เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อกา
Download
Report
Transcript เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อกา
เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การเรียนรู้
(Information Technology for Life)
4000108
โปรแกรมวิชาคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏลาปาง
บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศ
1. สังคมยุคดิจิตอลและยุคการใช้ปัญญา
2. การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
กับเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
3. เทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์
4. เทคโนโลยีการสื่ อสารข้อมูล
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
2
1. สั งคมยุคดิจติ อลและยุคการใช้ ปัญญา
ปัจจุบนั ได้มีการพัฒนาเปลี่ยนจากการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมไปเป็ นการ
พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่ อการมากขึ้น และก่อให้เกิดสังคมที่มี
ใหม่ที่เน้นความรู ้เป็ นฐาน โดยให้ความสาคัญกับข้อมูลข่าวสารโดยผ่าน
เครื่ องมื่อสื่ อสารต่าง ๆ และได้เกิดชุมชนแบบใหม่ที่เรี ยกว่า “ไซเบอร์สเปช”
(Cyber Space)
เกิดบริ การ Online ในรู ปแบบต่างๆ ดังนี้
E-Commerce
Internet Banking
E-Learning
E-Government
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
3
สถานการณ์ ใหม่ ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ
1.
ความต้ องการทีจ่ ะพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศใหม่ ประกอบด้ วย
ความต้องการในเชิงของสื่ อที่เป็ นมวลชน
ความต้องการที่จะสื่ อสารไปสู่ผคู้ นในจานวนมาก ๆ ในคราวเดียว
2.
ความเร็ วในการสื่ อสารข้อมูล
ความเร็ วในการสื่ อสารทั้งภาพ ตัวอักษร และเสี ยง
3.
ระบบการสื่ อสารที่ทนั สมัย
สื่ อที่ใช้ในการส่ งเช่น สายใยแก้วนาแสง, การสื่ อสารไร้สาย
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
4
การนาเทคโนโลยีมาใช้ ในองค์ กร(The Digital Firm)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
5
คุณลักษณะของเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในยุคอุตสาหกรรม จะเน้นที่ ”หน้าที่การผลิตที่มีมาตรฐาน และคุณภาพ
“ ของผลผลิต
ในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศถ้าเป็ นการรับส่ งข้อมูลก็จะเน้นที่ การ
กาหนด ”วิธีการรับ-ส่ งข้อมูล”
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
6
วิถกี ารดาเนินชีวติ
ในยุคอดีต เป็ นยุคของสังคมเกษตรกรรม ใช้ชีวิตแบบเรี ยบง่าย
เมื่อก้าวเข้าสู่ สงั คมยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีการพัฒนาทางด้านคอมพิวเตอร์
มีการพัฒนาเทคโนโลยีโทรคมนาคม
การติดต่อสื่ อสารมีความสะดวกและรวดเร็ วมากขึ้น
ข้อมูลข่าวสารกลายเป็ นสิ่ งที่ทุกคนต้องการทราบอย่างรวดเร็ วและถูกต้อง
ขอบเขตการค้าขายและดาเนินธุรกิจกว้างมากขึ้น Global Economy
องค์กรพยายามปรับเปลี่ยนรู ปแบบการดาเนินการภายในองค์กรให้ทนั สมัย
เพิ่มขึ้น
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
7
การดาเนินธุรกิจ
การดาเนินธุรกิจในอนาคตมีนา เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลสารสนเทศ
กลายเป็ นปัจจัยช่วยสนับสนุนและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ
ธุรกรรมส่ วนใหญ่ทากันในระบบ เครื อข่าย ไม่วา่ จะเป็ นธุรกิจ ธนาคาร หรื อสถาบัน
การเงิน
มีการนาระบบเครื อข่ายไร้สายมาให้บริ การลูกค้า
มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิคส์ (Electronic Data Interchange : EDI)
เช่น พาณิ ชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรื อ(E-Commerce)
บริ ษทั ต่างๆ สามารถติดต่อสื่ อสารกับลูกค้าได้โดยตรง
ผูผ้ ลิตส่ งสิ นค้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ ว
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
8
EDI(Electronic Data Interchange)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
9
2. การผสมผสานระหว่ างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
กับเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
1.
2.
เทคโนโลยีสารสนเทศ ( Information Technology ) เป็ นชื่อเรี ยก
เทคโนโลยีที่บูรณาการมาจาก 2 สาขาหลัก ดังนี้
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ (Computer Technology)
เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม(Telecommunication Technology )
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
10
3. เทคโนโลยีทางด้ านคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการคานวณ
หรื อประมวลผล และใช้ในการจัดเก็บข้อมูล
งานที่เหมาะสมที่จะใช้ คอมพิวเตอร์ คือ เป็ นงานที่มีปริ มาณ
มากๆ มีข้ นั ตอนในการประมวลผลซ้ าๆกัน ต้องการผลลัพธ์ทถี่ ูกต้อง
แม่นยาในระยะสั้น และเป็ นงานที่ยากในการคานวณ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
11
คุณสมบัตขิ องคอมพิวเตอร์
ความเร็ ว
ความถูกต้องแม่นยา และ ความน่าเชื่ อถือ
เก็บข้อมูลจานวนมาก ๆ ได้
ย้ายข้อมูลจากที่หนึ่ งไปยังอีกที่หนึ่ งได้อย่างรวดเร็ ว
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
12
ยุคของคอมพิวเตอร์
เครื่ องมือชนิดแรกที่ถือได้วา่ เป็ นต้นกาเนิดของคอมพิวเตอร์กค็ ือ ลูกคิด
ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวจีนโบราณ
ยุคทีห่ นึ่ง (1951-1958)
ยุคทีส่ อง (1959-1964)
ยุคทีส่ าม (1965-1971)
ยุคทีส่ ี่ (1972-1980)
ยุคทีห่ ้ า(ตั้งแต่ ปี 1980 ขึน้ ไป)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
13
ยุคทีห่ นึ่ง (1951-1958)
คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ใช้ไฟฟ้ าแรงสู ง
ใช้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ และหลอดสู ญญากาศ
ใช้บตั รเจาะรู เป็ นสื่ อข้อมูล
ใช้ภาษาเครื่ องในการทางาน
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
14
ยุคทีส่ อง (1959-1964)
เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ แทนหลอดสู ญญากาศ เครื่ องจึงมีขนาด
เล็กและมีราคาถูกลง มีวงแหวนแม่เหล็กและหน่วยความจาภายใน
ใช้บตั รเจาะรู และเทปแม่เหล็กเป็ นสื่ อข้อมูล
ใช้ภาษาสัญลักษณ์ในการทางาน
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
15
ยุคทีส่ าม (1965-1971)
เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ไอซี (Integrated Circuit) สามารถทางานเท่ากับ
ทรานซิสเตอร์หลายร้อยตัว จึงทาให้มีขนาดเล็กลง
ใช้บตั รเจาะรู เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กเป็ นสื่ อ
ใช้ภาษาพีแอลวัน(PL/I) และภาษาโคบอล
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
16
ยุคทีส่ ี่ (1972-1980)
เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรขนาดใหญ่ ที่เรี ยกว่า LSI (Large Scale
Integrated)
ใช้เทปแม่เหล็ก และจานแม่เหล็ก ส่ วนบัตรเจาะรู ใช้นอ้ ยลง
เริ่ มมีภาษาใหม่ๆ เช่น ภาษาเบสิ ค ภาษาปาสคาล
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
17
ยุคทีห่ ้ า(ตั้งแต่ ปี 1980 ขึน้ ไป)
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ ช่วยในการจัดการ การตัดสิ นใจ
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้เรี ยกว่า ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence:AI)
มีการใช้คอมพิวเตอร์ทางานทางด้านกราฟฟิ คมากขึ้น
เครื่ องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง เช่น โน๊ตบุค
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
18
ประเภทของเครื่องคอมพิวเตอร์
เราสามารถแบ่ งคอมพิวเตอร์ ออกได้ หลายประเภทตามหลักการดังนี้
1. ตามลักษณะของข้อมูล
2. ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
3. ตามขนาดและราคาของเครื่ อง
แบ่งได้ 3 ประเภท
แบ่งได้ 2 ประเภท
แบ่งได้ 4 ประเภท
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
19
1. ตามลักษณะของข้ อมูล แบ่ งได้ 3 ประเภท
อนาลอกคอมพิวเตอร์ (Analog Computer) เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลักการวัด
รับข้อมูลในลักษณะต่อเนื่อง และจากแหล่งกาเนินข้อมูลโดยตรงแล้วทาการ
แสดงผลทางหน้าปัด
ดิจิตอลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer) เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ทางานโดยใช้
หลักการวัด รับข้อมูลในลักษณะเป็ นตัวเลขให้ผลลัพธ์ที่แม่นยากว่า อนาลอก
คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในปัจจุบนั นี้ ส่ วนมากเป็ นดิจติ อลคอมพิวเตอร์
ไฮบริดคอมพิวเตอร์ (Hybrid Computer) เป็ นคอมพิวเตอร์ที่นาเอาข้อดีของ
อนาลอกคอมพิวเตอร์ และดิจิตอลคอมพิวเตอร์มารวมกัน เพื่อให้สามารถ
ทางานได้ท้ งั สองด้าน
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
20
2. ตามวัตถุประสงค์ การใช้ งาน แบ่ งได้ 2 ประเภท
คอมพิวเตอร์ แบบทัว่ ไป( General-Purposed Computer) ใช้กบั งานได้หลาย
ประเภท และสามารถทางานได้กบั ภาษาคอมพิวเตอร์ได้หลายภาษา
คอมพิวเตอร์ แบบเฉพาะกิจ(Special-Purposed Computer) ใช้ได้กบั งาน
เฉพาะอย่างประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
21
3. ตามขนาดและราคาของเครื่อง แบ่ งได้ 4 ประเภท
ซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็ นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ราคาแพงที่สุด สามารถทางานได้อย่างรวดเร็ ว เนื่องจากมีการใช้หลักการที่
เรี ยกว่า มัลติโปรเซสซิง(Multiprocessing) คอมพิวเตอร์ประเภทนี้นิยมใช้ใน
งานด้านกราฟิ ค หรื อการคานวณทางวิทยาศาสตร์
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
22
3. ตามขนาดและราคาของเครื่อง แบ่ งได้ 4 ประเภท (ต่ อ)
เมนเฟรม(Mainframe) เป็ นคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่รองลงมา และนิยมใช้ใน
องค์กรขนาดใหญ่ทวั่ ๆไป มีประสิ ทธิภาพการทางานรองจากซุปเปอร์
คอมพิวเตอร์ เช่น ใช้ในการเก็บข้อมูลของนักศึกษาทั้งสถาบัน คอมพิวเตอร์
ชนิดนี้ยงั สามารถเชื่อมโยงใช้งานกับเทอร์มินลั ในระยะทางต่างๆ เช่น
เชื่อมโยงควบคุมการใช้เครื่ องเอทีเอ็ม ของลูกค้าตามสถานที่ต่างๆ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
23
3. ตามขนาดและราคาของเครื่อง แบ่ งได้ 4 ประเภท (ต่ อ)
มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) มินิคอมพิวเตอร์จะใช้หลักการทางาน
เช่นเดียวกับเมนเฟรม แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างเครื่ องเมนเฟรมและ
มินิคอมพิวเตอร์คือความเร็ วในการทางาน มินิคอมพิวเตอร์จะใช้ในธุรกิจ
ขนาดกลาง นักธุรกิจทัว่ ไปนิยมใช้เพราะสามารถเชื่อมโยงกับเทอร์มนิ ลั ได้
หลายๆเครื่ อง
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
24
3. ตามขนาดและราคาของเครื่อง แบ่ งได้ 4 ประเภท (ต่ อ)
ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) เป็ นเครื่ องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและมี
ราคาถูก จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่ หลาย อีกชื่อหนึ่งที่มกั ใช้เรี ยก
ไมโครคอมพิวเตอร์คือ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) หรื อ
PC เพราะมักนาคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ไปใช้กบั งานที่เกี่ยวข้องกับตนเอง
โดยเฉพาะ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
25
ไมโครคอมพิวเตอร์ แบบต่ างๆ
Desktop Computer / PC
Notebook Computer
Tablet PC
Palm Computer
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
26
Tablet PC
ผสมผสานระหว่าง Desktop และ แบบพกพา
รับข้อมูลด้วยปากกา (Stylus) ผ่านทางจอภาพโดยตรง
สัง่ งานด้วยเสี ยงได้
มี Port สาหรับการต่อพ่วงต่างๆ หรื อ การต่อเข้ากับ
Internet แบบไร้สาย
หน้าจอที่มีความละเอียดสูง
มีโปรแกรม Handwriting Recognition ที่รู้จกั ลายมือเขียน
เพื่อเขียนข้อมูลโดยตรงบนหน้าจอ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
27
องค์ ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบด้ วยองค์ ประกอบสาคัญ 5 ส่ วนด้ วยกัน คือ
ฮาร์ดแวร์(Hardware)
ซอฟต์แวร์ (Software)
บุคลากร (People ware)
ข้อมูลและสารสนเทศ(Data/Information)
กระบวนการทางาน (Procedure)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
28
ฮาร์ ดแวร์ (Hardware)
คือ ลักษณะทางภายภาพของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ที่เป็ น
หน่วยรับข้อมูลหน่วยประมวลผล หน่วยแสดงผลลัพธ์ รวมทั้งเครื่องมือต่างๆ
ที่เกี่ยวข้อง
ฮาร์ ดแวร์ ประกอบด้ วยส่ วนทีส่ าคัญ คือ
หน่วยรับข้อมูล(Input Unit)
หน่วยประมวลผลกลาง (Central processing Unit) หรื อ CPU
หน่วยความจาหลัก (Main Memory Unit )
หน่วยแสดงผลลัพธ์ (Output Unit)
หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (Secondary Storage Unit)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
29
ฮาร์ ดแวร์ (Hardware) (ต่ อ)
หน่ วยรับข้ อมูล ทาหน้าที่ รับข้อมูลและคาสัง่ จากภายนอก เข้าสู่ หน่วยประมวผล
กลาง เพื่อทาการประมวลผล และจะแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมาให้ผใู ้ ช้รับทราบทาง
หน่วยแสดงผลลัพธ์
หน่ วยความจาหลัก ทาหน้าที่ เก็บข้อมูลหรื อชุดคาสัง่ ชัว่ คราวเพื่อรอประมวลผล
และแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลและรอส่ งไปที่หน่วยแสดงผลลัพธ์
หน่ วยประมวลผลกลาง หน่วยประมวลผลกลาง(Central Processing Unit) ถือว่า
เป็ นสมองของระบบคอมพิวเตอร์ ที่ทาหน้าที่ควบคุมการปฏิบตั ิงานหลักของ
คอมพิวเตอร์
หน่ วยความจาสารอง ทาหน้าที่ เก็บข้อมูลหรื อคาสัง่ แยกจากหน่วยความจาหลัก
หน่ วยแสดงผลข้ อมูล ทาหน้าที่แสดงผลข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลเพื่อแสดง
หรื อนาเสนอให้แก่ผใู ้ ช้(User)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
30
แสดงความสั มพันธ์ ระหว่ างการใช้ อปุ กรณ์ ท้งั 5 หน่ วย
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
31
หน่ วยรับข้ อมูล (Input Unit)
อุปกรณ์ รับเข้ าข้ อมูลที่ใช้ กนั เป็ นส่ วนใหญ่ สามารถแบ่ งตามลักษณะ
การใช้ งานดังนี้
ประเภทพิมพ์ หรื อคีย ์ เช่นคียบ
์ อร์ด
ประเภทชี้ หรื อวาด เช่นปากกาไฟฟ้ า เมาส์ จอยสติก แทรกบอล
ประเภทการรับข้อมูลเข้าโดยตรง เพื่อให้การส่ งข้อมูลเข้าสู่ ระบบ
คอมพิวเตอร์ทาได้รวดเร็ วขึ้น เช่น สแกนเนอร์ เครื่ องอ่านแถบ
แม่เหล็ก กล้องดิจิตอล เป็ นต้น
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
32
อุปกรณ์ นาเข้ าข้ อมูล(Input Device)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
33
คีย์บอร์ ด(Keyboard)
เป็ นอุปกรณ์ อนิ พุตที่มใี ช้ ในคอมพิวเตอร์ ทุกประเภท
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
34
ปากกาไฟฟ้า(Pen-base Input)
เป็ นอุปกรณ์ ท่ มี ีลักษณะ
คล้ ายปากกา
ใช้ โดยการเขียนข้ อมูลเข้ าไป
ในพืน้ ที่ราบเรียบ
หลังจากนัน
้ ข้ อมูลจะถูก
แปลงให้ อยู่ในรู ปของข้ อมูล
อิเล็คทรอนิกส์ เพื่อส่ งต่ อให้
เครื่องคอมพิวเตอร์ ต่อไป
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
35
แทร็กบอล(Trackball) เมาส์ (Mouse)
แทร็ กบอล เป็ นอุปกรณ์ นาเข้ าข้ อมูลที่มลี กั ษณะภายนอกคล้ าย
เมาส์ ที่เอาลูกกลิง้ ไว้ ด้านบนแทนการใช้ งานจะใช้ นิว้ มือกลิง้
เฉพาะบนตัวลูกกลิง้ เท่ านั้น ดังรู ป
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
36
จอยสติก(Joystick) แทร็กแพด(Trackpads)
จอยสติก(JoyStick) เป็ นอุปกรณ์ที่มีลกั ษณะเหมือนคันโยกอัน
เล็ก ใช้ในการควบคุมการเคลื่อนที่ของตัวชี้โดยมีลกั ษณะของ
ก้านควบคุม ส่ วนใหญ่ใช้ในการโปรแกรมทางด้านเกมส์
แทร็กแพด(Trackpads) เป็ นอุปกรณ์ที่ตอ
้ งใช้นิ้วมือเลื่อนหรื อ
แตะไปบน Pad เพื่อเลื่อนหรื อควบคุมตัวชี้บนจอภาพ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
37
เครื่องสแกนเนอร์ (Scanners)
สามารถรับข้อมูลในรู ปของสิ่ งตีพิมพ์ และแปลงให้เป็ นสัญญาณอิเล็คทรอนิกส์
เพื่อส่ งเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ได้เลย
Image Scanners
OCR และ Bar Codes Scanners
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
38
เครื่องอ่ านแถบแม่ เหล็ก
(Magnetic Stripes and Smart Cards)
เป็ นอุปกรณ์นาเข้าข้อมูลที่เป็ นแถบแม่เหล็ก(Magnetic stripes)
ที่ติดอยูบ่ นบัตรเครดิตหรื อบัตรเอทีเอ็ม(ATM)
หรื อบัตร
ประจาตัวพนักงาน/นักศึกษา
สามารถบันทึกข้อมูล/
สารสนเทศ ที่เราต้องการเช่น หมายเลขบัญชี รหัสประจาตัว
หรื อข้อมูลส่ วนบุคคล เมื่อนาบัตรนี้เข้าไปในเครื่ องอ่านที่
เรี ยกว่า Badge reader รหัสก็จะถูกแปลงเป็ นดิจิตอลที่ระบบ
คอมพิวเตอร์เข้าใจ เพื่อดาเนินการอื่นๆ ต่อไป
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
39
ไมโครโฟน(Microphone)
เป็ นอุปกรณ์ที่รับข้อมูลประเภทเสี ยงเข้าสู่ คอมพิวเตอร์
โดยจะต้องมีอุปกรณ์ประเภท Speech Recognition
board ทาหน้าที่ในการแปลงสัญญาณเสี ยงให้เป็ น
สัญญาณดิจิตอล
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
40
กล้ องดิจิตอล(Digital Camera) และ
กล้ องวิดีโอดิจิตอล(Vedio Digital)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
41
อุปกรณ์ ประมวลผลข้ อมูล(Processing)
หน่วยประมวลผลกลาง(Central Processing Unit)
เป็ นสมองของระบบคอมพิวเตอร์
ทาหน้าที่ควบคุมการปฏิบต
ั ิงานหลักของคอมพิวเตอร์
่ บั ส่ วนนี้เป็ นหลัก
ความเร็ วในการทางานก็ข้ ึนอยูก
อุปกรณ์ในการประมวลผลข้อมูลสาหรับเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ คือ
ไมโครโปรเซสเซอร์
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
42
หน่ วยประมวลผลกลาง(CPU)
มีส่วนประกอบที่สาคัญ 3 ส่ วน คือ
หน่วยควบคุม(Control Unit) ควบคุมการทางานต่างๆ ของหน่วย
ประมวลผล
หน่วยคานวณและตรรก (Arithmetic and Logic Unit หรื อ ALU) ทา
หน้าที่ในการคานวณหาตัวเลข เช่น การบวก ลบ การเปรี ยบเทียบ
หน่วยความจา(Register) เป็ นอุปกรณ์ใช้เก็บโปรแกรมและข้อมูลที่
ใช้ในการประมวลผล
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
43
ส่ วนประกอบของ CPU
ทีม่ า : NECTEC
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
44
หน่ วยแสดงผลข้ อมูล(Output Unit)
ทาหน้าที่รับสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผล
แปลงสัญญาณดิจิตอลให้อยูใ่ นรู ปของตัวเลข ตัวอักษร เสี ยง หรื อ
รู ปภาพ ที่ผใู ้ ช้เข้าใจได้
โดยมีอุปกรณ์สาหรับแสดงผลข้อมูลเพื่อเป็ นสื่ อหรื อนาเสนอ
สารสนเทศที่มีลกั ษณะต่างกัน เช่น
จอภาพ(Monitor)
เครื่ องพิมพ์(Pinter)
ลาโพง(Speaker)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
45
อุปกรณ์ แสดงผลข้ อมูล(Output Device)
อุปกรณ์ แสดงผลข้ อมูล(Output Device) มีหน้ าที่แสดงผลข้ อมูลที่
แตกต่ างกัน ดังนี้
1. จอภาพ(Monitor)
Flat-Panel
Monitors จอภาพที่ใช้กบั เครื่ อง PC แบบ
พกพา
จอสั มผัส(Touch Screen Monitors) เป็ นอุปกรณ์ที่
ทาหน้าที่ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์พร้อมทั้ง
แสดงผลข้อมูลในตัว
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
46
อุปกรณ์ แสดงผลข้ อมูล(Output Device)
2. เครื่องพิมพ์ (Printer)
1. เครื่องพิมพ์ แบบจุด(Dot Matrix Printers)
2. เครื่องพิมพ์ แบบพ่ นหมึก(Inkjet Printer)
3. เครื่องพิมพ์ แบบเลเซอร์ (Laser Printer)
4. เครื่องพิมพ์ แบบพล็อตเตอร์ (Plotter)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
47
อุปกรณ์ แสดงผลข้ อมูล(Output Device)
3. ลาโพง(Speaker) เป็ นอุปกรณ์ แสดงผลที่สารสนเทศออกมาใน
ลักษณะของเสี ยง ความคมชัดของเสี ยงขึน้ อยู่กบั คุณภาพของ
ลาโพงเป็ นหลัก
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
48
หน่ วยความจา(Memory Unit)
หน่วยความจาหลัก(Main Memory)
RAM(Random Access Memory)
ROM(Read Only Memory)
หน่วยความจาสารอง(Secondary Memory)
จานแม่ เหล็ก(Magnetic Disk)
จานแสง(Optical Disk)
Flash Memory
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
49
จานแม่ เหล็ก
จานแม่ เหล็ก(Magnetic Disk) แบ่ งออกเป็ น 4 ประเภทคือ
แผ่นดิสก์เกต (Floppy Disk)
ซิ ปดิสก์ (Zip Disk)
ฮาร์ ดดิสก์(Hard Disk)
ั เครื่ องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่หรื อประเภท
จานแม่เหล็กที่ใช้กบ
เมนเฟรม(Disk Pack)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
50
แผ่ นดิสก์ เกต(Floppy Disk)
แผ่นดิสก์เกต(Floppy Disk) ทาจากแผ่นฟิ ล์มบางๆ ฉาบออกไซด์
โลหะ
มีลกั ษณะกลมหุม้ ด้วยซองพลาสติกสี่ เหลี่ยม มีความจุ 1.44 MB
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลายโดยประมาณ 3.5 นิ้ว
ปั จจุบนั นิยมใช้แผ่นดิสก์เกตในการบันทึกสารสนเทศมาก เพราะมี
ขายตามท้องตลาด พกพาสะดวกและราคาถูกมาก
แผ่น Floppy Disk จะมีอุปกรณ์สาหรับอ่านและเขียนข้อมูลคือ Disk
Drive
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
51
ซิปดิสก์ (Zip Disk)
เป็ นดิสก์เกตที่ใช้ เทคโนโลยีผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเลเซอร์ และ
เทคโนโลยีแม่ เหล็ก
เพือ
่ การอ่านและบันทึกบนจานแม่ เหล็กชนิดอ่อน(เหมือน Floppy Disk)
มีความจุ 100 MB (70 เท่ าของ Floppy Disk)
นิยมใช้ เก็บข้ อมูลและสารสนเทศในระบบมัลติมีเดีย
แผ่ น Zip Disk จะมีอุปกรณ์ สาหรั บอ่ านและเขียน
ข้ อมูลคือ Zip Drive
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
52
ฮาร์ ดดิสก์ (Hard Disk)
เป็ นจานแม่ เหล็กชนิดแข็งประกอบด้ วยแผ่ นจานโลหะแข็ง
(Platter) ขนาด 5.25 หรือ 3.5 นิว้ ซึ่งวางเรียงซ้ อนกัน มีความจุ
สู งกว่ าแผ่ น Floppy Disk มาก และการเข้ าถึงข้ อมูล(ได้ ท้ังแบบ
Random และ Sequential Access)เร็วกว่ าแผ่ น Floppy Disk
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
53
จานแม่ เหล็กที่ใช้ กบั เครื่องคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่
หรือประเภทเมนเฟรม
แดสดี(DASD : Direct Access Storage Device)
DASD เป็ นจานบันทึกแบบแข็ง
มีขนาดเส้ นผ่ าศูนย์ กลางประมาณ 14 นิว้ มีจานวนหลาย
แผ่ นซ้ อนกัน
แต่ ละแผ่ นมีความจุสารสนเทศสูงมากเมื่อ
เทียบกับฮาร์ ดดิสก์ ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์ ท่ ใี ช้ กับ
เครื่ อง PC โดยใน 1 แพ็คจะมีความจุหลายร้ อยล้ านล้ านไบต์
เลยทีเดียว สื่อประเภทนีบ้ างครั ง้ เรี ยกว่ า Disk Pack
จานแม่ เหล็กประเภท
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
54
จานแสง (Optical Disk)
เป็ นหน่ วยความจาสารองทีม่ คี วามจุสูงสุ ดในบรรดาหน่ วยความจา
ภายในของระบบคอมพิวเตอร์ ใช้ แสงเลเซอร์ ในการอ่านและบันทึก
สารสนเทศบนแผ่ นไฟเบอร์ ( Fiber Glass)อีกทั้งยังสามารถบันทึก
สารสนเทศทั้งทีอ่ ยู่ในรูปของตัวอักษร ภาพ เสี ยง และภาพเคลือ่ นไหว
มีราคาถูกกว่ าจานแม่ เหล็กชนิดแข็ง และทีส่ าคัญสามารถเข้ าถึงข้ อมูล
โดยวิธี Direct Access อีกด้ วย จานแสงแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภทคือ
ซีดีรอม และ ดีวดี ี
WORM Disks(Write Once Read Only)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
55
อุปกรณ์ ในการอ่ านและบันทึก CD-ROM และ DVD
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
56
Flash Memory
มีหลักการทางานคล้ าย Floppy Disk คืออ่ านและ
เขียนหรือลบไฟล์ ได้ ทันที
การออกแบบโครงสร้ างทั้งหมด ได้ แนวคิดมาจาก
Flash Memory
การรับ-ส่ งข้ อมูลผ่ านพอร์ ต USB
มีหลายชื่อเช่ น Handy Drive,Pen Drive
,Thumb Drive,USB Drive หรือ Flash
Drive
บันทึกข้ อมูลได้ หลากหลาย เช่ น Bootable ,
MP3, Voice Recorder
มีความจุต้งั แต่ 64,128,256,512 MB. ไปถึง 1 GB.
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
57
หน่ วยนับข้ อมูลในคอมพิวเตอร์
8 Bit
1,024 Byte
=
=
1 Byte
1 KB.
1,024 KB.
1,024 MB.
1,024 GB.
=
=
=
1 MB.
1 GB.
1 TB.
แผ่ นดิสก์ เกต 1 แผ่ นมีความจุ 1.44 MB. จะมีก่ ี KB.
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
58
โปรแกรมหรือชุดคาสั่ ง Software
ซอฟต์ แวร์์ (Software) หมายถึง ชุ ดคาสั่ ง (Instruction Set) ทีส่ ามารถ
สั่ งงานฮาร์ ดแวร์ คอมพิวเตอร์ ให้ ประมวลผลหรือทางานตาม คาสั่ งได้ อย่ าง
อัตโนมัติ ตั้งแต่ เริ่มจนจบการทางาน โดยมีมนุษย์ เข้ าไป เกีย่ วข้ องน้ อยทีส่ ุ ด
เรียกอีกอย่ างหนึ่งว่ า โปรแกรม(Program) เราไม่ สามารถจับต้ องซอฟต์ แวร์ ได้
โดยตรงซอฟต์ แวร์ จะถูกจัดเก็บไว้ ในสื่ อ บันทึกข้ อมูลของคอมพิวเตอร์ ได้ แก่
แผ่ นดิสก์ (Diskette) ฮาร์ ดสิ ก์ (Hard Disk)หรือแผ่ นซีด-ี รอม (CD-ROM)
ผู้ใช้ ไม่ สามารถจับต้ องได้ ซอฟต์ แวร์ สามารถแบ่ งตามลักษณะดังต่ อไปนี้
ซอฟต์ แวร์ ระบบ(System Software)
ซอฟต์ แวร์ ประยุกต์ (Application Software)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
59
ซอฟต์ แวร์ ระบบ(System Software)
ส่ วนควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ท้งั ระบบ
โดยเชื่ อมโยงข้ อมูลและคาสั่ งระหว่ างส่ วนประกอบต่ างๆ เข้ากับส่ วน
ศูนย์ กลางการประมวลผล (CPU)
เช่นการจัดลาดับการทางานของเครื่ องคอมพิวเตอร์ เมื่อเริ่ มเปิ ด
เครื่ องใช้งาน หรื อการควบคุมการหมุนแผ่นจานเก็บข้อมูลให้
สัมพันธ์กบั การอ่าน / เขียน
ตัวอย่ างซอฟต์ แวร์ นีค
้ อื OS : Operating System
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
60
ซอฟต์ แวร์ ระบบปฏิบัติการ
(Operating System)
อาจเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า Supervisor Program
ซึ่ งเป็ นซอฟต์แวร์ ที่มีความสาคัญต่อการทางานของเครื่ อง
คอมพิวเตอร์
่ บั
ซอฟต์แวร์ ประเภทอื่น ๆ จะทางานในคอมพิวเตอร์ ได้ ต้องขึ้นอยูก
การควบคุมและการจัดการของ OS
จึงเปรี ยบ OS เสมือนเป็ นผูจ้ ด
ั การของระบบ
ถ้าไม่มีซอฟต์แวร์ ประเภท OS ระบบคอมพิวเตอร์ กไ็ ม่สามารถ
ทางานได้
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
61
หน้ าที่ของระบบปฏิบัติการ
เป็ นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างผูใ้ ช้กบั คอมพิวเตอร์
ควบคุมการทางานของฮาร์ ดแวร์ คอมพิวเตอร์
จัดการข้อมูลและสารสนเทศภายในหน่วยความจา
ทางานร่ วมกับซอฟต์แวร์ ที่อยูใ่ น ROM
จัดตาราง(Schedule) การใช้ทรัพยากร
จัดการระบบการจัดเก็บไฟล์ขอ
้ มูลลงบนสื่ อสารองข้อมูล
จัดการในด้านรักษาความปลอดภัย
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
62
ตัวอย่ างของระบบปฏิบัติการ : OS
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
63
ซอฟต์ แวร์ อรรถประโยชน์
(Utility Software)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
64
ภาษาคอมพิวเตอร์
(Computer Language)
ซอฟต์แวร์ภาษา (Language Software) หมายถึง
ซอฟต์แวร์ ที่ทาหน้าที่เป็ นเครื่ องมือในการสร้างชุดคาสัง่ หรื อ
โปรแกรมเพื่อนาไปสัง่ งานคอมพิวเตอร์
โดยอานวยความสะดวกให้ผใู ้ ช้สามารถสร้างโปรแกรมได้อย่าง
รวดเร็ ว
มีการแบ่งออกเป็ นกลุ่ม ๆ ดังนี้
ภาษาระดับต่า(High Level Language)
ภาษาระดับสู ง(High Level Language)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
65
ภาษาระดับต่า
(Low Level Language)
ภาษาคอมพิวเตอร์ ที่มกี ารทางานใกล้ ชิดกับฮาร์ ดแวร์
เป็ นภาษาที่เป็ นรหัสคาสั่ งสั้ น ๆ
แต่ ทางานได้ อย่ างรวดเร็ว
แบ่ งออกเป็ น 2 ชนิดคือ
ภาษาเครื่ อง (Machine Language) ที่อยูใ่ นรู ปของรหัสเลขฐานสอง
ซึ่งใช้ในคอมพิวเตอร์ยดุ แรก ๆ คอมพิวเตอร์สามารถนาภาษาเครื่ อง
ไปใช้สงั่ งานได้ทนั ที
ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ซึ่ งเป็ นภาษาที่เป็ นรหัสคาสัง่ สั้น ๆ
เข้าใจยาก ผูเ้ ขียนคาสัง่ ต้องเข้าใจโครงสร้างและระบบการทางาน
ภายในของ Microprocessor
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
66
ภาษาระดับสู ง
(High Level Language)
ภาษาคอมพิวเตอร์ ท่ สี ร้ างขึน้ มาเพื่ออานวยความสะดวกให้ แก่
ผู้เขียนโปรแกรม
มีโครงสร้ างและรหัสของภาษาคล้ ายกับภาษาอังกฤษที่ใช้ ในการ
สื่อสารทาให้ ผ้ ูสร้ างโปรแกรมเรี ยนรู้ และเข้ าใจได้ ง่าย
ไม่ จาเป็ นต้ องมีความรู้ เกี่ยวกับ Microprocessor
และเมื่อสร้ างคาสั่งได้ แล้ ว สามารถนาไปใช้ กับคอมพิวเตอร์
รุ่ นใด ๆ ก็ได้
เมื่อสร้ างภาษาคอมพิวเตอร์ ระดับสูงได้ แล้ ว
สิ่งที่สร้ างได้ เราเรี ยกว่ า Source Code หรื อ Source Program ซึ่ง
ยังไม่ สามารถนาไปสั่งงานคอมพิวเตอร์ ได้ จะต้ องไปผ่ านการแปล
ให้ เป็ นภาษาเครื่ องก่ อนหรื อที่เรี ยกว่ า Object Code
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
67
ตัวแปลภาษาระดับสู ง
Compiler
ตัวแปลภาษาที่ใช้ วธ
ิ ีการแปล Source Code ให้ เป็ น
ภาษาเครื่องทีเดียวทัง้ โปรแกรม
Interpreter
ตัวแปลภาษาที่ใช้ วธ
ิ ีการแปลทีละบรรทัดหรือทีละประโยค
ถ้ าถูก Source Code ถูกต้ อง ก็แปลให้ เป็ นภาษาเครื่ อง
(Object Code)
แล้ วนาประโยคนัน
้ ไปสั่งงานคอมพิวเตอร์ ให้ ทางานทันที
แต่ ถ้าพบ Source Code ประโยคใดผิด ก็จะหยุดแปลและ
หยุดทางาน
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
68
ซอฟต์ แวร์ ประยุกต์
(Application Software)
ความหมาย ส่ วนของซอฟต์ แวร์ ท่ มี ีความสัมพันธ์ และใกล้ ชิดกับ
มนุษย์ มากที่สุด โดยทั่วไปมักถูกสร้ างขึน้ เพื่อให้ ใช้
เฉพาะงาน แบ่ งออกเป็ น 2 ชนิดคือ
ซอฟต์แวร์ ประยุกต์ใช้ งานเฉพาะด้ าน(Application Software
fo Spacific Purpose)
ซอฟต์แวร์ สาเร็ จรู ป(Package Software)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
69
ซอฟต์ แวร์ ประยุกต์ ใช้ งานเฉพาะด้ าน
Application Software for Specific Purpose
คือซอฟต์ แวร์ ที่สร้ างขึน
้ เพือ่ นามาประยุกต์ ใช้ กบั งานขององค์ กรใด
องค์ กรหนึ่งโดยเฉพาะ
ไม่ สามารถนาไปใช้ กบ
ั องค์ กรอืน่ ได้
ซอฟต์ แวร์ ประเภทนีส
้ ร้ างขึน้ โดยบริษทั ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ที่มีความ
ชานาญในด้ านนั้น ๆ
ตัวอย่ างคือ ซอฟต์ แวร์ ด้านงานบุคลากร, ซอฟต์ แวร์ ระบบงานบัญชี ,
ซอฟต์ แวร์ ระบบสิ นค้ าคงคลัง
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
70
ตัวอย่ าง โปรแกรมใช้ งานเฉพาะด้ าน
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
71
ซอฟต์ แวร์ สาเร็จรูป (Package Software)
ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในสานักงานทัว่ ๆ ไป
สร้างโดยบริ ษท
ั ที่มีความชานาญในด้านนั้น ๆ
โดยเฉพาะ มีการปรับปรุ งรุ่ น(version)ของซอฟต์แวร์ ให้มีประสิ ทธิ ภาพ
สูงขึ้นอยูเ่ สมอ
แบ่งได้ 6 ประเภทคือ
ซอฟต์แวร์ตารางกระดาษคานวณ(Spreadsheets)
ซอฟต์แวร์ ประมวลผลคา(Word Processing)
ซอฟต์แวร์ นาเสนอผลงาน(Presentation)
กราฟฟิ ก ซอฟต์แวร์ (Graphic Software)
ซอฟต์แวร์ จด
ั การฐานข้อมูล (Data Base Management
System :DBMS)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
72
ซอฟต์ แวร์ ตารางกระดาษคานวณ(Spreadsheets)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
73
ซอฟต์ แวร์ ประมวลผลคา
(Word Processing)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
74
ซอฟต์ แวร์ นาเสนอผลงาน
(Presentation)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
75
กราฟิ กซอฟต์ แวร์ (Graphic Software)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
76
ซอฟต์ แวร์ จัดการฐานข้ อมูล
(Data Base Management System :DBMS)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
77
มัลแวร์ หรือโปรแกรมประสงค์ ร้าย
(Malicious Application; MalWare)
คือโปรแกรมทีท่ างานแบบไม่ หวังดีกบั ระบบคอมพิวเตอร์ อันหมายรวมถึง
ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Virus), หนอนคอมพิวเตอร์ (Worm), ม้ าโทรจัน
(Trojan Horse), โปรแกรมแอบดักข้ อมูล (Spyware), โปรแกรมโฆษณา
(A d w a r e), B a c k d o o r , K e y L o g g e r ฯลฯ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
78
บุคคลากรคอมพิวเตอร์ (Peopleware)
ผู้จดั การระบบ (System Manager
นักวิเคราะห์ ระบบ (System Analyst
โปรแกรมเมอร์ (Programmer
ผู้ใช้ (User)
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
79
ข้ อมูลและสารสนเทศ(Data/Information)
ข้ อมูล หมายถึง ข้ อเท็จจริงหรือข้ อมูลดิบ ทีไ่ ด้ จากการสารวจหรือรวบรวมมา
ข้อมูลอาจจะเป็ น ตัวเลข ตัวหนังสื อ รู ปภาพสัญลักษณ์ต่างๆ
สารสนเทศ หมายถึง สิ่ งที่ได้ จากการนาข้ อมูลไปผ่ านการประมวลผลอย่างใด
อย่างหนึ่ง และสารสนเทสามารถนาไปใช้ งานได้ ทนั ที
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
80
กระบวนการทางาน (Procedure)
หรือโพรซีเยอร์ หมายถึง ขั้นตอนทีผ่ ู้ใช้ จะต้ องทาตาม เพือ่ ให้ ได้ งานเฉพาะ
อย่ างจากคอมพิวเตอร์
ซึ่งผูใ้ ช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องรับรู ้กระบวนการทางานพื้นฐานของ
เครื่ องคอมพิวเตอร์
เพือ่ ที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง การใช้
คอมพิวเตอร์ปฏิบตั ิงานในส่ วนต่างๆ นั้น มักจะมีข้นั ตอนที่สลับซับซ้อน และ
เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาต่างๆ
ในการปฏิบตั ิงานด้วย
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
81
การพัฒนาการทางด้ านคอมพิวเตอร์
ทิศทางการพัฒนาทางด้ านคอมพิวเตอร์ มี 3 ประการด้ วยกันคือ
1. มีขนาดเล็กลง จากเครื่ องคอมพิวเตอร์ในระยะแรกๆอย่างเช่นเครื่ อง
ENIAC ที่ใช้หลอดสุ ญญากาศ 18,000 หลอด มีน้ าหนักถึง 30 ตัน และ มี
ความกว้างถึง 30 ฟุต มาเป็ นเครื่ อง ไมโครคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก
2. มีพลังอานาจมากขึน้ มีความสามารถในการประมวลผลที่มี
ความเร็ วสู งกับโปรแกรมขนาดใหญ่ และ การจัดการข้อมูลเป็ นจานวนมาก
นอกจากนี้ยงั สามารถเก็บบันทึกข้อมูลจานวนมากๆ ได้
3.ราคาถูกลง การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ ว
พร้อมๆ กับ ความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ในทุกสาขาอาชีพมากขึ้น ทา
ให้เครื่ องมีราคาถูกลงอย่างรวดเร็ ว
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
82
4. เทคโนโลยีการสื่ อสารข้ อมูล
ตั้งแต่อดีตในปัจจุบนั สิ่ งมีชีวิตได้ พยายามที่จะติดต่อหรื อส่ งสัญญาณให้
พวกพ้องของตนรับทราบในเรื่ องต่างๆ เช่น การเตือนภัยจากสิ่ งรอบข้าง หรื อ
ส่ งสัญญาณเพื่อให้ทราบในสิ่ งต่างๆ ตามที่ตนต้องการ ซึ่งการสื่อสารข้อมูล
นั้นจะต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อย 3 องค์ประกอบด้วยกันกล่าวคือ
องค์ ประกอบพืน้ ฐานทางด้ านการสื่ อสาร
หน่วยส่ งข้อมูล
ช่องทางการส่ งข้อมูล
หน่วยรับข้อมูล
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
83
องค์ ประกอบขั้นพืน้ ฐานของระบบสื่ อสารโทรคมนาคม
ผูส้ ่ งข่าวสาร
ผูร้ ับข่าวสาร
ช่องสัญญาณ
การเข้ารหัส
การถอดรหัส
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
84
องค์ ประกอบขั้นพืน้ ฐานของระบบสื่ อสารโทรคมนาคม (ต่ อ)
ผู้ส่งข่ าวสาร หรื อแหล่งกาเนิดข่าวสาร อาจเป็ นคน หรื อ สัญญาณต่างๆ
การเข้ ารหัส เป็ นการช่วยให้ผรู ้ ับข่าวสารและผูร้ ับข่าวสารเข้าใจกันได้ และ
ข้อมูลเป็ นความลับ เช่น ระบบโทรศัพท์, ระบบอินเทอร์เน็ต เป็ นต้น
ช่ องสั ญญาณ ในที่น้ ีหมายถึงสื่ อกลาง หรื อตัวกลางที่ข่าวสารสามารถที่จะ
เดินทางไปได้ เช่นสายโทรศัพท์, น้ า, อากาศ เป็ นต้น
การถอดรหัส เป็ นการเปลี่ยนข้อมูลให้พร้อมที่จะส่ งให้ผรู ้ ับเข้าใจได้ เช่นใน
ระบบคอมพิวเตอร์ จะเปลี่ยน เลขฐานสองให้อยูใ่ นรู ปของข้อความหรื อ
รู ปภาพเพื่อจะนาไปแสดงผลให้ผใู ้ ช้เข้าใจได้ เป็ นต้น
ผู้รับข่ าวสาร หมายถึงปลายทางของข่าวสาร
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
85
วัตถุประสงค์ ของการนาการสื่ อสารข้ อมูลมาประยุกต์ ใช้
เพื่อรับข้อมูลและสารสนเทศจากแหล่งกาเนิดข้อมูล
เพื่อส่ งและกระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ ว
เพื่อลดเวลาการทางาน
เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายในการส่ งข่าวสาร
เพื่อช่วยขยายการดาเนินการองค์การให้ดียงิ่ ขึ้น
เพื่อช่วยปรับปรุ งการบริ หารขององค์การให้สะดวกยิง่ ขึ้น
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
86
ช่ องทางการสื่ อสาร ( Communication Channels )
การเชื่อมต่ อด้ วยสาย หรือเคเบิล
สายทองแดงตีคู่บิดเกรี ยว หรื อที่เรี ยกว่า ทวิสแพร์ ( Twisted pairs )
สายแบบโคแอคเชี ยน ( Coaxial Cable ) สามารถส่ งสัญญาณ
ที่ มี ความถี่สูง สามารถส่ งสัญญาณได้เป็ น 80 เท่าของสายแบบ ทวิสแพร์
สายไฟเบอร์ ออฟติก ( Fiber-Optic Cable ) ส่ งเป็ น สัญญาณแสงผ่านเส้นใย
แก้วนาแสง สามารถส่ งสัญญาณได้เป็ น 26,000 เท่าของสายแบบ ทวิสแพร์
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
87
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
88
ช่ องทางการสื่ อสาร ( Communication Channels ) (ต่ อ)
การส่ งสั ญญาณแบบไร้ สาย มี 2 แบบด้วยกันคือ
คลืน
่ วิทยุ (Radio waves ) มันสามารถหลบสิ่ งกีดขวางได้
คลืน
่ ไมโครเวฟ (Microwaves ) เป็ นคลื่นที่มีพลังมาก ไม่สามารถส่ งคลื่น ไปตาม
แนวโค้งของโลกได้ จะส่ งคลื่นในทิศทางตรงที่มองเห็นในระดับเดียวกันเท่านั้น
การส่ งสัญญาณจึงต้องมีการติดตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณเป็ นช่วงๆ โดยที่สถานี
ถ่ายทอดสัญญาณไมโครเวฟจะมี 2 แบบคือ
แบบจาน( Dishes ) หรือแบบเสา ( Atennas ) ที่ติดตั้งบน อาคารสูง หรื อ บนยอดเขาสูง ใช้
สาหรับการส่ งคลื่นวิทยุ และโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรื อมือถือ ไม่วา่ มันจะมีกาลังส่ งมาก
หรื อน้อยก็ตาม มันสามารถหลบสิ่ งกีดขวางได้
การสื่ อสารผ่ านดาวเทียม ( Communications satellites ) โดยใช้จรวดส่ งดาวเทียมไปโคจร
ในอวกาศ เพื่อถ่ายทอดสัญญาณ ซึ่งอยู่ เหนือพื้นโลกประมาณ 22,000 ไมล์
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
89
การส่ งข้ อมูลแบบ Microwave และผ่ านดาวเทียม
Microwave
Satellites
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
90
ระบบเครือข่ ายการสื่ อสาร
( Communication Networks )
LAN ( Local Area Network ) เป็ นเครื อข่ายที่ เชื่อมต่อในระยะใกล้
MAN ( Metropolitan Area Network ) เป็ นเครื อข่ายที่ ครอบคลุมตัว
เมือง หรื อภาคต่างๆ ในประเทศ อยูใ่ นบริ เวณรัศมี น้อยกว่า 10 กิโลเมตร
WAN ( Wide Area Network ) เป็ นเครื อข่ายที่มีขอบเขตกว้างไกล
ครอบคลุมทัว่ ประเทศ หรื อระหว่างประเทศ ในการส่ งข้อมูลจะใช้
ไมโครเวฟ และการสื่ อสารผ่านดาวเทียม พอๆ กับการใช้สายสัญญาณ
หรื อสายเคเบิลอื่นๆ
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
91
การเชื่อมต่ อระหว่ างเครือข่ าย LAN MAN WAN
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
92
IP Phone
ระบบเสี ยงของโทรศัพท์ มีคุณภาพสู งขึน้
มีระบบความปลอดภัย Firewall
IP-based conference
calling การประชุมทางเสี ยง
voice e-mail บนระบบ IP
Phone
สามารถเช็ค voice message จาก
Internet
เชื่อมต่ อกับระบบ Wireless
Network ในองค์ กรได้
คอมพิวเตอร์ แบบพกพาเชื่อมต่ อ
Wireless Network และสามารถ
เป็ นส่ วนหนึ่งของระบบ IP Phone ได้
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology)
93
จบบทที1่
แบบฝึ กหัดบทที่ 1
1.
2.
3.
4.
5.
6.
ข้ อมูล (Data) แตกต่ างจากสารสนเทศ (Information) อย่ างไร
จงอธิบาย
จงอธิบายความหมายของคาศัพท์ ต่อไปนี ้
LAN, MAN, WAN, Cyberspace,Mainframe, Microcomputer
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) เกี่ยวข้ องกับ
เทคโนโลยีทางด้ านใดบ้ าง
จงยกตัวอย่ างของระบบการสื่อสารในชีวิตประจาวันพร้ อมทัง้ อธิบาย
องค์ ประกอบของระบบที่ยกตัวอย่ างมาพอสังเขป
จงอธิบายว่ าเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่ อตัวคุณและการ
ดาเนินชีวิตของคุณในด้ านใด และอย่ างไร
คุณคิดว่ าแนวโน้ มของเทคโนโลยี
ในอนาคตจะเป็
นไปในทิศทางใด 95
บทที่1 เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information
Technology)