การใช้ Past Simple Tense

Download Report

Transcript การใช้ Past Simple Tense

การใช้ Past Simple Tense
Past Simple Tense คือเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นและสิ้ นสุ ดไปแล้วในอดีต
รู ปแบบ Subject + V.2* + Object หรื อส่ วนขยาย
ago
ผ่านมาแล้ ว
yesterday
เมื่อวานนี ้
last night
เมื่อคืนนี ้
last week
สัปดาห์ที่แล้ ว
last month
เดือนที่แล้ ว
last year
ปี ที่แล้ ว
a long time
เป็ นเวลานานแล้ ว
the day before yesterda เมื่อวานซืนนี ้
y
in 2000
ในปี 2000
this morning
เมื่อเช้ านี ้
คากริ ยาช่องที่ 2 (Past Form) มี 3 แบบคือ
• 1. คากริยาที่เติม –d หรื อ –ed เรี ยกว่า Regular verb (กริยาปกติ)
1.1 โดยปกติคากริยาทัว่ ไปจะเติม –ed ท้ ายคากริยาเช่น
walk - walked
jump - jumped
clean - cleaned
talk - talked
1.2 คากริยาช่องที่ 1 ที่ลงท้ ายด้ วย e ให้ เติม –d เช่น
like - liked
live - lived
smile - smiled
1.3 คากริยาช่องที่ 1 ที่ลงท้ ายด้ วย y ให้ เปลี่ยน y เป็ น i แล้ วเติม -ed เช่น
study - studied
cry - cried
1.4 คากริยาช่องที่ 1 ที่ลงท้ ายด้ วย y และหน้ า y เป็ นสระ (a, e, i, o, u) ให้ เติม ed เช่น
play - played
enjoy - enjoyed
obey - obeyed
1.5 คากริยาช่องที่ 1 ที่มีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียวและออกเสียงสั ้น ให้ เพิ่มตัวสะกดตัว
ท้ ายอีกหนึ่งตัวแล้ วจึงเติม -ed เช่น
stop - stopped
beg - begged
rub - rubbed
1.6 คากริยาช่องที่ 1 ที่มีลงท้ ายด้ วย l ให้ เพิ่ม l อีกหนึ่งตัวแล้ วจึงเติม -ed เช่น
control - controlled
travel - travelled
1.7 คากริยาช่องที่ 1 ที่มี 2 พยางค์และออกเสียงหนัก (stress) ที่พยางค์หลัง ให้ เติม
ตัวสะกดตัวท้ ายเพิ่มอีก 1 ตัว ก่อนเติม -ed เช่น
permit - permitted
occur - occurred
• 2. คากริ ยาที่เปลี่ยน
รูป เรี ยกว่า Irregular verb (กริ ยาอปกติ)
คือ คากริ ยาที่เมื่อทาให้ เป็ นกริ ยาช่องที่ 2 แล้ วจะเปลี่ยน
รูปไปจากเดิมหรื ออาจจะเปลี่ยนสระภายในคาเดิม เช่น
go - went
eat - ate
get - got
drink - drank
3 คากริ ยาที่ไม่เปลี่ยนรูป
คือรูปจะคงที่และได้ รูปเดียวกันทังกริ
้ ยาช่องที่ 1 และ
กริ ยาช่องที่ 2 เช่น
cut - cut
put - put
hit - hit
let - let
hurt - hurt
การทาประโยคบอกเล่าให้เป็ นประโยค
ปฏิเสธใน Past Simple Tense
• 1. ประโยคบอกเล่าที่มี verb to be สามารถทา
ให้ เป็ นประโยคปฏิเสธได้ โดยการ
เติม not หลัง verb to be ทันที
ประโยคบอกเล่า (Affirmative)
He/She was at home.
ประโยคปฏิเสธ (Negative)
He/She was not at home.
We/They were at home. We/They were not at home
.
• 2. ประโยคบอกเล่าที่มี had หรื อคากริยาช่อง
ที่ 2 สามารถทาให้ เป็ นประโยคปฏิเสธได้ โดย
ใช้ did not (didn’t) วางระหว่างประธานและกริยา
แท้ และกริยาแท้ ต้องเปลี่ยนจาก had เป็ น have หรื อ
กริยาที่ไม่มี to (Infinitive without to)
ประโยคบอกเล่า (Affirmative)
ประโยคปฏิเสธ (Negative)
She had three dogs.
She did not have three dogs.
Mac worked late last night.
Mac did not work late last night.
We studied English yesterday.
We did not study English yesterday.
การทาประโยคบอกเล่าให้เป็ นประโยค
คาถามใน Past Simple Tense
• 1. ประโยคบอกเล่าที่มี verb to be สามารถทาให้ เป็ น
ประโยคคาถามได้ โดยการนา verb to be มาวางไว้
หน้ าประธาน แล้ วใส่เครื่ องหมาย
คาถาม (question mark) ที่ท้ายประโยคประโยค
บอกเล่า (Affirmative)
• ประโยคคาถาม (Question)
• She was a nurse.Was she a nurseThey were in the room.Were they in t
he room
• 2. ประโยคบอกเล่าที่มี had หรื อคากริยาช่อง
ที่ 2 สามารถทาให้ เป็ นประโยคคาถามได้ โดยนาdid
วางไว้ หน้ าประธาน และกริยาแท้ ต้องเปลี่ยน
จาก had เป็ น have หรื อกริยาที่ไม่
มี to (Infinitive without to) ตามเดิม แล้
วใส่เครื่ องหมายคาถาม (question mark) ที่
ท้ ายประโยคประโยคบอก
เล่า (Affirmative)ประโยค
คาถาม (Question)She had a pen.Did
she have a penDavid and Alex taught English.Did
David and Alex teach English
การตอบคาถามของประโยคคาถามชนิดนี้จะต้องตอบด้วย Yes หรื อ No ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ประโยคคาถาม
(Question)
Was she a nurse
Were they at home
ประโยคคาตอบแบบสมบูรณ์
(Full Answer)
ประโยคคาตอบสัน้
(Short Answer)
Yes, she was a nurse.
Yes, she was.
No, she wasn’t a nurse.
No, she wasn’t.
Yes, they were at home.
Yes, they were.
No. they weren’t at home.
No, they weren’t.
Did you have homework* Yes, I had homework.
Yes, I did.
No, you didn’t have homework No, I didn’t.
.