สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ ปิ ง • • • • • • • • • • • • • ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่

Download Report

Transcript สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน ลุ่มนำ้ ปิ ง • • • • • • • • • • • • • ที่ตงั ้ ลักษณะภูมิประเทศ พืน้ ที่ล่ ุมนำ้ ภูมิอำกำศ ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน - ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้ ทรั พยำกรดิน กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ พืน้ ที่ทำกำรเกษตร. พืน้ ที่ท่

สำน ักโครงกำรขนำดใหญ่ กรมชลประทำน
ลุ่มนำ้ ปิ ง
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
•
ที่ตงั ้
ลักษณะภูมิประเทศ
พืน้ ที่ล่ ุมนำ้
ภูมิอำกำศ
ปริมำณนำ้ ท่ ำ-นำ้ ฝน
- ตำรำงเปรี ยบเทียบในกลุ่มลุ่มนำ้
ทรั พยำกรดิน
กำรใช้ ประโยชน์ ท่ ดี นิ
พืน้ ที่ทำกำรเกษตร.
พืน้ ที่ท่ ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
กำรประเมินควำมต้ องกำรนำ้
ปั ญหำของลุ่มนำ้
ด้ ำนภัยแล้ ง
แนวทำงแก้ ไข
สว่ นอำนวยกำรและติดตำมประเมินผล
ทีต่ ้งั
ลุ่ มน้ ำ ปิ ง ตั้ งอยู่ ทำงทิ ศ เหนื อ ของ
ประเทศไทย ครอบคลุมพืน้ ที่ 5 จังหวัด คือ
เชี ย งใหม่ ล ำพู น ตำก ก ำแพงเพชร และ
นครสวรรค์
ลักษณะของลุ่มน้ำนี้เรียวยำว วำงตัวใน
แนวเหนื อ -ใต้ โดยมี ทิ ศ เหนื อ และทิ ศ
ตะวันตกติดกับลุ่มน้ำสำละวินและลุ่มน้ำ
กก ทิศใต้ ติดกับลุ่มน้ำสะแกกรังและลุ่มน้ำ
แม่ กลอง และทิศตะวันออกติดกับลุ่มน้ำ
ยมและลุ่มน้ำวัง
รู ปที่ 6-1 แสดงทีต่ ้งั ลุ่มนำ้ ปิ ง
 ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของลุ่มน้ำปิ งเป็ นเทือกเขำสลับ
ซับซ้ อน ต้ นกำเนิดของต้ นน้ำปิ ง เกิดจำกทิวเขำ
ผีปันน้ำในเขตอำเภอเชียงดำว จังหวัดเชี ยงใหม่
แล้ วไหลผ่ ำนหุบเขำลงมำสู่ ที่รำบลุ่ม ผ่ ำนจังหวัด
ลำพูน แล้ วไหลไปทำงทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผ่ ำน
อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ แล้ วไหลลงทิศใต้
ผ่ ำนอำเภอฮอด ก่ อนจะลงสู่ อ่ำงเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล
ส่ วนแม่ น้ำปิ งตอนล่ ำงใต้ เขื่อนภูมิพล จะไหลผ่ ำน
ที่รำบมำบรรจบแม่ น้ำวัง และไหลผ่ ำนจังหวัด
กำแพงเพชร ก่ อนไปบรรจบแม่ น้ำยมและแม่ น้ำ
น่ ำน รวมเป็ นแม่ น้ำจ้ ำพระยำที่จังหวัดนครสวรรค์
รู ปที่ 6-2 สภำพภูมปิ ระเทศในเขตพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ปิ ง
พื้นที่ล่มุ น้ำ
ลุ่ ม น้ำ ปิ ง มีพื้นที่ร วมทั้ง สิ้ นประมำณ 33,896 ตำรำง
กิโลเมตร แบ่ งเป็ น 20 ลุ่มนำ้ ย่ อย ตำมตำรำงที่ 6-1 และ
รู ปที่ 6-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย
6.04
6.02
6.03
6.06
6.12
6.08
6.05 6.07
6.10
6.11
6.09
รู ปที่ 6-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อยพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ปิ ง
ตำรำงที่ 6-1 ขนำดของพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ย่ อย
รหัส
ชื่อลุ่มนำ้ ย่ อย
พืน้ ทีร่ ับนำ้
(ตร.กม.)
06.02
แม่ นำ้ ปิ งตอนบน
2,018
06.03
นำ้ แม่ งัด
1,260
06.04
แม่ นำ้ แม่ แตง
1,761
06.05
แม่ นำ้ ปิ งส่ วนที่ 2
1,624
06.06
นำ้ แม่ ริม
584
06.07
นำ้ แม่ กวง
1,165
06.08
นำ้ แม่ งำน
1,711
06.09
นำ้ แม่ ลี้
1,956
6.10
นำ้ แม่ กลำง
600
6.11
แม่ นำ้ ปิ งส่ วนที่ 3
3,071
6.12
นำ้ แม่ แจ่ มตอนบน
1,912
พื้นที่ล่มุ น้ำ
ลุ่ ม น้ำ ปิ ง มีพื้นที่ร วมทั้ง สิ้ นประมำณ 33,896 ตำรำง
กิโลเมตร แบ่ งเป็ น 20 ลุ่มนำ้ ย่ อย ตำมตำรำงที่ 6-1 และ
รู ปที่ 6-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อย
ตำรำงที่ 6-1 ขนำดของพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ย่ อ (ต่ อ)
รหัส
6.13
6.14
6.15
6.17
6.16
6.19
6.18
6.20
6.21
รู ปที่ 6-3 แสดงลุ่มนำ้ ย่ อยพืน้ ทีล่ ่มุ นำ้ ปิ ง
ชื่อลุ่มนำ้ ย่ อย
พืน้ ทีร่ ับนำ้
(ตร.กม.)
6.13
นำ้ แม่ แจ่ มตอนล่ำง
1,926
6.14
นำ้ แม่ หำด
535
6.15
นำ้ แม่ ตื่น
3,143
6.16
แม่ นำ้ ปิ งส่ วนที่ 4
2,940
6.17
ห้ วยแม่ ท้อ
1,151
6.18
คลองวังเจ้ ำ
647
6.19
คลองแม่ ระกำ
882
6.20
คลองสวนหมำก
1,069
6.21
แม่ นำ้ ปิ งตอนล่ำง
2,944
รวมพืน้ ที่ท้ังสิ้น
33,896
ภูมิอำกำศ
ข้ อ มู ล ภู มิอ ำกำศที่ ส ำคัญของลุ่ มน้ำ นี้ ได้ แสดงไว้ แล้ ว ตำมตำรำงที่ 6-2 ซึ่ ง แต่ ล ะรำยกำรจะเป็ น
ค่ ำสู งสุ ด ค่ ำต่ำสุ ด และค่ ำเฉลีย่ เป็ นรำยปี
ตำรำงที่ 6-2 แสดงข้ อมูลภูมิอำกำศที่สำคัญ
ข้ อมูลภูมอิ ำกำศทีส่ ำคัญ
หน่ วย
ค่ ำสู งสุ ดรำยปี
ค่ ำต่ำสุ ดรำยปี
ค่ ำเฉลีย่ รำยปี
องศำเซลเซียส
28.2
23.3
26.3
เปอร์ เซ็นต์
78.3
68.5
72.5
ควำมเร็วลม
น๊ อต
3.0
0.6
1.7
เมฆปกคลุม
0-10
5.8
5.2
5.6
ปริมำณกำรระเหยจำกถำด
มิลลิเมตร
2,018.0
1,301.9
1,618.8
ปริมำณกำรคำยระเหยของ
พืชอ้ ำงอิง
มิลลิเมตร
1,934.9
1,484.8
1,735.5
อุณหภูมิ
ควำมชื้นสั มพันธ์
ปริมำณน้ำฝน ลุ่มน้ำปิ งมีปริมำณน้ำฝน ตั้งแต่ 900 มิลลิเมตร จนถึง 1,900 มิลลิเมตร ตำรำงที่ 6-3 ปริมำณนำ้ ฝนและนำ้ ท่ำเฉลีย่ รำยเดือน
โดยมีปริ มำณน้ำฝนทั้งปี เฉลี่ยประมำณ 1,124.6 มิลลิเมตร ลักษณะกำรผัน แปรของ
ปริมำณนำ้ ฝนรำยเดือนเฉลีย่ ได้ แสดงไว้ตำม ตำรำงที่ 6-3 และมีลกั ษณะกำรกระจำยของ
ปริมำณนำ้ ฝน ตำมรูปที่ 6-4
รู ปที่ 6-5 ปริมำณนำ้ ท่ ำเฉลีย่
รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่อย
รู ปที่ 6-4 ปริมำณนำ้ ฝนเฉลีย่ รำย
เดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่ อย
ปริมำณนำ้ ท่ ำ ลุ่มนำ้ ปิ งมีพนื้ ที่รับนำ้ ทั้งหมด 33,896 ตำรำงกิโลเมตร และมีปริมำณน้ำท่ ำ
เดือน
ปริมำณนำ้ ฝน
(มิลลิเมตร)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
(ล้ำน ลบ.ม.)
เม.ย.
47.9
126.5
พ.ค.
157.8
341.9
มิ.ย.
136.1
511.8
ก.ค.
151.7
660.0
ส.ค.
195.5
1,326.6
ก.ย.
215.7
1,997.6
ต.ค.
135.4
1,849.6
พ.ย.
44.2
904.5
ธ.ค.
13.0
440.8
ม.ค.
7.3
277.6
ก.พ.
5.5
160.7
มี..ค.
14.3
127.7
ฤดูฝน
992.2
6,687.6
ฤดูแล้ง
132.4
2,037.7
1,124.6
8,725.3
ตำมธรรมชำติท้ังปี เฉลี่ย 8,725.3 ล้ ำนลูกบำศก์ เมตร ตำมตำรำงที่ 6-3 หรือมีปริ มำณน้ำท่ ำ
ทั้งปี
เฉลี่ยต่ อหน่ วยพืน้ ที่รับน้ำฝน 8.16 ลิตร/วินำที/ตำรำงกิโลเมตร ตำมรู ปที่6-5 แสดงปริ มำณ
นำ้ ท่ ำเฉลีย่ รำยเดือนในแต่ ละลุ่มนำ้ ย่ อย
ตำรำงเปรียบเทียบ ปริมำณน้ำฝน - ปริมำณน้ำท่ำ
กลุ่มลุ่มนำ้ เจ้ ำพระยำ
ลำดับ
ลุ่มนำ้
ที่
ปริมำณนำ้ ฝน
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ปริมำณนำ้ ท่ ำ
ทั้งปี
(ฤดูฝน)
(ฤดูแล้ง)
ทั้งปี
1
ลุ่มนำ้ เจ้ ำพระยำ
957.0
126.8
1,083.8
1,657.0
74.8
1,731.8
2
ลุ่มนำ้ ท่ ำจีน
916.9
123.9
1,040.8
1,249.8
114.6
1,364.4
3
ลุ่มนำ้ ป่ ำสั ก
1,058.8
154.4
1,213.2
2,519.1
378.2
2,897.2
4
ลุ่มนำ้ ปิ ง
992.2
132.4
1,124.6
6,687.6
2,037.7
8,725.3
5
ลุ่มนำ้ วัง
962.5
136.1
1,098.6
1,374.2
243.3
1,617.5
6
ลุ่มนำ้ ยม
1,037.5
121.7
121.7
3,216.8
439.8
3,656.8
7
ลุ่มนำ้ น่ ำน
1,128.3
144.4
1,272.7 10,474.4
8
ลุ่มนำ้ สะแกกรัง
1,059.1
174.7
1,233.8
892.4
1,540.4 12,014.8
232.4
1,124.8
ทรัพยำกรดิน
พืน้ ทีล่ ุ่มนำ้ ปิ งสำมำรถจำแนกชนิดดินตำมควำมเหมำะสมของกำรปลูกพืชออกได้ เป็ น 4 ประเภท ซึ่ง
มีลกั ษณะกำรกระจำยของกลุ่มดิน ตำมรู ปที่ 6-6 และแต่ ละประเภทจำนวนพืน้ ทีต่ ำมตำรำงที่ 6-4
ตำรำงที่ 6-4
ลักษณะดิน
จำนวนพืน้ ที่
(ตำรำงกิโลเมตร)
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับปลูกข้ ำว และพืชชนิดอืน่ ๆ
2,813.83
ดินทีเ่ หมำะสมสำหรับกำรปลูกพืชไร่ พืชผัก และไม้ ผลไม้ ยนื ต้ น (ไม่ เหมำะสำหรับปลูกข้ ำว)
4,591.98
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสำหรับปลูกพืชโดยทัว่ ไป
(ต้ องได้ รับกำรปรับปรุงก่อน จึงจะปลูกพืชบำงชนิดได้ )
5,133.10
ดินทีไ่ ม่ เหมำะสมสำหรับปลูกพืชชนิดใดๆเลย
20,282.36
พืน้ ทีช่ ่ ุมนำ้ (wetland ) เหมืองแร่ และอืน่ ๆ
1,074.74
33,896.00
รวม
รู ปที่ 6-6 กำรแบ่ งกลุ่มดินจำแนกตำมควำมเหมำะสมใช้ ปลูกพืช
● กำรใช้ประโยชน์จำกที่ดินด้ำนกำรเกษตร
้ ทีท
1) พืน
่ ำกำรเกษตร.......................
23.66 %
พืชไร่.......................................50.81 %
ไม้ผล–ไม้ยน
ื ต้น.......................... 6.71 %
ปลูกข้ำว...................................42.01 %
อืน
่ ๆ.......................................... 0.47 %
รู ปที่ 6-7 กำรทำเกษตร
2) ป่ำไม้................................................ 71.46 %
ั ป่ำ.......................11.42 %
เขตอนุร ักษ์พ ันธุส
์ ตว์
อุทยำนแห่งชำติ................................14.91 %
้ ทีป
พืน
่ ่ ำอนุร ักษ์.................................73.66 %
รู ปที่ 6-8 พืน้ ทีป่ ่ ำไม้ และเพือ่ กำรอนุรักษ์
ั
3) ทีอ
่ ยูอ
่ ำศย...........................................
2.58 %
4) แหล่งนำ้ ............................................. 1.21 %
5) อืน
่ ๆ.................................................... 1.09 %
รู ปที่ 6-9 กำรใช้ ประโยชน์ จำกทีด่ ิน
พืน้ ที่กำรเกษตรทัง้ หมดมีประมำณ 8,021.48 ตำรำงกิโลเมตรและมี
พืน้ ที่ท่ ีเหมำะสมสำหรั บกำรเพำะปลูกเพียง 3,368.29 ตำรำงกิโลเมตร
หรื อคิดเป็ นร้ อยละ 41.99
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกข้ ำว
2,516.92
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชผัก
20.28
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกพืชไร่
696.40
พืน้ ที่เหมำะสมสำหรั บปลูกไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ น 134.68
ตำรำงกิโลเมตร
ตำรำงกิโลเมตร
ตำรำงกิโลเมตร
ตำรำงกิโลเมตร
(74.72%)
( 0.60.%)
(20.68.%)
( 4.00%)
รู ปที่ 6-10 กำรใช้ ประโยชน์ ทดี่ นิ หลักด้ ำนกำรเกษตร
พืน้ ที่ท่ ีเหมำะสมกับกำรเพำะปลูกส่ วนใหญ่ จะอยู่บริ เวณตอนบนและตอนล่ ำงของพืน้ ที่ล่ ุ มนำ้ โดยเฉพำะ
บริเวณที่รำบสองฝั่ งลำนำ้ ซึ่งรวมกันแล้ วประมำณ 9.94% ของพืน้ ที่ทัง้ ลุ่มนำ้ ในกำรทำกำรเกษตรพบว่ ำ กำรใช้ พืน้ ที่
ปลูกพืชส่ วนใหญ่ จะเป็ นกำรปลูกพืชไร่ และไม้ ผล-ไม้ ยืนต้ น บนพืน้ ที่ท่ ีไม่ มีควำมเหมำะสม ส่ วนข้ ำวและพืชผักได้
ปลูกบนพืน้ ที่ท่ มี ีควำมเหมำะสมอยู่แล้ ว
พื้นที่ท่ีมีศักยภำพพัฒนำระบบชลประทำน
พืน้ ทีท่ มี่ ศี ักยภำพสำหรับพัฒนำระบบชลประทำนในลุ่มนำ้ ปิ ง ส่ วนใหญ่ จะอยู่บริเวณทีร่ ำบสองสองฝั่งของ
แม่ นำ้ ปิ งทั้งตอนบนและตอนล่ ำง ประมำณ 2,016.90 ตำรำงกิโลเมตร และคิดเป็ นร้ อยละ 59.88 ของพืน้ ที่
กำรเกษตรทีเ่ หมำะสมกับกำรเพำะปลูก หรือร้ อยละ 25.14 ของพืน้ ทีก่ ำรเกษตร
ตำรำงที่ 6-5ตำรำงเปรียบเทียบพืน้ ที่กำรเกษตรกับพืน้ ที่ที่มีศักยภำพสำหรับกำรพัฒนำระบบชลประทำน
จำนวนพืน้ ทีเ่ พำะปลูกพืชแต่ ละชนิด (ตำรำงกิโลเมตร)
รำยกำร
ข้ ำว
พืชไร่
พืชผัก
ไม้ ผล
ไม้ ยนื ต้ น
อืน่ ๆ
รวม
ทั้งหมด
พืน้ ที่ทำกำรเกษตรทั้งหมด
3,369.92 4,075.63
29.50
537.86
8.57
8,021.48
พืน้ ทีเ่ หมำะสมสำหรับกำร
เพำะปลูก
2,516.92
696.40
20.28
134.68
-
3,368.29
พืน้ ที่ศักยภำพกำรพัฒนำระบบ
ชลประทำน
1,728.99
253.12
1.08
33.73
-
2,016.92
กำรประเมินควำมต้องกำรน้ำ
จำกกำรศึกษำด้ ำนเศรษฐกิจและสั งคม ได้ คำดคะเนอัตรำกำรเจริญเติบโตของประชำกร ทั้งที่อำศัยอยู่ในเขตเมือง และนอก
เขตเมือง รวมทั้งควำมต้ องกำรนำ้ สำหรับกำรขยำยตัวของภำคอุตสำหกรรม ช่ วงปี 2544 -2564 สรุปได้ ตำมรู ปที่ 6-11
4,000
ชลประทำน
3,500
ปริมำณนำ้ (ล้ำน ลบ.ม.)
3,000
2,500
2,000
1,500
1,000
รักษำระบบนิเวศ
500
อุตสำหกรรม
อุปโภค - บริโภค
0
2510
2520
2530
2540
2550
2560
รูปที่ 6-11 สรุปแนวโน้ มปริมำณควำมต้ องกำรนำ้ แต่ ละประเภท
2570
ปัญหำของลุ่มน้ำ
ด้ำนอุทกภ ัย สภำพกำรเกิดอุทกภ ัยในลุม
่ นำ้ นี้ แบ่งออกเป็น 2 ล ักษณะ
คือ∶-
้ ทีล
1) อุทกภ ัยทีเ่ กิดในบริเวณพืน
่ ม
ุ่ นำ้ ตอนบนและลุม
่ นำ้ สำขำต่ำง ๆ จะเกิด
จำกกำรทีม
่ ฝ
ี นตกหน ักในบริเวณต้นนำ้ ทำให้นำ้ ป่ำไหลหลำกลงมำมำกจน
้ ทีป
ลำนำ้ สำยหล ักไม่สำมำรถระบำยนำ้ ได้ท ัน เนือ
่ งจำกสภำพพืน
่ ่ ำไม้ตน
้ นำ้
้ ทีล
ตอนบนถู ก ท ำลำย รวมท งั้ ขำดแหล่ง เก็ บ ก ก
ั นำ
้ ขนำดใหญ่ใ นพืน
่ ุ ่ม น ำ
้
่ ยชะลอนำ้ หลำก
ตอนบน เพือ
่ ชว
ั ป่ ำตอง
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิด น ำ
้ ท่ว มเป็ นประจ ำ ได้แ ก่ อ ำเภอสะเมิง อ ำเภอส น
ี งใหม่
อำเภอหำงดง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่แตง อำเภอพร้ำว จงั หว ัดเชย
และอ ำเภอลี้ จ ังหว ัดลำพูน อำเภอเมือง จ ังหว ัดตำก อ ำเภอเมือ ง จ งั หว ด
ั
กำแพงเพชร และอำเภอเมือง จ ังหว ัดนครสวรรค์
้ ทีร่ ำบลุ่ม เกิด บริเวณทีเ่ ป็ นพืน
้ ทีร่ ำบลุ่ม และแม่น ำ้
2) อุท กภ ย
ั ทีเ่ กิด ในพืน
้ เขิน มีค วำมสำมำรถในกำรระบำยน ำ
สำยหล ก
ั ตืน
้ ไม่ เ พีย งพอ ท ำให้ไ ม่
ิ ธิภำพ
สำมำรถระบำยนำ้ ได้อย่ำงมีประสท
้ ทีท
พืน
่ เี่ กิดนำ้ ท่วมล ักษณะนีเ้ ป็นประจำ ด้แก่ อำเภอไชยปรำกำร อำเภอ
ั
ั ำแพง จ ังหว ัดเชย
ี งใหม่ อำเภอบ้ำนโฮ่ง
สนทรำย
อำเภอสำรภี อำเภอสนก
อำเภอแม่ทำ อำเภอเมือง จ ังหว ัดลำพูน อำเภอคลองขลุง อำเภอขำณุ วร
ล ักษบุร ี จ ังหว ัดกำแพงเพชร
ปัญหำภ ัยแล้งในลุ่มนำ้ นี้ เกิดจำกภำวะฝน
ทิง้ ช่ว งยำวนำน ท ำให้พ น
ื้ ทีก
่ ำรเกษตรทีอ
่ ยู่
นอกเขตชลประทำน เกิดควำมแห้งแล้ง ขำด
แคลนนำ้ อุป โภค- บริโภคและทำกำรเกษตร
้ ำ้ ในกิจกรรมอืน
รวมทงกำรใช
ั้
น
่ ๆด้วย
้ ี
ตำมข้อมูล กชช.2ค. ปี 2542 ในลุม
่ นำ้ นีม
หมูบ
่ ำ้ นทงหมดจ
ั้
ำนวน 2,793 หมูบ
่ ำ้ น พบว่ำ
มี ห มู่ บ ้ ำ น ข ำ ด แ ค ล น น ้ ำ ท ง
ั้ ห ม ด 1 , 9 1 0
ห มู่ บ ้ ำ น ( ร้ อ ย ล ะ 6 8 . 9 3 ) โ ด ย แ ย ก เ ป็ น
หมู่ บ ้ำ นที่ข ำดแคลนน ้ำ เพื่อ ท ำกำรเกษตร
จำนวน 1,187 หมูบ
่ ำ้ น (ร้อยละ42.50) และ
หมู่บ ำ
้ นทีข
่ ำดแคลนน ำ
้ ท งั้ เพือ
่ กำรอุ ป โภคบริโภคและกำรเกษตรจำนวน 723 หมู่บ ำ
้ น
(ร้อยละ25.89)
หมู่บ้ำนทีม่ นี ำ้ อุปโภค-บริโภค แต่ ขำดแคลนนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
หมู่บ้ำนทีข่ ำดแคลนนำ้ อุปโภค-บริโภค และนำ้ เพือ่ กำรเกษตร
รู ปที่ 6-11 แสดงลักษณะกำรกระจำยตัวของหมู่บ้ำนทีป่ ระสบปัญหำภัยแล้ง
่ นใหญ่จะอยูใ่ น
หมูบ
่ ำ้ นทีป
่ ระสบภ ัยแล้งสว
ี งใหม่ 1,056 หมูบ
้ ที่ จ ังหว ัดเชย
พืน
่ ำ้ น หรือ
คิดเป็นร้อยละ 55.29 ของหมูบ
่ ำ้ นทีป
่ ระสบ
ภ ัยแล้งทงหมด
ั้
แนวทำงกำรแก้ไข
ปัญหำกำรเกิดอุทกภ ัย และภ ัยแล้งในลุม
่ นำ้ ปิ ง มีล ักษณะคล้ำยก ับ
้ ทีล
พืน
่ ม
ุ่ นำ้ อืน
่ ๆ คือกำรผ ันแปรของปริมำณนำ้ ฝน สง่ ผลให้เกิดควำมแห้งแล้ง
ในชว่ งทีฝ
่ นทิง้ ชว่ ง ในทำงกล ับก ันเมือ
่ มีฝนตกหน ักก็ ทำให้เกิดนำ้ ไหลหลำก
ั และพืน
้ ทีอ
้ ทีก
ท่ว มพืน
่ ยู่อ ำศย
่ ำรเกษตร กำรแก้ไขปัญหำด ังกล่ำ วจึง มีแนว
ทำงแก้ไขในภำพรวมโดยสรุปด ังนี้
้ ทีต
กำรก่อสร้ำงอ่ำงเก็ บนำ้ ขนำดใหญ่ในพืน
่ อนบนของลำนำ้
๊ นำ้ แม่ขำน และนำ้ แม่แจ่ม เพือ
สำขำทีส
่ ำค ัญ ได้แก่ แม่นำ้ กึด
่ เก็ บก ัก และ
ชะลอปริม ำณน ำ
้ หลำกในช่ ว งที่ฝ นตกหน ก
ั
และปล่อ ยน ำ
้ ที่เ ก็ บ ก ก
ั ลง
่ งฤดูแล้งเพือ
ทำงด้ำนท้ำยนำ้ ในชว
่ บรรเทำปัญหำภ ัยแล้งให้พน
ื้ ทีส
่ องฝั่งลำนำ้