โลก (The Earth) โลก Ø= 12,756 กม. ระยะจำกดวงอำทิตย์ 1 AU อุณหภูมิเฉลีย่ 15C อุณหภูมิสงู สุด 51C (ลิเบีย) อุณหภูมิต่ำสุด -89C (ขัวโลกใต้ ้ ) มีน ้ำครบทัง้ 3 สถำนะ วัฏจักรน ้ำแพร่ กระจำยไป ทัว่

Download Report

Transcript โลก (The Earth) โลก Ø= 12,756 กม. ระยะจำกดวงอำทิตย์ 1 AU อุณหภูมิเฉลีย่ 15C อุณหภูมิสงู สุด 51C (ลิเบีย) อุณหภูมิต่ำสุด -89C (ขัวโลกใต้ ้ ) มีน ้ำครบทัง้ 3 สถำนะ วัฏจักรน ้ำแพร่ กระจำยไป ทัว่

โลก (The Earth)
โลก
Ø=
12,756 กม. ระยะจำกดวงอำทิตย์ 1 AU
อุณหภูมิเฉลีย่ 15C อุณหภูมิสงู สุด 51C
(ลิเบีย) อุณหภูมิต่ำสุด -89C (ขัวโลกใต้
้
)
มีน ้ำครบทัง้ 3 สถำนะ วัฏจักรน ้ำแพร่ กระจำยไป
ทัว่ ทุกอำณำบริ เวณของผิวโลก
บรรยำกำศช่วยปกป้องอันตรำยจำกรังสีอลุ ตรำ
ไวโอเล็ตและอุกกำบำตขนำดเล็ก และเป็ นแหล่ง
ธำตุอำหำร อันได้ แก่ ไนโตรเจน และคำร์ บอน
พืชใช้ แสงอำทิตย์ในกำรสังเครำะห์แสง นำ
ออกซิเจนและคำร์ บอนในบรรยำกำศไปสร้ ำง
พลังงำน จุลนิ ทรี ย์หลำยชนิดใช้ พลังงำนเคมี
จำกธำตุเหล็กและกำมะถัน
สองในสำมของพื ้นผิวปกคลุมด้ วยน ้ำในมหำสมุทร
ดวงจันทร์ (The Moon)
สิง่ มีชีวิตอำศัยวัตถุดิบบนพื ้นโลกมำสร้ ำง
ร่ำงกำย กระบวนกำรเคลือ่ นตัวของเปลือกโลก
ช่วยสร้ ำงวัฏจักรเคมี ซึง่ ให้ ธำตุอำหำร
ดวงจันทร์ Ø = 3,476 กม. ระยะจำกดวงอำทิตย์ 1 AU
อุณหภูมิเฉลีย่ -23C อุณหภูมิสงู สุด 107C
(กลำงวัน) อุณหภูมิต่ำสุด -153C (กลำงคืน)
มีน ้ำแข็งอยูใ่ นหลุมอุกกำบำตบริ เวณขัว้ เหนือ
และขัวใต้
้
อุณหภูมิกลำงวันและกลำงคืนแตกต่ำงกันมำก
เนื่องจำกไม่มีบรรยำกำศ
ดวงจันทร์ ได้ รับพลังงำนจำกแสงอำทิตย์เท่ำกับ
โลก เคยมีปฏิกริ ยำเคมีจำกกำรระเบิดของภูเขำ
ไฟระเบิด ในอดีตนำนมำแล้ ว
พื ้นผิวเต็มไปด้ วยหลุมอุกกำบำต และไม่มีบรรยำกำศ
ดวงจันทร์ มีองค์ประกอบทำงเคมีเช่นเดียวกับ
โลก แต่ขำดกระบวนกำรสร้ ำงวัฏจักรเคมี
ซึง่ จำเป็ นสำหรับสิง่ มีชีวิต
ดาวอังคาร (Mars)
ดาวอังคาร Ø = 6,796 กม. ระยะทำง 1.52 AU
อุณหภูมิเฉลีย่ -63  C อุณหภูมิสงู สุด 22  C
อุณหภูมิต่ำสุด -125  C
ครัง้ หนึง่ เคยมีน ้ำไหลบนพื ้นผิว แต่ปัจจุบนั น ้ำผิว
พื ้นหำยไปหมดแล้ ว มีแต่แผ่นน ้ำแข็งบนขัวเหนื
้ อ
และขัวใต้
้
มีก๊ำซคำร์ บอนไดออกไซด์ 95% ควำมกดอำกำศ
ต่ำมำก เป็ นเหตุให้ น ้ำบนผิวพื ้นระเหยออกหมด
บรรยำกำศที่เบำบำงไม่สำมำรถป้องกันอันตรำย
และเอื ้ออำนวยต่อสิง่ มีชีวติ
พื ้นผิวเป็ นแผ่นน ้ำแข็ง ปกคลุมมหำสมุทร
แสงอำทิตย์เป็ นแหล่งพลังงำน สำรเคมีซึ่งเกิด
จำกกำรระเบิดของภูเขำไฟในอดีต ครัง้ หนึ่งก็
อำจเป็ นแหล่งพลังงำนเช่นกัน
พื ้นผิว
ร่องน ้ำ
แผ่นน ้ำแข็ง
ดำวอังคำรและโลกมีองค์ประกอบทำงเคมีอย่ำง
เดียวกัน กำรระเบิดของภูเขำไฟเมื่อ 2-3 ล้ ำนปี
ก่อน อำจก่อให้ เกิดวัฏจักรเคมี ซึง่ ให้ ธำตุอำหำร
ดาวศุกร์
ดาวศุกร์ (Venus)
Ø=
12,104 กม. ระยะทำง 0.72 AU
อุณหภูมิเฉลีย่ 464  C เนื่องจำกภำวะเรื อน
กระจกซึง่ เกิดจำกก๊ ำซคำร์ บอนไดออกไซด์
อุณหภูมิสงู มำก ทำให้ เหลือไอน ้ำอยู่ใน
บรรยำกำศเพียง 0.0000003%
ในบรรยำกำศมีก๊ำซคำร์ บอนไดออกไซด์ 97%
ควำมกดอำกำศสูงกว่ำโลกถึง 92 เท่ำ
บรรยำกำศหนำทึบ ปกคลุมด้ วยคำร์ บอนไดออกไซด์
ลำวำไหลจำกภูเขำไฟ
ก้ อนหินบนพื ้นผิว
เมฆหนำป้องกันแสงอำทิตย์มิให้ สอ่ งถึงพื ้นผิว
เมฆกรดกำมะถันทำให้ เกิดแหล่งพลังงำนเคมี
ดำวศุกร์ และโลกมีองค์ประกอบทำงเคมีอย่ำง
เดียวกัน ภูเขำไฟระเบิดทำให้ เกิดวัฏจักรเคมี
ซึง่ ให้ ธำตุอำหำรแก่สงิ่ มีชีวิต
ไอโอ (Io)
ดวงจันทร์ ของดาวพฤหัส ฯ
ไอโอ
Ø=
3,630 กม. ระยะทำง 5.2 AU
อุณหภูมิ ณ เส้ นศูนย์สตู รเวลำเที่ยงเฉลีย่
-150C ลำวำไหลจำกภูเขำไฟระเบิดอำจมี
อุณหภูมิสงู ถึง 1,200C
พื ้นผิวเต็มไปด้ วยภูเขำไฟระเบิด ควำมร้ อน
ภำยในทำให้ น ้ำเหือดแห้ ง ไม่มีทงน
ั ้ ้ำในสถำนะ
ของเหลว และน ้ำแข็ง
ไม่มีบรรยำกำศแต่ดงเดิ
ั ้ ม แต่มีเมฆกำมะถัน ซึง่
เกิดจำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ
พื ้นผิวถูกปกคลุมด้ วยสำรประกอบกำมะถันจำกภูเขำไฟ
แสงอำทิตย์เป็ นแหล่งพลังงำน พื ้นผิวถูกเคลือบ
ด้ วยกำมะถันและซัลเฟอร์ ไดออกไซด์ถกู พ่น
ออกมำจำกภูเขำไฟ จุลนิ ทรี ย์บนโลกของเรำ
สำมำรถใช้ สำรเหล่ำนี ้เป็ นแหล่งพลังงำนได้
ภูเขำไฟ
ทะเลสำบกำมะถัน
ยูโรปา (Europa)
เทือกเขำ
ดวงจันทร์ ของดาวพฤหัส ฯ
กำรระเบิดของภูเขำไฟ ทำให้ เกิดวัฏจักรเคมี
ซึง่ ให้ ธำตุอำหำร
ยูโรปา
Ø=
3,138 กม. ระยะทำง 5.2 AU
อุณหภูมิ ณ เส้ นศูนย์สตู ร เวลำเที่ยง
เฉลีย่ -145C
พื ้นผิวเป็ นแผ่นน ้ำแข็งหนำประมำณ 1-10 กม.
ปกคลุมมหำสมุทรลึก 60-100 กม. มีน ้ำปริ มำณ
มำกกว่ำบนโลกของเรำ
พื ้นผิวเป็ นแผ่นน ้ำแข็ง ปกคลุมมหำสมุทร
ไม่มีบรรยำกำศ
แสงอำทิตย์เป็ นแหล่งพลังงำน แก่นใจกลำงของยู
โรปำมีอณ
ุ หภูมิสงู พอที่จะทำให้ เกิดภูเขำไฟ
ใต้ มหำสมุทร ซึง่ อุดมด้ วยสำรประกอบกำมะถัน
พื ้นผิวของยูโรปำปกคลุมด้ วยฝุ่ นภูเขำไฟจำกดวง
จันทร์ ไอโอ
แผ่นน ้ำแข็ง
ร่องน ้ำแข็ง
ภูเขำไฟและมหำสมุทร ทำให้ เกิดวัฏจักรเคมีได้
หลำยอย่ำง ซึง่ ให้ ธำตุอำหำร
แกนีมีด (Ganymede) ดวงจันทร์ ดาวพฤหัส ฯ
แกนีมีด
Ø=
5,262 กม. ระยะทำง 5.2 AU
อุณหภูมิ ณ เส้ นศูนย์สตู ร เวลำเที่ยง
เฉลีย่ -121C
พื ้นผิวและเปลือกชันบนประกอบด้
้
วยหินและ
น ้ำแข็ง ไม่ปรำกฏแหล่งกำเนิดควำมร้ อน
พื ้นที่สว่ำงสีออ่ นเกิดจำกน ้ำแข็งแทรกตัวออกมำจำกภำยใน
ไม่มีบรรยำกำศ ปรำกฏให้ เห็น
แสงอำทิตย์เป็ นแหล่งพลังงำน ไม่มีกระบวนกำร
ทำงธรณีซงึ่ ทำให้ เกิดแหล่งพลังงำนเคมีสำหรับ
สิง่ มีชีวิต
ร่องน ้ำแข็ง
หลุมอุกกำบำต
คัลลิสโต (Callisto)
ดวงจันทร์ ของดาวพฤหัส ฯ
พื ้นผิวเป็ นของแข็งเป็ นวัตถุดิบที่จำเป็ นสำหรับ
สิง่ มีชีวิต อย่ำงไรก็ตำมไม่ปรำกฏวัฏจักรเคมีซงึ่
เอื ้ออำนวยต่อกำรสร้ ำงธำตุอำหำร
คัลลิสโต
Ø=
4,800 กม. ระยะทำง 5.2 AU
อุณหภูมิ ณ เส้ นศูนย์สตู ร เวลำเที่ยง
เฉลีย่ -108C
พื ้นผิวประกอบด้ วยหินและน ้ำแข็ง คัลลิสโตมี
ควำมหนำแน่นต่ำ นักวิทยำศำสตร์ จึงสันนิษฐำน
ว่ำ อำจมีชนของน
ั้
้ำเกลืออยูเ่ บื ้องล่ำง
พื ้นผิวมีหลุมอุกกำบำตมำกที่สดุ ในระบบสุริยะ
ไม่มีบรรยำกำศ
แสงอำทิตย์เป็ นแหล่งพลังงำน ถ้ ำเบื ้องล่ำงมีชนั ้
น ้ำเกลืออยูจ่ ริ ง ก็อำจเป็ นแหล่งพลังงำนเคมี
สำหรับสิง่ มีชีวิต
สภำพพื ้นผิว
รอยพุง่ ชนของดำวหำง
พื ้นผิวเป็ นของแข็งเป็ นวัตถุดิบที่จำเป็ นสำหรับ
สิง่ มีชีวิต อย่ำงไรก็ตำมไม่ปรำกฏวัฏจักรเคมีซงึ่
เอื ้ออำนวยให้ เกิดธำตุอำหำร
ไททัน (Titan)
ดวงจันทร์ ของดาวเสาร์
ไททัน
Ø=
5,150 กม. ระยะทำง 9.5 AU
อุณหภูมิพื ้นผิว เฉลีย่ -179C
ภูเขำน ้ำแข็งลอยอยูบ่ นมหำสมุทรซึง่ เป็ นอีเทน
และมีเทนเหลว ไม่มีไอน ้ำอยูใ่ นบรรยำกำศ
ควำมกดอำกำศสูง 1.5 เท่ำของโลก 90-97%
เป็ นก๊ ำซไนโตรเจน และ 3-10% เป็ นมีเทน
บรรยำกำศคล้ ำยคลึงกับโลก มำกกว่ำดำวศุกร์
และดำวอังคำรซึง่ เต็มไปด้ วยก๊ ำซ
คำร์ บอนไดออกไซด์
แสงอำทิตย์มีควำมเข้ มน้ อยเกินไป พลังงำนส่วน
ใหญ่นำ่ จะได้ มำจำกปฏิกริ ยำเคมี
บรรยำกำศซึง่ หนำแน่นประกอบด้ วย ไนโตรเจนและมีเทน
เอ็นเซลาดุส (Enceladus) ดวงจันทร์ ดาวเสาร์
ปฏิกริ ยำจำกแสงอำทิตย์อำจทำให้ มีเทนเปลีย่ น
สภำพเป็ นกรดอะมิโน ซึง่ เป็ นโครงสร้ ำงของ
สิง่ มีชีวิต โมเลกุลของสำรไฮโดรคำร์ บอนตกทับ
ถมกันอยูบ่ นพื ้นผิว คล้ ำยกับพื ้นผิวโลกในอดีต
เอ็นเซลาดุส
Ø=
498 กม. ระยะทำง 9.5 AU
อุณหภูมิพื ้นผิว ต่ำกว่ำ -150C
พื ้นผิวใหม่ คล้ ำยน ้ำแข็ง สะท้ อนแสงได้ ดีที่สดุ ใน
ระบบสุริยะ มีรอยแตกเป็ นเส้ นตรง แสดงให้ เห็น
ว่ำ เบื ้องล่ำงเป็ นของเหลวซึง่ มีจดุ หลอมเหลวต่ำ
กว่ำน ้ำบริ สทุ ธ์
พื ้นผิวใหม่ คล้ ำยน ้ำแข็ง สะท้ อนแสงได้ ดีที่สดุ ใน
ระบบสุริยะ
พืนผิวทำงตอนล่ำงเรี ยบ
เนื่องจำกของเหลวซึง่ อยู่
ภำยในซึมออกมำ
เคลือบทับ
แรงโน้ มถ่วงน้ อยมำก เนื่องจำกมีขนำดเล็กมำก
จึงทำให้ ไม่มีบรรยำกำศ
แสงอำทิตย์จำงมำก อย่ำงไรก็ตำมควำม
แตกต่ำงของแรงโน้ มถ่วงซึง่ กระทำโดยดำวเสำร์
(แรงไทดัล) ทำให้ เกิดกำรระเบิดของภูเขำไฟ
น ้ำแข็ง
ภูเขำไฟน ้ำแข็งใต้ พื ้นผิว อำจทำให้ เกิดวัฏจักร
เคมีซงึ่ เอื ้ออำนวยให้ เกิดธำตุอำหำร
ทายตัน (Triton) ดวงจันทร์ ของดาวเนปจูน
ทายตัน
Ø=
2,700 กม. ระยะจำกดวงอำทิตย์ 30.1 AU
อุณหภูมิเฉลีย่ -245C
อุณหภูมิต่ำที่สดุ ในระบบสุริยะ
พื ้นผิวเป็ นหิน 75% และน ้ำแข็ง 25% พื ้นที่
รำบเรี ยบเกิดจำกกำรที่น ้ำแข็งละลำยเคลือบ
บรรยำกำศบำง ส่วนใหญ่เป็ นไนโตรเจน และ
มีเทน มีหมอกบำงลอยตัวสูงเหนือพื ้น 5-10 กม.
พื ้นผิวมีลกั ษณะคล้ ำยเปลือกแคนทำลูป
แสงอำทิตย์จำงมำก มีกำรระเบิดของภูเขำไฟ
น ้ำแข็งซึง่ หลอมละลำย และแข็งตัวอย่ำงรวดเร็ ว
อำจมีภำวะเรื อนกระจกซึง่ เกิดจำกไนโตรเจนแข็ง
ภูเขำไฟน ้ำแข็งใต้ พื ้นผิว อำจทำให้ เกิด
วัฏจักรทำงเคมีซงึ่ เอื ้ออำนวยให้ เกิดธำตุอำหำร
ทะเลสำปแข็งตัว
ร่องรอยภูเขำไฟน ้ำแข็ง
ดาวก๊ าซยักษ์ (The Gas Giants)
ดาวพฤหัสฯ Ø = 142,984 กม. ระยะทำง 5.2 AU
ดาวเสาร์ Ø = 120,536 กม. ระยะทำง 9.5 AU
ดาวยูเรนัส Ø = 51,118 กม. ระยะทำง 19.2 AU
ดาวเนปจูน Ø = 49,528 กม. ระยะทำง 30.1 AU
อุณหภูมิบนยอดเมฆ -200C ภำยในเป็ นก๊ ำซ
อัดแน่นอุณหภูมิหลำยหมื่นองศำเซลเซียส
องค์ประกอบหลักเป็ นไฮโดรเจนและฮีเลียม
มีน ้ำเจือปนอยูเ่ ล็กน้ อย
ดาวพฤหัสฯ (Jupiter)
บรรยำกำศหนำแน่น สภำพอำกำศเปลีย่ นแปลง
อย่ำงรวดเร็ ว เต็มไปด้ วยพำยุ ลมพัดด้ วย
ควำมเร็ วสูงหลำยร้ อยกิโลเมตรต่อชัว่ โมง
ดาวเสาร์ (Saturn)
ดาวยูเรนัส (Uranus)
ดาวเนปจูน (Neptune)
แสงอำทิตย์จำงมำก พลังงำนส่วนใหญ่เกิดจำก
ปฏิกริ ยำเคมีของก๊ ำซ ซึง่ มีอยูภ่ ำยในอย่ำง
หนำแน่น
ไม่มีพื ้นผิวที่เป็ นของแข็ง สภำพแวดล้ อมเป็ นก๊ ำซ
วัตถุดิบมีควำมหนำแน่นไม่มำกพอ สำหรับนำไป
สร้ ำงร่ำงกำย