Transcript พันธะเคมี 1
พันธะเคมี 1 http://www.youtube.com/watch?v=yjge1WdCFPs&feature=related http://www.youtube.com/watch?v=QqjcCvzWwww การเกิดพันธะ • การให้ อิเล็กตรอนแก่ธาตุอื่น • การรับอิเล็กตรอนจากธาตุอื่น • การใช้ อิเล็กตรอนร่วมกัน พันธะเคมีเกิดจาก แรงดึงดูดระหว่ างอิเล็กตรอนกับโปรตอนในนิวเคลียส แรงยึดเหนี่ยว • ภายในโมเลกุล ได้ แก่ พันธะโลหะ พันธะไอออนิก พันธะโควาเลนต์ • ระหว่างโมเลกุล ได้ แก่ พันธะไฮโดรเจน แรงดึงดูดระหว่างขัว้ แรงลอนดอน ระหว่างโมเลกุล ภายในโมเลกุล พันธะโลหะ • ได้ แก่ โลหะทุกชนิด เช่น ทองแดง ทองคา เงิน เป็ นต้ น • เกิดจากโลหะจ่ายอิเล็กตรอน ทาให้ อิเล็กตรอนเคลื่อนที่บนแท่งโลหะ ประจุลบของอิเล็กตรอนเข้ าใกล้ ประจุบวกตัวใดก็จะเกิดแรงดึงดูดขึ ้น สมบัติของพันธะโลหะ • จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมาก เพราะเป็ นแรงดึงดูดระหว่างประจุทางไฟฟ้า • นาไฟฟ้าได้ ดีมากทุกทิศทาง เมื่ออุณหภูมิสงู ขึ ้นจะนาได้ น้อยลง และไม่นา ไฟฟ้าเมื่ออยูใ่ นสภาวะแก็ส • ตีเป็ นแผ่นบางๆได้ เพราะมีกลุม่ เวเลนซ์อิเล็กตรอนทาหน้ าที่ยึดอนุภาคไว้ • สะท้ อนแสงได้ เพราะอิเล็กตรอนอิสระจะดูดและคายแสงออกมา • เรี ยกหน่วยที่เล็กที่สดุ ว่า “อะตอม” พันธะไอออนิก • เกิดระหว่างโลหะกับอโลหะ ยกเว้ น Be กับ B • โลหะจ่ายอิเล็กตรอนเป็ นประจุบวก และอโลหะรับอิเล็กตรอนเป็ น ประจุลบเกิดแรงดึงดูดกัน เป็ น พันธะไอออนิก IE (Ionization Energy) • คือ พลังงานอย่างน้ อยที่ดงึ อิเล็กตรอนให้ หลุดจากอะตอม ในสภาวะแก็ส EA (Electron Affinity) • คือ พลังงานที่คายออกมา เพื่อรับอิเล็กตรอนให้ เข้ าไปอยู่ ภายในอะตอมในสภาวะแก็ส สมบัติของสารประกอบไอออนิก • จุดเดือด จุดหลอมเหลวสูงมากแต่ต่ากว่าพันธะโลหะ • จะนาไฟฟ้าได้ เมื่อหลอมเหลวหรื อละลายน ้า • หน่วยที่เล็กที่สดุ เรี ยกว่า “ไอออน” การอ่ านชื่อสารประกอบไอออนิก สารประกอบธาตุคู่ ถ้าสารประกอบเกิดจาก ธาตุโลหะที่มีไอออน ได้ชนิดเดียวรวมกับอโลหะ ให้อ่านชื่อโลหะที่เป็ นไอออนบวก แล้วตามด้วยชื่อธาตุอโลหะที่เป็ นไอออนลบ โดยเปลี่ยนเสี ยง พยางค์ทา้ ยเป็ น ไอด์ (ide) สารประกอบธาตุสามหรื อมากกว่า ถ้าสารประกอบเกิดจากไอออน บวกของโลหะ หรื อกลุ่มไอออนบวกรวมตัวกับกลุ่มไอออนลบ ให้ อ่านชื่อไอออนบวกของโลหะหรื อชื่อกลุ่มไอออนบวก แล้วตามด้วย กลุ่มไอออนลบ การละลายน้า สารประกอบไอออนิกที่ละลายนา้ ได้ • สารประกอบของโลหะหมู่ 1 ทุกตัว • สารประกอบของแอมโมเนียมไอออนทุกตัว • สารประกอบของไนเตรททุกตัว • สารประกอบของคลอเรตทุกตัว • สารประกอบของเปอร์ คลอเรตไอออน ยกเว้ น KClO4 • สารประกอบของแอซีเตตทุกตัว ยกเว้ น CH3COOAg สารประกอบไอออนิกที่ไม่ ละลายนา้ • เป็ นสารประกอบที่เกิดจากโลหะหมู่ 2 กับ CO32- SO32- PO43- • เป็ นสารประกอบที่เกิดจากอโลหะหมู่ 7 กับ Ag+ Hg 2+ Pb2+ • เป็ นสารประกอบที่เกิดจากโลหะทุกชนิดกับ S2- OH- O2- พลังงานกับการเกิดสารประกอบไอออนิก (Born-Harbor cycle) 1. พลังงานการระเหิด = Heat of Sublimation ; S 2. พลังงานการสลายพันธะ = Dissociation Energy ; D or bond enthalpy 3. พลังงานไอออไนเซชั่น = Ionization Energy ; IE 4. พลังงานสัมพรรคภาพอิเล็กตรอน = Electron Affinity ; EA 5. พลังงานโครงผลึกหรื อพลังงานแลตทิซ = Lattice Energy พลังงานในการเกิดพันธะไอออนิก (บอนฮาเบอร์ ) พลังงานการละลาย การละลายน ้าของสารประกอบไอออนิก จะเกิดขึ ้นตามขันตอนดั ้ งนี ้ 1. มีการดูดพลังงานเข้ าไปเพื่อสลายโครงร่างผลึก พลังงานนี ้เรี ยกว่า พลังงานโครงร่างผลึก (พลังงานแลตทิซ) 2. เกิดการสร้ างพันธะกับน ้า โดยจะคายพลังงานออกมา พลังงานนี ้เรี ยกว่า พลังงานไฮเดรชัน่ การเขียนสมการไอออนิก • เขียนเฉพาะส่วนที่เป็ นไอออนหรื อโมเลกุลของสารทาปฎิกิริยากันเท่านัน้ • ถ้ าสารที่เกี่ยวข้ องในปฎิกิริยาเป็ นสารที่ไม่ละลายในน ้าหรือไม่แตกตัวเป็ น ไอออนหรื อเป็ นออกไซด์หรื อเป็ นก๊ าซให้ เขียนสูตรของสารนันในสมการได้ ้ • ดุลสมการไอออนิกโดยทาจานวนอะตอมและไอออนของทุกธาตุ พร้ อมทังดุ ้ ล ประจุทงซ้ ั ้ ายและขวาของสมการให้ เท่ากัน พันธะโควาเลนต์ • เกิดจากธาตุเอาเวเลนซ์อิเล็กตรอนมาใช้ ร่วมกัน • เป็ นสารที่เกิดจาก อโลหะกับอโลหะ รวมทัง้ Be กับ B - เช่น Cl2 หรื อ Cl Cl พันธะเดี่ยว O2 หรื อ O=O พันธะคู่ N2 หรื อ N พันธะสาม N • ความยาวพันธะ พันธะเดี่ยว > พันธะคู่ > พันธะสาม • พลังงานพันธะ พันธะสาม > พันธะคู่ > พันธะเดี่ยว (สาหรับอะตอมของธาตุคเู่ ดียวกัน) สมบัติของโมเลกุลโควาเลนต์ •จุดเดือด จุดหลอมเหลวต่า •จะนาไฟฟ้าได้ ถ้ามีขวั ้ •หน่วยที่เล็กที่สดุ เรี ยกว่า “โมเลกุล” การอ่ านชื่อโมเลกุลโควาเลนต์ • ต้ องอ่านเลขอะตอมของธาตุแต่ละธาตุด้วยภาษากรี ก ดังนี ้ • 1 = mono • 2 = di • 3 = tri • 4 = tetra • 5 = penta • 6 = hexa • 7 = hepta • 8 = octa • 9 = nona • 10 = deca CO2 “Carbondioxide” การเขียนสู ตรแสดงพันธะของโมเลกุลโคเวอเลนต์ • สารที่มีจานวนแขนมากที่สดุ สารนันต้ ้ องเป็ นอะตอมกลาง • โดยแบ่งเป็ น สูตรแบบเส้ น และ สูตรแบบจุด