Transcript Conditional Sentence รู ปประโยค conditional ที่ซบั ซ้อนยิง่ ขึ้น ประโยคที่มีลกั ษณะเป็ น conditional ได้แก่ 1.

Conditional
Sentence
รู ปประโยค conditional ที่ซบั ซ้อนยิง่ ขึ้น
ประโยคที่มีลกั ษณะเป็ น conditional ได้แก่
1. If – clause [แบบ present unreal และ pst unreal]
2.
3.
4.
5.
wish [that] + clause
would rather, suppose, If only + clause
as if, as though + clause
It’s time + clause
หลักทัว่ ๆ ไป ของประโยค conditional
• หลักโดยทัว่ ไป
ต้องใช้คำกริ ยำที่เป็ น past ของควำมเป็ นจริ ง
( คือถ้ำควำมเป็ นจริ ง present ประโยคเงื่อนไขจะต้องใช้คำกริ ยำ
เป็ น past และ
ถ้ำควำมเป็ นจริ ง past ประโยคเงื่อนไขก็ตอ้ งเป็ น past
perfect) และข้อควำมในประโยคเงื่อนไขจะต้องตรงกันข้ำมกับ
ควำมเป็ นจริ ง ตัวอย่ำงเช่น
ประโยคที่เป็ นควำมจริ ง
1.The children are stubborn.
2. He is naughtyI can’t drive
3. He told us the bad news
4. She didn’t love him.
It’s a pity they are in such a situation.
ประโยคที่เป็ นข้อสมมติ
1. I wish the children weren’t stubborn.
2. I wish he weren’t naughty.
( verb to be ต้องใช้ were If I could drive,
3. I would give you a lift.
4. I wish he hadn’t told us the bad news.
5. If she had loved him, he would have been very happy.
6. We wish they weren’t in such a situation.
หมายเหตุ
It’s a pity แปลว่ำ “น่ำเสี ยดำย.”
ประโยคที่ตำมหลังมำจะใช้ tense ตำมควำมเป็ นจริ ง ตัวอย่ำงเช่น
- It’s a pity things are being wasted.
(น่ำเสี ยดำยที่สิ่งต่ำง ๆ กำลังถูกทำลำย)
- It’s a pity you didn’t join us.
(น่ำเสี ยดำยที่เธอไม่ได้ไปกับเรำในตอนนั้น)
แต่ถำ้ เรำนำเอำประโยคเหล่ำนี้มำเขียนเป็ นสมมติโดยใช้ ‘wish’ และ ‘if’ หรื อใช้
รู ปใดรู ปหนึ่งของประโยค conditional จะต้องใช้ tense ที่เป็ น past ยิง่ ขึ้นด้วย
ตัวอย่ำงเช่น
I wish things were not being wasted.
(ฉันอยำกให้สิ่งต่ำง ๆ ไม่ถูกทำลำยอย่ำงที่เป็ นในขณะนี้)
We’d rather you had joined us.
(เรำอยำกให้เธอไปกับเรำในตอนนั้นจังเลย)
หลักการใช้ Conditional Sentence ในรูปแบบทีซ่ ับซ้ อน
1.
การใช้ คากริยาใน If – clause ที่นอกเหนือจากแบบพืน้ ฐาน มีดังนี้
* If – clause ที่เป็ น present simple อำจใช้ should + v.1 แทนได้ หรื อ
สำมำรถนำเอำ should มำวำงไว้แทนที่ if ก็ได้ เมื่อไม่มนั่ ใจในเรื่ อง
ควำมเป็ นไปได้
ตัวอย่ำงเช่น
- If Sumita phones, tell her I am sleeping.
- If Sumita Should phone, tell her I’m sleeping. = Should Sumita
phone, tell her I’m sleeping.
* if – clause ทีเ่ ป็ น past simple อาใช้ were to + v.1 แทนได้ หรือ
สามารถนาเอา were มาวางไว้ หน้ าประโยคแทนที่ ifก็ได้ ตัวอย่ างเช่ น
If I failed the exam, I would feel really bad.
= If I were to fail the exam, I would feel really bad.
= Were I to fail the exam, I would feel really bad.
* if – clause ที่เป็ น past perfect สำมำรถนำ had มำวำงไว้หน้ำ
ประโยคแทนที่ if ได้ เพื่อบอกเงื่อนไขที่เป็ นไปไม่ได้หรื อตรงกันข้ำมกับ
ควำมเป็ นจริ ง ตัวอย่ำงเช่น
If you had forgotten my birthday, I would have been very sad.
= Had you forgotten my birthday, I would have been very sad
2. การใช้ คาเชื่อมตัวอืน่ ๆ แทน if มีดงั นี้
• providing that, provided that, as long as, so long as, มีควำมหมำย
ค่อนข้ำงเน้น โดยมีควำมหมำยว่ำ “ถ้ำ...เท่ำนี้น (if but only if)” ตัวอย่ำงเช่น
- I will study for a test providing [that]/provided[that]/as long as/so
long as it is my favorite subject.
• unless เป็ นอีกรู ปแบบหนึ่งของประโยคเงือ่ นไข ซึ่งมีความหมายว่ า “if..not”
เมื่อใช้ unless แล้ วในประโยคจะไม่ มคี าว่ า not รวมอยู่ด้วย เนื่องจาก unless มี
ความหมายเป็ นปฏิเสธอยู่แล้ ว ตัวอย่ างเช่ น
- We won’t go swimming unless the weather is so hot.
ใช้ suppose หรื อ supposing แทน if เมื่อเป็ นกำรแสดงเงื่อนไขที่ไม่เป็ น
ควำมจริ ง(unreal conditions) ตัวอย่ำงเช่น
Suppose/Supposing you won a lottery, what would you do?
Suppose they had lent me some money, I would never forget their
kindness.
ใช้ or, or else หรือ otherwise แทน if – clause ทั้งหมดให้สงั เกตว่ำ ประโยค
ที่อยูข่ ำ้ งหน้ำหล้ง or (else), otherwise จะเป็ นประโยคที่สมมติข้ ึนโดยที่ if-clause
จะถูกตัดทิ้งออกไป ดังนั้นจึงต้องมีกำรใช้ tense ในลักษณะเดียวกับประโยค main
clause ใน if- clause (คือเป็ น future simple, future simple in the past หรื อ future
perfect in the past แล้วแต่วำ่ เป็ นกำรสมมติแบบใด ตัวอย่ำงเช่น
Leave home now. If you don’t leave home now, you will die in the fire.
= Leave home now, or you will die in the fire.
She is always kind to me, If she weren’t kind to me, I wouldn’t admire
her.
= She is always kind to me or else I wouldn’t admire her.
We came back home very early yesterday.
If we hadn’t come back home very early yesterday, we wouldn’t have
seen the thief.
=We came back home very early yesterday, otherwise we wouldn’t have
seen the thief.
But for + คานาม และ but that + clause มีความหมายว่ า “ถ้ าไม่ ใช่ เพราะ...”
กำรใช้ tense ใน main clause จะมีลกั ษณะเช่นเดียวกับประโยค main clause ใน
if-clause แบบที่ 2 และแบบที่ 3
ตัวอย่ างเช่ น
Dan helped the little girl in time, she wasn’t hit by the car.
If Dan hadn’t helped the little girl in time, she would have been hit by the car.
= But that Dan helped the little girl in time, she would have been hit by the
car
= But for Dan, she would have been hit by the car.
3. การใช้ wish ประโยคทีต่ ามหลัง wish จะมีกลักษระคล้ ายกับประโยคเงื่อนไข
ทีม่ ีคากริยา 3 ประเภท ขึน้ อยู่กบั เวลาทีเ่ กิดดังต่ อไปนี้
3.1 wish + clause (กริ ยำเป็ น would/could + v.1) เมื่อเป็ นเหตุกำรณ์ในอนำคต
ตัวอย่ำงเช่น
I wish he would come to my party tonight. (Future Possible: he may come
or he may not)
3.2 wish + clause (กริ ยำเป็ น past simple) เป็ นเหตุกำรณ์ในปั จจุบนั ตัวอย่ำงเช่น
I wish he were here now, (Present Unreal: he is not here now.)
3.3 wish + clause (กริ ยำเป็ น had + v.3) เมื่อเป็ นเหตุกำรณ์ในอดีต ตัวอย่ำงเช่น
I wish he had seen me yesterday, (Past Unreal:he didn’t see me yesterday)
4. การใช้ as if/as though + clause เป็ นคา conjunction มีความหมายว่ า
“ราวกับว่ า, ยังกับว่ า”
ใช้เชื่อมประโยคแสดงกำรเปรี ยบเทียบที่เป็ นไปไม่ได้ดงั นั้นประโยคที่ตำมหลัง
as if / as though จึงมีลกั ษณะเช่นเดียวกับ (that)ที่อยูข่ ำ้ งหลัง wish ตัวอย่ำงเช่น
He speaks as if / as though he would win her heart.
(เขำเอำชนะใจเธอหรื อไม่กไ็ ด้)
He speaks as if/as though he had been in the accident.
(ควำมจริ งเขำไม่ได้อยูใ่ นเกตุกำรณ์น้ นั )
5. การใช้ would rather เราอาจใช้ would rather หรือ ‘d rather ก็ได้ ซึ่ง
มีหลักการใช้ 2 ลักษณะคือ
5.1 would rather + infinitive without ‘to’ (ประโยคปฏิเสธ)
would rather not + infinitive without ‘to’ (ประโยคบอกเล่ำ )
5.2 would rather + subject + very (past tense)
ลองเปรียบเทียบตัวอย่างประโยคต่ อไปนี้
Doesn’t Mary want to see that movie? Yes, but she says she’d rather not
go tonight.
(would rather ในประโยคนี้ไม่มีประธำนตำมหลังคำกริ ยำ จึงใช้รูป
infinitive)
6. การใช้ If only ใช้ If only นาหน้ าประโยคเงื่อนไขเพียงประโยคเดียว
โดยไม่ ต้องมีประโยค main clause ก็ได้
และใช้ เฉพาะกับข้ อความสมมติทไี่ ม่ เป็ นความจริงเท่ านั้น
ตัวอย่ างเช่ น
• If only I were you.
If only she came here today.
• If only I knew that before.
7. การใช้ It’s time
It’s time มีลกั ษณะกำรใช้คล้ำยกับ would rather มีควำมหมำยว่ำ “ถึงเวลำ
แล้ว” และอำจมีคำว่ำ “about” หรื อ “high” รวมอยูใ่ นประโยคก็ได้คือ It’s about
time หรื อ It’s high time
สาหรับประโยคเงือ่ นไขทัว่ ๆ ไป
จะเป็ นไปได้ท้ งั 3 แบบ คือ อำจจะเป็ นได้ในอนำคต(future possible )
ตรงกันข้ำมกับควำมเป็ นตริ งในปัจจุบนั ( present unreal) หรื อตรงกันข้ำมกับ
ควำมเป็ นจริ งในอดีต (past unreal) แต่ It’s time จะใช้เพียงแบบเดียวเท่ำนั้น คือ
ใช้ในควำมหมำยที่ตรงกันข้ำมกับควำมเป็ นจริ งในปัจจุบนั (present unreal )
ตัวอย่ างเช่ น
It’s time you got up!
(ถึงเวลำที่เธอต้องตื่นแล้ว (ทำไมยังไม่ตื่นอีก))
It’s high time you study for the exam.
(ถึงเวลำอ่ำนหนังสื อเตรี ยมสอบแล้ว (ทำไมยังไม่เริ่ มเสี ยที))
Present Subjunctive
• Present Subjunctive คือ รู ปคำกริ ยำที่ไม่เติม S แม้วำ่
ประธำนจะเป็ นเอกพจน์ และไม่เปลี่ยนเป็ นช่องที่ 2 แม้จะเป็ นเหตุกำรณ์
ในอดีตก็ตำม (เพรำะรู ปเต็ม ๆ คือ should + v.1) โดยจะวำงไว้
ข้ำงหลังคำกริ ยำที่แสดงควำมจำเป็ น กำรบังคับ หรื อคำกริ ยำที่เกี่ยวข้อง
กับอำรมณ์และควำมรู ้สึก ซึ่งมีหลักกำรใช้ดงั นี้
1. ใช้ present subjunctive ใน that clause ที่ขำ้ ง
หลังคำกริ ยำ หรื อคำคุณศัพท์ที่แสดงว่ำข้อควำมใน that clause
นั้นเป็ นเรื่ องสำคัญหรื อปรำรถนำให้เกิดขึ้น
คากริยา เช่ น ask, demand, urge, insist, order, propose advise,
recommend, suggest เป็ นต้ น ตัวอย่ างเช่ น
*The police insisted that Tim (should) remain in jail for at least six months.
*Tom asked that Susie (should) be his secretary.
คาคุณศัพท์
เช่ น vital, essential, important, necessary, urgent, imperative เป็ น
ต้ น ตัวอย่ างเช่ น
- It is important that everybody (should) attend the meeting.
- It was urgent that she move to a new house.
หมายเหตุ
1. ถึงแม้วำ่ รู ปของ Present Subjunctive จะเป็ น should + v.1 ก็ตำม แต่ใน
ควำมเป็ นจริ งแล้ว จะนิยมใช้คำกริ ยำช่องที่ 1 เพียงช่องเดียว ตัวอย่ำงเช่น
– It is essential that everybody have the same educational opportunity.
– It was important that Ben keep in contact with his parents
2. ใช้ present subjunctive ใน main clause เรำใช้ subjunctive ในคำกริ ยำที่
แสดงถึงควำมปรำรถนำอย่ำงแรงกล้ำ(strong wish ) ซึ่งเป็ นคำพูดที่เป็ น
ทำงกำรที่สุด ตัวอย่ำงเช่น
• God save our country. (= My God save…)
• God bless you. (= May Good bless you.)
• Long live the King/Queen! (= May the King/Queen live long)
Exercise 1
A. Complete the sentence with the correct form of the verbs given in
the parenthese.
1.
Iwant to go the Chieng Mai next week. I have to teach English next week,
so I can’t go there. I wish I (go)..............to chieng Mai next week.
2. I’d rather my sister (be)....... here now to give me some advice.
3. I wish I (have).........some money to buy a new handbag now.
4. I wish I (know).........all about his matter several weeks ago.
5.
If only I (have)…………time to go to the cinema yesterday!
6. If only I (spend)......... time with Jane last week.
7. I wish my father (be).........here now to drive me home.
8. I’d rather she (speak)..........more slowly.
9. I wish you (write).........more carefully in the future.
10. If only I (be)...............a millionaire !
B. Choose the best answer.
1.………. You sister come, give her my love.
1. If
2. Should
3. Were
4. Had
2.………. You to buy that car, you would have to pay a lot.
1. Were
2. Should
3. If
4. Unless
3. ……….the treaty been signed, the world would be more peaceful.
1. If
2. Were
3. Should
4. Had
4. If he ………. Your name, he would call you.
1. remembers
2. remembered
3. were remember
4. had remembered
5. It is necessary that Mr. Hope………. The captain of our team.
1. is
2. will be
3. be
4. would be
6. …………..my father, I would have died in the fire.
1. If not
2. Unless
3. But for
4. If it were not for
7. If you ………. My younger brother, I would give you a big punch.
1. were
2. should
3. were to be
4. happened to be
8. May she …….. a long and happy life.
1. has
2. have
3. will have
4. should have
C. Complete the sentences with present subjunctive using the idea of the
words in parenthese.
1. (You should organize a farewell party.)
The students proposed that their teacher………. A farewell party.
2. (Most parents think that the headmaster should divide this class into 3 sections.)
Most parents recommended that this class………. In 3 sections.
3. (You must return home before 9 p.m.)
Wally’s parents insisted that he ………… the truth about his own illness.
4. (Somebody must tell him the truth about his illness.)
It is essential that he ……….the truth about his own illness.
5. (Open your car trunks for inspection.)
The police demanded that all drivers ………. Their car trunks.
D. Give the correct form of the verbs in the parenthese
1.
2.
3.
4.
5.
It is vital that he (graduate)..........in Thailand before his father allows him to go abroad.
He insisted that computers (be)………. More efficient than typewriters.
May Lord Buddha (save)...........His Majesty the King.
I wish I (be)……….twenty years old now.
He suggested that his sister (work)..........in a company to gain experience before she
continues her studies abroad.
6. God (bless)..............bless.
7. If I (be).......... Miss Universe, I would raise some funds for the old and the poor in
Thailand.
8. It is important that he strictly (follow).............. the doctor’s instructions so that he will
live longer.
Grammar Point
Exercise 1 : A
1. could go
6. had spent
2. were
7. were
3. had
8. spoke
4. had known
9. would write
5. had
10. were
Exercise 1 : B
1.
3.
5.
7.
2
4
3
1
2.
4.
6.
8.
1
2
3
2
Exercise 1 : C
1.
organize
2.
3.
4.
5.
be divided
return
be told
open
Exercise 1 : D
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
graduate/should graduate
be / should be
save
were
work/should work
bless
were
follow/should follow