญาประนีประนอมยอมความให้คพ
ู่ พ
ิ าทอีกฝ่ ายหนึ่งยืน
่
คาร้องต่อพนักงานอัยการ และให้พนักงานอัยการ
ดาเนินการยืน
่ คาร้องต่อศาลทีม
่ เี ขตอานาจเพือ
่ ให้ออกคา
บังคับให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวโดย
ให้นากฎหมาย ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการมาใช้บงั คับโดย
อนุโลม
40
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคแปด
เมื่อคณะบุ คคลผูท้ ำหน้ำที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพ ำทได้รบั ข้อ
พิพำทไว้พจิ ำรณำ ให้อำยุควำมในกำรฟ้ องร้องคดีสะดุดหยุดลง นับแต่วนั ที่ยืน่
ข้อพิพำทจนถึงวันที่คณะบุคคลผูท้ ำหน้ำที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทสัง่
จำหน่ ำ ยข้อพิพ ำทหรื อ วัน ที่คู่พิพำทท ำสัญญำประนี ประนอมยอมควำมกัน
แล้วแต่กรณี
มำตรำ ๖๑/๒ วรรคเก้ำ
ควำมในมำตรำนี้ ให้ใช้กบั เขตของกรุงเทพมหำนครด้วยโดยอนุโลม
41
ื่ ข ้อ 3
บัญชรี ายชอ
1. นายอาเภอประกาศกาหนดระยะเวลารับสมัคร
2. ไม่น ้อยกว่า 20 คน
3. ตามจานวนทีน
่ ายอาเภอเห็นสมควร
42
ก. คุณสมบัต ิ ข ้อ 4
1. อายุไม่ตา่ กว่า 35 ปี บริบรู ณ์ ในวันรับสมัคร
2. มีภม
ู ลิ าเนาตามหลักฐานทะเบียนราษฎรในเขต
อาเภอทีส
่ มัคร
3. เป็ นบุคคลทีม
่ ค
ี วามรูห
้ รือประสบการณ์ เหมาะสมกับ
การทาหน้าทีไ่ กล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพาท
43
ข. ลักษณะต้องห้าม
1.
เป็ นข้าราชการการเมืองหรือเจ้าหน้าทีอ่ น
ื่ ของรัฐ
2.
เป็ นบุคคลล้มละลาย คนวิกลจริตหรือจิตฟั่ นเฟื อน
3.
เป็ นผูเ้ คยได้รบั โทษจาคุกโดยคาพิพากษาถึงทีส่ ด
ุ ให้จาคุก เว้นแต่
เป็ นโทษสาหรับความผิดทีไ่ ด้กระทาโดยประมาท หรือความผิด
ลหุโทษ
4.
เป็ นผูด
้ ารงตาแหน่ งทางการเมือง กรรมการหรือผูด
้ ารงตาแหน่ งอืน
่
ซึง่ รับผิดชอบการบริหารพรรคการเมือง ทีป
่ รึกษาพรรคการเมือง
หรือเจ้าหน้าทีใ่ นพรรคการเมือง
5.
เป็ นผูเ้ คยถูกถอดถอนให้พน
้ จากบัญชีรายชือ
่
44
ประกาศบัญชีรายชือ
่ ข้อ 5
1. นายอาเภอรวบรวมรายชือ
่ ผูส
้ มัคร พร้อมประวัติ
ย่อเสนอคณะกรมการจังหวัด
2. คณะกรมการจังหวัดเห็นชอบ (ภายใน 30 วัน)
3. นายอาเภอปิ ดประกาศรายชือ
่
45
สาเหตุออกจากบัญชีรายชือ
่ ข้อ 6
1.
ตาย
2.
ลาออก โดยยืน
่ หนังสือต่อนายอาเภอ
3.
นายอาเภอ โดยความเห็นชอบของคณะกรมการจังหวัด
สั่งให้พน
้ เพราะขาดคุณสมบัตห
ิ รือมีลกั ษณะต้องห้าม
4.
ไม่เข้าร่วมการไกล่เกลีย่ เกิน 2 ครัง้
5.
ประพฤติผด
ิ ศีลธรรมจรรยา ข้อ 8(1) (4) (6) และ (7)
46
นำยแดง
หนังสือ/
ไปรษณีย/์ วำจำ
ข้อ ๑๑ ว.๑
นำย ส้ม
ไม่
ข้อ ๑๑ ว.๖
นำยอำเภอ/
ปลัดอำเภอ
แจ้ง
ข้อ
๑๑
ว.๒
ยินยอม ข้อ ๑๑ ว.๓
๑. แจ้งนำยแดง และนำยส้ม ข้อ ๑๑ ว.๓
๒. เลือกผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ ข้อ ๑๑ ว.๔
๓. จัดทำบันทึกไว้ในสำรบบฯ และลงลำยมือชื่อ ข้อ ๑๑ ว.๔
หมำยเหตุ
หำกเลื อ กประธำน
คณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย ไม่ ไ ด้
ใ ห้ น ำ ย อ ำ เ ภ อ เ ป็ น
ผูก้ ำหนด ข้อ ๑๑ ว.๕47
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๑. ให้ประธำนคณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ยนัดประชุมคณะผู ไ้ กล่ เกลี่ ยภำยใน
เจ็ ด วัน นับ แต่ ว ัน ที่ มี ค ณะผู ้ไ กล่ เ กลี่ ย ครบถ้ว น เพื่ อ พิ จ ำรณำค ำร้อ งขอ
ไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท (ข้อ ๑๒)
๒. ให้ดำเนินกำรไกล่ เกลี่ย ณ ที่ว่ำกำรอำเภอ แต่ ในกรณี จำเป็ น
ประธำนคณะผูไ้ กล่เกลี่ยจะกำหนดให้ดำเนินกำร ณ สถำนที่รำชกำรอื่นก็ได้
(ข้อ ๑๓ ว.๑)
๓. ให้อำเภอส่งหนังสือนัดหมำยกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท
ทำงไปรษณี ย ์ล งทะเบี ย นตอบรับ แจ้ ง วัน เวลำ และสถำนที่ ไปยัง คณะ
ผู ไ้ กล่ เ กลี่ย และคู่ พิพำททุ ก ฝ่ ำยภำยในเจ็ ด วัน นับ แต่ ว นั ที่ค ณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย
รับคำร้องขอไว้พจิ ำรณำ (ข้อ ๑๓ ว.๒ และ ว.๓)
48
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๔. คู่ พิพำทดังต่ อไปนี้ หำกไม่มำตำมนัด โดยไม่แจ้ง หรื อไม่ขอ
เลือ่ น ให้ดำเนินกำร ดังนี้ (ข้อ ๑๔)
๔.๑ คู่พิพำทฝ่ ำยที่ยืน่ คำร้องขอไกล่เกลี่ย หรือคู่ พิพำททุกฝ่ ำย
ให้จำหน่ ำยคำร้องและสัง่ ยุติเ รื่อง และให้ถือว่ ำคณะผู ไ้ กล่ เกลี่ยไม่ เคยรับ
คำร้องขอไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทนั้นมำแต่ตน้
๔.๒ กรณีอื่น เช่ น คู่ พิพำทฝ่ ำยที่ไม่ ได้ยื่นคำร้องฯ ให้คณะ
ผูไ้ กล่เกลีย่ ดำเนินกำรตำมทีเ่ ห็นสมควร
๕. ก่ อ นเริ่ ม ต้น กระบวนกำรไกล่ เ กลี่ย และประนอมข้อ พิ พ ำท ให้
ประธำนคณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย ชี้ แจงวิ ธี ก ำรไกล่ เ กลี่ย และประนอมข้อ พิ พ ำทให้
คู่พพิ ำททุกฝ่ ำยทรำบ (ข้อ ๑๕)
49
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๖. กำรไกล่ เ กลี่ย และประนอมข้อ พิพ ำททุ กครั้ง คณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย
จะต้องมำปฏิบตั ิหน้ำทีค่ รบทุกคน (ข้อ ๑๖ ว.๑)
๗. ให้คณะผูไ้ กล่เกลี่ยดำเนินกำรให้คู่พิพำทตกลงยินยอมผ่อนผัน
ให้แ ก่ ก นั โดยเปิ ดโอกำสให้คู่ พิ พ ำทเสนอข้อ ผ่ อ นผัน ให้แ ก่ ก นั หรื อ คณะ
ผูไ้ กล่เกลี่ยอำจเสนอทำงเลือกในกำรผ่อนผันให้แก่ คู่พิพำทพิจำรณำตกลง
ยิ น ยอมยุ ติ ข ้อ พิ พ ำทนั้น ทั้ง นี้ ห้ำ มมิ ใ ห้ค ณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ ย ชี้ ขำดข้อ พิ พ ำท
(ข้อ ๑๖ ว.๒)
50
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๗. ให้คณะผูไ้ กล่เกลีย่ รับฟังข้อเท็จจริงเบื้ องต้นเกีย่ วกับข้อพิพำทจำก
คู่พิพำททุกฝ่ ำย โดยให้รบั ฟั งข้อเท็จจริงต่ อหน้ำคู่ พิพำทพร้อมกัน ทั้งนี้ ใน
กำรไกล่เกลีย่ นั้นจะไกล่เกลีย่ พร้อมกันหรือแยกกันก็ได้ แต่ในกำรตกลงกันนั้น
ให้กระทำต่อหน้ำคู่พพิ ำททุกฝ่ ำย (ข้อ ๑๖ ว.๓)
๘. ในกรณีทีค่ ณะผูไ้ กล่เกลีย่ สงสัยโดยมีเหตุอนั ควรว่ำข้อพิพำทนั้นไม่
อำจบังคับกันได้ตำมกฎหมำยที่มิใช่เหตุอำยุควำม ให้คณะผูไ้ กล่ เกลีย่ ยุติกำร
ไกล่เกลี่ยและจำหน่ำยข้อพิพำทออกจำกสำรบบกำรไกล่เกลี่ยและประนอม
ข้อพิพำท (ข้อ ๑๖ ว.๔)
๙. คู่พพิ ำทนำพยำนบุคคลเข้ำชี้ แจงหรือให้ขอ้ มูลได้ (ข้อ ๑๗)
51
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๑๐. ในระหว่ ำ งกำรด ำเนิ น กำรไกล่ เ กลี่ ย และประนอมข้อ พิ พ ำท
คู่พิพำทมีสิทธิบอกเลิกกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทต่อประธำนคณะ
ผู ไ้ กล่ เกลี่ย โดยทำเป็ นหนังสื อหรื อด้วยวำจำก็ได้ และให้คณะผู ้ไกล่ เกลี่ย
สัง่ จำหน่ำยคำร้องขอไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทและสัง่ ยุติ เรื่อง และให้
ถือว่ำคณะผูไ้ กล่เกลีย่ ไม่เคยรับคำร้องขอไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทนั้น
มำแต่ตน้ (ข้อ ๑๙)
๑๑. กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทต้องให้แล้วเสร็จ
ภำยในระยะเวลำสำมเดือนนับแต่วนั ทีน่ ำยอำเภอได้ลงเรื่องในสำรบบกำรไกล่
เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท เว้นแต่ มีควำมจำเป็ นและคู่ พิพำทยิ นยอม ให้
ขยำยระยะเวลำได้อีกครั้งละไม่เกินสำมเดือน แต่รวมระยะเวลำทั้งหมดแล้ว
ต้องไม่เกินหนึง่ ปี (ข้อ ๒๑ ว.๑)
52
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๑๒. เมื่อ พ้น ระยะเวลำตำม ข้อ ๒๐ ว.๑ หำกกำรไกล่ เ กลี่ย และ
ประนอมข้อพิพำทยังไม่ได้ขอ้ ยุติ ให้คณะผูไ้ กล่เกลีย่ สัง่ จำหน่ำยข้อพิพำทนั้น
(ข้อ ๒๑ ว.๒)
๑๓. ในกรณี ที่ คู่ พิ พ ำทไม่ อ ำจตกลงกัน ได้ ให้ค ณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย สัง่
จำหน่ำยข้อพิพำทนั้น (ข้อ ๒๒)
๑๔. ในกรณีที่คู่พิพำทตกลงกันได้ ให้คณะผูไ้ กล่เกลีย่ จัดให้มีกำรทำ
สัญญำประนีประนอมยอมควำมระหว่ำงคู่พิพำท และให้ถือเอำข้อตกลงตำม
สั ญ ญำประนี ป ระนอมยอมควำมมี ผ ลผู กพั น คู่ พิ พ ำท โดยสั ญ ญำ
ประนีประนอมยอมควำมตำมวรรคหนึ่ง ต้องไม่ขดั ต่ อควำมสงบเรียบร้อ ย
และศีลธรรมอันดีของประชำชน (ข้อ ๒๓)
53
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๑๕. ผลของสัญญำประนีประนอมยอมควำมตำมข้อ ๒๓ วรรคหนึง่
ย่อมทำให้ขอ้ เรียกร้องเดิมของคู่ พิพำทได้ระงับสิ้ นไป และทำให้คู่พิพำทได้
สิทธิตำมทีแ่ สดงไว้ในสัญญำประนีประนอมยอมควำม (ข้อ ๒๔)
๑๖. กรณี ต ้อ งเปลี่ ย นตัว ผู ้ไ กล่ เ กลี่ ย ให้คู่ พิ พ ำทฝ่ ำยนั้ นเลื อ ก
ผูไ้ กล่ เกลี่ยใหม่ หรือขอเปลี่ยนตัวผูไ้ กล่เกลี่ย แล้วแต่ กรณี จำกบัญชี รำยชื่อ
เว้นแต่คู่พิพำทนั้นไม่เลือกผูไ้ กล่เกลีย่ และประสงค์บอกเลิก กำรไกล่เกลีย่ และ
ประนอมข้อพิพำท ให้แจ้งต่อประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ โดยทำเป็ นหนังสือหรือ
ด้วยวำจำก็ได้ และให้คณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ยสัง่ จำหน่ำยคำร้องขอไกล่ เกลี่ยและ
ประนอมข้อพิพำทและสัง่ ยุติเรื่อง และให้ถือว่ำคณะผูไ้ กล่เกลี่ยไม่เคยรับคำ
ร้องขอไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทนั้นมำแต่ตน้ (ข้อ ๒๐)
54
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๑๗. เพือ่ ประโยชน์ในกำรพิจำรณำกำรสะดุดหยุดลงของอำยุควำมใน
กำรฟ้ องร้องคดี ให้ถือว่ำวันที่คู่พิพำทแจ้งควำมประสงค์ตำมข้อ ๑๑ เป็ นวัน
ยื่นข้อพิพำท กรณี ที่แจ้งควำมประสงค์โดยวิ ธีส่ งทำงไปรษณี ย ์ ให้ถือวัน ที่
อำเภอได้รบั หนังสือแจ้ง (ข้อ ๑๘)
๑๘. ให้ประธำนคณะผู ไ้ กล่ เกลี่ยจัดให้มีกำรบันทึ กสรุปข้อเท็ จจริ ง
เกี่ยวกับข้อพิพำท ผลของกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท และข้อตกลง
ยินยอมร่ วมกันระหว่ำงคู่ พิพำท เพื่อเก็บรวมไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลี่ยและ
ประนอมข้อพิพำทของอำเภอ (ข้อ ๒๖)
55
เมือ่ ได้ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ แล้วให้ดำเนินกำร ดังต่อไปนี้
๑๘. ในกรณี ที่ คู่ พิ พ ำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ ง ไม่ ป ฏิ บ ัติ ต ำมสั ญ ญำ
ประนีประนอมยอมควำม ให้คู่พพิ ำทอีกฝ่ ำยหนึง่ ยืน่ คำร้องต่อพนักงำนอัยกำร
ที่มีเขตอำนำจรับผิดชอบในท้องที่อำเภอที่ดำเนินกำรไกล่เกลี่ ยและประนอม
ข้อ พิ พ ำทนั้น ภำยในก ำหนดเวลำสำมปี นับ แต่ ว ัน ที่ อ ำจบัง คับ ตำมสัญ ญำ
ประนีประนอมยอมควำมได้ และให้พนักงำนอัยกำรดำเนินกำรยืน่ คำร้องต่อ
ศำลที่มีเ ขตอำนำจเพื่อให้ออกค ำบังคับให้ตำมสัญญำประนีประนอมยอม
ควำมดังกล่ำว โดยให้นำกฎหมำยว่ ำด้วยอนุ ญำโตตุลำกำรมำใช้บงั คั บโดย
อนุโลม (ข้อ ๒๕)
56
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๑ วรรคหนึง่
ในกรณีที่คู่พิพำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่งประสงค์จะให้มีกำรไกล่ เกลี่ยและ
ประนอมข้อพิพำท ให้แจ้งควำมประสงค์เป็ นคำร้องขอต่อนำยอำเภอ โดยจะ
ทำเป็ นหนังสือส่งด้วยตนเองหรือส่งทำงไปรษณีย ์ หรือแจ้งด้วยวำจำ ณ ที่ว่ำ
กำรอำเภอที่ตนมีภูมิลำเนำก็ได้ในกรณีแจ้งด้วยวำจำ ให้นำยอำเภอจดแจ้ง
รำยละเอียดและให้ผูร้ อ้ งลงลำยมือชื่อไว้เป็ นหลักฐำน
ข้อ ๑๑ วรรคสอง
เมื่อนำยอำเภอได้รบั คำร้องขอตำมวรรคหนึ่งแล้ว ให้แจ้งให้คู่พิพำท
อีกฝ่ ำยหนึง่ ทรำบและสอบถำมว่ำประสงค์จะเข้ำสู่กระบวนกำรไกล่เกลี่ ยและ
ประนอมข้อ พิพ ำทหรื อ ไม่ ห ำกเป็ นกรณี ที่มี คู่ พิพ ำทหลำยฝ่ ำย ให้ แ จ้ง และ
สอบถำมคู่พพิ ำททุกฝ่ ำย
57
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๑ วรรคสำม
ในกรณีทีค่ ู่พพิ ำททุกฝ่ ำยตกลงยินยอมที่จะเข้ำสู่กระบวนกำรไกล่เกลีย่
และประนอมข้อพิพำท ให้นำยอำเภอแจ้งเป็ นหนังสือให้คู่พิพำททุกฝ่ ำยทรำบ
พร้อมทั้งกำหนดวัน เวลำ และสถำนที่ให้คู่พิพำททุกฝ่ ำยมำพร้อ มกันเพือ่ เลือก
ผูไ้ กล่เกลีย่ และประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่
ข้อ ๑๑ วรรคสี่
เมื่อ คู่ พิ พ ำททุ ก ฝ่ ำยมำพร้อ มกัน แล้ว ให้น ำยอ ำเภอด ำเนิ น กำรให้
คู่พิพำทเลือกผูไ้ กล่เกลีย่ ของตนและร่วมกันเลือกว่ำจะให้นำยอำเภอ พนักงำน
อัยกำรประจำจังหวัดหรือปลัดอำเภอ เป็ นประธำนคณะผูไ้ กล่เกลี่ ย และจัดให้
มีกำรบันทึกกำรตกลงยินยอมไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท
ของอำเภอ พร้อมทั้งให้คู่พพิ ำททุกฝ่ ำยลงลำยมือชื่อในสำรบบนั้น
58
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๑ วรรคห้ำ
ในกรณีที่คู่พิพำทไม่อำจร่วมกันเลือกประธำนคณะผูไ้ กล่เ กลี่ยได้ ให้
นำยอำเภอเป็ นผูก้ ำหนดประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่
ข้อ ๑๑ วรรคหก
ในกรณี ที่คู่ พิพำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ง ไม่ ยินยอมเข้ำสู่ กระบวนกำรไกล่
เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท ให้นำยอำเภอจำหน่ำยคำร้องขอไกล่เกลี่ยและ
ประนอมข้อพิพำทนั้นและแจ้งให้ผูร้ อ้ งขอทรำบ
59
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๒
เมื่อมีกำรเลือกหรือกำหนดผูไ้ กล่เกลี่ยและประธำนคณะผู ้ไกล่เกลี่ย
แล้ว ให้ประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ นัดประชุมคณะผูไ้ กล่เกลีย่ ภำยในเจ็ ดวันนับ
แต่ ว นั ที่ มี ค ณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย ครบถ้ว น เพื่อ พิจ ำรณำค ำร้อ งขอไกล่ เ กลี่ย และ
ประนอมข้อ พิพำท ในกรณี ที่เ ห็ น ว่ ำ ผู ร้ อ้ งขอใช้สิ ท ธิ โ ดยไม่ สุจ ริ ต หรื อ กำร
ดำเนินกำรต่ อไปจะเป็ นผลให้เกิดกำรได้เปรี ยบหรื อเสียเปรี ยบแก่ คู่ พิพำท
ฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ง ในกำรด ำเนิ น คดี ท ำงศำล ให้ค ณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย มี ม ติ ไ ม่ ร ับ
ค ำร้อ งขอนั้น ไว้พิจ ำรณำและให้ยุ ติ เ รื่ อ ง ในกรณี อื่ น ให้ร บั ค ำร้อ งขอนั้น ไว้
เพื่อดำเนินกำรต่ อไป แต่ กำรรับดังกล่ำวให้อยู่ภำยใต้บงั คับข้ อ ๑๔ ข้อ ๑๙
และข้อ ๒๐
60
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๓ วรรคหนึง่
กำรดำเนินกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท โดยปกติ ให้กระทำ
ณ ที่ว่ำกำรอำเภอ แต่ ในกรณีจำเป็ นประธำนคณะผู ไ้ กล่เกลี่ยจะกำหนดให้
ดำเนินกำร ณ สถำนที่รำชกำรอื่นก็ได้ แต่ ตอ้ งแจ้งให้คู่พิพำททรำบล่วงหน้ำ
ตำมสมควร
61
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๓ วรรคสอง
ให้อำเภอส่งหนังสือนัดหมำยกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทแจ้งวัน
เวลำ และสถำนที่ ไปยังคณะผูไ้ กล่เกลี่ยและคู่ พิพำททุกฝ่ ำยภำยในเจ็ ดวันนับแต่
วันที่คณะผูไ้ กล่เกลีย่ รับคำร้องขอไว้พิจำรณำตำมข้อ ๑๒ สำหรับกำรนัดครั้งต่อ ๆ
ไป ให้ประธำนคณะผูไ้ กล่เกลีย่ เป็ นผูก้ ำหนดและแจ้งให้คู่พิพำททุ กฝ่ ำยทรำบ และ
บันทึกกำรนัดหมำยไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท
ข้อ ๑๓ วรรคสำม
กำรส่งหนังสือนัดหมำยตำมวรรคสอง ให้นำยอำเภอหรือประธำนคณะผู ้
ไกล่เกลีย่ แล้วแต่กรณี ดำเนินกำรส่งทำงไปรษณียล์ งทะเบียนตอบรับให้แก่คู่พิพำท
และบุ คคลที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่ ผูน้ ้ นั อยู่ ณ สถำนที่ไกล่เกลี่ยในเวลำที่ได้มีกำรนัด
หมำยและได้ลงลำยมือชื่อรับรูไ้ ว้ ให้ถอื ว่ำได้ส่งโดยชอบแล้ว
62
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๔
ถ้ำ คู่ พิ พ ำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ ง หรื อ ทุ ก ฝ่ ำยไม่ ม ำตำมก ำหนดที่ ป ระธำน
คณะผูไ้ กล่เกลี่ยนัดหมำยโดยไม่แจ้งเหตุผล หรือไม่ขอเลือ่ นวันนัดหมำย หำกเป็ น
กรณีทีค่ ู่พิพำททีย่ นื่ คำร้องขอไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท หรือคู่กรณีทุกฝ่ ำยไม่
มำตำมกำหนดนัดให้คณะผูไ้ กล่เกลี่ยสัง่ จำหน่ำยคำร้องขอไกล่เกลี่ ยและประนอม
ข้อพิพำทและสังยุ
่ ติเรื่องและให้ถือว่ำคณะผูไ้ กล่เกลีย่ ไม่เคยรับ คำร้องขอไกล่เกลีย่
และประนอมข้อพิพำทนั้นมำแต่ตน้ ในกรณีอื่นให้คณะผูไ้ กล่เกลี่ยดำเนินกำรตำมที่
เห็นสมควรต่อไป
ข้อ ๑๕
ก่ อ นเริ่ ม ต้น กระบวนกำรไกล่ เ กลี่ย และประนอมข้อ พิ พ ำท ให้ป ระธำน
คณะผู ไ้ กล่เกลี่ยชี้ แจงวิ ธีกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทให้คู่ พิพำททุกฝ่ ำย
ทรำบ
63
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๖ วรรคหนึง่
กำรไกล่ เกลี่ยและประนอมข้อพิพำททุ กครั้ง คณะผู ไ้ กล่ เกลี่ยจะต้องมำ
ปฏิบตั ิหน้ำทีค่ รบทุกคน
ข้อ ๑๖ วรรคสอง
ในกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท ให้คณะผูไ้ กล่เกลี่ยดำเนิ นกำรให้
คู่พิพำทตกลงยินยอมผ่อนผันให้แก่กนั โดยเปิ ดโอกำสให้คู่พิพำทเสนอข้อผ่อนผัน
ให้แ ก่ ก นั หรื อคณะผู ไ้ กล่ เกลี่ยอำจเสนอทำงเลือกในกำรผ่อนผันให้แก่ คู่พิ พำท
พิ จ ำรณำตกลงยิ น ยอมยุ ติ ข ้อ พิ พ ำทนั้น ทั้ง นี้ ห้ำ มมิ ใ ห้ค ณะผู ไ้ กล่ เ กลี่ย ชี้ ขำด
ข้อพิพำท
64
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๖ วรรคสำม
ให้คณะผูไ้ กล่เกลีย่ รับฟังข้อเท็จจริงเบื้ องต้นเกีย่ วกับข้อพิพำทจำกคู่พิพำท
ทุกฝ่ ำย โดยให้รบั ฟังข้อเท็จจริงต่อหน้ำคู่พิพำทพร้อมกัน ทั้งนี้ ในกำรไกล่เกลีย่ นั้น
จะไกล่ เ กลี่ย พร้อมกัน หรื อแยกกันก็ ได้ แต่ ใ นกำรตกลงกันนั้น ให้ก ระทำต่ อหน้ำ
คู่พิพำททุกฝ่ ำย
ข้อ ๑๖ วรรคสี่
ในกรณี ที่คณะผู ไ้ กล่ เกลี่ยสงสัยโดยมีเหตุ อนั ควรว่ ำข้อพิพำทนั้นไม่ อำจ
บังคับกันได้ตำมกฎหมำยที่มิใช่เหตุอำยุควำม ให้คณะผูไ้ กล่เกลีย่ ยุติกำรไกล่เกลี่ย
และจำหน่ำยข้อพิพำทออกจำกสำรบบกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท
65
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๗
ในกรณีคู่พิพำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่งร้องขอหรือคณะผู ไ้ กล่เกลี่ย เห็ นสมควร
คณะผู ้ไ กล่ เ กลี่ ย อำจให้น ำพยำนบุ ค คลเข้ำ ชี้ แจงหรื อ ให้ข ้อ มู ล ก็ ไ ด้ แต่ ท้ ัง นี้
คณะผูไ้ กล่เกลี่ยต้องคำนึงถึงหลักกำรที่จะให้กำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท
เสร็จสิ้ นไปโดยเร็ว
ข้อ ๑๘
เพื่อ ประโยชน์ใ นกำรพิ จ ำรณำกำรสะดุ ด หยุ ด ลงของอำยุ ค วำมในกำร
ฟ้ องร้องคดี ให้ถอื ว่ำวันทีค่ ู่พิพำทแจ้งควำมประสงค์ตำมข้อ ๑๑ วรรคหนึง่ เป็ นวัน
ยื่นข้อพิพำท กรณีที่แจ้งควำมประสงค์โดยวิ ธีส่งทำงไปรษณีย ์ ให้ถื อวันที่อำเภอ
ได้รบั หนังสือแจ้ง
66
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๑๙
ในระหว่ ำ งกำรด ำเนิ น กำรไกล่ เ กลี่ ย และประนอมข้อ พิ พ ำท หำก
คู่พิพำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึง่ ไม่สมัครใจที่จะให้ดำเนินกำรไกล่เกลี่ ยและประนอม
ข้อพิพำทต่ อไป คู่ พิพำทฝ่ ำยนั้นมีสิ ทธิ บอกเลิกกำรไกล่ เ กลี่ย และประนอม
ข้อพิพำทต่ อประธำนคณะผูไ้ กล่เกลี่ย โดยทำเป็ นหนังสือหรือด้ว ยวำจำก็ได้
และให้ ค ณะผู ้ไ กล่ เ กลี่ ย สัง่ จ ำหน่ ำ ยค ำร้อ งขอไกล่ เ กลี่ ย และปร ะนอม
ข้อพิพำทและสัง่ ยุติเรื่อง และให้ถือว่ำคณะผูไ้ กล่เกลีย่ ไม่เ คยรับคำร้องขอไกล่
เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทนั้นมำแต่ตน้
67
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๒๐ วรรคหนึง่
ในระหว่ำงกำรดำเนินกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท ถ้ำผูไ้ กล่ เกลี่ย
ทีค่ ู่พิพำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึง่ ได้เลือกไว้ตอ้ งพ้นจำกบัญชีรำยชื่อ หรือไม่อำจดำเนินกำร
ไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำทต่อไปได้ดว้ ยเหตุอื่น หรือคู่พิพำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึง่ มี
ควำมประสงค์ขอเปลีย่ นตัวผูไ้ กล่เกลีย่ ให้คู่พิพำทฝ่ ำยนั้นเลือกผู ไ้ กล่เกลีย่ ใหม่หรือ
ขอเปลี่ยนตัวผูไ้ กล่เกลี่ย แล้วแต่กรณีจำกบัญชีรำยชื่อ เว้นแต่ คู่ พิพำทนั้นไม่เลือก
ผูไ้ กล่เกลีย่ และประสงค์บอกเลิกกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำท ให้คณะผูไ้ กล่
เกลีย่ ดำเนินกำรตำมข้อ ๑๙
ข้อ ๒๐ วรรคสอง
กำรเลื อ กหรื อ เปลี่ ย นตัว ผู ไ้ กล่ เ กลี่ ย ใหม่ ต ำมวรรคหนึ่ ง ไม่ ก ระทบถึ ง
กระบวนกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพำททีไ่ ด้ดำเนินกำรไปแล้ว
68
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๒๑ วรรคหนึง่
กำรดำเนินกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำทต้องให้แล้วเสร็ จภำยใน
ระยะเวลำสำมเดือนนับแต่ วนั ที่นำยอำเภอได้ลงเรื่องในสำรบบกำรไกล่เกลี่ ยและ
ประนอมข้อพิพำท เว้นแต่มีควำมจำเป็ นและคู่พิพำทยินยอม ให้ขยำยระยะเวลำได้
อีกครั้งละไม่เกินสำมเดือน แต่รวมระยะเวลำทั้งหมดแล้วต้องไม่เกินหนึ่งปี
ข้อ ๒๑ วรรคสอง
เมือ่ พ้นระยะเวลำตำมวรรคหนึง่ หำกกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิ พำท
ยังไม่ได้ขอ้ ยุติ ให้คณะผูไ้ กล่เกลีย่ สังจ
่ ำหน่ำยข้อพิพำทนั้น
69
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๒๒
ในกรณี ที่ คู่ พิ พ ำทไม่ อ ำจตกลงกัน ได้ ให้ค ณะผู ้ไ กล่ เ กลี่ ย สั ง่ จ ำหน่ ำ ย
ข้อพิพำทนั้น
ข้อ ๒๓ วรรคหนึง่
ในกรณี ที่คู่ พิ พำทตกลงกันได้ ให้ค ณะผู ไ้ กล่ เกลี่ยจัดให้มี ก ำรทำสัญญำ
ประนี ป ระนอมยอมควำมระหว่ ำ งคู่ พิ พ ำท และให้ถื อ เอำข้อ ตกลงตำมสัญ ญำ
ประนีประนอมยอมควำมมีผลผูกพันคู่พิพำท
ข้อ ๒๓ วรรคสอง
กำรจัดทำสัญญำประนีประนอมยอมควำมตำมวรรคหนึ่ง ต้องไม่ ขดั ต่ อ
ควำมสงบเรียบร้อยและศี ลธรรมอันดีของประชำชน และให้คู่พิพำททุกฝ่ ำยและ
คณะผูไ้ กล่เกลีย่ ลงลำยมือชื่อ
70
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๒๔
ผลของสัญ ญำประนี ป ระนอมยอมควำมตำมข้อ ๒๓ วรรคหนึ่ ง
ย่อมทำให้ขอ้ เรียกร้องเดิมของคู่ พิพำทได้ระงับสิ้ นไป และทำให้คู่พิพำทได้
สิทธิตำมทีแ่ สดงไว้ในสัญญำประนีประนอมยอมควำม
71
ข้อ ๒๕ วรรคหนึง่
ในกรณี ที่ คู่ พิ พ ำทฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ง ไม่ ป ฏิ บ ตั ิ ต ำมสัญ ญำประนี ป ระนอม
ยอมควำม ให้คู่ พิ พ ำทอี ก ฝ่ ำยหนึ่ง ยื่น ค ำร้อ งต่ อพนัก งำนอัย กำรที่ มี เ ขตอำนำจ
รับผิดชอบในท้องที่อำเภอที่ดำเนินกำรไกล่เกลีย่ และประนอมข้อพิพ ำทนั้น และให้
พนักงำนอัยกำรดำเนินกำรยืน่ คำร้องต่อศำลที่มีเขตอำนำจเพื่อให้ออกคำบังคับให้
ตำมสัญ ญำประนี ป ระนอมยอมควำมดัง กล่ ำ ว โดยให้ น ำกฎหมำยว่ ำ ด้ว ย
อนุ ญำโตตุลำกำรมำใช้บงั คับโดยอนุ โลม
ข้อ ๒๕ วรรคสอง
กำรยืน่ คำร้องต่อศำลของพนักงำนอัยกำรตำมวรรคหนึง่ ให้กระทำภำยใน
กำหนดเวลำสำมปี นับแต่วนั ทีอ่ ำจบังคับตำมสัญญำประนีประนอมยอมควำมได้
72
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ และประนอมข ้อพิพาททางแพ่ง พ.ศ.2553
ข้อ ๒๖
ให้ประธำนคณะผูไ้ กล่เกลี่ยจัดให้มีกำรบันทึกสรุปข้อเท็ จจริงเกี่ยวกับ
ข้อพิพำท ผลของกำรไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพำท และข้อตกลงยินยอม
ร่วมกันระหว่ำงคู่พิพำท เพื่อเก็บรวมไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลี่ยและประนอม
ข้อพิพำทของอำเภอ
73
Coffee break
กฎกระทรวงว่าด ้วยการ
ไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษ
ทางอาญา พ.ศ.2553
มำตรำ ๖๑/๑
ให้อำเภอมีอำนำจหน้ำทีภ่ ำยในเขตอำเภอ ดังต่อไปนี้
(๑) ........
(๔) ไกล่ เ กลี่ยหรื อจัด ให้มีกำรไกล่ เกลี่ยประนอมข้อ พิพำท
เพื่อ ให้เ กิ ด ควำมสงบเรี ย บร้อ ยในสัง คมตำมมำตรำ ๖๑/๒ และ
มำตรำ ๖๑/๓
76
มำตรำ ๖๑/๓ วรรคหนึง่
บรรดำควำมผิดที่มีโทษทำงอำญำที่เกิดขึ้ นในเขตอำเภอใด
หำกเป็ นควำมผิดอันยอมควำมได้ และมิใช่เป็ นควำมผิดเกีย่ วกับเพศ
ถ้ำ ผู ้เ สี ย หำยและผู ้ถู ก กล่ ำ วหำยิ น ยอม หรื อ แสดงควำมจ ำน ง
ให้น ำยอ ำเภอของอ ำเภอนั้น หรื อปลัด อำเภอที่น ำยอ ำเภอดั ง กล่ ำ ว
มอบหมำยเป็ นผู ไ้ กล่เกลี่ยตำมควรแก่กรณี และเมื่อผู เ้ สี ยหำยและ
ผู ถ้ ู ก กล่ ำ วหำยิ น ยอมเป็ นหนัง สื อ ตำมที่ ไ กล่ เ กลี่ ย และปฏิ บ ตั ิ ต ำม
คำไกล่ เกลี่ยดังกล่ ำวแล้ว ให้คดีอำญำเป็ นอันเลิกกัน ตำมประมวล
กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ
77
มำตรำ ๖๑/๓ วรรคสอง
ในกรณี ที่ ผู ้เ สี ย หำยและผู ้ถู ก กล่ ำ วหำ ไม่ ยิ น ยอมตำมที่
ไกล่ เ กลี่ ย ให้จ ำหน่ ำ ยข้อ พิ พ ำทนั้น แต่ เ พื่ อ ประโยชน์ใ นกำรที่
ผูเ้ สียหำยจะไปดำเนินคดีต่อไป อำยุควำมกำรร้องทุกข์ตำมประมวล
กฎหมำยอำญำให้เริม่ นับแต่วนั ทีจ่ ำหน่ำยข้อพิพำท
มำตรำ ๖๑/๓ วรรคสำม
หลักเกณฑ์และวิธีในกำรดำเนินกำรตำมวรรคหนึง่ ให้เป็ นไป
ตำมทีก่ ำหนดในกฎกระทรวง
78
ข้อ ๒
ในกฎกระทรวงนี้
“อำเภอ” หมำยควำมรวมถึง กิง่ อำเภอ
“นำยอำเภอ” หมำยควำมรวมถึง ปลัดอำเภอผูเ้ ป็ นหัวหน้ำประจำกิ่ง
อำเภอ
“ปลัดอำเภอ” หมำยควำมว่ำ ปลัดอำเภอที่นำยอำเภอมอบหมำยให้
เป็ นผูไ้ กล่เกลีย่ คดีควำมผิดทีม่ ีโทษทำงอำญำ
“ควำมผิดที่มีโทษทำงอำญำ” หมำยควำมว่ ำ ควำมผิดที่มีโทษทำง
อำญำตำมประมวลกฎหมำยอำญำหรื อกฎหมำยอื่นที่เป็ นควำมผิดอันยอม
ควำมได้ และมิใช่ควำมผิดเกีย่ วกับเพศ
79
ประมวลกฎหมำยอำญำ
มาตรา
๒๗๒
ฐานความผิด
ควำมผิดฐำนใช้เครือ่ งหมำยกำรค้ำผูอ้ ื่น
๓๐๙ วรรคหนึง่
ควำมผิดต่อเสรีภำพ
๓๑๐ วรรคหนึง่
ควำมผิดฐำนหน่วงเหนีย่ วกักขัง
๓๑๑ วรรคหนึง่
ควำมผิดฐำนหน่วงเหนีย่ วกักขังโดยประมำท
๓๒๒ - ๓๒๔
ควำมผิดฐำนเปิ ดเผยควำมลับผูอ้ ื่น
๓๒๖ - ๓๒๘
ควำมผิดฐำนหมิน่ ประมำท
๓๔๑ - ๒๔๒
และ ๓๔๔ - ๓๔๗
ควำมผิดฐำนฉ้อโกง
80
ประมวลกฎหมำยอำญำ
มาตรา
๓๔๙ - ๓๕๐
ฐานความผิด
ควำมผิดฐำนโกงเจ้ำหนี้
๓๕๒ - ๓๕๕
ควำมผิดฐำนยักยอก
๓๕๘ - ๓๕๙
ควำมผิดฐำนทำให้เสียทรัพย์
๓๖๒ - ๓๖๔
ควำมผิดฐำนบุกรุก
หมำยเหตุ มำตรำ ๗๑ วรรคสอง บัญญัติว่ำ “ควำมผิดตำมที่บญ
ั ญัติไว้
ในมำตรำ ๓๓๔ ถึงมำตรำ ๓๓๖ วรรคแรก และมำตรำ ๓๔๑ ถึงมำตรำ ๓๖๔ นั้น
ถ้ำเป็ นกำรกระทำที่ผูบ้ ุพกำรีกระทำ ต่อผูส้ ืบสันดำน ผูส้ ืบสันดำนกระทำต่ อผูบ้ ุพกำรี
หรือพีห่ รือน้องร่วมบิดำมำรดำเดียวกันกระทำต่อกัน แม้กฎหมำยมิได้บ ัญญัติให้เป็ น
ควำมผิดอันยอมควำมได้ ก็ให้เป็ นควำมผิดอันยอมควำมได้
81
พระรำชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ละเมิดลิขสิ ทธิ์ตามมาตรา
ยอมความได้ ตามมาตรา
๒๗ – ๓๑ และ ๕๒, ๖๙, ๗๐
๖๖
พระรำชบัญญัติว่ำด้วยควำมผิดอันเกิดจำกกำรใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔
ฐานความผิด
ธนำคำรปฏิเสธกำรจ่ ำยเงิน ตำมมำตรำ ๔
ยอมความได้ ตามมาตรา
๕
82
ข้อ ๓
บรรดำควำมผิ ด ที่ มี โ ทษทำงอำญำที่ เ กิ ด ขึ้ นในเขตอ ำเภอใด ถ้ำ
ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำยินยอมหรือแสดงควำมจำนงให้มีกำรไกล่เกลีย่ ให้
นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอของอำเภอนั้นเป็ นผูไ้ กล่เกลีย่ ตำมควรแก่กรณี
83
นำย แดง
หนังสือ/วำจำ
ข้อ ๔ ว. ๑
นำย ส้ม
แจ้ง
ข้อ ๔
ว.๒
ไม่
ข้อ ๔ ว.๔
นำยอำเภอ/
ปลัดอำเภอ
คำแนะนำเพิม่ เติม
เพือ่ ป้องกันปั ญหำเรื่อง
อำยุควำม ควรแนะนำให้
ผูเ้ สียหำย ไปร้องทุกข์ต่อ
พนักงำนสอบสวน
ยินยอม
ข้อ ๔ ว.๓
แจ้งนำย แดง และนำย ส้ม
และจัดทำบันทึกกำรยินยอม
ไว้ในสำรบบฯ
พร้อมทั้งลงลำยมือชื่อ
หมำยเหตุ
๑. คดีระงับห้ำมรับ (ข้อ ๕)
๒. กำรแสดงควำมจำนงไม่ใช่คำร้องทุกข์ (ข้อ ๖)
84
เมือ่ จัดทำบันทึกกำรยินยอมไว้ในสำรบบฯ แล้ว
ให้นำยอำเภอ/ปลัดอำเภอ ดำเนินกำรดังนี้ (ข้อ ๗ ว.๑)
๑. รับข้อพิพำทนั้นไว้ดำเนินกำรไกล่เกลีย่
๒. แจ้งผู เ้ สียหำยและผู ถ้ ู กกล่ำวหำถึงสิทธิ ของตนและผล
ของกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทตำมข้อ ๑๒ ข้อ ๑๔ ข้อ ๑๕
และข้อ ๑๗
๓. สอบถำมรำยละเอียด
๔. บันทึกรำยละเอียดไว้ในสำรบบ
85
กำรสอบถำมรำยละเอียด (ข้อ ๘ ว.๑)
ให้นำยอำเภอ/ปลัดอำเภอดำเนินกำรกระทำต่ อหน้ำผู เ้ สียหำยและ
ผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำย เว้นแต่ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึง่ ไม่มำ
ตำมที่นดั หมำยโดยไม่มีเหตุอนั สมควรจะกระทำลับหลังผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ู ก
กล่ำวหำฝ่ ำยนั้นก็ได้
86
กำรบันทึกรำยละเอียดข้อพิพำท
๑. ให้บนั ทึกเฉพำะ (ข้อ ๗ ว.๒)
(๑) กำรกระท ำที่ เ กี่ ย วข้อ งกับ ข้อ พิ พ ำทตำมที่ ไ ด้ค วำมจำก
ผูเ้ สียหำย และผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยและผูท้ ีเ่ กีย่ วข้อง
(๒) วัน เวลำ สถำนที่
(๓) บุคคลหรือสิง่ ของทีเ่ กีย่ วข้องกับข้อพิพำท
๒. นำยอำเภอ/ปลัดอำเภออ่ำนข้อควำมทีบ่ นั ทึกไว้ในสำรบบให้
ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยฟัง (ข้อ ๗ ว. ๓)
๓. ผูเ้ สียหำย ผูถ้ ูกกล่ำวหำ และนำยอำเภอ/ปลัดอำเภอ ลงลำยมือ
ชื่อกำกับไว้เป็ นหลักฐำน (ข้อ ๗ ว. ๓)
87
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่
๑. ให้กระทำ ณ ทีว่ ่ำกำรอำเภอ หรือในกรณีจำเป็ นจะกระทำ ณ
สถำนทีร่ ำชกำรอื่นตำมทีน่ ำยอำเภอกำหนดก็ได้ แต่ตอ้ งแจ้งให้ผูเ้ สียหำยและ
ผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยทรำบล่วงหน้ำตำมสมควร (ข้อ ๙ ว.๑)
๒. ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอส่งหนังสือนัดหมำยกำรไกล่เกลีย่ ไป
ยังผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำย เว้นแต่ผูน้ ้นั ได้รบั แจ้งด้วยวำจำและ
ลงลำยมือชื่อรับรูไ้ ว้ ให้ถอื ว่ำเป็ นกำรนัดหมำยโดยชอบแล้ว (ข้อ ๙ ว.๒)
๓. กำรไกล่เกลีย่ นั้นจะไกล่เกลีย่ พร้อมกันหรือแยกกันก็ได้ แต่
ในกำรตกลงกันนั้น ให้กระทำต่อหน้ำผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำย
(ข้อ ๘ ว.๑)
88
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๔. ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุกฝ่ ำยมีสิทธิ ให้ผูซ้ ึ่ งตนไว้วำงใจไม่
เกิ น สองคนเข้ำ รับ ฟั ง กำรไกล่ เ กลี่ ย ได้ แต่ ใ นกำรไกล่ เ กลี่ ย ครั้ง ใด หำก
นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอเห็ นว่ำกำรมีบุคคลอื่นซึ่ งไม่ใช่ ผูเ้ สี ยหำยหรือผูถ้ ู ก
กล่ำวหำอยู่ดว้ ยจะเป็ นอุปสรรคต่ อกำรไกล่เกลี่ยจะดำเนินกำรไกล่ เกลี่ยครั้ง
นั้นโดยมิใ ห้บุคคลอื่นซึ่ งมิใช่ ผูเ้ สียหำยหรื อผู ถ้ ู กกล่ ำวหำเข้ำร่ วมรับฟั งก็ได้
(ข้อ ๘ ว.๒)
89
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๕. เพือ่ ประโยชน์ในกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำท นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอ
อำจเปิ ดโอกำสให้ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำเสนอข้อผ่อนผันให้แก่กนั หรือ
อำจเสนอทำงเลือกให้แก่ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำผ่อนผันให้แก่กนั ก็ได้
แต่หำ้ มไม่ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอวินิจฉัยข้อเท็จจริงหรือชี้ ขำดข้อพิพำท
(ข้อ ๑๐)
90
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๖. เมื่อผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุกฝ่ ำยตกลงยินยอมตำมที่ไกล่
เกลีย่ ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจัดทำเป็ นหนังสือตกลงยินยอม และบันทึก
กำรตกลงยินยอมนั้นไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ
(ข้อ ๑๑ ว.๑)
๗. เมือ่ ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยได้ปฏิบตั ิต ำมควำมตกลง
ยินยอมแล้ว ให้คดีอำญำเป็ นอันเลิกกันและสิทธิกำรนำคดีอำญำมำฟ้ องระงับ
ไปตำมประมวลกฎหมำยวิธีพจิ ำรณำควำมอำญำ
ในกรณี ที่ มี ก ำรร้อ งทุ ก ข์ห รื อ ยื่น ฟ้ องต่ อ ศำลไว้ ให้น ำยอ ำเภอหรื อ
ปลัดอำเภอแจ้งต่อพนักงำนสอบสวน พนักงำนอัยกำร หรือศำล แล้วแต่ กรณี
(ข้อ ๑๒)
91
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๘. นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจะเปิ ดเผยข้อเท็จจริงใดที่ได้ม ำจำก
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทมิได้ เว้นแต่เป็ นกำรเปิ ดเผยตำมคำสัง่ ศำล
(ข้อ ๑๓)
๙. ในกรณีที่ผูเ้ สียหำยและผู ถ้ ู กกล่ำวหำได้ตกลงยินยอมตำมที่ไกล่
เกลี่ย แล้ว แต่ ไ ม่ ไ ด้ป ฏิ บ ตั ิ ต ำมควำมตกลงยิ น ยอมหรื อ ปฏิ บ ตั ิ ไ ม่ ค รบถ้ว น
ภำยในเวลำที่ตกลงกันไว้ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจำหน่ำยข้อพิ พำทนั้น
(ข้อ ๑๔) (อำยุ ค วำมร้อ งทุ ก ข์ ไ ม่ ไ ด้เ ริ่ ม นับ ใหม่ ต ำมมำตรำ ๖๑/๓
ว.๒ แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบฯ)
92
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๑๐. ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ู กกล่ำวหำฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึง่ จะบอกเลิ กกำรไกล่
เกลีย่ ข้อพิพำทโดยทำเป็ นหนังสือหรือด้วยวำจำต่อนำยอำเภอหรือ ปลัดอำเภอ
เมือ่ ใดก็ได้ (ข้อ ๑๕ ว.๑)
๑๑. เมื่อนำยอำเภอหรือปลัดอำเภอได้รบั กำรบอกเลิกกำรไกล่ เกลี่ย
ข้อพิพำท ให้จำหน่ ำ ยข้อพิพำทนั้น ออกจำกสำรบบกำรไกล่ เ กลี่ยข้ อพิพำท
คดีอำญำ (ข้อ ๑๕ ว.๒) (อำยุควำมร้องทุกข์เริ่มนับใหม่ ตำมมำตรำ ๖๑/๓
ว.๒ แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบฯ)
93
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๑๒. ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอทำกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทให้แล้ว
เสร็จภำยในสิบห้ำวันนับแต่วนั ที่ได้รบั ข้อพิพำทไว้ เว้นแต่มีควำมจำเป็ นและ
ผู เ้ สี ยหำยและผู ถ้ ู กกล่ ำ วหำทุ กฝ่ ำยยินยอม ให้นำยอำเภอหรื อ ปลั ดอำเภอ
ขยำยเวลำได้อีกไม่เกินสิบห้ำวัน (ข้อ ๑๖ ว.๑)
๑๓. เมือ่ พ้นระยะเวลำแล้ว ถ้ำผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยไม่
สำมำรถตกลงยินยอมกันได้ ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจำหน่ำยข้อ พิพำท
นั้นออกจำกสำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ (ข้อ ๑๖ ว.๒)
(อำยุ ค วำมร้อ งทุ ก ข์เ ริ่ ม นับ ใหม่ ต ำมมำตรำ ๖๑/๓ ว.๒ แห่ ง พ.ร.บ.
ระเบียบฯ)
94
กำรดำเนินกำรไกล่เกลีย่ (ต่อ)
๑๔. ข้อพิพำทใดที่นำยอำเภอหรื อปลัดอำเภอ จำหน่ำยออกจำก
สำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำตำมข้อ ๑๖ วรรคสอง นำยอำเภอหรือ
ปลัดอำเภอจะรับข้อพิพำทนั้นเข้ำสู่กระบวนกำรไกล่เกลีย่ อีกไม่ได้ (ข้อ ๑๗)
๑๕. เมื่อนำยอำเภอหรื อปลัดอำเภอจำหน่ำยข้อพิพำทจำกสำรบบ
กำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำแล้ว ให้บนั ทึกเหตุแห่ งกำรจำหน่ ำยข้อพิพำท
ไว้ดว้ ย (ข้อ ๑๘)
95
หนังสือตกลงยินยอม (ข้อ ๑๑ วรรคสอง)
๑. วัน เดือน ปี
๒. รำยละเอียดควำมตกลงยินยอม
๓. กำหนดระยะเวลำกำรปฏิบตั ิตำมควำมตกลงยินยอม
๔. นำยอำเภอ/ปลัดอำเภออ่ำนข้อควำมทีบ่ นั ทึกไว้ในสำรบบให้
ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยฟัง
๕. ผูเ้ สียหำย ผูถ้ ูกกล่ำวหำ และนำยอำเภอ/ปลัดอำเภอ
ลงลำยมือชื่อกำกับไว้
96
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๔ วรรคหนึง่
ผู ้เ สี ย หำยหรื อ ผู ้ถู ก กล่ ำ วหำผู ้ใ ดประสงค์จ ะให้มี ก ำรไกล่ เกลี่ ย
ข้อพิพำท ให้แจ้งควำมประสงค์เป็ นหนังสือหรือด้วยวำจำต่ อนำยอำเภอหรือ
ปลัดอำเภอ ณ ที่ว่ำกำรอำเภอนั้น ในกรณีที่นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอรับแจ้ง
ควำมประสงค์ดว้ ยวำจำ ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอทำบันทึกควำมประสงค์
นั้นไว้ และให้ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำดังกล่ำวลงลำยมือชื่อไว้ดว้ ย
97
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๔ วรรคสอง
เมือ่ นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอได้รบั แจ้งควำมประสงค์
ตำมวรรคหนึง่ แล้ว ให้แจ้งผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำอีกฝ่ ำย
หนึง่ ทรำบและสอบถำมว่ำจะยินยอมหรือแสดงควำมจำนงเข้ำ
สู่กระบวนกำรไกล่เกลีย่ หรือไม่ หำกเป็ นกรณีทีม่ ีผูเ้ สียหำย
หรือผูถ้ ูกกล่ำวหำหลำยฝ่ ำยให้แจ้งและสอบถำมทุกฝ่ ำย
98
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๔ วรรคสำม
ในกรณีที่ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุกฝ่ ำยตกลงยินยอมหรือแสดง
ควำมจำนงที่จะเข้ำสู่กระบวนกำรไกล่เกลีย่ ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอแจ้ง
ให้ทุ ก ฝ่ ำยทรำบ และจั ด ให้มี ก ำรบัน ทึ ก กำรยิ น ยอมหรื อ ควำมจ ำนงเข้ำ
สู่กระบวนกำรไกล่เกลีย่ ไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ พร้อมทั้ง
ให้ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยลงลำยมือชื่อในสำรบบนั้น
99
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๔ วรรคสี่
ในกรณีที่ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ู กกล่ำวหำฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ง ไม่ยินยอมหรือ
ไม่แสดงควำมจำนงเข้ำสู่กระบวนกำรไกล่เกลี่ย ให้คำร้องขอนั้นให้กำรแจ้ง
ควำมประสงค์ตำมวรรคหนึง่ สิ้ นผลไป และให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอแจ้ง
ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำฝ่ ำยทีเ่ หลือทรำบด้วย
100
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๕
ในกรณีที่นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอเห็นว่ำสิทธินำคดีอำญำมำฟ้ องได้
ระงับไปตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำแล้วก่อนวัน แสดงแจ้ง
ควำมประสงค์ตำมข้อ ๔ วรรคหนึ่ง หรือจะระงับไปก่อนวันที่นำยอำเภอหรือ
ปลัดอำเภอแจ้ง ให้ผูเ้ สียหำยหรื อผู ถ้ ู กกล่ ำวหำอี กฝ่ ำยหนึ่ง ทรำบตำมข้อ ๔
วรรคสอง ห้ำมไม่ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอรับข้อพิพำทนั้นไว้ไกล่เกลี่ย
และให้น ำยอ ำเภอหรื อปลัดอำเภอแจ้ง ให้ผู ้แสดงแจ้ง ควำมประสงค์ท รำบ
โดยพลัน
ข้อ ๖
กำรแสดงแจ้งควำมประสงค์ตำมข้อ ๔ วรรคหนึ่ง ไม่ใช่ คำร้องทุกข์
ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพจิ ำรณำควำมอำญำ
101
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๗ วรรคหนึง่
เมื่อ ผู เ้ สี ย หำยและผู ถ้ ู ก กล่ ำ วหำทุ ก ฝ่ ำยได้ล งลำยมื อ ชื่ อ ในสำรบบ
กำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำตำมข้อ ๔ วรรคสำม แล้ว ให้นำยอำเภอหรือ
ปลัดอำเภอรับข้อพิพำทนั้นไว้ดำเนินกำรไกล่เกลีย่ ต่อไป และแจ้งให้ผูเ้ สียหำย
และผู ถ้ ู ก กล่ ำ วหำทุ ก ฝ่ ำยทรำบถึ ง สิ ท ธิ ข องตนและผลของกำรไกล่ เ กลี่ ย
ข้อ พิ พ ำทตำมข้อ ๑๒ ข้อ ๑๔ ข้อ ๑๕ และข้อ ๑๗ พร้อ มทั้ง สอบถำม
รำยละเอียดเกี่ยวกับข้อพิพำทจำกผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุ กฝ่ ำยรวมทั้ง
ผูท้ ี่เกีย่ วข้อง และบันทึกกำรแจ้งและรำยละเอียดเกีย่ วกับข้อพิ พำทดังกล่ำวไว้
ในสำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ
102
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๗ วรรคสอง
กำรบัน ทึ ก รำยละเอี ย ดเกี่ย วกับ ข้อ พิพ ำทตำมวรรคหนึ่ง ให้บ ัน ทึ ก
เฉพำะกำรกระทำที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพำทตำมที่ได้ควำมจำกผูเ้ สี ยหำยและ
ผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำยและผูท้ ีเ่ กีย่ วข้อง รวมทั้งวัน เวลำ สถำนที่ และบุคคลหรือ
สิง่ ของทีเ่ กีย่ วข้องกับข้อพิพำท
ข้อ ๗ วรรคสำม
ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภออ่ ำนข้อควำมที่บนั ทึกไว้ในสำรบบกำร
ไกล่เกลี่ยข้อพิพำทคดีอำญำตำมวรรคหนึง่ ให้ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุก
ฝ่ ำยฟัง แล้วให้ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ูกกล่ำวหำทุกฝ่ ำย นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอ
ลงลำยมือชื่อกำกับไว้เป็ นหลักฐำน
103
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๘ วรรคหนึง่
ในกำรสอบถำมรำยละเอี ยดเกี่ยวกับข้อพิพำทตำมข้อ ๗ วรรคหนึ่ง
ให้นำยอำเภอหรื อปลัดอำเภอดำเนินกำรกระทำต่ อหน้ำผู เ้ สียหำยและผู ถ้ ู ก
กล่ ำ วหำทุ ก ฝ่ ำย เว้น แต่ ผู เ้ สี ยหำยหรื อ ผู ถ้ ู กกล่ ำ วหำฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ง ไม่ ม ำ
ตำมที่นดั หมำยโดยไม่มีเหตุอนั สมควรจะกระทำลับหลังผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ู ก
กล่ ำ วหำฝ่ ำยนั้น ก็ ได้ ทั้ง นี้ ในกำรไกล่ เ กลี่ยนั้น จะไกล่ เ กลี่ ย พร้อ มกัน หรื อ
แยกกัน ก็ ไ ด้ แต่ ใ นกำรตกลงกัน นั้น ให้ก ระท ำต่ อ หน้ำ ผู เ้ สี ย หำยและผู ถ้ ู ก
กล่ำวหำทุกฝ่ ำย
104
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๘ วรรคสอง
ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุกฝ่ ำยมีสิทธิ ให้ผูซ้ ึ่ งตนไว้วำงใจไม่เกิน
สองคนเข้ำรับฟั งกำรไกล่เกลี่ยได้ แต่ในกำรไกล่เกลีย่ ครั้งใด หำกนำยอำเภอ
หรือปลัดอำเภอเห็นว่ำกำรมีบุคคลอื่นซึ่ งไม่ใช่ผูเ้ สียหำยหรื อผูถ้ ู กกล่ำวหำอยู่
ด้วยจะเป็ นอุปสรรคต่ อกำรไกล่เกลี่ยจะดำเนินกำรไกล่เกลี่ยครั้ง นั้นโดยมิให้
บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำเข้ำร่วมรับฟั งก็ได้
105
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๙ วรรคหนึง่
กำรด ำเนิ น กำรไกล่ เ กลี่ ย ข้อ พิ พ ำท ให้ก ระท ำ ณ ที่ ว่ ำ กำรอ ำ เภอ
หรือในกรณีจำเป็ นจะกระทำ ณ สถำนที่รำชกำรอื่นตำมที่นำยอำเภอกำหนดก็
ได้ แต่ ต อ้ งแจ้ง ให้ผู เ้ สี ย หำยและผู ถ้ ู ก กล่ ำ วหำทุ ก ฝ่ ำยทรำบล่ ว งหน้ำ ตำม
สมควร
ข้อ ๙ วรรคสอง
ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอส่งหนังสือนัดหมำยกำรไกล่เกลี่ ยไปยัง
ผู เ้ สี ย หำยและผู ถ้ ู ก กล่ ำ วหำทุ ก ฝ่ ำย เว้น แต่ ผู น้ ้ นั ได้ร ับ แจ้ ง ด้ว ยวำจำและ
ลงลำยมือชื่อรับรูไ้ ว้ ให้ถอื ว่ำเป็ นกำรนัดหมำยโดยชอบแล้ว
106
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๐
เพื่อประโยชน์ในกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำท นำยอำเภอหรือปลัด อำเภอ
อำจเปิ ดโอกำสให้ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ู กกล่ำวหำเสนอข้อผ่อนผันให้ แก่กนั หรือ
อำจเสนอทำงเลือกให้แก่ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำผ่อนผันให้แ ก่กนั ก็ได้ แต่
ห้ำมไม่ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอวินิจฉัยข้อเท็จจริงหรือชี้ ขำดข้อพิพำท
107
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๑ วรรคหนึง่
เมื่อผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุกฝ่ ำยตกลงยินยอมตำมที่ ไกล่เกลี่ย
ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจัดทำเป็ นหนังสือตกลงยินยอม และบันทึกกำร
ตกลงยินยอมนั้นไว้ในสำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ
ข้อ ๑๑ วรรคสอง
หนัง สื อ ตกลงยิ น ยอมตำมวรรคหนึ่ ง ให้ร ะบุ ว ัน เดื อ น ปี และ
รำยละเอียดควำมตกลงยินยอม รวมทั้งกำหนดระยะเวลำกำรปฏิบตั ิตำมควำม
ตกลงยินยอมให้ชดั เจนและให้นำควำมในข้อ ๗ วรรคสำม มำใช้บงั คับโดย
อนุโลม
108
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๒ วรรคหนึง่
เมื่อ ผู เ้ สี ย หำยและผู ถ้ ู ก กล่ ำ วหำทุ ก ฝ่ ำยได้ป ฏิ บ ตั ิ ต ำมควำมตกลง
ยินยอมตำมข้อ ๑๑ แล้ว ให้คดีอำญำเป็ นอันเลิกกันและสิทธิกำรนำคดีอำญำ
มำฟ้ องระงับไปตำมประมวลกฎหมำยวิธีพจิ ำรณำควำมอำญำ
ข้อ ๑๒ วรรคสอง
ในกรณี ที่ มี ก ำรร้อ งทุ ก ข์ห รื อ ยื่น ฟ้ องต่ อ ศำลไว้ ให้น ำยอ ำเภอหรื อ
ปลัดอำเภอแจ้งต่อพนักงำนสอบสวน พนักงำนอัยกำร หรือศำล แล้วแต่ กรณี
109
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๓
นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจะเปิ ดเผยข้อเท็ จจริ งใดที่ได้มำจำกกำร
ดำเนินกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทมิได้ เว้นแต่เป็ นกำรเปิ ดเผยตำมคำสังศำล
่
ข้อ ๑๔
ในกรณีที่ผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำทุกฝ่ ำยได้ตกลงยินยอมตำมที่
ไกล่เกลีย่ แล้ว แต่ไม่ได้ปฏิบตั ิตำมควำมตกลงยินยอมหรือปฏิบ ัติไม่ครบถ้วน
ภำยในเวลำที่ตกลงกันไว้ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจำหน่ำยข้อพิ พำทนั้น
ออกจำกสำระบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ
110
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๕ วรรคหนึง่
ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ู กกล่ำวหำฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่งจะบอกเลิกกำรไกล่เกลี่ย
ข้อ พิ พ ำทโดยท ำเป็ นหนัง สื อ หรื อ ด้ว ยวำจำต่ อ นำยอ ำเภอหรื อ ปลัด อ ำเภอ
เมือ่ ใดก็ได้ ในกรณีบอกเลิกด้วยวำจำให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอบันทึกกำร
บอกเลิกนั้นไว้พร้อมทั้งให้ผูเ้ สียหำยหรือผูถ้ ูกกล่ำวหำฝ่ ำยที่บอกเลิกลงลำยมือ
ชื่อไว้เป็ นหลักฐำน
ข้อ ๑๕ วรรคสอง
เมื่ อ นำยอ ำเภอหรื อ ปลัด อ ำเภอได้ร ับ กำรบอกเลิ ก กำรไกล่ เ กลี่ ย
ข้อพิพำทตำมวรรคหนึง่ ให้จำหน่ำยข้อพิพำทนั้นออกจำกสำรบบกำรไกล่เกลีย่
ข้อพิพำทคดีอำญำ
111
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๖ วรรคหนึง่
ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอทำกำรไกล่เกลี่ยข้อพิพำทให้แ ล้วเสร็จ
ภำยในสิ บ ห้ำ วัน นับ แต่ ว ัน ที่ ไ ด้ร ับ ข้อ พิ พ ำทไว้ เว้น แต่ มี ค วำมจ ำเป็ นและ
ผู เ้ สี ยหำยและผู ถ้ ู กกล่ ำ วหำทุ กฝ่ ำยยินยอม ให้นำยอำเภอหรื อ ปลั ดอำเภอ
ขยำยเวลำได้อีกไม่เกินสิบห้ำวัน
ข้อ ๑๖ วรรคสอง
เมื่อพ้นระยะเวลำตำมวรรคหนึ่งแล้ว ถ้ำผูเ้ สียหำยและผูถ้ ู กกล่ำวหำ
ทุกฝ่ ำยไม่สำมำรถตกลงยินยอมกันได้ ให้นำยอำเภอหรือปลัดอำเภอจำหน่ำย
ข้อพิพำทนั้นออกจำกสำรบบกำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำ
112
กฎกระทรวงว่าด ้วยการไกล่เกลีย
่ ความผิดทีม
่ โี ทษทางอาญา
พ.ศ.2553
ข้อ ๑๗
ข้อพิพำทใดที่นำยอำเภอหรื อปลัดอำเภอจำหน่ำยออกจำกสำรบบ
กำรไกล่ เ กลี่ ย ข้อ พิ พ ำทคดี อ ำญำตำมข้อ ๑๖ วรรคสอง นำยอ ำเภอหรื อ
ปลัดอำเภอจะรับข้อพิพำทนั้นเข้ำสู่กระบวนกำรไกล่เกลีย่ อีกไม่ได้
ข้อ ๑๘
เมื่ อ นำยอ ำเภอหรื อ ปลัด อ ำเภอจ ำหน่ ำ ยข้อ พิ พ ำทจำกสำรบบ
กำรไกล่เกลีย่ ข้อพิพำทคดีอำญำแล้ว ให้บนั ทึกเหตุแห่ งกำรจำหน่ ำยข้อพิพำท
ไว้ดว้ ย
113
มำตรำ ๙๕
ในคดีอำญำ ถ้ำมิได้ฟ้องและได้ตวั ผูก้ ระทำควำมผิดมำยังศำลภำยใน
กำหนดดังต่อไปนี้ นับแต่วนั กระทำควำมผิด เป็ นอันขำดอำยุควำม
(๑) .................
มำตรำ ๙๖
ภำยใต้บ ัง คับ มำตรำ ๙๕ ในกรณี ค วำมผิ ด อัน ยอมควำมได้ ถ้ำ
ผูเ้ สียหำยมิได้รอ้ งทุกข์ภำยในสำมเดือนนับแต่ วนั ที่รูเ้ รื่อ งควำมผิดและรู ต้ วั
ผูก้ ระทำควำมผิด เป็ นอันขำดอำยุควำม
114
มำตรำ ๓๗
คดีอำญำเลิกกันได้ ดังต่อไปนี้
(๑) ในคดีมีโทษปรับสถำนเดียว เมือ่ ผูก้ ระทำผิดยินยอมเสียค่ำปรับในอัตรำอย่ ำงสูงสำหรับ
ควำมผิดนั้นแก่พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ก่อนศำลพิจำรณำ
(๒) ในคดีควำมผิดที่เป็ นลหุโทษหรือควำมผิดที่มีอตั รำโทษไม่สูงกว่ำควำมผิด ลหุโทษ หรือ
คดีอื่นที่มีโทษปรับสถำนเดียวอย่ำงสูงไม่เกินหนึง่ หมืน่ บำท หรือควำมผิดต่อกฎหมำยเกี่ยวกับภำษีอำกร
ซึ่งมีโทษปรับอย่ำงสูงไม่เกินหนึง่ หมื่นบำท เมื่อผูต้ อ้ งหำชำระค่ำปรับตำมที่พนักงำนสอบสวนได้เปรียบ
เทียบแล้ว
(๓) ในคดีควำมผิดที่เป็ นลหุโทษหรือควำมผิดที่มีอตั รำโทษไม่สูงกว่ำควำมผิด ลหุโทษ หรือ
คดีที่มีโทษปรับสถำนเดียวอย่ำงสูงไม่เกินหนึง่ หมื่นบำท ซึ่งเกิดในกรุงเทพมหำนครเมื่ อผูต้ อ้ งหำชำระ
ค่ำปรับตำมที่นำยตำรวจประจำท้องที่ต้ งั แต่ตำแหน่งสำรวัตรขึ้ นไป หรือนำยตำรวจชั้ นสัญญำบัตรผูท้ ำ
กำรในตำแหน่งนั้นๆ ได้เปรียบเทียบแล้ว
(๔) ในคดี ซึ่ ง เปรี ย บเที ย บได้ต ำมกฎหมำยอื่ น เมื่ อ ผู ้ต ้อ งหำได้ช ำระค่ ำ ปรับ ต ำม
คำเปรียบเทียบของพนักงำนเจ้ำหน้ำที่แล้ว
115
มำตรำ ๓๙
สิทธินำคดีอำญำมำฟ้ องย่อมระงับไปดังต่
่ อไปนี้
(๑) โดยควำมตำยของผูก้ ระทำผิด
(๒) ในคดีควำมผิดต่อส่วนตัว เมือ่ ได้ถอนคำร้องทุกข์ ถอนฟ้ องหรือ
ยอมควำมกันโดยถูกต้องตำมกฎหมำย
(๓) เมือ่ คดีเลิกกันตำมมำตรำ ๓๗
(๔) เมือ่ มีคำพิพำกษำเสร็จเด็ดขำดในควำมผิดซึ่งได้ฟ้อง
(๕) เมือ่ มีกฎหมำยออกใช้ภำยหลังกำรกระทำผิดยกเลิกควำมผิด
เช่นนั้น
(๖) เมือ่ คดีขำดอำยุควำม
(๗) เมือ่ มีกฎหมำยยกเว้นโทษ
116