สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ ทะเลสำบสงขลำ              ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน กำรประเมินควำมต้

Download Report

Transcript สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ ทะเลสำบสงขลำ              ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน กำรประเมินควำมต้

สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน
ลุ่มนำ้ ทะเลสำบสงขลำ













ที่ตงั ้
ลักษณะภูมิประเทศ
พืน้ ที่ล่ ุมนำ้
ภูมิอำกำศ
ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน
- ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้
ทรั พยำกรดิน
กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ
พืน้ ที่ทำกำรเกษตร.
พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
กำรประเมินควำมต้ องกำรนำ้
ปั ญหำของลุ่มนำ้
ด้ ำนภัยแล้ ง
แนวทำงแก้ ไข
สว่ นอำนวยกำรและติดตำมประเมินผล
ที่ตั้ง
ลุ่มนำ้ ทะเลสำบสงขลำ มี
พื น้ ที่ ค รอบคลุ ม 3 จั ง หวั ด
ได้ แก่ จังหวัดสงขลำ พัท ลุ ง
และนครศรีธรรมรำช
รู ปที่ 23-1 แสดงทีต่ ้งั ลุ่มนำ้ ทะเลสำบสงขลำ
ทิ ศ เ ห นื อ ติ ด กั บ ลุ่ ม น ้ ำ
ภำคใต้ ฝั่ งตะวั น ออก ทิ ศ
ตะวั น ออกติ ด กั บ อ่ ำวไทย
ทิ ศ ตะวั น ตกติ ด กั บ ลุ่ มน ้ำ
ภำคใต้ ฝ่ ั งตะวั น ตก และทิ ศ
ใต้ ติ ด กั บ ชำยแดนประเทศ
มำเลเชีย (ตำมรู ป 23-1)
 ลักษณะภูมิประเทศ
ตำมรู ปที่ 23-2
ต้ น กำเนิ ด ของแม่ น ำ้ สำขำย่ อยของลุ่ มน ำ้
ทะเลสำบสงขลำ ส่ วนใหญ่ อยู่ในจังหวัดพัทลุง
ทำงทิศ ตะวั น ตกมี เทือ กเขำนครศรี ธ รรมรำช
ทอดยำวจำกทิศ เหนื อ จรดทิศ ใต้ ซึ่ง เป็ นเขต
ติดต่ อระหว่ ำงจังหวัดตรังกับจังหวัดพัทลุง และ
ประเทศมำเลเซีย และลำดเทลงมำสู่ทะเลสำบ
สงขลำ
ส่ วนทิศตะวันออกเป็ นสันทรำยยำวจำกทิศ
เหนื อจรดทิศใต้ โดยมีทะเลสำบสงขลำตัง้ อยู่
กลำงลุ่มนำ้ ค่ อนไปทำงตะวันออก
รู ปที่ 23-2 สภำพภูมปิ ระเทศในเขตพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ชำยฝั่งทะเลตะวันออก
พื้นที่ล่มุ น้ำ
ลุ่มน้ำทะเลสำบสงขลำ มีพืน้ ที่รวมทั้งสิ้ นประมำณ 8,495 ตำรำงกิโลเมตร แบ่ ง
ออกเป็ น 3 ลุ่มนำ้ ย่ อย ตำมตำรำงที่ 23-1 และ รูปที่ 23-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย
23.02
ตำรำงที่ 23-1 ขนำดของพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ย่ อย
รหัส
ชื่อลุ่มนำ้ ย่ อย
23.01 ทะเลสำบสงขลำ (ลุ่มนำ้ สำขำ)
23.03
23.01
3,664
23.02 ทะเลน้ อย
534
23.03 ทะเลหลวง
4,297
รวมพืน้ ทีท่ ้งั หมด
รู ปที่ 23-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย
พืน้ ทีร่ ับนำ้
(ตร.กม.)
8,495
ภูมิอำกำศ
ข้ อมูลภูมอิ ำกำศทีส่ ำคัญของลุ่มนำ้ นีไ้ ด้ แสดงไว้ แล้ ว ตำมตำรำงที่ 23-2
ซึ่งแต่ ละรำยกำรเป็ นค่ ำสู งสุ ด ค่ ำต่ำสุ ด และค่ ำเฉลีย่ เป็ นรำยปี
ตำรำงที่ 23-2 แสดงข้ อมูลภูมิอำกำศที่สำคัญ
ข้ อมูลภูมอิ ำกำศทีส่ ำคัญ
หน่ วย
ค่ ำสู งสุ ดรำยปี
ค่ ำต่ำสุ ดรำยปี
ค่ ำเฉลีย่ รำยปี
องศำเซลเซียส
28.1
26.8
27.3
เปอร์ เซ็นต์
81.5
76.7
79.5
ควำมเร็วลม
น๊ อต
5.3
2.3
3.4
เมฆปกคลุม
0-10
7.6
6.9
7.2
ปริมำณกำรระเหยจำกถำด
มิลลิเมตร
1,771.2
1,511.0
1,650.0
ปริมำณกำรคำยระเหยของ
พืชอ้ ำงอิง
มิลลิเมตร
1,890.8
1,700.8
1,782.6
อุณหภูมิ
ควำมชื้นสั มพันธ์
ปริมำณน้ำฝน
ลุ่มน้ำทะเลสำบสงขลำ มีปริ มำณน้ำฝน ตั้งแต่ 1,500 มิลลิเมตร จนถึง
ประมำณ 2,900 มิลลิเมตร โดยมีปริ มำณน้ำฝนทั้งปี เฉลี่ยประมำณ 1,992.2 มิลลิเมตร ตำม
ตำรำงที่ 23-3 และมีลกั ษณะกำรกระจำยของปริมำณนำ้ ฝนของแต่ ละลุ่มนำ้ ตำมรูปที่ 23-4
23.02
23.03
23.01
รู ปที่ 23-4 ปริมำณนำ้ ฝนและนำ้ ท่ ำเฉลีย่ รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
ปริมำณน้ำท่ำ
ลุ่มน้ำทะเลสำบสงขลำ มีพนื้ ที่รับน้ำทั้งหมด 8,495 ตำรำงกิโลเมตรและมี
ปริมำณน้ำท่ ำตำมธรรมชำติ เฉลีย่ ประมำณ 6,628.4 ล้ ำนลูกบำศก์ เมตร ตำมตำรำงที่ 23-3หรือ
คิดเป็ นปริ มำณน้ำท่ ำรำยปี เฉลี่ยต่ อหน่ วยพืน้ ที่รับน้ำฝนประมำณ 24.74 ลิตร/วินำที /ตำรำง
กิโลเมตร ตำมรูปที่ 23-4 แสดงปริมำณนำ้ ท่ ำเฉลีย่ รำยเดือนของแต่ ละลุ่มนำ้ ย่ อย
ตารางที่ 23-3
ปริมาณนา้ ฝนและ
รายเดื
เดือน น้าปริท่มา
ำณน
ำ้ ฝน อปรินมำณนำ้ ท่ำ
เฉลี่ย (ล้ำน ลบ.ม.)
(มิลลิเมตร)
เม.ย.
95.2
169.2
พ.ค.
153.7
220.1
มิ.ย.
96.6
166.8
ก.ค.
110.1
198.1
ส.ค.
115.2
198.5
ก.ย.
139.5
225.2
ต.ค.
264.6
474.5
พ.ย.
497.6
1,744.8
ธ.ค.
345.3
2,061.1
ม.ค.
85.6
686.8
ก.พ.
26.2
256.3
มี..ค.
62.6
226.9
ฤดูฝน
1,722.6
5,289.1
ฤดูแล้ ง
269.6
1,339.3
ทั้งปี
1,992.2
6,628.4
ตำรำงเปรียบเทียบ ปริมำณน้ำฝน - ปริมำณน้ำท่ำ
กลุ่มลุ่มนำ้ ภำคใต้ ฝั่งตะวันออก(ฝั่งอ่ ำวไทย)
ลำดับ
ลุ่มนำ้
ที่
ปริมำณนำ้ ฝน
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
ทั้งปี
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
1
ลุ่มนำ้ ตำปี
1,809.2
251.9
2,061.1
9,577.2
2
ลุ่มนำ้ ทะเลสำบสงขลำ
1,722.6
269.6
1,992.2
5,289.1 1,339.3
3
ลุ่มนำ้ ภำคใต้ ฝั่งตะวันออก
1,790.0
262.0
4
ลุ่มนำ้ ปัตตำนี
1,616.4
322.5
ทั้งปี
952.7 10,529.9
6,628.4
262.0 18,092.0 4,168.7 22,260.7
1,938.9
2,030.9
639.1
2,670.0
ทรัพยำกรดิน
พืน้ ที่ล่ ุมน้ำทะเลสำบสงขลำสำมำรถจำแนกชนิดของดินตำมควำมเหมำะสม
ของกำรปลูกพืชออกได้ 4 ประเภท ซึ่ งมีลักษณะกำรกระจำยของกลุ่มดิน ตำม
รู ปที่ 23-5 และแต่ ละกลุ่มดินจะมีจำนวนพืน้ ที่ ตำมตำรำงที่ 23-4
ตำรำงที่ 23-4
ลักษณะดิน
รู ปที่ 23-5 กำรแบ่ งกลุ่มดินจำแนกตำมควำมเหมำะสมใช้ ปลูกพืช
จำนวนพืน้ ที่
(ตำรำงกิโลเมตร)
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับปลูกข้ ำว และพืชชนิดอืน่ ๆ
2,794.83
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชไร่ พืชผักและไม้ ผลไม้ ยนื ต้ น (ไม่ เหมำะสำหรับปลูกข้ ำว)
2,222.77
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสำหรับปลูกพืชโดยทัว่ ไป
(ต้ องได้ รับกำรปรับปรุงก่อน จึงจะปลูกพืชบำงชนิดได้ )
1,745.18
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสมสำหรับปลูกพืชชนิดใดๆเลย
1,666.32
พืน้ ทีช่ ่ ุมนำ้ (wetland) เหมืองแร่ และอืน่ ๆ
65.90
รวม
8,495.00
กำรใช้ประโยชน์จำกที่ดิน
้ ทีท
1) พืน
่ ำกำรเกษตร..................60.86 %
พืชไร่......................................
- %
ไม้ผล - ไม้ยน
ื ต้น......................61.34 %
ข้ำว.........................................38.57 %
พืชผ ัก....................................
- %
รู ปที่ 23-6 กำรทำเกษตร
2) ป่ำไม้....................................21.17 %
ั ป่ำ................27.31 %
เขตอนุร ักษ์พ ันธ์สตว์
อุทยำนแห่งชำติ..........................16.44 %
้ ทีป
พืน
่ ่ ำอนุร ักษ์............................56.25 %
รู ปที่ 23-7 พืน้ ทีป่ ่ ำไม้ และเพือ่ กำรอนุรักษ์
ั
3) ทีอ
่ ยูอ
่ ำศย..............................2.56
%
4) แหล่งนำ้ .................................0.05 %
5) อืน
่ ๆ.....................................15.36 %
รู ปที่ 23-8 กำรใช้ ประโยชน์ จำกทีด่ ิน
ลุ่ ม น ำ้ ทะเลสำบสงขลำมี พื น้ ที่ ก ำรเกษตรทั ง้ หมด 5,169.75 ตำรำง
กิโลเมตร และมีพืน้ ที่ท่ ีเหมำะสมกับกำรเพำะปลูกพืชต่ ำงๆ 3,221.27
ตำรำงกิโลเมตร หรื อคิดเป็ นร้ อยละ 62.31 ของพืน้ ที่กำรเกษตรทัง้ หมด
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกข้ ำว
1,794.80
ตำรำงกิโลเมตร (55.71 %)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชผัก
-
ตำรำงกิโลเมตร
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชไร่
-
ตำรำงกิโลเมตร ( - %)
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ น
(44.29.%)
1,426.77
( - %)
ตำรำงกิโลเมตร
รู ปที่ 23-9 กำรใช้ ปะโยชน์ ทดี่ นิ หลักด้ ำนกำรเกษตร
พืน้ ที่ท่ ีเหมำะสมกับกำรเพำะปลูก ส่ วนใหญ่ จะกระจำยอยู่ในบริ เวณตอนกลำงและด้ ำนตะวันออกของ
พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ โดยเฉพำะบริเวณสองฝั่ งลำนำ้ ต่ ำงๆ ซึ่งรวมแล้ ว ประมำณ 37.92 % ของพืน้ ที่ทัง้ ลุ่มนำ้
ในกำรทำกำรเกษตร พบว่ ำกำรใช้ พืน้ ที่ปลูกพืช ส่ วนใหญ่ จะเป็ นกำรปลูกไม้ ผลและไม้ ยืนต้ นบนพืน้ ที่ท่ ี
ไม่ มีควำมเหมำะสม ส่ วนข้ ำวได้ ปลูกบนพืน้ ที่ท่ มี ีควำมเหมำะสมอยู่แล้ ว
พื้นที่ท่ีมศี ักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
พื้น ที่ ที่มี ศั ก ยภำพกำรพัฒ นำระบบชลประทำนในลุ่ ม น้ำนี้ ส่ วนใหญ่ จ ะกระจำยอยู่ ใ นบริ เวณตอนกลำง และด้ ำ นตะวัน ออก
โดยเฉพำะบริเวณสองฝั่งลำน้ำต่ ำงๆ โดยมีพนื้ ที่รวมทั้งสิ้น 2,075 ตำรำงกิโลเมตร และคิดเป็ นร้ อยละ 64.43 ของพืน้ ที่กำรเกษตรที่
เหมำะสมกับกำรเพำะปลูก หรือร้ อยละ 40.15 ของพืน้ ที่กำรเกษตรทั้งหมด
ตำรำงที่ 23-5 ตำรำงเปรียบเทียบพืน้ ที่กำรเกษตรกับพืน้ ที่ที่มีศักยภำพสำหรับพัฒนำระบบชลประทำน
จำนวนพืน้ ทีเ่ พำะปลูกพืชแต่ ละชนิด (ตำรำงกิโลเมตร)
รำยกำร
ไม้ ผล
ข้ ำว
พืชไร่
พืชผัก
พืน้ ทีท่ ำกำรเกษตรทั้งหมด
1,994.12
-
-
3,171.26
4.38
5,169.76
พืน้ ทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรเพำะปลูก
1,794.50
-
-
1,426.77
-
3,221.27
พืน้ ทีศ่ ักยภำพกำรพัฒนำระบบ
ชลประทำน
1,688.73
-
-
386.73
-
2,075.46
ไม้ ยนื ต้ น
อืน่ ๆ
รวม
ทั้งหมด
กำรประเมินควำมต้องกำรน้ำ
จำกกำรศึกษำด้ ำนเศรษฐกิจและสั งคม ได้ คำดคะเนอัตรำกำรเจริญเติบโตของประชำกร ทั้งที่อำศัยอยู่ในเขตเมืองและนอก
เขตเมือง รวมทั้งควำมต้ องกำรนำ้ สำหรับกำรขยำยตัวของภำคอุตสำหกรรม ช่ วงปี 2544-2564 สรุปได้ ตำมรูปที่ 23-10
700
ชลประทำน
ปริมำณนำ้ (ล้ำน ลบ.ม.)
600
500
รักษำระบบนิเวศ
400
300
200
อุตสำหกรรม
100
อุปโภค - บริโภค
0
2510
2520
2530
2540
2550
รู ปที่ 22-10 สรุปแนวโน้ มปริมำณควำมต้ องกำรนำ้ แต่ ละประเภท
2560
2570
ปัญหำของลุ่มน้ำ

ด้ำนอุทกภ ัย สภำพกำรเกิดอุทกภ ัยในลุม
่ นำ้ นี้ แบ่ง
ออกเป็น 2 ล ักษณะคือ∶้ ทีล
1) อุทกภ ัยทีเ่ กิดในบริเวณพืน
่ ม
ุ่ นำ้ ตอนบนและลำนำ้ สำขำต่ำง ๆ
เกิดจำกกำรทีม
่ ฝ
ี นตกหน ักและนำ้ ป่ำไหลหลำกจำกต้นนำ้ ลงมำมำก
จนล ำน ำ้ สำยหล ักไม่ส ำมำรถระบำยน ำ้ ได้ท น
ั ประกอบก บ
ั มีสงิ่ กีด
้ ทำงคมนำคมขวำงทำงนำ้ และมีอำคำร ร ะ บ ำ ย น ้ ำ ไ ม่
ขวำงจำกเสน
เพียงพอ
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิดนำ้ ท่วมเป็นประจำได้แก่ อำเภอสะเดำ อำเภอร ัตภูม ิ
อำเภอนำหม่อม จ ังหว ัดสงขลำ และอำเภอกงหรำ จ ังหว ัดพ ัทลุง
้ ทีร่ ำบลุม
้ ท่ำบลุม
2.) อุทกภ ัยทีเ่ กิดในพืน
่ เกิดบริเวณทีเ่ ป็ นพืน
่ และ
้ เขิน มีควำมสำมำรถในกำรระบำย นำ้ ไม่เพียงพอ
แม่นำ้ สำยหล ักตืน
ิ ธิภำพ
ทำให้ไม่สำมำรถระบำยนำ้ ลงได้อย่ำงมีประสท
ั
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิดนำ้ ท่วมเป็นประจำ ได้แก่ อำเภอเขำชยสน
อำเภอตะ
โหมด และอำเภอป่ำบอน กิง่ อำเภอบำงแก้ว จ ังหว ัดพ ัทลุง
ด้ำนภัยแล้ง
ปัญ หำภ ย
ั แล้ง ในลุ่ม น ำ
้ นีเ้ กิด จำกภำวะ
้ื ทีก
ฝนทิง้ ช่วงยำวนำน ทำให้พน
่ ำรเกษตร
ทีอ
่ ยู่น อกเขตชลประทำนเกิด ควำมแห้ง
แล้ง ขำดแคลนนำ้ อุปโภค-บริโภค และทำ
้ ำ้ ในกิจกรรม
กำรเกษตร รวมถึงกำรใช น
อืน
่ ๆด้วย
ตำมข้อมูล กชช.2ค. ปี 2542 ในลุม
่ นำ้
้ จ
นีม
ี ำนวนหมูบ
่ ำ้ นทงหมด
ั้
1,030 หมูบ
่ ำ้ น
พบว่ ำ มีห มู่ บ ้ำ นที่ข ำดแคลนน ้ำ ท งั้ หมด
600 หมู่บ ำ
้ น (ร้อ ยละ 58.25) โดยแยก
เ ป็ น ห มู่ บ้ ำ น ที่ ข ำ ด แ ค ล น น ้ ำ เ พื่ อ ท ำ
กำรเกษตร จำนวน 294 หมูบ
่ ำ้ น (ร้อยละ
28.54) และหมู่ บ ้ำ นทีข
่ ำดแคลนน ำ
้ ทง
ั้
เ พื่ อ อุ ป โ ภ ค - บ ริ โ ภ ค แ ล ะ ก ำ ร เ ก ษ ต ร
จำนวน 306 หมูบ
่ ำ้ น (ร้อยละ 29.71)
หมู่บ้ำนทีม่ นี ำ้ อุปโภค-บริโภค แต่ ขำดแคลนนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
หมู่บ้ำนทีข่ ำดแคลนนำ้ อุปโภค-บริโภค และนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
่ นใหญ่จะอยู่
หมูบ
่ ำ้ นทีป
่ ระสบภ ัยแล้ง สว
้ ทีจ
ในเขตพืน
่ งั หว ด
ั พท
ั ลุ ง 325 หมู่บ ำ
้ น
หรือคิดเป็ นร้อยละ 54.17 ของหมู่บ ำ้ นที่
ประสบภ ัยแล้งทงหมด
ั้
รู ปที่ 23-10 แสดงลักษณะกำรกระจำยตัวของหมู่บ้ำนทีป่ ระสบปัญหำภัยแล้ง
แนวทำงกำรแก้ไข
ปัญหำกำรเกิดอุทกภ ัย และภ ัยแล้งในลุม
่ นำ้ ทะเลสำบสงขลำ มีล ักษณะ
่ ผลให้เกิดควำมแห้งแล้ง
้ ทีล
คล้ำยก ับพืน
่ ม
ุ่ นำ้ อืน
่ ๆ คือกำรผ ันแปรของปริมำณนำ้ ฝน สง
่ งทีฝ
่ ง ในทำงกล ับก ันเมือ
้ ที่
ในชว
่ นทิง้ ชว
่ มีฝนตกหน ักก็ทำให้เกิดนำ้ ไหลหลำกท่วมพืน
ั และพืน
้ ทีก
อยูอ
่ ำศย
่ ำรเกษตร กำรแก้ไขปัญหำด ังกล่ำวจึงมีแนวทำงแก้ไขในภำพรวม
โดยสรุปด ังนี.้
1) กำรก่อสร้ำงอ่ำงเก็บนำ้ ขนำดกลำง และขนำดเล็กในแต่ละลุม
่ นำ้
ั
่ นำ้ ให้ก ับพืน
้ ทีท
สำขำทีม
่ ศ
ี กยภำพ
เพือ
่ เก็บก ักปริมำณนำ้ หลำกในฤดูฝน และสง
่ ม
ี่ ค
ี วำม
่ งฤดูแล้งของลุม
ต้องกำรนำ้ ในชว
่ นำ้ สำขำนนๆ
ั้
ิ ธิภำพ โครงกำรก่อสร้ำงระบบสง
่ นำ้ และกระจำยนำ้ ให้ทวถึ
2) เพิม
่ ประสท
่ั ง
ิ ธิภำพกำรระบำยนำ้
3) ขุดลอกลำนำ้ สำยหล ัก เพือ
่ เพิม
่ ประสท
ิ ธิภำพกำรระบำยนำ้
4) ปร ับปรุงประสท
้ ระโยชน์ทด
้ ทีโ่ ดยรอบมิ
5) ควบคุมกำรใชป
ี่ น
ิ บริเวณเขตตงเมื
ั้ อง และพืน
ให้ลก
ุ ลำ้ แนวคลองและลำนำ้ สำธำรณะ
้ ทีอ
6) ก่อสร้ำงถ ังเก็บนำ้ สระเก็บนำ้ ประจำไร่นำ ฯลฯ ในพืน
่ ยูห
่ ำ่ งไกลจำก
้ ที่
แหล่งนำ้ / นอกเขตชลประทำนตำมควำมเหมำะสมของพืน
--------------------------------