ประวัติศาสตร์

Download Report

Transcript ประวัติศาสตร์

BASIC COMPUTER
-การติดต่ อสื่ อสารข้ อมูลและระบบเครือข่ าย
-อินเตอร์ เน็ต และแหล่งข้ อมูลออนไลน์ ความหลากหลายของ
การให้ บริการ การใช้ งานอีเมลล์
(The Internet, the Web, and Electronic Commerce)
รายวิชา 080154 คอมพิวเตอร์ เบือ้ งต้ น
(Basic Computer)
เนือ้ หา
 การติดต่ อสื่ อสารข้ อมูลและระบบเครือข่ าย
 อินเตอร์ เน็ต
 แหล่ งข้ อมูลออนไลน์ บริการบนอินเตอร์ เน็ต
 การใช้ งานอีเมลล์
การติดต่ อสื่ อสารข้ อมูลและระบบเครือข่ าย
การสื่ อสารข้ อมูล (DATA COMMUNICATION)
การรับ-ส่ ง โอน ย้าย หรือ แลกเปลีย่ นข้ อมูลและสารสนเทศระหว่ างอุปกรณ์ สื่อสาร
ต่ าง ๆ ผ่านสื่ อนาข้ อมูล ซึ่งจะเป็ นแบบใช้ สายหรือไม่ ใช้ สายก็ได้
องค์ ประกอบของการสื่ อสาร
 ผู้ส่งข้ อมูล หรื อ อุปกรณ์ ส่งข้ อมูล (Sender) คือ สิ่ งที่ทำหน้ำที่ส่งข้อมูลไปยัง
จุดหมำยที่ตอ้ งกำร
 ผู้รับข้ อมูล หรื อ อุปกรณ์ รับข้ อมูล (Receiver) คือ สิ่ งที่ทำหน้ำที่รับข้อมูลที่ผส
ู้ ่ง
ส่ งมำให้
 ช่ องทางสื่ อสาร (communication channel)
 อุปกรณ์ เชื่ อมต่ อ (connection device)
 การกาหนดรู ปแบบในการขนส่ งข้ อมูล (data transmission specification หรื อ
protocol) เป็ นกฎหรื อวิธีที่ถกู กำหนดขึ้นเพื่อกำรสื่ อสำรข้อมูล ซึ่ งทั้งผูส้ ่ งและ
ผูร้ ับต้องตกลงกันไว้ก่อน
 ข้ อมูล (Data) คือ สิ่ งที่ผส
ู ้ ่ งต้องกำรส่ งไปยังผูร้ ับ อำจจะอยูใ่ นรู ปของ ข้อควำม
เสี ยง ภำพเคลื่อนไหว และอื่น ๆ
องค์ ประกอบของการสื่ อสาร
ช่ องทางการสื่ อสาร (COMMUNICATION CHANNEL)

การสื่ อสารแบบมีสาย (Wired communication) เป็ นกำรสื่ อสำรที่จำเป็ นต้องอำศัยสำยไฟฟ้ ำ
หรื อสำยเคเบิลในกำรสื่ อนำข้อมูล เช่น สำยโทรศัพท์ สำยเคเบิลใยแก้วนำแสง

การสื่ อสารแบบไร้ สาย (Wireless communication) กำรสื่ อสำรที่ไม่จำเป็ นต้องอำศัยสำยไฟฟ้ ำ
หรื อสำยเคเบิลอื่นใดเป็ นสื่ อนำข้อมูล แต่อำศัยคลื่นสัญญำณแม่เหล็กไฟฟ้ ำ หรื อสัญญำณวิทยุ
เช่น ดำวเทียม โทรศัพท์มือถือ สัญญำณไมรโครเวฟ สัญญำณอินฟรำเรด
อุปกรณ์ เชื่อมต่ อ (CONNECTION DEVICE)
 โมเด็ม (MODEM) เป็ นอุปกรณ์ในกำรแปลงสัญญำณระหว่ำงสัญญำณ Digital d
กับ Analog ย่อมำจำกโมดูเลชัน-ดีโมดูเลชัน (Modulation Demodulation)
 โมเด็มแบบภำยนอก (External Modem)
 โมเด็มแบบภำยใน (Internal Modem)
 โมเด็มแบบภำยใน (PC Card)
 โมเด็มแบบไร้สำย (Wireless)
โปรโตคอล(PROTOCOL)
โปรโตคอล (Protocol) คือ กฎเกณฑ์ ข้อตกลง ภำษำสื่ อสำร รู ปแบบ วิธีกำร เชื่อมต่อในเครื อข่ำย
ให้สำมำรถติดต่อสื่ อสำร มีกำรใช้งำนร่ วมกันได้หลำกหลำย เช่น กำรกำหนดรู ปแบบกำรโอนย้ำย
ข้อมูล
ั “ภำษำ” กำรที่มนุษย์จะติดต่อสื่ อสำรกันให้เข้ำใจได้น้ นั ต้องผ่ำน
 โปรโตคอล อุปมำอุปไมยได้กบ
ทำงภำษำต่ำงๆ ไม่วำ่ จะเป็ น ไทย อังกฤษ จีน ฯลฯ ในขณะเดียวกันคอมพิวเตอร์ หรื ออุปกรณ์อื่นๆ
ถ้ำต้องกำรจะสื่ อสำรกันให้เข้ำใจ ก็ตอ้ งติดต่อกันผ่ำนทำงภำษำเช่นเดียวกัน ภำษำที่ใช้สำหรับกำร
ติดต่อระหว่ำงเครื่ องคอมพิวเตอร์หรื ออุปกรณ์อื่นๆ มีหลำกหลำยรู ปแบบ หำกใช้ภำษำคนละแบบ
กำรสื่ อสำรนัน่ ก็จะล้มเหลว หรื อ คุยกันไม่รู้เรื่ อง
 โปรโตคอลที่ ห ลำกหลำยรู ป แบบ สำเหตุ เ นื่ อ งมำจำกควำมหลำกหลำยทำงด้ำ นฮำร์ ด แวร์ แ ละ
ซอฟต์แวร์ เช่นเดียวกับมนุษย์ที่มีหลำกหลำยเชื้อชำติ

TCP/IP (Transmission control protocol/Internet protocol) คือ โปรโตคอลที่ใช้ งานในระบบ
อินเทอร์ เน็ต
Page 247
8-9
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (COMPUTER NETWORK)
 เครื อข่ำยคอมพิวเตอร์
(Computer Network) หมำยถึง กำร
เชื่ อมต่ อคอมพิวเตอร์ ต้ งั แต่ 2 เครื่ องขึ้ นไป เพื่ อแลกเปลี่ ยน
ข้อมูลและสำรสนเทศ และใช้ทรัพยำกรต่ำงๆร่ วมกัน
ประเภทของระบบเครือข่ าย
ประเภทของระบบเครื อข่ำย แบ่งตำมขนำดและระยะทำง
 เครื อข่ำย เฉพำะบุคคล (PAN-Personal Area Network)
 เครื อข่ำยเฉพำะที่ (LAN-Local Area Network)
 เครื อข่ำยระหว่ำงเมือง (MAN-Metropolitan Area Network)
 เครื อข่ำยระยะไกล (WAN-Wide Area Network)
PAN (PERSONAL AREA NETWORK)
 เป็ นระบบเครื อข่ำย ที่เชื่อมต่อระหว่ำงอุปกรณ์ของบุคคลใดๆ
เช่น พีดีเอ(PDA)
โน๊ตบุ๊ค(Notebook)
 มักเป็ นกำรเชื่อมต่อชัว่ ครำว เช่น อินฟำเรด(Infrared) บลูธูท(Bluetooth)
LAN (LOCAL AREA NETWORK)
 เครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ แบบท้องถิ่น
 ระยะทำงกำรเชื่อมต่อประมำณไม่เกิน 10 กิโลเมตร
 มีควำมเร็ วในกำรแลกเปลี่ยนข้อมูลสู ง
 มักใช้สื่อเป็ นแบบมีสำย (Wired communication)
 ใช้ในองค์กร สำนักงำน เช่น เครื อข่ำยภำยใน
มหำวิทยำลัย บริ ษทั เป็ นต้น
 สำมำรถเชื่อมต่อเครื อข่ำย ทั้งแบบอินเทอร์ เน็ต
และอินทรำเน็ตได้
MAN (METROPOLITAN AREA NETWORK)
 เครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ ขนำดใหญ่
 ระยะทำงกำรเชื่อมต่อประมำณ 50 กิโลเมตร
 ครอบคลุมพื้นที่อำณำบริ เวณทั้งตำบล หรื อ อำเภอ
 อำจเกิดจำกกำรเชื่อมต่อของ LAN
หลำยๆ เครื อข่ำย
WAN (WIDE AREA NETWORK)
 เครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ ขนำดใหญ่มำก
 ภำยในเครื อข่ำยประกอบด้วย LAN และ MAN
 พื้นที่ครอบคลุมทั้งประเทศ หรื อ ทัว่ โลก
WAN แบ่งเป็ น 2 ประเภท คือ
1. Public WAN
2. Private WAN
Internet เป็ นเครือข่ ายแบบ Public WAN
ขนาดและระยะทางของแต่ ประเภทเครือข่ าย
WIRELESS LAN (WLAN)
LAN : WLAN) หมำยถึง กำรติดต่อสื่ อสำร
ระหว่ำงเครื่ องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่ อง หรื อกลุ่มของเครื่ องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์
ต่ำงๆ สำมำรถสื่ อสำรกัน โดยปรำศจำกกำรใช้สำยสัญญำณในกำรเชื่อมต่อ เป็ นกำรใช้
คลื่นสัญญำณเป็ นช่องทำงกำรสื่ อสำรแทนกำรใช้สำย กำรรับส่ งข้อมูลระหว่ำงกันจะ
ใช้อำกำศเป็ นสื่ อ ทำให้ไม่ตอ้ งเดินสำยสัญญำณ กำรติดตั้งจึงทำได้สะดวกขึ้น
 ระบบเครื อข่ ายไร้ สาย (Wireless
WIRELESS LAN (WLAN)
ประโยชน์ การเชื่อมต่ อคอมพิวเตอร์
 กำรใช้ทรัพยำกร(Resource)
ร่ วมกัน คือ สำมำรถใช้อุปกรณ์ที่มีรำคำสู งร่ วมกันได้
ทำให้ประหยัดค่ำใช้จ่ำยด้ำนฮำร์ ดแวร์ ลงไปได้มำก เนื่ องจำกไม่ ตอ้ งมี อุปกรณ์
เหล่ำนี้ในทุกๆ จุด เช่น เครื่ องพิมพ์
 กำรใช้ไฟล์หรื อข้อมูลร่ วมกัน เป็ นกำรเข้ำถึ งข้อมูลและแบ่งปั นข้อมูลของเครื่ อง
คอมพิวเตอร์ เครื่ องใดก็ได้ที่เชื่อมต่อกัน โดยไม่ตอ้ งใช้แผ่นดิสก์หรื ออุปกรณ์เก็บ
ข้อมูลแบบอื่นช่วยในกำรโอนย้ำยข้อมูล
 ขยำยกำรใช้งำนบริ กำรต่ำงๆ
 สำมำรถใช้ซอฟต์แวร์ เดียวกันได้ (สิ ทธิ กำรใช้งำนแบบหลำยคนมักจะรำคำถูกกว่ำ
แบบสิ ทธิกำรใช้งำนคนเดียว)
 เอื้อให้เกิดกำรทำงำนร่ วมกันโดยไม่จำกัดเวลำและสถำนที่
อินเตอร์ เน็ต
(Internet)
ความเป็ นมาของอินเตอร์ เน็ต
 ปี 2500 เกิ ดโครงกำร Advanced
Research Projects Agency (ARPA)
หรื อ
เครื อข่ำยสำนักงำนโครงกำรวิจยั
 ปี
2512 เกิ ด ARPANET โดยมี วตั ถุ ประสงค์ในกำรเชื่ อมกำรติ ดต่อ ระหว่ำ ง
นักวิท ยำศำสตร์ ในที่ ต่ำงๆ และกำรใช้งำน ทรั พยำกรคอมพิ วเตอร์ ร่ วมกันโดย
เชื่อมโยงมหำวิทยำลัยต่ำงๆไว้ดว้ ยกัน ส่ ง e-mail ส่ งไฟล์ และทำกำรคำนวณทำง
วิทยำศำสตร์บนเครื่ องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
 ปี
2533 เกิ ดกำรสร้ ำงซอฟต์แ วร์ ซ่ ึ งช่ วยให้กำรใช้งำนอิ นเตอร์ เน็ ตเป็ นไปอย่ำง
ง่ำยดำย และเกิดบริ กำรอินเตอร์ เน็ตในเชิงพำณิ ชย์เช่นปั จจุบนั
อินเตอร์ เน็ตในประเทศไทย
เริ่ มต้นเมื่อปี 2529
 ใช้แพร่ หลำยในสถำบันกำรศึกษำต่ำงๆ
 เนคเทค (Nectec) พัฒนำโครงข่ำยไทยสำร ต่อมำจึงตั้งเป็ นผู ้
ให้บริ กำร อินเตอร์เน็ต (Internet Service Provider - ISP) ชื่อ
Internet Thailand
 ต่อมำ ได้มีเกิด ISP จำนวนมำกเช่น TOT, KSC, LoxInfo,
Asianet, True Internet, 3BB เป็ นต้น

ความหมายของอินเตอร์ เน็ต
อินเตอร์ เน็ต (Internet)
คือ เครื อข่ำยของเครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ต่ำง
ๆ ที่ เ ชื่ อมโยงกัน ประกอบด้ว ยเครื อ ข่ำย เช่ น กำรศึ ก ษำ
ธุ รกิ จ
หน่วยงำนรัฐ เป็ นต้น
อินเตอร์ เน็ต (Internet) เป็ นระบบเครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ ที่มีขนำดใหญ่
เครื่ องคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่ องทัว่ โลก สำมำรถติดต่อสื่ อสำรถึงกันได้
โดยใช้มำตรฐำน ในกำรรั บส่ งข้อมูลที่เป็ นหนึ่ งเดี ยว คือ โปรโตคอล
TCP/IP
WORLD WIDE WEB
 World
Wide Web (WWW) หรื อ Web(เว็บ) พื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่ำวสำรที่เชื่อมต่อกันทำง
อินเทอร์เน็ต
 เกิดขึ้นในปี 1992 โดยหน่วยงำน Center of European Nuclear Research (CERN)
มำตรฐำนหลักที่ใช้ในเว็บประกอบด้วย 3 มำตรฐำนหลักดังต่อไปนี้:
่ องเว็บเพจแต่ละหน้ำ
 Uniform Resource Locator (URL) มำตรฐำนที่ใช้กำหนดตำแหน่งที่อยูข
 HyperText Transfer Protocol (HTTP) ตัวกำหนดลักษณะกำรสื่ อสำรระหว่ำงเว็บเบรำว์เซอร์ และ
เซิร์ฟเวอร์
 HyperText Markup Language (HTML) ตัวกำหนดลักษณะกำรแสดงผลของข้อมูลในเว็บเพจ
องค์กร World Wide Web Consortium (W3C) พัฒนำและดูแลระบบมำตรฐำนหลัก และมำตรฐำน
อื่นๆ ที่ใช้กนั ในเวิลด์ไวด์เว็บ
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต
 จดหมำยอิเล็กทรอนิ กส์ (E-mail : Electronic mail)
 กำรถ่ำยโอนแฟ้ มข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol)
 เทลเน็ต (Telnet)
 เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW)
 เว็บบอร์ ด (Web board)
 บริ กำรสนทนำออนไลน์
(Instant Messaging)
 ค้นหำข้อมูลทำงอินเทอร์ เน็ต (Search Engine)
 ธุ รกิจกำรซื้ อขำย (E-commerce)
 สังคมออนไลน์ (Social network)
 ฯลฯ
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต (ต่ อ)
ประเภทกำรให้บริ กำรบนอินเตอร์เน็ต
 Communication(กำรสื่ อสำร) เป็ นกิจกรรมที่นิยมกันมำกที่สุด เช่น กำร
ส่ งอีเมล์ กำรสนทนำ สร้ำงเว็บเพจส่ วนตัวให้บุคคลอื่นๆเข้ำชม
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต (ต่ อ)
 Shopping(กำรเลือกซื้ อสิ นค้ำ) สำมำรถเข้ำเว็บไซด์เพื่อชมสิ นค้ำบน
อินเตอร์เน็ต ที่เรี ยกว่ำ Cybermall และสัง่ ซื้อ
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต (ต่ อ)
 Searching(กำรค้นหำข้อมูล) กำรให้บริ กำรค้นหำข้อมูลหรื อข่ำวสำรต่ำงๆ
บนอินเตอร์เน็ต ค้นหำบทควำมหรื ออ่ำนเอกสำรที่สนใจเหมือนกับกำรหำ
ข้อมูลในห้องสมุด ที่เรี ยกว่ำ ห้องสมุดเสมือน(Virtual Library)
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต (ต่ อ)
 E-Learning(กำรศึกษำผ่ำนสื่ ออิเล็กทรอนิ กส์)
การให้ บริการบนอินเตอร์ เน็ต (ต่ อ)
 Electronic commerce (กำรพำณิ ชย์อิเล็กทรอนิ กส์) เป็ นกำรซื้ อขำยสิ นค้ำ
บนอินเตอร์เน็ต เช่น E-Banking e-Auction E-Payment กำรจองตัว๋
เครื่ องบิน
INTERNET ACCESS (กำรเข้ำถึงอินเตอร์เน็ต)
กำรเชื่อมต่อเครื่ องคอมพิวแตอร์เข้ำกับระบบของ ผูใ้ ห้บริ กำรอินเตอร์เน็ต
ซึ่งเรี ยกว่ำ Internet Service Provider(ISP)
 Internet Service Providers (ISP)
 National (ครอบคลุมทั้งประเทศ)
 Regional (ให้บริ กำรบำงพื้นที่)
 Wireless service providers (กำรให้บริ กำรแบบไร้สำย)

BROWSER (เบรำวเซอร์)
โปรแกรมที่ช่วยให้ เข้ำไปใช้ทรัพยำกรต่ำงๆบนเว็บ และ กำรท่อง
อินเตอร์เน็ต (Surf)
่ องเว็บไซด์ที่ตอ้ งกำร
 กำรเข้ำใช้งำนอินเตอร์ เน็ตได้ จะต้องทรำบที่อยูข
เข้ำชม กำรกำหนดที่อยูข่ องเว็บโวด์ เรี ยกว่ำ Uniform Resource Location
(URL)

เช่น
http://www.su.ac.th
URL
 Uniform Resource Locator (URL)
ประกอบด้วยสองส่ วน
 Protocol
(โปรโตคอล)
 Domain name (โดเมนเมน)
โดเมนเนม และ หมายเลขไอพี
 โดเมนเนม(Domain Name)
ควำมหมำยโดยทัว่ ไป คือ ชื่อที่ใช้ในกำรอ้ำงอิงเพื่อไปยัง Website ต่ำงๆ ที่อยู่
บนเครื อข่ำยอินเตอร์เน็ต ชื่อที่ใช้ตอ้ งเป็ นชื่อที่ไม่ซ้ ำกันในโลก
 หมายเลขไอพี(IP address)
IP address คือ หมำยเลขซี่งบ่งบอกถึงเครื่ องคอมพิวเตอร์บนระบบ
เครื อข่ำย ตัวอย่ำง IP address เช่น 202.44.135.15
สำเหตุที่ตอ้ งใช้โดเมนเนมแทนหมำยเลขไอพี
 ยำกที่จะจำหมำยเลข IP ของแต่ละเครื่ อง
 ใช้ชื่อจำได้ง่ำยกว่ำเช่น www.su.ac.th www.google.com
 ตัวอย่ำง Domain เช่น .biz, .com, .edu, .gov, .net, .org, .th
โดเมนเนม
โดเมนเนม
 โครงสร้ำงชื่อของโดเมนเนม เป็ นลักษณะแบบลำดับชั้น(hierarchical structure) คือร
ทำกำรแบ่งคอมพิวเตอร์ ออกเป็ นกลุ่ม แต่ละกลุ่มเรี ยกว่ำโดเมน(Domain) ในแต่ละ
โดเมนก็แบ่งออกเป็ นกลุ่มย่อยได้อีก เรี ยกว่ำ sub domain และในแต่ละกลุ่มย่อยก็
สำมำรถแบ่งต่อออกไปเป็ นกลุ่มย่อยได้อีกจนกว่ำจะพอใจ ตัวอย่ำงชื่อโดเมนใน
ระดับบนสุ ด
.com กลุ่มคอมพิวเตอร์ ในหน่วยงำนประเภทธุรกิจหรื อหน่วยงำนเอกชน
.gov กลุ่มคอมพิวเตอร์ ในหน่วยงำนภำครัฐบำล
.edu กลุ่มคอมพิวเตอร์ ในหน่วยงำนกำรศึกษำ
.org กลุ่มคอมพิวเตอร์ ในหน่วยงำนหรื อองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร
.net กลุ่มคอมพิวเตอร์ ในหน่วยงำนที่เป็ น network operator หรื อ provider
โดเมนเนม
ถ้ำชื่อโดเมนในระดับบนสุ ดยำวแค่สองหลักหมำยถึงประเทศ เช่น
.th หมำยถึงกลุ่มคอมพิวเตอร์ ในประเทศไทย
.uk หมำยถึงกลุ่มคอมพิวเตอร์ ในประเทศสหรัฐรำชอำณำจักร
ตัวอย่ำงชื่อโดเมน เช่น มหำวิทยำลัยศิลปำกร www.su.ac.th
.th หมำยถึง คอมพิวเตอร์ น้ ีอยูใ่ นโดเมนประเทศไทย
.ac หมำยถึง คอมพิวเตอร์ น้ ีอยูใ่ นซับโดเมนกำรศึกษำ(แต่ตอ้ งอยูใ่ นประเทศไทย)
.su หมำยถึง มหำวิยำลัยศิลปำกร
www.finearts.go.th
www.cmu.edu
โดเมนเนม
ลักษณะของหน่ วยงาน
ธุรกิจกำรค้ำ
สถำบันกำรศึกษำ
หน่วยงำนของรัฐ
หน่วยงำนทำงทหำร
หน่วยงำนเกี่ยวกับเครื อข่ำย
หน่วยงำนไม่หวังผลกำไร
สหรัฐอเมริกา
.com
.edu
.gov
.mil
.net
.org
ประเทศไทย
.co
.ac
.go
.mi
.ne
.or
ไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์
(Electronic Mail or E-mail)
คาศัพท์ ในการส่ ง E-MAIL
ที่อยูท่ ำงอีเมล์ คล้ำย ๆ กับที่อยูท่ ี่จ่ำหน้ำบนซอง
จดหมำยทัว่ ๆ ไป [email protected]
 Inbox
ที่สำหรับเก็บจดหมำยที่มีผสู ้ ่ งเข้ำมำ
 Outbox
ที่เก็บจดหมำยที่กำลังจะส่ งออกไปหำผูอ้ ื่น
 Sent Items
ที่เก็บจดหมำยที่ได้เคยส่ งออกไปหำผูอ้ ื่นแล้ว
 Delete Items ที่เก็บจดหมำยที่ได้ทำกำรลบทิ้งจำก Inbox แต่ยงั เก็บสำรอง
ไว้อยู่
 Drafts
ที่เก็บจดหมำยสำหรับใช้เก็บชัว่ ครำว
 Address Book สมุดรำยชื่อของอีเมล์ต่ำง ๆ ที่สำมำรถเก็บไว้ เพื่อให้
นำมำใช้งำนได้ง่ำยขึ้น
 E-mail Address
คาศัพท์ ในการส่ ง E-MAIL
 Compose / New Mail
เป็ นกำรสร้ำงอีเมล์ใหม่
 Reply
กำรส่ งตอบจดหมำยกลับไปยังผูส้ ่ ง
 Forward
กำรส่ งต่อเมล์ที่เปิ ดอ่ำนทั้งต้นฉบับ
 To:
บุคคลที่จะส่ งจดหมำยไปให้
 Cc: (Carbon Copy)
เป็ นกำรส่ งเมล์ให้กบั ผูร้ ับหลำยๆ คน โดยที่ทุกคนทรำบ
ว่ำจดหมำยฉบับนี้ถูกทำสำเนำเพื่อที่จะส่ งให้ผรู้ ับหลำยคน
ั ผูร้ ับหลำย ๆ คนโดยที่ทุกคนไม่ทรำบว่ำ
 Bcc: (Blind Carbon Copy) เป็ นกำรส่ ง mail ให้กบ
จดหมำยฉบับนี้ ถูกทำสำเนำเพื่อที่จะส่ งให้ผรู้ ับหลำยคน
 Subject
หัวข้อของอีเมล์ที่เรำจะเขียนหรื อส่ งออกไป
 Attach
กำรแนบไฟล์เอกสำร หรื อโปรแกรมต่ำง ๆ ไปกับอีเมล์ฉบับนั้น
 Address book
สมุดเก็บรำยชื่อและที่อยูข่ องบุคคลต่ำงๆที่เรำต้องกำรติดต่อ
จุดเด่ นของไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์ (E-MAIL)
จุดเด่ นของไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์
 ควำมรวดเร็ ว
 ควำมประหยัด
 ไม่จำกัดระยะทำง
ข้ อควรระวังของไปรษณีย์อเิ ล็กทรอนิกส์ (E-Mail)
 อำจมีไวรัสมำพร้อมกับเอกสำรที่ส่งมำ
 ถ้ำเครื อข่ำยล่ม ทำให้กำรส่ งหรื อรับข้อมูลล้มเหลว
 ถ้ำข้อมูลใน mail box เต็มก็ไม่สำมำรถรับข้อมูลอื่นได้
มารยาทในการส่ งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
ในกำรเขียนจดหมำยอิเล็กทรอนิกส์ ระมัดระวังในเรื่ องของชื่ อและ
คำนำหน้ำ เนื้อหำที่และถ้อยคำที่ใช้ตอ้ งเหมำะสม ไม่หยำบคำย หรื อทำให้
ผูอ้ ื่นได้รับควำมเสี ยหำย เมื่อได้รับจดหมำยแล้วควรพิจำรณำเนื้อหำ และ
ควำมหมำยของถ้อยคำอย่ำงรอบคอบเพื่อประโยชน์ในกำรรับข้อมูลข่ำวสำร
การใช้ งาน E-MAIL
 การใช้ งานแบบ Web base
Web Base Mail เช่น อีเมล์ของ hotmail.com yahoo.com หรื อ gmail.com ซึ่ ง
หำกต้องกำรใช้งำนอีเมล์เหล่ำนี้ จะต้องใช้งำนโดยผ่ำนทำงเว็บบรำวเซอร์ เท่ำนั้น
ข้ อดี คือ สำมำรถใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ที่ไหนเปิ ดอ่ำนอีเมล์น้ นั ก็ได้ โดยกำรเข้ำไปที่หน้ำเว็บไซต์น้ นั
ไม่ตอ้ งทำกำรตั้งค่ำต่ำงๆ ให้ยงุ่ ยำกแต่อำจจะช้ำและเสี ยเวลำนำนในกำรอ่ำนหรื อรับส่ งอีเมล์ และไม่
จำเป็ นต้องใช้โปรแกรมต่ำง ๆ ในกำรอ่ำนหรื อรับส่ งอีเมล์
เช่น
http://netserv.su.ac.th
http://www.gmail.com
http://www.yahoo.com
http://www.hotmail.com
E-MAIL ADDRESS
แถบที่อยู่(Address bar)
แถบเครื่องมือ(Tool bar)
กรอบด้ านซ้ าย
แถบชื่อ(Title bar)
กรอบด้ านซ้ าย
ส่ วนประกอบต่ างๆในหน้ าจอ INTERNET EXPLORER
 แถบชื่อ(Title bar)
แสดงชื่อเว็บเพจที่เรี ยกดู และชื่อโปรแกรม และถ้ำขณะนั้น
ไม่ได้เชื่อมต่ออินเตอร์ เน็ตจะมีสถำนะคือ [Working Offline] ต่อท้ำยด้วย
 แถบเมนู(Menu bar) คือ แถบคำสั่งหลักๆ เมือคลิกจะเห็นคำสั่งย่อยออกมำ
 แถบเครื่ องมือ(Tool bar) หรื อ “ทูลบำร์ ” เป็ นแถบของปุ่ มเครื่ องมือซึ่ งใช้บ่อยๆ
 แถบที่อยู(่ Address bar) แสดงตำแหน่งหรื อแอดเดรสของเว็บเพจ
 แถบสถำนะ(Status bar) แสดง URL ของลิงค์ที่เมำส์ช้ ีอยู่ URL ที่กำลังติดต่อดึง
ข้อมูล หรื อบำงครั้งก็แสดงควำมคืบหน้ำในกำรดึงข้อมูลของทั้งเพจ
 กรอบด้ำนซ้ำย ส่ วนแสดงผลที่สลับกันใช้ที่ละอย่ำงระหว่ำง Favorite History
 กรอบด้ำนขวำ เป็ นส่ วนที่แสดงหน้ำเว็บเพจ
ปุ่ ม หรือ ไอคอน ต่ างๆ บนหน้ าจอ INTERNET EXPLORER
ย้อนกลับไปแสดงเว็บเพจที่เรี ยกดูก่อนหน้ำนี้
กลับไปแสดงเว็บเพจที่ดูอยูก่ ่อนใช้ปุ่ม back
หยุดกำรโหลดเว็บเพจที่กำลังแสดง
ให้โหลดเว็บเพจที่กำลังแสดงอีกครั้ง
ให้แสดงเว็บเพจที่กำหนดไว้เป็ นเพจเริ่ มต้น
ใช้หำข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตจำกเว็บไซด์ที่ให้บริ กำร เช่น Google, Yahoo,
Live Search
Favorites แสดงรำยชื่อและ URL ของเว็บเพจที่เคยเข้ำไปดู แล้วสัง่ บันทึกเก็บไว้
รวมถึงรำยละเอียดอื่นๆ ด้วย เช่น วันที่และเวลำ
Mail
ใช้เรี ยกคำสัง่ ต่ำงๆที่เกี่ยวข้องกับอีเมล์
Print
ใช้พิมพ์เว็บเพจที่กำลังแสดงนี้ออกทำงเครื่ องพิมพ์
Back
Forward
Stop
Refresh
Home
Search
ระบบสื่ อสารไร้ สาย WI-FI
Wi-Fi ย่อมำจำก Wireless Fidelity
Wi-Fi คือ องค์กรหนึ่งที่ทำกำรทดสอบผลิตภัณฑ์ของ
Wireless LAN หรื อระบบ Network แบบไร้สำย ด้วย
เทคโนโลยีกำรสื่ อสำรภำยใต้มำตรฐำน IEEE 802.11
* IEEE ย่อมำจำก Institute of Electrical and Electronics Engineers
ระบบสื่ อสารไร้ สาย WIMAX
WiMAX เป็ นชื่อเรี ยกเทคโนโลยีไร้สำยรุ่ นใหม่ล่ำสุ ดที่คำดหมำยกันว่ำ จะถูกนำมำใช้งำน
ในอนำคตอันใกล้น้ ี โดย WiMAX เป็ นชื่อย่อของ Worldwide Interoperability for Microwave
Access ซึ่งเป็ นเทคโนโลยี บรอดแบนด์ไร้สำยควำมเร็วสูงรุ่ นใหม่ ที่ถูกพัฒนำขึ้นมำบน
มำตรฐำน IEEE 802.16
ระบบสื่ อสารไร้ สาย WIMAX
จุดเด่ นของ WiMAX




ส่ งกระจำยสัญญำณในลักษณะจำกจุดเดียวไปยังหลำยจุด (Point-to-multipoint) ได้พร้อมๆ กัน
สำมำรถทำงำนได้แม้กระทัง่ มีสิ่งกีดขวำง เช่น ต้นไม้ หรื อ อำคำรได้เป็ นอย่ำงดี
สำมำรถขยำยเครื อข่ำยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้กว้ำงขวำงด้วยรัศมีทำกำรถึง 31 ไมล์ หรื อ
ประมำณ 48 กิโลเมตร
มีอตั รำควำมเร็วในกำรรับส่ งข้อมูลสูงสุ ดถึง 75 Mbps
ยุคของระบบสื่ อสารของโทรศัพท์
ยุคเริ่ มต้นของระบบสื่ อสำรของโทรศัพท์ถูกเรี ยกว่ำ 1G หรื อในชื่อเต็ม ๆ คือ First
Generation ซึ่งใช้กำรส่ งสัญญำณแบบอะนำล็อก โดยใช้คลื่นควำมถี่ระหว่ำง 800 ถึง
900MHz
หลังจำกนั้นจึงได้มีกำร
พัฒนำต่อยอดเทคโนโลยีที่ใช้กบั 1G
ให้มีสมรรถนะสูงขึ้น โดยมีกำรเพิ่มเทคโนโลยี
FDMA (frequency division multiple access) เข้ำไป
ซึ่งก็จะทำให้สำมำรถเปลี่ยนกำรส่ งสัญญำณ
แบบอะนำล็อกเดิมไปเป็ นดิจิตอลได้
2G
เข้ าสู่ ยุคของ 2G
ก่อนที่ 2 G ได้มียคุ 1.5G ซึ่งเป็ นรอยต่อระหว่ำง 1G และ 2 G คือกำรส่ งข้อมูล
แบบอะนำล็อก ไปเป็ นดิจิตอล แต่กลับไม่ได้พดู ถึงกันมำกนัก พอเทคโนโลยีเริ่ มก้ำว
กระโดดมำกขึ้น ยุคของ 2G จึงเข้ำมำแทนที่ จำกข้อมูลที่เป็ นเสี ยงเพียงอย่ำงเดียว
ก็สำมำรถส่ งดำต้ำไปได้ดว้ ย ยุคของ 2G ถือเป็ นรู ปแบบ กำรส่ งข้อมูล
แบบดิจิตอลอย่ำงแท้จริ ง ซึ่งระบบโทรศัพท์
ในยุคดิจิตอลจะให้เสี ยงที่คมชัดกว่ำเดิมมำก
\
2.5G
ปัจจุบนั ในบ้ำนเรำเป็ นยุคของ 2.5G
เทคโนโลยีของ 2.5G เหมือนเป็ นสะพำน
เชื่อมต่อไปสู่ ยคุ หน้ำที่ระบบสื่ อสำรมีควำมเร็ วสู งขึ้น
จะเรี ยกว่ำเป็ นลูกครึ่ งระหว่ำง 2G และ 3G ก็ยงั ได้
2.5G
สาหรับเทคโนโลยี 2.5G ทีม่ ใี ช้ อยู่ตอนนีก้ ค็ อื

GPRS : (General Packet Radio Service) เป็ นกำรจัดสรรช่องทำงสื่ อสำร
อย่ำงชำญฉลำด แต่ควำมเร็ วที่ได้น้ นั ค่อนข้ำงต่ำคือ ประมำณ 170 Kbps

EDGE : (Enhanced Data Rates for Global Evolution) ได้ถกู พัฒนำขึ้น
มำจำกระบบพื้นฐำนของ GPRS มีควำมเร็ วในกำรสื่ อสำรถึง 384 kbps
3G
ก่อนจะมำถึงยุค 3G เรำก็ยงั มี 2.75G ในยุคนี้กเ็ ป็ นแค่กำรพัฒนำปรับปรุ ง คุณภำพ
GPRS ให้มีควำมเร็ วในกำรรับ-ส่ งข้อมูลได้สูงขึ้น เท่ำนั้น
ปัจจุบันเครือข่ าย 3G ถูกบ่ งออกเป็ น 3 มาตรฐานหลักด้ วยกันคือ
CDMA 2000
TD-SCDMA
UMTS (W-CDMA)
3G
คุณสมบัติและความสามารถของ 3G








ใช้คลื่นควำมถี่ 2 กิกะเฮิรตซ์
สำมำรถเชื่อมต่อเข้ำสู่ เครื อข่ำยได้ตลอดเวลำ
สำมำรถส่ งข้อมูลที่เป็ นมัลติมีเดียได้
รองรับกำรใช้งำนประเภทดิจิตอลคอนเทนต์
มีควำมเร็ วในกำรสื่ อสำรสู งสุ ด 2Mbps
สำมำรถทำโรมมิง (roaming) ได้ทวั่ โลก
สนทนำแบบเห็นหน้ำ
Etc.
4G
คานิยาม Hybrid Network
4G นั้นในเรื่ องของควำมเร็ วนั้นเหนือกว่ำ 3G มำก คือทำควำมเร็ วในกำรสื่ อสำรได้ถึง
ระดับ 20-40 Mbps
ความโดดเด่ นของ 4G คือ
ออกแบบมำเพื่อกำรใช้งำนบนเครื อข่ำยที่
กินพื้นที่กว้ำงก็ได้หรื อจะทำเป็ น
เครื อข่ำยขนำดย่อม ๆ แบบ
WLAN ได้อีกด้วย