Transcript data1

Chayanis Fooprateepsiri
่
 การสือสารข้
อมู ล เป็ นการส่งข้อมู ลข่าวสารจากต้นทางไป
่
้ อแบบที
่
่ องใช้
ยังปลายทางโดยผ่านช่องทางการสือสารทั
งสื
ต้
้ งเกียวข้
่
สายและไม่ใช้สายนอกจากนันยั
องกบ
ั ชนิ ดของ
สัญญาณ ประเภทของการส่งสัญญาณข้อมู ล วิธก
ี าร
่
่
สือสารข้
อมู ล ทิศทางการสือสารข้
อมู ล อุปกรณ์แปลง
สัญญาณ วิธก
ี ารแปลงสัญญาณ
่
้
 เครือข่ายคอมพิวเตอร ์ เป็ นการเชือมโยงคอมพิ
วเตอร ์ตังแต่
่
้
่ ดต่อสือสารแลกเปลี
่
่
สองเครืองขึ
นไป
เพือติ
ยนข้
อมู ลระหว่าง
่
ก ัน โดยทัวไปจะประกอบด้
วย ระบบคอมพิวเตอร ์ ช่อง
่
่
ทางการสือสารข้
อมู ล และอุปกรณ์ทใช้
ี่ เชือมต่
อ
้ งมีแบบจาลองไอเอสโอ ซึงเป็
่ นระบบเปิ ดเพือ
่
นอกจากนันยั
่
 การสือสารโทรคมนาคม
(Telecommunication)
ั ญาณ หรือพลังงาน ซงึ่ อาจจะ
หมายถึง การสง่ ผ่านสญ
เป็ นข่าวสารหรือข ้อมูลในรูปแบบต่างๆ ระหว่างผู ้สง่
ั ญาณจะ
และผู ้รับทีอ
่ ยูห
่ า่ งไกลกัน ในการสง่ ผ่านสญ
ั ชอ
่ งทางการสอ
ื่ สารข ้อมูล ซงึ่ จะเป็ นแบบใชสาย
้
อาศย
้
้
โดยใชลวดตั
วนาฉนวน หรือแบบไม่ใชสายโดยส
ง่
ั ญาณผ่านชน
ั ้ บรรยากาศ เชน
่ การสอ
ื่ สารโดยการ
สญ
้
ั ท์ (tele+phone = การพูดระยะไกล) การ
ใชโทรศ
พ
แพร่ภาพโทรทัศน์ (tele + vision = การดูระยะไกล)
โทรเลข (tele + graph = การเขียนทางไกล) เป็ นต ้น
่
 การสือสารข้
อมู ล (Data communication)
หมายถึง การสง่ ข ้อมูลหรือข่าวสาร จากผู ้สง่ ต ้น
ทางไปยังผู ้รับปลายทางทีอ
่ ยูห
่ า่ งไกล โดยผ่าน
่ งทางการสอ
ื่ สารเพือ
ื่ กลางในการสง่
ชอ
่ เป็ นสอ
้
้
ข ้อมูล ซงึ่ อาจจะเป็ นแบบใชสาย
หรือไม่ใชสายก็
ได ้ สว่ นข ้อมูลหรือข่าวสารนัน
้ อาจจะเป็ น
ี ง ภาพเคลือ
ข ้อความ เสย
่ นไหว หรือข ้อมูลทีเ่ ป็ น
ื่ สารข ้อมูลจึงเป็ น
มัลติมเี ดียก็ได ้ ดังนัน
้ การสอ
ื่ สารโทรคมนาคม โดยเน ้น
สว่ นหนึง่ ของการสอ





ผู ส
้ ่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมู ล
(Sender)
ผู ร้ ับหรืออุปกรณ์ร ับข้อมู ล
(Receiver)
ข่าวสาร (Message)
ตวั กลาง (Medium)
โปรโตคอล (Protocol)
• ข ้อมูล
(Data)
• ข ้อความ
(Text)
• รูปภาพ
(Image)
่ ผ่านข ้อมูล (Transmission Rate)
 อัตราเร็วในการสง
ื่ มต่อ
 ระยะทาง ระหว่างอุปกรณ์ทต
ี่ ้องการเชอ
 ค่าใชจ่้ าย ซงึ่ เป็ นค่าใชจ่้ ายในการติดตัง้ ค่าใชจ่้ ายประจา และ
ค่าบารุงรักษา
 ความสะดวกในการติดตัง้ บางพืน
้ ทีอ
่ าจเหมาะกับการเดินสาย
ื่ แบบไร ้สาย
หรือบางพืน
้ ทีอ
่ าจจะเหมาะกับสอ
 ความทนทานต่อสภาพแวดล ้อม
้
ื่ สาร เชน
่ การสอ
ื่ สารข ้อมูลแบบอนุกรม หรือ
 วิธท
ี ใี่ ชในการส
อ
แบบขนาน ทิศทางทีใ่ ชส้ ง่ ข ้อมูลเป็ นแบบทางเดียว กึง่ สอง
ทาง หรือแบบสองทาง เป็ นต ้น
 สัญญาณอนาล็อก (Analog Signal)
ั ญาณอนาล็อก คือ สญ
ั ญาณทีอ
สญ
่ ยูใ่ นรูปแบบของคลืน
่
(Waveform) ทีม
่ ค
ี วามต่อเนือ
่ งกัน (Continuous) มีการ
ั ญาณขึน
เปลีย
่ นแปลงระดับของสญ
้ – ลงตามขนาดของ
ั ญาณ (Amplitude) และมีความถี่ (Frequency) ที่
สญ
ั ญาณอนาล็อก เชน
่
เรียกว่า Hertz (Hz) ตัวอย่างของสญ
ี งพูด (Voice) กระแสไฟฟ้ าสลับ เป็ นต ้น
เสย
 สัญญาณดิจต
ิ อล (digital Signal)
ั ญาณดิจต
ั ญาณพัลซ ์ (Pulse
สญ
ิ อล หรือเรียกว่า “สญ
ั ญาณทีม
ั ญาณเพียง 2 ระดับ คือ
Signal)” สญ
่ รี ะบบของสญ
ั ญาณจะไม่มค
สูงและตา่ การเปลีย
่ นระดับสญ
ี วามต่อเนือ
่ งกัน
(Discrete) โดยปกติแล ้วระดับสูงจะแทนด ้วยตัวเลข 1 และ
ระดับตา่ จะแทนด ้วย 0
่
 ในการส่งข ้อมูลเป็ นสัญญาณอนาล็อกนั้นเมือระยะทางในการส่
ง
่ นเรื
้ อย
่ ๆ จะส่งผลให ้พลังงานของสัญญาณอ่อนลงเรือย
่
ข ้อมูลเพิมขึ
่
ๆ ดังนั้นในการส่งสัญญาณอนาล็อกทีระยะทางไกล
ๆ จึงจาเป็ นต ้องมี
่
่ มพลั
่
เครืองขยายสั
ญญาณ (Amplifier) เพือเพิ
งงานให ้กับ
่
สัญญาณ แต่ข ้อเสียของการใช ้เครืองขยายสั
ญญาณคือจะทาให ้เกิด
สัญญาณรบกวน (Noise) ดังนั้นจึงจาเป็ นต ้องใช ้วงจรกรอง
่
สัญญาณ (Filter) เพือกรองเอาสั
ญญาณรบกวนออก
่ มระยะทางในการส่
่
้
 ส่วนสัญญาณดิจต
ิ อลเมือเพิ
งขึนจะส่
งผลให ้
่
สัญญาณดิจต
ิ อลจางหายไป (เปลียนจาก
1 เป็ น 0) ดังนั้นจึง
่
จาเป็ นต ้องใช ้เครืองทวนสั
ญญาณ (Repeater) ในการกู ้ข ้อมูลคืน
มาแล ้วจึงส่งสัญญาณออกไปใหม่
 แบบขนาน (Parallel
Transmission)
• รับสง่ ข ้อมูลครัง้ ละหลาย ๆ บิต
พร ้อมกัน
ื่ สารเท่ากับ
• จานวนของสายสอ
จานวนบิตของข ้อมูลที่ ต ้องการ
สง่ ไปแบบขนานกัน
ี ค่าใชจ่้ ายมากกว่าการรับสง่
• เสย
ข ้อมูลแบบอนุกรม
•ไม่สามารถสง่ ไปในระยะทางที่
 แบบอนุ กรม (Serial
Transmission)
• รับสง่ ข ้อมูลครัง้ ละ 1 บิตเรียง
ตามลาดับกันไป
้
ื่ สารเพียงเสนเดี
้ ยว
• ใชสายส
อ
เท่านัน
้
• สามารถสง่ ไปได ้ในระยะทางที่
ไกล ๆ
้
ื่ สารข ้อมูล
• นิยมใชในการส
อ
ั ท์ เมาส ์
ผ่านทางสายโทรศพ
และ COM Port
 Asynchronous Transmission
้ ง
เพิม
่ บิตควบคุม Start Bit, Stop Bit และ Parity Bit เพือ
่ ใชแบ่
ข ้อมูลออกมาเป็ น 1 ตัวอักขระ (1 Character) ความเร็วในการ
รับสง่ ข ้อมูลจะชา้ เนือ
่ งจากต ้องมีการเพิม
่ ทัง้ 3 บิตนัน
้ ลงไปยัง
ตัวอักขระทุกตัว พบการรับสง่ ข ้อมูลแบบนีไ
้ ด ้ในอุปกรณ์ทม
ี่ ี
่ โมเด็ม คียบ
ความเร็วในการรับสง่ ข ้อมูลตา่ เชน
์ อร์ด เป็ นต ้น
 Synchronous Transmission
เพิม
่ ไบต์ทเี่ ป็ น Header Trailer และParity Bit ไว ้ทีส
่ ว่ นหัว
และท ้ายของแพ็คเก็ตข ้อมูลทาให ้สามารถรับ – สง่ ข ้อมูลได ้
เป็ นจานวนมาก ซงึ่ การรับสง่ ข ้อมูลนั น
้ ทัง้ ฝั่ งรับและฝั่ งสง่
ิ (Clock) ที่
ั ญาณนาฬกา
จะต ้องทางานให ้สอดคล ้องโดยใชส้ ญ
 แบบทิศทางเดียว (Simplex Transmission)
ผู ้สง่ สามารถสง่ ข ้อมูลได ้เพียงทางเดียวเท่านัน
้ ผู ้รับไม่สามารถสง่
่ การกระจายเสย
ี งทางวิทยุและการแพร่
ข ้อมูลตอบกลับมาได ้ เชน
ภาพทางโทรทัศน์ เป็ นต ้น
 แบบทางใดทางหนึ่ ง (Half-duplex Transmission)
แต่ละฝ่ ายสามารถรับ – สง่ ข ้อมูลได ้แต่จะไม่สามารถทาได ้ในเวลา
่ การใชวิ้ ทยุสอ
ื่ สารของตารวจ กระดานสนทนา (Web
เดียวกัน เชน
board) อีเมล์ เป็ นต ้น
 แบบสองทิศทาง (Full-duplex Transmission)
่ การ
สามารถรับสง่ – ข ้อมูลได ้พร ้อมกันทัง้ สองทาง ตัวอย่างเชน
ั ท์ การสนทนาออนไลน์ในห ้องสนทนา (Chat Room)
คุยโทรศพ
เป็ นต ้น
 ข ้อสอบมี 20 ข ้อ 10 คะแนน
้
 เวลาทาให ้ใชเวลา
30 นาที
่ คาตอบลงใน ข ้อสอบ ที่ พริน
 สง
้ มา และ สง่
ให ้ครู