0 - WordPress.com

Download Report

Transcript 0 - WordPress.com

วิชาการจัดระบบเครือข่ ายและการสื่ อสารข้ อมูลธุรกิจ
ด้ วยคอมพิวเตอร์
บทที่ 7 TCP/IP และอินเตอร์ เน็ต(TCP/IP and Internet)
อ. รจนา วานนท์
roseyayee.wordpress.com
[email protected]
1
TCP/IP และอินเทอร์ เน็ต (TCP/IP and Internet)
 TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internetworking
Protocol)
 เพื่อใช้สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลบนเครื อข่ำยอินเทอร์ เน็ต
 แบ่งหน้ำที่ควำมรับผิดชอบออกเป็ นชั้นซ้อนกันเรี ยกว่ำ
โปรโตคอลสแต็ก (Protocol Stack)
ั เครื อข่ำยแบบท้องถิ่น
 สำมำรถใช้งำนเชื่อมโยงได้ดีกบ
 ปั จจุบน
ั ได้รับควำมนิยมอย่ำงมำก
ประวัติโดยย่ อของเครือข่ ายอินเทอร์ เน็ต
อินเทอร์ เน็ตเกิดจำกโครงกำรเครื อข่ำยอำร์ พำเน็ต (Advanced Research Project
Agency Network : ARPANET) ภำยใต้กระทรวงกลำโหมของสหรัฐอเมริ กำ
 แบบแพ็กเก็ตสวิตชิ่งเชื่อมจุดต่อจุดบนสำยสื่ อสำรควำมเร็ วสู ง วัตถุประสงค์
 1 เพื่อให้นก
ั วิทยำศำสตร์ อยูต่ ่ำงพื้นที่สำมำรถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ขอ้ มูลทำง
ทหำร
 2 จะยังคงสำมำรถติดต่อกันได้แม้จะโดนโจมตีดว้ ยนิ วเคลียร์
 หลังจำกนั้นก็มีกำรนำมำใช้ในหน่วยงำนต่ำงๆ จนกลำยมำเป็ นเครื อข่ำยสำธำรณะ
ที่ประชำชนทัว่ ไปสำมำรถใช้งำนได้ “เครื อข่ำยอินเทอร์ เน็ต”
 ประเทศไทยเรำเริ่ มใช้งำนอินเทอร์ เน็ตปี 2530

เครือข่ ายระดับสากล (Internetworking)

ทำงำนในระดับชั้นสื่ อสำรฟิ สิ คลั และดำต้ำลิงก์ รับส่ งข้อมูลจำกโหนดหนึ่ งสู่ โหนด
ถัดไป (Hop-to-Hop หรื อ Node-to-Node)
ชั้นสื่ อสารเน็ตเวิร์ก (Network Layer)
 จำกปั ญหำก่อนหน้ำนี้ จึงต้องเพิม
่ ชั้นสื่ อสารเน็ตเวิร์กเข้ำมำ
สำหรับส่ งมอบข้อมูลในลักษณะ Host-to-Host ซึ่ งกำหนดหรื อ
วำงเส้นทำงแพ็กเก็ตข้อมูลส่ งผ่ำนอุปกรณ์เร้ำเตอร์ หรื อสวิตช์ ให้
ส่ งข้อมูลระหว่ำงเครื อข่ำยได้
 โปรโตคอลอื่นที่สนับสนุนในระดับชั้นนี้ เช่น ARP, RARP,
ICMP, IGMP
โปรโตคอล IP (Internetworking Protocol)
เป็ นกลไกกำรส่ งข้อมูลที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP ในลักษณะ
คอนเนกชัน่ เลส คือไม่รับประกันว่ำข้อมูลจะถึงปลำยทำง
หรื อไม
ทำให้กำรทำงำนของ IP ไม่ซบ
ั ซ้อน
มีหน้ำที่เพียงนำส่ งข้อมูลไปยังปลำยทำงด้วยหมำยเลขไอพี
การกาหนดตาแหน่ งทีอ่ ยู่ใน IPv4 (IPv4 Addressing)
่ ว้ ยไอพีแอดเดรส
 TCP/IP จะกำหนดที่อยูด
 ชุดตัวเลขฐำนสองขนำด 32 บิต
 มีควำมสำคัญต่อกลไกในกำรสื่ อสำรจำกโฮสต์หนึ่ งไปยังโฮสต์หนึ่ งใน
ระบบสื่ อสำร
 เรำจะแบ่งออก 2 ส่ วนคือ NetID และ HostID
 NetID จะระบุเครื อข่ำย (Physical Network)
 HostID จะระบุตำแหน่ งอุปกรณ์ เช่นตัวเครื่ องคอมพิวเตอร์
 แมคแอดเดรสเป็ นฟิ สิ คลั แอดเดรส ส่ วนไอพีแอดเดรสเป็ นแค่ลอจิคลั
แอดเดรส
การกาหนดตาแหน่ งทีอ่ ยู่ใน IPv4 (IPv4 Addressing)
 แบ่งออกเป็ น 4 ไบต์หรื อ 4 ออคเทต
 ออคเทตแรกถูกแบ่งออกไปเป็ นตัวบ่งบอกว่ำเป็ นคลำสอะไร
การแทนค่ าไอพีแอดเดรสแบบเลขฐานสองและฐานสิ บ
(Binary and Dotted Decimal Notation)
 จำนวนตัวเลข 32 bit สำมำรถแทนเลขหมำยได้ประมำณ 4
พันล้ำนเครื่ องหรื อ 2^32
 แต่ไม่สำมำรถใช้ได้ท้ งั หมดต้องสงวนไว้สำหรับเฉพำะอย่ำง
 ด้วยควำมยำกต่อกำรจดจำเรำจึงต้องกำหนดด้วยเลขฐำนสิ บและ
ใช้จดทศนิยมในกำรคัน่ ระหว่ำงออคเทต
10000000
00001011
00000011
128.11.3.31
00011111
การจัดสรรไอพีแอดเดรสแบบใช้ คลาส
(Classful Addressing)
แบ่งออกเป็ น 5 ชนิ ดมีคลำส A, B ใช้งำนเต็มแล้ว C
ยังใช้งำนอยูใ่ นปัจจุบนั
คลำส D ถูกสงวนไว้ใช้มลั ติคลำสแอดเดรส
คลำส E ถูกสงวนไว้ใช้ในอนำคต
คลาส A (Class A)
 ใช้หมำยเลย NetID ขนำด 7 บิต
 บิตแรกของออคเทตแรกจะมีค่ำเป็ น 0 สงวนไว้ บ่งบอกว่ำเป็ นคลำส A
 จะมีจำนวนเครื อข่ำยได้ 27 -2
เครื อข่ำย
 ออคเทตแรกที่มีค่ำ 0 (00000000) และ 127 (011111111) จะสงวนไว้
 จะมีจำนวนของโฮสต์ขนำด 24 บิตสำมำรถมีจำนวนโฮสต์ได้ 224 – 2
 เหมำะกับองค์กรหรื อหน่วยงำนขนำดใหญ่ที่ตอ้ งมีโฮสต์เยอะๆ
คลาส A (Class A)(cont.)
สำมำรถคำนวณหำแอดเดรสเริ่ มต้นกับแอดเดรสสุ ดท้ำย
ได้ดงั นี้
27
26
25
24
23 22 21
128 64 32 16 8
20
4
2
1
0
0
0
0
0
0
0
0
Decimal = 0
0
1
1
1
1
1
1
1
Decimal = 127
คลาส B (Class B)
 ใช้หมำยเลย NetID ขนำด 14 บิต
 บิตแรกของออคเทตแรกจะมีค่ำเป็ น 10 สงวนไว้ บ่งบอกว่ำเป็ นคลำส B
 จะมีจำนวนเครื อข่ำยได้ 214 -2
เครื อข่ำย
 จะมีจำนวนของโฮสต์ขนำด 16 บิตสำมำรถมีจำนวนโฮสต์ได้ 216 – 2
 เหมำะกับองค์กรหรื อหน่วยงำนขนำดกลำง เช่นสถำบันศึกษำ หน่ วยงำน
รัฐ เอกชน
คลาส B (Class B)(cont.)

สำมำรถคำนวณหำแอดเดรสเริ่ มต้นกับแอดเดรสสุ ดท้ำยได้ดงั นี้
27
128
1
1
26
64
0
0
25
32
0
1
24
16
0
1
23
8
0
1
22
4
0
1
21
2
0
1
20
1
0 Decimal = 128
1 Decimal = 191
คลาส C (Class C)
 ใช้หมำยเลข NetID ขนำด 21 บิต
 บิตแรกของออคเทตแรกจะมีค่ำเป็ น 110 สงวนไว้ บ่งบอกว่ำเป็ นคลำส C
 จะมีจำนวนเครื อข่ำยได้ 221 -2
เครื อข่ำย
 จะมีจำนวนของโฮสต์ขนำด 8 บิตสำมำรถมีจำนวนโฮสต์ได้ 28 – 2
 เหมำะกับองค์กรหรื อหน่วยงำนขนำดเล็ก
คลาส C (Class C)(cont.)

สำมำรถคำนวณหำแอดเดรสเริ่ มต้นกับแอดเดรสสุ ดท้ำยได้ดงั นี้
27
128
1
1
26
64
1
1
25
32
0
0
24
16
0
1
23
8
0
1
22
4
0
1
21
2
0
1
20
1
0 Decimal = 192
1 Decimal = 223
ความกว้ างของไอพีแอดเดรสแต่ ละคลาส
Class
A
B
C
From
0.0.0.0
128.0.0.0
192.0.0.0
To
127.255.255.255
191.255.255.255
223.255.255.255
การจัดสรรไอพีแอดเดรสแบบใช้ คลาส (ต่ อ)

จะเห็นได้วำ่ ไอพีแอดเดรสนั้นไม่ ได้ ใช้ สาหรับชี้ตาแหน่ งคอมพิวเตอร์ แต่ ละเครื่อง
อย่างเฉพาะเจาะจงแต่ ไอพีแอดเดรสจะใช้ บ่งชี้ตาแหน่ งการเชื่อมโยงระหว่ าง
คอมพิวเตอร์ กบั เครือข่ าย
การแบ่ งเครือข่ ายย่ อย (Subnetting)
141.14.2.12
141.14.23.10
141.14.2.10
141.14.24.110
Network Class B
Nกดกฟด
141.14.0.0
To the rest of
the Internet
141.14.25.10
141.14.4.110
141.14.27.12
141.14.23.130
การแบ่ งเครือข่ ายย่ อย (Subnetting) (cont.)
141.14.2.12
141.14.2.10
To the rest of
the Internet
141.14.2.16
Subnetwork Class B
Nกดกฟด
141.14.2.0
141.14.2.110
Site
141.14.0.0
Subnetwork Class B
Nกดกฟด
141.14.4.0
141.14.4.110
141.14.4.10
141.14.4.12
141.14.4.130
การแบ่ งเครือข่ ายย่ อย (Subnetting) (cont.)
จำกรู ปเมือมีขอ้ มูลเข้ำมำตัวเร้ำเตอร์ จะรู ้วำ่ จะต้องส่ งไปเครื อข่ำยย่อยใดเพรำะทั้ง
สองเครื อข่ำยยังสังกัดเครื อข่ำยเดียวกันคือ 141.14
 กำรแบ่งซับเน็ตออกเป็ น 2 เครื อข่ำยดังนั้นเร้ำเตอร์ กจ็ ะใช้ 2 ออคเทตแรกเป็ น
NetID ออคเทตที่ 3 เป็ น SubnetID (2) และออคเทตที่ 4 คือ HostID (21)

ลาดับชั้น 3 ระดับ (Three Levels of Hierarchy)
เป็ นกำรยืมบิตของ HostID มำใช้เพื่อกำหนดซับเน็ต เรำจะกำหนดไอพีออกเป็ น 3
ระดับ
 1. NetID ระดับแรกที่ใช้ระบุไซต์ (Network)
 2. SubNetID ระดับที่สองใช้ระบุฟิสิ คลั ซับเน็ตเวิร์ก
ั ซับเน็ตเวิร์ก
 3. HostID ระดับที่สำมเป็ นกำรระบุกำรเชื่อมต่อของโฮสต์กบ

Without subnetting
141
141 .. 14
14 .. 22
NetID
With Subnetting
141 . 14
NetID
..
21
21
HostID
.
2
.
SubNet
21
HostID
ซับเน็ตมาสก์ (Subnet Mask)
เป็ นกำรทำควบคู่ไปกับกำรทำซับเน็ต
 ซับเน็ตมำสก์หรื อมำสกิ้ง (Masking)เป็ นขบวนกำรที่บอกให้รู้วำ่ เครื อข่ำยมีกำรแบ่ง
ซับเน็ต
 บิตที่ยม
ื ไปทำกำรแบ่งซับเน็ตกีบิตและใช้ตำแหน่งใดเพื่อระบุเครื อข่ำยย่อย
 ค่ำดีฟอลต์ (Default)

ซับเน็ตมาสก์ (binary)
A 11111111000000000000000000000000
B 11111111111111110000000000000000
C 11111111111111111111111100000000
Dotted-Decimal
255.0.0.0
255.255.0.0
255.255.255.0
CIDR
/8
/16
/24
ซับเน็ตมาสก์ (Subnet Mask)(cont.)

กำรตั้งค่ำให้กบั ซับเน็ตมำสก์น้ นั ค่ำที่เป็ น 1 จะตรงกับหมำยเลขเครื อข่ำยและ
เครื อข่ำยย่อย ค่ำที่เป็ น 0 จะตรงกับหมำยเลขโฮสต์
IP Address
Subnet Mask
หมายเลขเครือข่ าย
A 15.25.2.4
255.0.0.0
15.0.0.0
B 135.67.23.45
255.255.0.0
135.67.0.0
C 201.34.23.45
255.255.255.0
201.34.23.0
IP Address Subnet
A 15.25.2.4
B 135.67.23.45
C 201.34.23.72
Subnet Mask
255.255.0.0
255.255.255.0
255.255.255.192
หมายเลขเครือข่ าย
15.25.0.0
135.67.23.0
201.34.23.64
การจัดสรรไอพีแอดเดรสแบบไม่ ใช่ คลาส
(Classless Addressing)
เป็ นกำรมุ่งเน้นไปที่ไอพีแอดเดรสที่จะนำมำใช้งำนกับ
โฮสต์ได้จริ งโดยจะไม่สนใจเรื่ องคลำส จึงทำให้สำมำรถมี
ไอพีเหลือให้บริ กำรลูกค้ำอีกจำนวนมำก
CIDR Notation (Classless Inter-Domain Routing)
 CIDR (ไซเดอร์ CI-DER) ใช้สำหรับกำรทำมำสกิ้งด้วย
สัญลักษณ์ / (Slash) แล้วตำมด้วยขนำดของมำสก์
 ตัวอย่ำง 128.10.0.0 จะมี NetID 16 บิตแรก (Prefix) และ HostID
16 บิตหลัง(Suffix) ก็จะแทนด้วย 128.10.0.0/16
การคานวณหาแอดเดรสซับเน็ต
กำรคำนวณหำแอดเดรสซับเน็ตจะใช้ประโยชน์จำกซับเน็ตมำสก์และไอพี
แอดเดรส
 กำรมำสก์แบบ Boundary-Level
เป็ นกำรตั้งค่ำซับเน็ตมำสก์ตำมค่ำดีฟอลต์ของแต่ละคลำสด้วยกำรกำหนดบิตเป็ น 1
หรื อ 0 ทั้งหมดในแต่ละออคเทต ค่ำจะตรงกับเลขฐำนสิ บคือ 255 หรื อ 0 เป็ นวิธีที่
คำนวณหำแอดเดรสซับเน็ตได้ง่ำย

IP Address
Mask
Subnetwork Address
Octet 1
173
255
173
Octet 2
23
255
23
Octet 3
21
255
21
Octet 4
8
0
0
กำรคำนวณหำแอดเดรสซับเน็ต (ต่อ)
กำรมำสก์แบบ Nonboundary-Level
เป็ นกำรมำสก์ที่ไม่ได้กำหนดเป็ น 255 หรื อ 0 ถือว่ำเป็ นกำรกำหนดภำยนอก
ขอบเขต เป็ นกำรกำหนดแบบ Custom จะใช้ค่ำซับเน็ตมำสก์เป็ นตัวกำหนดจำนวน
ซับเน็ตและจำนวนโฮสต์ตำมควำมเหมำะสม กำรหำแอดเดรสซับเน็ตด้วยกำรนำ
ออคเทตมำงมำสก์ไปเทียบบิตกับหมำยเลขไอพีดว้ ยโอเปอเรชัน่ And
 ตัวอย่ำง

IP Address
Mask
Subnetwork Address
Octet 1
45
255
45
Octet 2
123
192
64
Octet 3
21
0
0
Octet 4
8
0
0
กำรคำนวณหำแอดเดรสซับเน็ต (ต่อ)
โอเปอเรชัน่ AND
 0 and 0 = 0, 0 and 1 = 0, 1 and 0 = 0, 1 and 1 = 1
 ผลที่ได้คือ
123 = 0 1 1 1 1 0 1 1
192 = 1 1 0 0 0 0 0 0
64 = 0 1 0 0 0 0 0 0
ดังนั้นไอพีแอดเดรส 45.123.21.8 ที่มีค่ำมำสก์เป็ น 255.192.0.0 จะมีแอดเดรส
ซับเน็ตคือ 45.64.0.0
 โอเปอเรชัน
่ OR กับ bitwise not Mask ก็จะได้ Broadcast Address
 Bitwise not เช่น 0011 ก็จะได้ 1100

เครื อข่ำยไอพีภำยใน (Private IP Network)

เรำสำมำรถ Private IP นี้ได้โดยไม่ตอ้ งจดทะเบียนกับทำงบริ ษทั ที่บริ กำร
อินเทอร์เน็ต
คลาส เริ่มต้ น
สุ ดท้ าย
A
10.0.0.0
10.255.255.255
B
172.16.0.0
172.31.255.255
C
192.168.0.0
192.168.255.255
 Loopback Address 127.0.0.1 ใช้สำหรับทดสอบหำข้อผิดพลำดจะส่ งแพ็กเก็ต
กลับมำยังเครื่ องตนเอง
Network Address Translation (NAT)
เพื่อกำรทำมัลติเพล็กซ์จรำจรเครื อข่ำยภำยในให้สำมำรถออกไปยังเครื อข่ำย
อินเทอร์เน็ตได้
่ ี่เร้ำเตอร์
 เป็ นโปรแกรมที่รันอยูใ่ นระบบหรื อบรรจุอยูท
 ช่วยแก้ปัญหำกำรขำดแคลนไอพีดว้ ย
 จะดำเนิ นกำรแปลง (Mapping) ไปรเวตไอพีมำเป็ นไอพีแอดเดรสจริ งที่ได้รับกำร
จดทะเบียน (Registered IP Address) เพื่อให้สำมำรถเชื่อมต่ออินเทอร์ เน็ตได้

NAT แบบสเตติก (Static NAT)
เป็ นกำรจับคู่ระหว่ำงไปรเวตไอพีกบั ไอพีแอดเดรสจริ งแบบหนึ่ งต่อหนึ่ ง
 ไม่ได้ช่วยประหยัดไอพี
 ทำให้บุคคลภำยนอกเข้ำถึงเครื อข่ำยได้

NAT แบบไดนำมิก (Dynamic NAT)
เป็ นกำรจับคู่ระหว่ำงไปรเวตไอพีกบั ไอพีแอดเดรสจริ งแบบหมุ่นเวียนไม่ตำยตัว
 ไม่ได้ช่วยประหยัดไอพี
 ทำให้บุคคลภำยนอกไม่สำมำรถเข้ำถึงเครื อข่ำยได้
 ไอพีจริ งจะมีกำรกำหนดช่วงให้และหมุ่นเวียนไปเรื อยๆภำยในช่วงที่กำหนดไว้

NAT แบบโอเวอร์โหลดดิ้ง (Overloading NAT)
เป็ นกำรจับคู่ระหว่ำงไปรเวตไอพีกบั ไอพีแอดเดรสจริ งแบบแปลงไอพีจริ งเพียง
หมำยเลขเดียวเท่ำนั้นแต่จะมีหมำยเลขพอร์ ตที่แตกต่ำงกัน
 ช่วยประหยัดไอพี
 มีชื่อเรี ยกอีกแบบ เช่น Port Address Translation (PAT), Single Address NAT,
Port-Level Multiplexed NAT

NAT แบบโอเวอร์แลปปิ้ ง (Overlapping NAT)
เครื อำข่ำยภำยในที่ได้นำไอพีแอดเดรสจริ งมำใช้ซ่ ึ งแอดเดรสดังกล่ำวเป็ นของ
เครื อข่ำยอื่นหรื อกรณี ที่ได้เปลียน ISP รำยใหม่ ทำให้ได้หมำยเลขใหม่แทนของเดิม
ที่ยกเลิกไป แต่ไม่ตอ้ งคอนฟิ กหมำยเลขไอพีภำยในเครื อข่ำยทั้งหมด
 จะทำกำรแปลงไอพีจริ งที่ไม่ใช่ของเรำมำเป็ นไอพีจริ งที่เรำได้จดทะเบียนไว้

ไอพีเวอร์ชนั่ 6 (IPv6)
ปั จจุบนั ถือว่ำเป็ นมำตรฐำนแล้ว
 ยังคงสำมำรถทำงำนร่ วมกัน IPv4 ได้
 มีกำรเปลี่ยนแปลงในรำยละเอียดบำงส่ วนเช่น
 มีกำรใช้ขนำดของแอดเดรสที่ใหญ่ข้ ึน
 รู ปแบบของดำต้ำแกรมเฮดเดอร์ ได้มีกำรเปลี่ยนโครงสร้ำงใหม่ท้ งั หมด
 ใช้เฮดเดอร์ แบบ Fixed-Length ในกำรควบคุมข้อมูลเฮดเดอร์

กำรกำหนดตำแหน่งที่อยูใ่ น IPv6 (IPv6 Addressing)
1. ยูนิคำสต์ (Unicast) คือแอดเดรสที่ใช้ติดต่อกับคอมพิวเตอร์ เครื่ องเดียวจะส่ งไป
ยังแอดเดรสปลำยทำงสำหรับเครื่ องนั้นเพียงเครื่ องเดียว
 2. มัลติคำสต์ (Multicast) คือแอดเดรสที่ใช้ติดต่อไปยังกลุ่มคอมพิวเตอร์ จะส่ งไป
ยังกลุ่มสมำชิก
 3. เอนนี คำสต์ (Anycast) คือแอดเดรสที่ใช้ติดต่อยังกลุ่มทีใช้ฟรี ฟิกซ์เหมือนกันจะ
ส่ งมอบไปยังเครื่ องที่อยูใ่ กล้กบั ผูส้ ่ งมำกที่สุด

กำรแทนค่ำไอพีแอดเดรสด้วยเลขฐำนสิ บหก
(IPv6 Colon Hexadecimal Notation)
จะมีขนำด 128 บิต
 แทนค่ำแอดเดรสในรู ปแบบเลขฐำนสิ บหก
 แบ่งออกเป็ น 8 กลุ่มแต่ละกลุ่มมี 16 บิตใช้เครื่ องหมำย “:” (Colon)ในกำรแบ่งส่ วน
แต่ละกลุ่ม
 เช่น 69DC:8864:FFFF:FFFF:0:1280:8C0A:FFFF
 สำมำรถย่อได้ถำ้ มี 0 นำหน้ำสำมำรถตัดออกได้ หรื อ 0 ติดกันเป็ นชุดแทนด้วย “::”
แต่จะใช้ได้เพียงครั้งเดียว

กำรแทนค่ำไอพีแอดเดรสด้วยเลขฐำนสิ บหก
(IPv6 Colon Hexadecimal Notation)(cont.)
ตัวอย่ำง
69DC:0064:FFFF:FFFF:0000:1280:8C0A:000F

69DC:64:FFFF:FFFF:0:1280:8C0A:F
ตัวอย่ำง
FDEC:0:0:0:0:BBFF:0:FFF

FDEC::BBFF:0:FFF
แบบฝึ กหัด
1. ให้ตอบคำถำมในช่องที่วำ่ ง
Address
130.4.102.1
Mask
255.255.255.0
AND result (Subnet) …………
Broadcast address 130.4.102.255
 2. ให้ตอบคำถำมในช่องที่วำ่ ง
Address
199.1.1.100
Mask
…………
AND result (Subnet) …………
Broadcast address …………

10000010 00000100 01100110 00000001
11111111 11111111 11111111 00000000
………………………………
10000010 00000100 01100110 11111111
11000111 00000001 00000001 01100100
11111111 11111111 11111111 00000000
11000111 00000001 00000001 00000000
…………………………………
แบบฝึ กหัด

3. ให้ตอบคำถำมในช่องที่วำ่ ง จำกไอพีแอดเดรสที่กำหนดให้ต่อไปนี้จงระบุดค่ำดี
ฟอลต์ซบั เน็ตมำสก์
1 177.100.18.4
…………….
2 119.18.45.0
…………….
3 191.249.234.191
…………….
4 223.23.223.109
…………….
5 10.10.250.1
…………….
6 126.123.23.1
…………….
7 223.69.230.250
…………….
8 1.1.10.50
…………….
แบบฝึ กหัด

4. จงอธิบำยหลักกำรทำงำนของ NAT โดยมีกี่แบบอะไรบ้ำง