Transcript now

ทบทวน
วิธก
ี ารทางสถิต ิ
1. ใช้ในการ
วิเคราะหคุ
์ ณภาพ
ของเครือ
่ งมือวิจย
ั
วิธก
ี ารทาง
สถิต ิ
4. ใช้ในการ
นาเสนอผลการ
วิเคราะหข
้ ล
์ อมู
2. ใช้ในการ
คัดเลือกกลุม
่
ตัวอยาง
่
3.1 สถิต ิ
เชิงบรรยาย
3. ใช้ใน
หรือเชิง
การ
พรรณนา
วิเคราะห ์
3.2 สถิต ิ
ข้อมูล
อ้างอิงหรือ
เชิงอนุ มาน
3.2.1
สถิตม
ิ ี
พารามิเ
ตอร
3.2.2์
สถิตไิ ร้
พารามิเ
ตอร ์
มาตรการวัด (Measurement
Scales)
Nominal (นามบัญญัต)ิ
1. จัดกลุมได
่
้
เช่น เพศ สถานสมรส
Ordinal (เรียงลาดับ)
1. จัดกลุมได
่
้
2. บอกระดับความมากน้อย
หรือเรียงลาดับได้
เช่น วุฒก
ิ ารศึ กษา ระดับยศ
Interval (อันตรภาค/ระดับช่วง) Ratio (อัตราส่วน)
1. จัดกลุมได
1. จัดกลุมได
่
้
่
้
2. บอกระดับความมากน้อย
2. บอกระดับความมากน้อย
หรือเรียงลาดับได้
หรือเรียงลาดับได้
3. มีคาเป็
่ ช
ี ่ วงหาง
3. มีคาเป็
่ ช
ี ่ วงหาง
่ นตัวเลขทีม
่
่ นตัวเลขทีม
่
เทากั
เทากั
่ น
่ น
4. 0 ไมแท
4. 0 แท้
่ ้
ขัน
้ ตอนการเลือกกลุมตั
่ วอยาง
่
1. กาหนด/นิยามประชากร
เป้าหมาย
2. รวบรวมสมาชิกทัง้ หมด
ของประชากร
3. กาหนดหน่วยของการ
สุ่มตัวอยาง
่
3.1 ใช้เกณฑ ์
3.2 ใช้สูตรคานวณ
3.3 ใช้ตาราง
4. วางแผนการเลือกกลุม
่
3. กาหนดหน่วยของการสุ่ม
ตัวอยาง
่
3.1 ใช้เกณฑ ์
 จานวนประชากรหลักรอยใช
้
้กลุมตั
่ วอยาง
่
15–30%
 จานวนประชากรหลักพันใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
10–15%
 จานวนประชากรหลักหมืน
่ ใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
5–10%
 จานวนประชากรหลักแสนใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
1-5%
ตัวอยางการก
าหนดขนาดตัวอยางโดย
่
่
ใช้เกณฑร์ ้อยละ
 จานวนประชากร
 จะใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
 จานวนประชากร
 จะใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
 จานวนประชากร
 จะใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
 จานวนประชากร
 จะใช้กลุมตั
่ วอยาง
่
450 คน
=
2,500 คน
=
80,000 คน
=
125,000 คน
=
3. กาหนดหน่วยของการสุ่ม
ตัวอยาง
่
3.1 ใช้เกณฑ ์ ไมทราบจ
านวนประชากร
่
-ประมาณคาสั
ดส่วน -> Cochran
่
3.2 ใช้สูตรคานวณ
ย
่ -> Cochran
3.3 ใช้ตาราง-ประมาณคาเฉลี
่
ทราบจานวนประชากร
-Taro Yamane
- ประมาณคาสั
่ ดส่วน
-Krejcie and Morgan
- ประมาณคาเฉลี
ย
่
่
ใช้
ไมทราบขนาดของประชากร
่
สูตร W.G. Cochran
ผูวิ
ั จะใช้กลุมตั
ค
่ น ถาสั
้ จย
่ วอยางกี
่
้ ดส่วนของ
ประชากรเทากั
อ
่ มัน
่ 95 %
่ บ 0.2 ตองการความเชื
้
และยอมให้คลาดเคลือ
่ น ได้ 3%
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.05 มีคา่
เทากั
่ ใจ
95%)
่ บ 1.96 (มัน
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.01 มีคาเท
่ ากั
่ บ
2.58 (มัน
่ ใจ
99%)
ใช้
ไมทราบขนาดของประชากร
่
สูตร W.G. Cochran
ในการศึ กษาการเจ็บป่วยในโรงพยาบาลแหงหนึ
่งเกีย
่ วกับ
่
โรคกระเพาะอาหารของประชากรในอาเภอหนึ่ง ทราบ
จากการรายงานประจาปี ทผ
ี่ านมาว
า่ มีผ้ป
ู ่ วยโรคนี้ 20%
่
จงคานวณหากลุมตั
เมือ
่ กาหนดความเชือ
่ มัน
่
่ วอยาง
่
95% ความเคลือ
่ นทีย
่ อมไดไม
้ เกิ
่ น 2%
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.05 มีคาเท
่ ากั
่ บ
1.96 (มัน
่ ใจ
95%)
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.01 มีคาเท
่ ากั
่ บ 2.58
(มัน
่ ใจ
99%)
ใช้
ไมทราบขนาดของประชากร
่
สูตร W.G. Cochran
ตองการศึ
กษาคะแนนวิชาคณิตศาสตร ์ ทีร่ ะดับ
้
ความเชือ
่ มัน
่ 95% ความคลาดเคลือ
่ นทีย
่ อมให้
เกิดขึน
้ ได้ +/- 5 คะแนน จากงานวิจย
ั ทีผ
่ านมา
่
คาเฉลี
ย
่ เทากั
่
่ บ 75 คะแนน และ คาส
่ ่ วน
เบีย
่ งเบนมาตรฐาน เทากั
่ บ 16 คะแนน หา
ขนาดของกลุมตั
ต
่ องการ
่ วอยางที
่
้
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.05 มีคา่
เทากั
่ ใจ
95%)
่ บ 1.96 (มัน
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.01 มีคาเท
่ ากั
่ บ
2.58 (มัน
่ ใจ
99%)
ประชากรทีแ
่ น่นอน ใช้สูตรทาโร
ยามาเน
ประชากรทีจ
่ ะศึ กษามีทง้ั หมดเทากั
่ บ
4,500 และยอมให้เกิดความ
คลาดเคลือ
่ นของการสุ่มร้อยละ 5
ขนาดของกลุมตั
ใ่ ช้คานวณ
่ วอยางที
่
เทากั
่ น่วย
่ บกีห
โดยใช้สูตรKrejcie and
ตัวอยาง
่
Morgan
การศึ กษาภาวะการเป็ นผูน
้ าทางการพยาบาล
ของพยาบาลในโรงพยาบาลแหงหนึ
่งทีม
่ ี
่
พยาบาลจานวน 1200 คน โดยยอมให้เกิด
ความคลาดเคลือ
่ นได้
5% และทีร่ ะดับความ
เชือ
่ มัน
่
95% จะตองใช
าใด
้
้ขนาดตัวอยางเท
่
่
ถาร
50 ของคนทางานในโรงพยาบาลเป็ น
้ อยละ
้
พยาบาล
่
่
ในกรณีทราบจานวน
ตัวอยาง
่
ประชากร และประมาณคาสั
่ ดส่วน
ถาประชากรที
ใ่ ช้ในการวิจย
ั มีจานวน 3,000
้
หน่วย ยอมรับให้เกิดความคลาดเคลือ
่ นจาก
ตัวอยางได
่ มัน
่ 95% และ
่
้ 5% ทีร่ ะดับความเชือ
สั ดส่วนของลักษณะทีส
่ นใจในประชากรเทากั
่ บ
0.7 จงหาขนาดของกลุมตั
่ วอยาง
่
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.05 มีคา่
เทากั
่ ใจ
95%)
่ บ 1.96 (มัน
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.01 มีคาเท
่ ากั
่ บ
2.58 (มัน
่ ใจ
99%)
ในกรณีทราบจานวน
ตัวอยาง
่
ประชากร และประมาณคาเฉลี
ย
่
่
ขนาดประชากร 600 หน่วย ตองการศึ
กษาคะแนน
้
วิชาสถิต ิ ทีร่ ะดับความเชือ
่ มัน
่ 95% ความคลาด
เคลือ
่ นทีย
่ อมให้เกิดขึน
้ ได้ +/- 5 คะแนน จาก
งานวิจย
ั ทีผ
่ านมาค
าเฉลี
ย
่ เทากั
่
่
่ บ 75 คะแนน และ
คาส
่ งเบนมาตรฐาน เทากั
่ ่ วนเบีย
่ บ 10 คะแนน
ขนาดของกลุมตั
ต
่ องการจะเท
ากั
่ วอยางที
่
้
่ บเทาไร
่
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.05 มีคา่
เทากั
่ ใจ
95%)
่ บ 1.96 (มัน
 Z ทีร
่ ะดับนัยสาคัญทางสถิต ิ
0.01 มีคาเท
่ ากั
่ บ
2.58 (มัน
่ ใจ
99%)
4. วางแผนการเลือกกลุม
่
ตัวอยาง
่
4.1 Probability
Sampling
1. Simple Random
Sampling
2. Systematic Random
Sampling
3. Stratified Random
Sampling
4. Cluster Sampling
5. Multi-stage
4.2 Non-Probability
Sampling
1. Accidental Sampling
2. Quota Sampling
3. Purposive Sampling
4. Convenience
Sampling
5. Snowball Sampling
การตรวจสอบคุณภาพ
เครือ
่ งมือ
1. วิเคราะหทางกายภาพ
1. Content Validity
์
IOC:
Index
Objective
Congruence
2. วิเคราะหทางสถิ
ต
ิ
์
2. Construct Validity
2.1 ทัง้ ฉบับ
- Carver Method
 Validity
 Reliability
- Phi-Correlation
2.2 รายขอ
้
 Item Difficulty
3. Criterion Related Validity
 Item Discrimination
- Concurrent Validity
- Predictive Validity
การแปลผล
r = 0 แสดงวาตั
่ ความสั มพันธ ์
่ วแปรทัง้ สองไมมี
กั
r นเลย
<r 0.5 แสดงวาตั
่ วแปรมีความสั มพันธกั
์ น
น
r ้ อย
0.5 < < 0.8 แสดงวาตั
่ วแปรทัง้ สองมี
ความสั มพันธกั
์ นปานกลาง
> 0.8 แสดงวาตั
่ วแปรทัง้ สองมีความสั มพันธ ์
กันสูง
r = 1 แสดงวาตั
่ วแปรทัง้ สองมีความสั มพันธกั
์ น
ตัวอยาง
Carver
Method
่
ตัวอยาง
Phi-Correlation
่
ตัวอยาง
Phi-Correlation
่
การตรวจสอบคุณภาพ
เครือ
่ งมือ
1. วิเคราะหทางกายภาพ
1. Coefficient of Stability
์
-Test-Retest
Method และ
Parallel
2. วิเคราะหทางสถิ
ต
ิ
์
Form Method
2.1 ทัง้ ฉบับ
 Validity
 Reliability
2. Coefficient of Internal Consistency
2.2 รายขอ
-Split-half Method
- KR20
้
 Item Difficulty
 Item Discrimination
-Cronbach’s Alpha
- KR21
ตัวอยาง
Split-half
Method
่
น
้ ใหมฉบั
ในการนาแบบทดสอบทีจ
่ ะสรางขึ
่ บ
้
หนึ่งไปทดลองทดสอบกับนักเรียนกลุม
่ หนึ่ง
เมือ
่ นาผลการทดสอบมาตรวจคะแนนโดย
แบงเป็
แ
่ ลวหาสหสั
มพันธ ์
่ นขอคู
้ และคี
่
้
ระหวางคะแนนรวมข
อคู
่
้ กั
่ บคะแนนรวมขอคี
้ ่
มพันธ ์ = 0.75 ตองการทราบว
า่
ไดค
่
้ าสหสั
้
แบบทดสอบฉบับนี้มค
ี าความเชื
อ
่ ถือไดเท
่
้ าไร
่
ตัวอยาง
KR20
่
ตัวอยาง
KR21
่
จากการทดลองใช้แบบทดสอบซึง่ มี
จานวน 40 ขอ
ย
่ 23.8,
้ ไดค
้ าเฉลี
่
S=8.6 จงหาคาความเชื
อ
่ มัน
่ ของ
่
แบบทดสอบฉบับนี้
ตัวอยาง
Cronbach’s Alpha
่
 ในการสารวจเจตคติครัง
้ หนึ่ง ไดมี
้ การสรางแบบ
้
วัดจานวน 10 ขอ
้ แลวน
้ าไปทดลองให้กลุม
่
ตัวอยางที
เ่ ลือกเป็ นกลุมทดลองเครื
อ
่ งมือจานวนหนึ่ง
่
่
ตอบ เมือ
่ นาผลมาคานวณรายขอ
้ ไดค
้ าความ
่
แปรปรวนของคะแนนแตละข
อดั
่
้ งนี้ 0.98, 1.02,
0.63. 0.75, 0.68, 1.05, 0.98, 0.92, 0.94, 1.05
และเมือ
่ คานวณความแปรปรวนของคะแนนรวมได้
เทากั
อ
่ ถือไดของ
่ บ 25.87 จงคานวณคาความเชื
่
้
แบบสอบถามฉบับนี้
การตรวจสอบคุณภาพ
เครือ
่ งมือ
1. วิเคราะหทางกายภาพ
์
2. วิเคราะหทางสถิ
ติ
์
2.1 ทัง้ ฉบับ
 Validity
 Reliability
2.2 รายขอ
้
 Item Difficulty
 Item Discrimination
ตัวอยางการหาค
าความยากและ
่
่
อานาจจาแนก
ในการสอบครัง้ หนึ่ง เมือ
่ นาคะแนนรวมมา
จัดลาดับ และจาแนกเป็ นกลุมสู
่ งและกลุม
่
ตา่ แลวพบว
า่ ขอสอบข
อหนึ
่งมีจานวน
้
้
้
ผู้ตอบถูกในกลุมสู
่ งจานวน 15 คน กลุม
่
ตา่ 8 คน จากจานวนในแตละกลุ
มที
่ ก
ี ลุม
่
่ ม
่
ละ 22 คน จะสามารถคานวณคาความ
่
ยากและคาอ
อนี
่ านาจจาแนกของขอสอบข
้
้ ้
ไดดั
้ งนี้
ระเบียบวิธท
ี างสถิต ิ
1. การเก็บรวบรวมขอมู
้ ล
2. การเตรียมขอมู
้ ล
3. การนาเสนอขอมู
้ ล
4. การวิเคราะหข
์ ้อมูล
5. การตีความหมายของขอมู
้ ล
6. การสรุปผลจากขอมู
้ ลทีร่ วบรวมมา
เพือ
่ นาไปสู่การตัดสิ นใจทีม
่ เี หตุผล
สถิตเิ ชิงบรรยายหรือเชิงพรรณนา
(Descriptive Statistics)
เป็ นการอธิบายหรือบรรยายลักษณะของขอมู
้ ลที่
เก็บรวบรวม แตจะไม
สามารถอ
างอิ
งถึงลักษณะ
่
่
้
ประชากรได้ เช่น
1. การแจกแจงความถี่
2. การวัดแนวโน้มเขาสู
้ ่ ส่วนกลาง
3. การจัดตาแหน่งเปรียบเทียบ
4. การวัดการกระจาย
5. การวัดลักษณะของเส้นโคงความถี
ข
่ องขอมู
้
้ ล
6. การวัดความสั มพันธ ์
1. การแจกแจงความถี่
1. แบบเรียงคะแนนแตละจ
านวน (ไม่
่
จัดกลุม)
่
2. แบบเรียงคะแนนเป็ นกลุม
่ (จัดกลุม)
่
 พิสัย (Range)
 หาจานวนชัน
้ จากสูตร
k=1+3.3logN
ละชั
น
้ (Interval)
 ความกวางแต
่
้
ตัวอยางการแจกแจงความถี
่ 1
่
ตัวอยางการแจกแจงความถี
่ 2
่
2. การวัดแนวโน้มเขาสู
้ ่
ส่วนกลาง
1. ตัวกลางเลขคณิต หรือคาเฉลี
ย
่
่
(Arithmetic Mean)
2. มัธยฐาน (Median)
3. ฐานนิยม (Mode)
ตัวอยางการวั
ดแนวโน้มเขาสู
่
้ ่
ส่วนกลาง
 22 20 9 22 21 20 21 24 25
21 22 5
จงหาคา่ Mean, Median, and Mode
3. การจัดตาแหน่งเปรียบเทียบ
1. เปอรเซ็
์ นตไทล
์ (Percentile)
์
P(n + 1)/100
2. ควอไทล ์ (Quartile)
Q(n + 1)/4
3. เดไซล ์ (Decile)
D(n + 1)/10
ตัวอยางเปอร
เซ็
่
์ นตไทล
์
์
(Percentile)
 จงหาเปอรเซ็
ที
์ นตไทล
์ ่
์
58
ของ
ขอมู
้
้ ลตอไปนี
่
6.3
6.6 7.6 3.0 9.5 5.9 6.1 5.0
3.6
ตัวอยางเปอร
เซ็
่
์ นตไทล
์
์
(Percentile)
 จากขอมู
าง
้ ลขางล
้
่
หากคาข
่ อมู
้ ล
เทากั
เซ็
่ บ 5.9 จะอยูในเปอร
่
์ นตไทล
์
์
ทีเ่ ทาไหร
่
่
6.3
6.6 7.6 3.0 9.5 5.9 6.1 5.0
3.6
ตัวอยางเปอร
เซ็
่
์ นตไทล
์
์
(Percentile)
ตัวอยางควอไทล
่
์ (Quartile)
 ให้ 10, 13, 8, 11, 15, 17, 20, 14, 22
จงหาควอไทลที
1, 3, และมัธยฐาน
์ ่
และถามี
้ ขอมู
้ ลเทากั
่ บ 15 ตกอยูในควอ
่
ไทลที
่
์ เ่ ทาไร
ตัวอยางควอไทล
่
์ (Quartile)
หาควอไทล ์
ที่ 3
ตัวอยางเดไซล
่
์ (Decile)
 ให้ 35, 37, 32, 34, 38, 40, 46, 41,
49 จงหาเดไซดที
์ ่ 4, 8 และ มัธย
ฐาน
ตัวอยางเดไซล
่
์ (Decile)
4. การวัดการกระจาย
1. พิสัย (Range)
 ถาเป็
้ นขอมู
้ ลทีไ่ มมี
่ การแจกแจงความถี่
Range = Max - Min
 ถาเป็
่ ก
ี ารแจกแจงความถีเ่ ป็ น
้ นขอมู
้ ลทีม
อันตรภาคชัน
้
พิสัย = ขีดจากัดบนทีแ
่ ทจริ
้ งของอันตร
ภาคชัน
้ สูงสุด – ขีดจากัดลางที
แ
่ ท้จริง
่
ของอันตรภาคชัน
้ ตา่ สุด
2. พิสัยระหวางควอไทล
่
์ (Interquartile
4. การวัดการกระจาย
3. ส่วนเบีย
่ งเบนมาตรฐาน (Standard
Deviation)
4. คาแปรปรวน
(Variance)
่
ตัวอยางการวั
ดการกระจาย
่
จากขอมู
้ ล 20 25 25 30 30 45 45 45
55 60
จงหาพิสัย, พิสัยระหวางควอไทล
,์ Semi่
Interquartile Range, SD, และ Variance
5. การวัดลักษณะของเส้นโคง้
ความถีข
่ องขอมู
้ ล
1. การวัดความเบ้ (Skewness)
 ความเบเป็
้ น 0, - , +
2. การวัดความโดง่ (Kurtosis)
 ความโดงเป็
่ น 0, - , +
ตัวอยางการวั
ดลักษณะของเส้นโค้ง
่
ความถีข
่ องขอมู
้ ล
 จากขอมู
้ ล 2, 4, 6, 8, 10, 12, 14,
16, 18, 20 จงหา Skewness
ตัวอยางการวั
ดลักษณะของเส้นโค้ง
่
ความถีข
่ องขอมู
้ ล
 จากขอมู
้ ล 10, 12, 16, 9, 15, 10, 15, 10,
12, 11
จงหา Skewness and Kurtosis
6. การวัดความสั มพันธ ์
1. Pearson Product-Moment Correlation
Coefficient
N
2. Spearman Rank
Coefficient
rs  1 
Correlation
N
12  D i
2
3. Kendall’s WTau
Rank
Correlation

k N ( N  1)
Coefficient
i 1
2
2
2
6 D i
i1
2
N ( N  1)
ตัวอยางการหา
Pearson Product่
Moment Correlation Coefficient
N
6
rs  1 
i1
2
2
Di
N ( N  1)
ตัวอยางการหา
Spearman Rank
่
Correlation Coefficient
N
6
rs  1 
i1
2
2
Di
N ( N  1)
ตัวอยางการหา
Spearman Rank
่
Correlation Coefficient
N
rs  1 
2
6 D i
i1
2
N ( N  1)
7. การวัดการถดถอย
1. สมการถดถอยอยางง
่
่ าย
Y = a+bX
2. สมการถดถอยพหุคูณ
Y = a + bX1 + cX2 + dX3…
ตัวแปรเขาสมการ:
All Enter, Forward,
้
Backward, Stepwise
ขนาดของกลุมตั
= 10p
่ วอยางโดยประมาณ
่
ตัวอยางการวั
ดการถดถอย
่
ตัวอยางการวั
ดการถดถอย
่
ตัวอยางการวั
ดการถดถอย
่
ส่วนกลางควบคูกั
่ บ
การวัดการกระจาย
การวัด
แนวโน้มเขาสู
้ ่
ส่วนกลาง
คาเฉลี
ย
่
่
มัธยฐาน
ฐานนิยม
สรุปความสั มพันธของข
อมู
้ ลกับ
์
วิธก
ี ารทางสถิต ิ
แจก
แจง
ความถี่
Nomina
l
F
%
/
/
วัดแนวโน้มเขาสู
้ ่
ส่วนกลาง
Me
an
Medi Mod
an
e
Ratio
วัดการกระจาย
P
Q
D
Ran
ge
IR
/
/
/
/
/
S Varian
D
ce
/
Ordinal
Interval
จัดตาแหน่ง
เปรียบเทียบ
/
การวัดลัก/ ษณะของ
เส้นโค้งความถี่
ของขอมู
้ ล
Skew Kurtosis
ness
/
/
การวั
ดการ
ถดถอย
วัดความสั มพันธ ์
Pearso
n
Spearman
Kendall
/
/
Nominal
Ordinal
Interval
/
/
/
/
อางอิ
ง
้
 http://www.fiet.kmutt.ac.th/e-
learning/edustat/web%20correlation/corrlation%20pageA3-2-2.php
 http://images.sungwannon.multiply.multiplycontent.com/attachment/0/TGgDb
AooCHcAACuCx3k1/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%
AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A0%
E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%
B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%
B7%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94.pdf?key=sungw
annon:journal:21&nmid=358026746
 http://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0
%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8
%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%20cochran&
source=web&cd=2&ved=0CFcQFjAB&url=http%3A%2F%2Fwww.science.c
mru.ac.th%2Fscienceblog%2Fadmin%2Fblog%2Ffile%2F230411123232.do
c&ei=Fp39T_hF4HsrAeCtZjbBg&usg=AFQjCNE6rYHSV_4PA73k7pSldSSBD9F2lw&cad
=rja
 http://tulip.bu.ac.th/~wathna.s/reliability.htm