ของแข็ง 2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง 2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์ 2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์ และการคานวณ 2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง มีรูปร่ างทีแ ่
Download ReportTranscript ของแข็ง 2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง 2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์ 2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์ และการคานวณ 2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง มีรูปร่ างทีแ ่
Slide 1
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 2
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 3
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 4
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 5
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 6
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 7
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 8
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 9
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 10
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 11
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 12
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 13
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 14
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 15
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 16
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 17
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 18
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 19
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 20
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 21
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 22
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 23
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 24
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 25
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 26
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 27
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 28
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 29
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 30
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 31
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 32
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 33
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 34
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 35
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 36
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 37
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 38
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 39
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 40
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 41
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 42
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 43
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 44
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 45
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 46
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 47
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 2
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 3
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 4
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 5
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 6
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 7
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 8
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 9
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 10
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 11
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 12
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 13
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 14
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 15
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 16
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 17
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 18
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 19
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 20
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 21
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 22
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 23
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 24
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 25
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 26
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 27
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 28
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 29
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 30
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 31
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 32
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 33
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 34
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 35
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 36
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 37
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 38
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 39
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 40
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 41
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 42
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 43
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 44
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 45
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 46
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47
Slide 47
ของแข็ง
2.1 ลักษณะทัว่ ไปและชนิดของของแข็ง
2.2 ชนิดของผลึก : ผลึกโลหะ ผลึกไอออนิก
ผลึกโมเลกุล และผลึกโคเวเลนต์
2.3 ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices) หน่ วยเซลล์
และการคานวณ
2.4 ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
1
ลักษณะทั่วไปและชนิดของของแข็ง
มีลกั ษณะแข็งแกร่ ง
มีรูปร่ างทีแ
่ น่ นอน ไม่ ขนึ้ กับภาชนะทีบ่ รรจุ
เมื่อถูกกดดัน ปริ มาตรเปลีย
่ นแปลงได้ น้อยมากหรือไม่ เปลีย่ นเลย
การแพร่ ของของแข็งเกิดได้ ช้ามาก ๆ
(เมื่อเทียบกับแก๊ สหรือของเหลว)
อาจมีรูปร่ างลักษณะเด่ นชัดอยู่ในรู ปของผลึก (crystal) เช่ น NaCl
หรือไม่ มีรูปทรงทางเลขาคณิตทีแ่ น่ นอน เป็ นของแข็งอสั ณฐาน
(amorphous solid) เช่ น แก้ ว ยาง พลาสติก
2
ชนิดของของแข็ง
•ผลึกโมเลกุล
•ผลึกไอออนิก
•ผลึกโคเวเลนต์
•ผลึกโลหะ
ผลึก เท่านั้น
3
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึดเหนี่ยว
สมบัติทั่วไป
แรงแผ่กระจาย อ่อน จุดหลอมเหลวต่า
แรงขั้วคู่-ขั้วคู่ ไม่นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
พันธะ
ไฮโดรเจน
ไอออนิก แรงไฟฟ้ าสถิต แข็งแกร่ ง เปราะ จุด
หลอมเหลวและจุดเดือดสูง ไม่
นาไฟฟ้ า ไม่นาความร้อน
ในสภาพของเหลวจะนาไฟฟ้ า
โมเลกุล
ตัวอย่ างผลึก
น้ าแข็งแห้ง
ซูโครส, น้ าแข็ง
แนฟทาลีน,
แอมโมเนียแข็ง
NaCl, LiF,
CaCO3
4
ชนิดของผลึกและสมบัติทวั่ ไป
ชนิด
แรงยึด
เหนี่ยว
สมบัตทิ ั่วไป
ตัวอย่ าง
ผลึก
โคเวเลนต์ พันธะ
แข็ง จุดหลอมเหลวสูง ไม่นาไฟฟ้ า เพชร
โคเวเลนต์ ไม่นาความร้อน เมื่อหลอมเหลวจะไม่ ควอซท์
เป็ นตัวนาไฟฟ้ าที่ดีข้ ึน (ไม่มีไอออนที่
(SiO2)
นาไฟฟ้ าได้เหมือนผลึกไอออนิก)
โลหะ
พันธะ
โลหะ
มีท้ งั อ่อนและแข็ง มีความวาว
โลหะทุก
สะท้อนแสงได้ จุดหลอมเหลว ชนิด
อาจจะสูงหรื อต่า นาความร้อน นา
ไฟฟ้ าได้ดี
5
ผลึกโมเลกุล
• จุดแลตทิซ คือ ตาแหน่ งของโมเลกุล
• แรงดึงดูดระหว่ างโมเลกุล คือ แรงแวนเดอร์ วาลส์ หรือ พันธะ
ไฮโดรเจน
• ผลึกโมเลกุลส่ วนใหญ่ หลอมเหลวทีอ่ ุณหภูมิตา่ กว่ า 100 OC
• ผลึกนา้ แข็ง โมเลกุลดึงดูดกันด้ วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นส่ วนใหญ่
6
โครงสร้ าง
ของ
น้าแข็ง
(ผลึกโมเลกุล)
พันธะไฮโดรเจน
7
ผลึกไอออนิก
NaCl
KCl
• ประกอบด้ วยอนุภาคทีม่ ี
ประจุ
• ไอออนลบและไอออนบวก
มักมีขนาดต่ างกัน
• ไม่ เป็ นตัวนาไฟฟ้า เพราะ
ไอออนต่ างก็ยดึ กันแน่ นและ
ไม่ มีการเคลือ่ นที่ (ไม่ มีการ
ไหลของอิเล็กตรอน)
8
NaCl
ความยาวของหน่ วยเซลล์
เท่ ากับ 2 เท่ า ของผลบวก
ของรัศมีของไอออนบวกและลบ
9
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกไอออนิก
10
เพชร
ผลึกโคเวเลนต์
อะตอมสร้ าง
พันธะโคเวเลนต์
ทีย่ ดึ เหนี่ยวกัน
เป็ นโครงข่ าย
สามมิติ
11
เปรี ยบเทียบโครงสร้างของเพชรและแกรไฟต์
เพชร
แกรไฟต์
12
แกรไฟต์
คาร์ บอนจัดตัวเป็ นวงหกเหลีย่ ม
คล้ ายเบนซิน แต่ ละอะตอมสร้ างพันธะ
โคเวเลนต์ กบั อะตอมอืน่ ๆ 3 อะตอม ด้ วย
sp2 ไฮบริดออร์ บริทัล และใช้ 2p ออร์
บิทลั ทีเ่ หลืออยู่ในการสร้ างพันธะ p แต่
ละชั้นจะมีอเิ ล็กตรอนเคลือ่ นที่จึงนา
ไฟฟ้าได้ ดี แต่ ละระนาบจะดึงดูดกันด้ วย
แรงแวนเดอร์ วาลส์ จึงสามารถเลือ่ นไถล
ผ่ านกันได้ ง่าย
13
ผลึกโลหะ
มีโครงสร้ างทีง่ ่ ายทีส่ ุ ด เพราะประกอบด้ วยอะตอมเพียงชนิดเดียว
พันธะในผลึกโลหะจะแตกต่ างจากพันธะในผลึกชนิดอืน
่ ๆ โดย
ประกอบด้ วยไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่ างเป็ นระเบียบในทะเล
ของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
อิเล็กตรอนดึงดูดไอออนบวกอย่ างแข็งแรงมากทาให้ โลหะมีความ
แข็งแรง
เนื่องจากอิเล็กตรอนเคลือ
่ นทีไ่ ด้ โลหะจึงนาความร้ อนและนาไฟฟ้าได้ ดี
14
แบบจาลองของทะเลอิเล็กตรอน
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
ไอออนบวกของโลหะเรียงตัวอย่างเป็ นระเบียบ
อยู่ในทะเลของเวเลนซ์ อเิ ล็กตรอนซึ่งอยู่ไม่ ประจาที่
15
การเคลือ่ นทีข่ องระนาบในผลึกโลหะ
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
16
ระบบของผลึก
ตั้งแกน 3 มิติ:
แกนคริสแทลโลกราฟิ ก
(crystallographic axes)
Y
X
b
แกน X: a
แกน Y: b
แกน Z: c
a
มุมระหว่ าง
X และ Y คือ g
X และ Z คือ b
Y และ Z คือ a
Z
17
หน่ วยเซลล์
(unit cell)
หน่ วยทีเ่ ล็กทีส่ ุ ด
ของผลึก
แสดงลักษณะการเรียงตัว
ของอนุภาคได้ อย่ างสมบูรณ์
วงกลมดาทีม่ ุมของหน่ วยเซลล์
อาจแทนไอออน อะตอม หรือโมเลกุล ก็ได้
เรียกว่ า จุดแลตทิซ หรือ จุดโครงผลึก
18
ชั้น A
เลข
โคออดิเนชัน
ชั้น A
ชั้น B
ชั้น C
A
ชั้น B
C
เลขโคออดิเนชัน
19
A B A
Hexagonal
close-packed
(hcp)
20
C
B
A
Cubic close-packed
(ccp)
หรื อ
Face-centered cubic
(fcc)
21
ระบบลูกบาศก์ (cubic system)
มีหน่วยเซลล์ 3 แบบ คือ
1. Simple หรือ Primitive cubic (scc)
2. Face Centered cubic (fcc) หรือ
Cubic Close-Packed (ccp)
3. Body Centered cubic (bcc)
22
23
24
25
ระบบผลึกแบบบราแวส์ (Bravais lattices)
มีท้งั หมด 14 แบบ
26
1
Simple cubic
2
Body cubic
3
Face centered cubic
a=b=c
a = b = g = 90o
27
4
Tetragonal
5
Body-centered Tetragonal
a=b=c
a = b = g = 90o
28
6
7
8
Orthorhombic End-centered Body-centered
Orthorhombic Orthorhombic
a=b=c
a = b = g = 90o
9
Face-centered
Orthorhombic
29
10
11
Rhombohedral
Hexagonal
a=b=c
a = b = g = 90o
a=b=c
a= b = 90o
g = 120o
30
12
Monoclinic
13
End –centered
Monoclinic
a=b=c
a= g = 90o
b = 120o
14
Triclinic
a=b=c
a = g = b = 90o
31
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
1/8
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
8 x 1/8 = 1 อะตอม
Simple cubic
(scc)
32
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
มีอะตอมอยูท่ ี่มุม 8 อะตอม
ภายในลูกบาศก์อีก 1 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+ 1 = 2 อะตอม
Body-centered cubic
(bcc)
33
การคานวณจานวนอะตอมในหน่ วยเซลล์ แบบลูกบาศก์
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
1/2
มีอะตอมอยู่ทมี่ ุม 8 อะตอม
ทีห่ น้ าลูกบาศก์ อกี 6 อะตอม
จานวนอะตอมในหน่วยเซลล์ เท่ากับ
(8 x 1/8)+(6 x 1/2) = 4 อะตอม
Face-centered cubic (fcc)
หรื อ Cubic closed-packed (ccp)
34
การคานวณหาความหนาแน่นของโลหะจาก
โครงสร้าง
ความหนาแน่นของโลหะ เท่ากับมวลของโลหะ หารด้วยปริ มาตร
ของโลหะ
มวลของโลหะ คานวณจากมวลของ 1 หน่วยเซลล์ ซึ่ งจะเท่ากับมวล
ของอะตอมที่บรรจุอยูใ่ น 1 หน่วยเซลล์
มวลของแต่ละอะตอม จะเท่ากับ molar mass หารด้วย
เลขอาโวกาโดร (6.02 x 1023)
ปริ มาตรของโลหะ หาจากปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
35
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
simple cubic จะคานวณปริ มาตรได้โดยตรงจาก
ด้าน3 โดยที่แต่ละด้านยาว 2r
Simple cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 2r
ปริ มาตร = a3 = 8r3
36
การหาปริ มาตรของ 1 หน่วยเซลล์
Face-centered cubic
จะต้ องหาความยาวของด้ านก่อน
โดยทีท่ ราบว่ าเส้ นทแยงมุมยาว
เท่ ากับ 4r แล้วอาศัย
Pythagorean
theorem
a2 + a2 = (4r)2 = 16r2
a2 = 8r2
a = 81/2r
f = 4r
a
a
f2 = a 2 + a 2
37
Face-centered cubic
รัศมี = r
ด้าน = a = 81/2 . r
ปริ มาตร = a3 = 83/2 . r3
38
ถ้าทองแดงมีโครงสร้างผลึกแบบ fcc
จะมีความหนาแน่นเท่าใด
fcc มีอะตอมในหน่วยเซลล์เท่ากับ 4 อะตอม
d
m
a
3
4M / N A
(8
1/ 2
r)
3
4M
8
1/ 2
NA r
3
M คือ molar mass ของทองแดง = 63.55 g mol-1
NA คือ เลขอาโวกาโดร = 6.02 x 1023 mol-1
r คือ รัศมีของอะตอม = 128 pm = 1.28 x 10-8 cm
39
4M
จาก d
8
1/ 2
NA r
3
4 x 63.55 g m ol
d
8
1/ 2
-1
(6.02 x 10 m ol ) (1.28 x 10 cm )
ตอบ
23
-1
-8
3
3
8.90 g cm
3
-3
ความหนาแน่นของทองแดง = 8.90 g cm
ค่าความหนาแน่นของทองแดงที่มีรายงานผลการทดลองไว้
มีค่าเท่ากับ 8.93 g cm-3
40
Crystal Structure of Metals
Hexagonal close packed
Body-centered cubic
Face -centered cubic
Other structures
Li Be
Na Mg
Al
K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Ga
Rb Sr Y Zr Nb Mo Tc Ru Rh Pd Ag Cd In Sn
Cs Ba La Hf Ta W Re Os Ir Pt Au Hg Tl Pb
Hexagonal close packed:
Face -centered cubic:
Body-centered cubic:
Other structures:
Be, Mg, Sc, Y, La, Ti, Zr, Hf, Tc, Re, Ru, Os, Co, Zn, Cd, Tl
Ca, Sr, Rh, Ir, Ni, Pd, Pt, Cu, Ag, Au, Al, Pb
Li, Na, K, Rb, Cs, Ba, V, Nb, Ta, Cr, Mo, W, Fe,
Mn, Hg, Ga, In, Sn
41
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึก
(defect of crystal)
การจัดเรี ยงตัวที่ไม่เป็ นระเบียบ
แบบจุด (point defect)
แบบเส้น (line defect)
42
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบจุด (Point defect)
พบ 4 แบบ
อะตอมตาแหน่ งนั้น ๆ หายไป เกิดเป็ นช่ องว่ าง (vacancy)
อะตอม
เลือ่ นไปอยู่ในทีว่ ่ างทีไ่ ม่ ใช่ ตาแหน่ งของตัวเอง
(self interstitial defect)
อะตอมอืน
่ ทีไ่ ม่ ใช่ อะตอมทีป่ ระกอบกันเป็ นผลึก เข้ าไปอยู่
ในช่ องว่ างแทน (substitutional impurity)
มีอะตอมขนาดเล็กเข้ าไปอยู่ในช่ องว่ างทีม
่ เี ป็ นธรรมชาติ
ของผลึก (interstitial impurity)
43
self interstitial
interstitial
impurity
(ในช่ องว่ าง
ธรรมชาติ)
vacancy
substitutional
impurity
44
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบเฟรนเกล (Frenkel defect)
ในผลึก AgCl, AgBr ไอออนลบมีขนาดใหญ่ และ
ไอออนบวกมีขนาดเล็ก
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมผิวหน้ า
การเข้ าสู่ ช่องว่ างจากอะตอมภายใน
45
ความไม่ สมบูรณ์ แบบแบบชอตกี (Schottky defect)
ในผลึก ทีม่ ี ไอออนลบและไอออนบวกมีขนาดเท่ า ๆ กัน
ผลึกสมบูรณ์
การเกิดที่ว่างในตาแหน่ งของ
ไอออนบวกและไอออนลบ
46
ความไม่ สมบูรณ์ ของผลึกแบบเส้ น (Line defect)
Edge dislocation
Screw dislocation
47