การเขียนบทความวิจัย
Download
Report
Transcript การเขียนบทความวิจัย
344-492 โครงงานทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ II
การเขียนบทความวิจยั
โครงสร้างของบทความวิจยั
บทความทั่วไป ประกอบด้ วย
ชื่อบทความ (Titlepage)
บทคัดย่อ (Abstract)
บทนํา (Introduction)
ทฤษฏีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้ อง
เนื้อหา
วิธกี าร (methods)
ผลลัพธ์ (results)
บทวิจารณ์ (discussion)
บทสรุป (Conclusions)
กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgements)
เอกสารอ้ างอิง (References)
ตัวอย่างบทความ
http://www.ecti-thailand.org/paper/views/7
วิธกี ารตัง้ ชือ่ บทความ
ไม่จาํ เป็ นต้ องเป็ นชื่อเดียวกับโครงงาน
ดึงดูด (Attractive)
อธิบาย (Descriptive)
สั้น กระชับ(Short)
สอดคล้ องกับเนื้อหาในบทความ (Consistentwiththetext)
เข้ าใจง่าย (Easytounderstand)
สืบค้ นในฐานข้ อมูล เช่น ห้ องสมุดดิจท
ิ ลั ได้ ง่าย (Easytoretrievefroma
database)
บทคัดย่อ
ให้ สาระ ภาพรวมของบทความ และควรจะมีความเข้ าใจง่ายในตัว
บทคัดย่อเอง
ช่วยทําให้ ผ้ ูอ่านตัดสินใจได้ ว่า จะอ่านต่อไปหรือไม่ โดย บทคัดย่อ
ควรมีเนื้อหาดังนี้
สิ่งที่ผ้ ูเขียนศึกษา ระบุปัญหาที่เป็ นที่มาของการทําโครงงาน
วิธกี ารที่ทาํ การศึกษา
สิ่งที่ได้
บทสรุป
การเขียนบทนํา
บทนํา เป็ นการเกริน
่ บอกกล่าวให้รูว้ ่าจะเขียนเรื่องอะไร
การขึ้ นบทนํามีอยู่ ๒ แบบ คือ
การกล่าวทัว่ ไปก่อนทีจ่ ะวกเข้าเรือ่ งทีจ่ ะเขียน
การกล่าว เจาะจงลงไปตรงกับหัวเรือ่ งทีจ่ ะเขียนเลย
ทีเดียว
การเขียนบทนํา ต้องให้น่าอ่านชวนติดตาม เพราะผูอ้ ่าน
นิยมอ่านย่อหน้าแรกก่อน
การเขียนบทนํา (ต่อ)
โดยทั่วไป การเขียนบทนําควรจะมีโครงสร้ างดังนี้
ระบุวัตถุประสงค์ของการเขียนบทความนี้
อธิบายสาเหตุของงานในบทความ
ความสัมพันธ์ของบทความนี้ท่อี าจเป็ นประโยชน์กบ
ั งาน
อื่นๆ ในอนาคต
ย่อหน้ าสุดท้ ายของบทนําอาจบอกเนื้อหาต่อมาของบทความ
ว่าประกอบด้ วยอะไรบ้ าง
การเขียนบทนํา (ต่อ)
ตัวอย่างย่อหน้ าสุดท้ ายในบทนํา
เนื้อหาของบทความในส่วนที่ 2 จะกล่าวถึงที่มา
และแรงจูงใจของปัญหา ส่วนที่ 3 อธิบายถึง งาน
และทฤษฎีท่เี กี่ยวข้ อง การออกแบบและพัฒนา
ระบบ จะแสดงในส่วนที่ 4 ส่วนที่ 5 และ 6 จะ
กล่าวถึงการทดสอบใช้ งานและบทสรุป
ตามลําดับ
การเขียนทฤษฏีและงานทีเ่ กีย่ วข้อง
ถ้ าไม่ใช่เป็ นส่วนของโครงงานที่ผ้ ูเขียนคิด หรือพัฒนาขึ้น ต้ องอ้ างอิง
แหล่งที่มา
เนื้อหาความรู้ท่ตี ้ องมีการอ้ างอิง
ตัวเลขหรือข้ อความสถิติ
ข้ อความเป็ นแนวความคิด
ผลการวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ รวมตาราง แผนภูมิและรูปภาพ
วิธกี ารอ้ างอิงผลงานผู้อ่น
ื
คัดลอก
ถอดความ
สรุป
หลักการเขียนข้อความทีอ่ ้างอิง
ระบุช่ อื หรือไม่ระบุช่ อื เจ้ าของผลงาน
ถอดความ สรุป หรือคัดลอก
การใส่เครื่องหมายอัญประกาศหรือไม่ใส่
การเขียนส่วนเนือ้ เรือ่ ง
เป็ นส่วนที่สาํ คัญและเป็ นส่วนที่ยาวที่สดุ รวมความคิดและข้ อมูลทัง้ หมด ย่อหน้ าแต่
ละย่อหน้ าในเนื้อเรื่องจะต้ องสัมพันธ์เป็ นเรื่องเดียวกัน มีลาํ ดับขั้นตอนไม่วกวนไปมา
ก่อนที่จะเขียนบทความผู้เขียนจึงต้ องหาข้ อมูล หาความรู้ท่จี ะนํามาเขียนเสียก่อน
การหาข้ อมูลนั้นอาจได้ จากการสัมภาษณ์ การสอบถามผู้ร้ ู การเดินทางท่องเที่ยว การ
อ่านหนังสื่อพิมพ์หรือหนังสื่อต่างๆ ในการเขียนเนื้อเรื่องควรคํานึงสิ่งต่างๆ ดังนี้
๑. ใช้ ถ้อยคําที่ถูกต้ องตามความหมาย ใช้ ตัวสะกดถูกต้ องตามพจนานุกรม
๒. ใช้ สาํ นวนโวหารให้ เหมาะกับเรื่อง เช่น ใช้ ถ่อยคําที่เป็ นทางการ ใช้ ศัพท์เฉพาะในการ
เขียนบทความทางวิชาการ
๓. มีข้อมูล เหตุผล สถิติและการอ้ างอิงประกอบเรื่อง เพื่อให้ เข้ าใจง่ายและน่าเชื่อถือ
การเขียนบทสรุป
เป็ นส่วนที่ผ้ ูเขียนต้ องการบอกให้ ผ้ ูอ่น
ื ทราบว่า ข้ อมูลทั้งหมดที่เสนอ
มาได้ จบลงแล้ ว ผู้เขียนควรมีกลวิธี ที่จะทําให้ ผ้ ูอ่าน พอใจ
ประทับใจ ส่วนสรุปนี้เป็ นส่วนที่ฝากความคิดและปัญหาไว้ กบั ผู้อ่าน
หลังจากที่อ่านแล้ ว การเขียนสรุปหรือคําลงท้ ายมีหลายแบบดังนี้
๑. สรุปด้ วยคําถามที่ชวนให้ ผ้ ูอ่น
ื คิดหาคําตอบ
๒. สรุปด้ วยการแสดงความประสงค์ของผู้เขียน
๓. สรุปด้ วยใจความสําคัญ
การระบุแหล่งอ้างอิง
ระบบตัวเลข
ระบบเชิงอรรถ
ตัวอย่างรูปแบบการเขียนบทความจากงานประชุมวิชาการ
http://www.nccit.net/download.html
http://ncit2015.aurouniversity.ac.in/Auth
or_Guidelines.aspx