Transcript Document
หน่วยที่ 2 อนุพนั ธ์และการประยุกต์ อ.ภิรมย์ คงเลิศ เรื่องที่ 2.1.2 สูตรเบื้องต้น สาหรับการหาอนุพนั ธ์ สูตร 1 กาหนดให้ f(x) = c เมื่อ d (c) dx c เป็ นค่าคงตัว =0 ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั f(x) = 9 แล้ว วิธีทา เนื่องจาก 9 เป็ นค่าคงตัว ดังนั้น d จากสูตร 1 จะได้ว่า (9) dx =0 สูตร 2 n กาหนดให้ f(x) = x เมื่อ n เป็ นจานวนจริงใด ๆ d n แล้ว ( x ) = nxn-1 dx ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั f(x) = x3 วิธีทา 3 x จาก f(x) = เมื่อเทียบกับสูตร 2 แล้วจะได้ n ดังนั้น d 3 ( x ) = 3x3-1 dx 2 = 3x =3 สูตร 3 กาหนดให้ f(x) = cg (x) เมื่อ c เป็ นค่าคงตัว d แล้ว d (cg ( x )) = c ( g ( x)) dx dx ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั f(x) = 3 10x วิธีทา จากสูตร 3 จะได้ว่า d ( f ( x )) dx = = = = d 3 (10 x ) dx d 3 10 ( x ) dt 10(3x 30x 2 31 ) สูตร 4 สูตรอนุพนั ธ์ผลรวม กาหนดให้ f(x) = u(x) + v(x) เมื่อ u และ v เป็ นฟั งก์ชนั ของ x ที่สามารถหาอนุพนั ธ์ได้ แล้ว d d d (u ( x)) + ( f ( x)) = (v( x)) dx dx dx สูตร 5 สูตรอนุพนั ธ์ผลต่าง กาหนดให้ f(x) = u(x) - v(x) เมื่อ u และ v เป็ นฟั งก์ชนั ของ x ที่หาอนุพนั ธ์ได้ แล้ว d d d (u ( x)) ( f ( x)) = (v( x)) dx dx dx ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั 5 4 2 f(x) = 4x + 3x – 8x + 3 วิธีทา จาก ดังนั้น d ( f ( x)) dx f(x) = 5 4 2 4x + 3x – 8x + 3 = d d d 4 5 2 ( 3 x ) ( 8 x ) (4 x ) dx dx dx + - + d (3) dx = d 5 4 (x ) dx + d 4 d 2 3 (x ) 8 (x ) dx dx - + d (3) dx = (4)(5x ) + (3)(4x ) - (8)(2x) + 0 4 = 20x 4 + 3 12x 3 - 16 x สูตร 6 สูตรอนุพนั ธ์ผลคูณ กาหนดให้ f(x) = u(x)v(x) เมื่อ u และ v เป็ นฟั งก์ชนั ของ x ที่หาอนุพนั ธ์ได้ แล้ว d d d ( f ( x)) = u ( x) (v( x)) + v( x) (u ( x)) dx dx dx ตัวอย่าง 3 2 จงหาอนุพนั ธ์ของ f(x) = (2x + 1) (x + 4) วิธีทา จากสูตร 6 โดยกาหนดให้ และ จาก d ( f ( x)) dx = u(x) = 2 v(x) = x + 4 d u ( x) (v( x )) dx 3 2x + 1 d + v( x) dx (u ( x)) = + d d d d = (2x 1)( dx ( x ) dx (4)) + (x 4)( dx (2x ) dx (1)) = (2x 1)(2x 0) + (x 4)(6x 0) = (2x 1)(2x) + (x 4)(6x ) = (4x 2x) +(6x 24x ) = 10x 24x 2x d ( x 4) (2 x 3 1) dx d 2 (2 x 1) ( x 4) dx 2 3 3 2 2 3 2 3 2 2 3 4 4 4 2 2 2 สูตร 7 สูตรอนุพนั ธ์ผลหาร u(x) กาหนดให้ f(x) = v(x) เมื่อ u และ v เป็ นฟั งก์ชนั ของ x ที่สามารถหา อนุพนั ธ์ได้ และ v(x) 0 แล้ว d ( f ( x)) dx = d d v( x) (u ( x)) u ( x) (v( x)) dx dx 2 v( x) ตัวอย่าง 3 2x จงหาอนุพนั ธ์ของ f(x) = 3 2x วิธีทา จากสูตร 7 โดยกาหนดให้ u(x) = 3 – 2x และ v(x) = 3 + 2x จาก d ( f ( x)) dx = d d v( x) (u ( x)) u ( x) (v( x)) dx dx 2 v( x) d ( f ( x)) dx = d d (3 2 x) (3 2 x) (3 2 x) (3 2 x) dx dx 3 2 x 2 = d d d d (3 2 x)( (3) (2 x)) (3 2 x)( (3) (2 x)) dx dx dx dx 3 2 x 2 = (3 2 x)(0 2) (3 2 x)(0 2) 3 2 x 2 = (3 2 x)(2) (3 2 x)(2) = 6 4x 6 4x = 3 2 x 2 3 2 x 2 12 3 2 x 2 เรื่องที่ 2.1.3 กฎลูกโซ่ ถ้ากาหนดให้ y = f(u) โดยที่ u = g(x) แล้ว dy = dx dy du du dx พิจาณาการหาอนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั y = x 1 2 จาก y = x 1 2 กาหนดให้ y=f(u)= u และ u=g(x)= x 1 2 dy dy du จากกฏลูกโซ่ = dx du 1dx = = = 1 2 ( u )(2 x) 2 1 1 2 ( x 1) 2 (2 x) 2 x x2 1 ; u = x 1 2 ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของ y = 2 2 วิธีทา จาก y = ( x 1) 2 กาหนดให้ y = u โดยที่ ( x 2 1) 2 ซึ่งจะได้ dy du = 2u และ u=x du dx 2 1 = 2x จาก กฎลูกโซ่ dy dx = dy du du dx = (2u).(2x) = 4ux dy จะได้ = 4( x 2 1) x dx 2 = 4 x( x 1) = 4x 4x 3 สูตร 7 n กาหนดให้ f(x) = (u(x)) เมื่อ n เป็ นค่าคงตัว แล้ว d d n n 1 du ( f ( x)) = (u ) = nu dx dx dx เรื่องที่ 2.1.4 อนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั อดิศยั 1) อนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั ลอการิทึม ถ้ากาหนดให้ u = f(x) เป็ นฟั งก์ชนั ที่สามารถ หาอนุพนั ธ์ได้ และ b > 0 สูตรที่ 8 d ( log u) = b dx สูตรที่ 9 d dx . (ln u) = 1 du u ln b dx 1 du u dx ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของ วิธีทา f(x) = log3 (5x 2 2x) จาก f(x) = log3 (5x 2x) 2 กาหนดให้ u = 5 x 2 x 2 จะได้ว่า f(x) = log3 u ดังนั้น จะได้ d ( f ( x)) dx d ( f ( x)) dx = d (log 3 u ) dx = 1 du u ln 3 dx = d 1 2 (5 x 2 2 x) (5 x 2 x) ln 3 dx = 1 10x 2 2 (5 x 2 x) ln 3 = 10x 2 2 ln 3(5 x 2 x) 2) อนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั เอกซ์โปเนนเชียล สูตรที่ 10 d dx u (e ) สูตรที่ 11 d dx u (a ) = = du u (e ) dx du u a ln a dx ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของ f(x) = 5e วิธีทา f(x) = 5e กาหนดให้ u = 2 x u จะได้ว่า f(x) = 5e จาก 2x 2x ดังนั้น จะได้ d d ( f ( x)) = (5e u ) dx dx d u = 5 (e ) dx u du = 5e dx d 2x d ( f ( x)) = 5e (2 x) dx dx = 5e (2) = 10e 2 x 2x 3) อนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั ตรีโกณมิติ สูตรที่ 12 สูตรที่ 13 สูตรที่ 14 du d sin u cos u dx dx d du cos u sin u dx dx d du 2 tan u sec u dx dx สูตรที่ 15 สูตรที่ 16 สูตรที่ 17 d du 2 cot u cos ec u dx dx d du sec u sec u tan u dx dx d du cos ecu cos ec u cot u dx dx ตัวอย่าง จงหาอนุพนั ธ์ของ f ( x) sin 2 x cos3x วิธีทา จาก f (x) d ( f ( x)) dx = = = = = sin 2 x cos 3x d d (sin 2 x) (cos 3 x) dx dx d d (cos 2 x) (2 x) ( sin 3x) (3x) dx dx (cos2 x)(2) ( sin 3x)(3) 2 cos 2 x 3 sin 3x เรื่องที่ 2.1.5 อนุพนั ธ์อนั ดับสูง อนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั f(x) d ซึ่งเขียนแทนด้วย dx (f (x)) หรือ f´(x) ซึ่งเรียกว่า อนุพนั ธ์อนั ดับ หนึ่งของฟั งก์ชนั f(x) และถ้า f´(x) เป็ นฟั งก์ชนั ที่สามารถหาอนุพนั ธ์ได้ เราจะเรียกอนุพนั ธ์ของฟั งก์ชนั f´(x) ว่า อนุพนั ธ์อนั ดับสองของฟั งก์ชนั f(x) ซึ่งเขียน 2 d แทนด้วย ( f ( x)) หรือ f ´´(x) d(x) และเรียกอนุพนั ธ์ของ f ´´(x) ว่า อนุพนั ธ์อนั ดับ3 สามของฟั งก์ชนั f(x) ซึ่งเขียน d แทนด้วย ( f ( x)) หรือ f ´´´(x) d(x) โดยการหาอนุพนั ธ์เช่นนี้ต่อไปเรือ่ ยๆ ก็จะได้อนุพนั ธ์อนั ดับสูงของฟั งก์ชนั f(x) y = f(x) สัญลักษณ์สาหรับอนุพนั ธ์อนั ดับสูงของ dy อนุพนั ธ์อนั ดับหนึ่ง : y´, f ´(x), dx d y อนุพนั ธ์อนั ดับสอง : y´´, f ´´(x), dx d y อนุพนั ธ์อนั ดับสาม : y´´´, f ´´´(x), dx (4) (4) อนุพนั ธ์อนั ดับสี่ : y , f (x),d y dx (n) (n) d y อนุพนั ธ์อนั ดับ n : y , f (x) , dx 2 2 3 3 4 2 n n ตัวอย่าง f(x) = 2x3– 5x + 7 จงหา f(x) วิธีทา จาก f(x) = 2x3– 5x + 7 d d 3– 5x + 7) (2 x f(x) = dx (f (x)) = dx ถ้ากาหนดให้ = d d d 3 (5x) + (2x ) – (7) dx dx dx 2 6x – 5 + 0 = 2 = 6x – 5 d (f´ (x)) f(x) = d(x) d d 2 = (6x ) + (5) dx dx = 12x x d = (6 2 – 5) dx เรื่องที่ 2.1.6 อนุพนั ธ์โดยปริยาย พิจารณา 2 x + 2 y = 25 y y 5 y= 25 x 2 -5 -5 5 5 x x -5 y 25 x 2 จาก x y 25 จัดให้อยูใ่ นรูปของฟั งก์ชนั โดยปริยาย จะได้ x2 + y2 - 25 = 0 d 2 d 2 ( x y 25) = ( 0) 2 2 dx dx d d 2 d 2 d ( 0) ( x ) ( y ) (25) = dx dx dx dx dy 2 x (2 y ) 0 = 0 dx x dy = y dx ตัวอย่าง จงหา dy dx ของ x 4x y 12 0 2 2 วิธีทา จาก x 4x y 12 0 2 2 d 2 2 ( x 4 x y 12) dx d 2 d d 2 d ( x ) (4 x) ( y ) (12) dx dx dx dx dy 2 x 4 (2 y ) 0 dx = d ( 0) dx = 0 = 0 dy (2 y) dx dy dx = - 2x-4 ( x 2) = y เรื่องที่ 2.2.1 ค่าต ่าสุด ค่าสูงสุด และความเว้าของฟั งก์ชนั บทนิยาม 2.2.2 ฟั งก์ชนั f(x) มีค่าต ่าสุดสัมพัทธ์ที่จดุ c1 เมื่อ f(c1) f(x) สาหรับทุกค่าของ x บนช่วง (a, b) ฟั งก์ชนั f(x) มีค่าสูงสุดสัมพัทธ์ที่จดุ c2 เมื่อ f(c2) f(x) สาหรับทุกค่าของ x บนช่วง (a, b) และเรียกค่าสูงสุดสัมพัทธ์หรือค่าต ่าสุดสัมพัทธ์ ของฟั งก์ชนั ว่า ค่าสุดขีดสัมพัทธ์ ฟั งก์ชนั f(x) มีค่าต ่าสุดสัมบูรณ์ที่จดุ c3 เมื่อ f(c3) f(x) สาหรับทุกค่าของ x บนโดเมน ฟั งก์ชนั f(x) มีค่าสูงสุดสัมบูรณ์ที่จดุ c4 เมื่อ f(c4) f(x) สาหรับทุกค่าของ x บนโดเมน และเรียกค่าสูงสุดสัมบูรณ์หรือค่าต ่าสุดสัมบูรณ์ ของฟั งก์ชนั ว่า ค่าสุดขีดสัมบูรณ์ ค่าต ่าสุดและค่าสูงสุดของฟั งก์ชนั บทนิยาม 2.2.3 เราเรียก c ว่า ค่าวิกฤต (critical value) ของ f ถ้า f ´(c) = 0 หรือ f´(c) หาค่าไม่ได้ และเรียก (c,f(c)) ว่าจุดวิกฤตของ f ตัวอย่าง กาหนดให้ f(x) = x2-6x+10 จงหาค่าวิกฤตของ f(x) f(x) = x 2- 6x + 10 f (x) = 2x-6 f (x) = 0 เพื่อหาค่าวิกฤต f (x) = 2x-6 = 0 x=3 แสดงค่า x = 3 เป็ นค่าวิกฤต วิธีทา จาก จะได้ กาหนดให้ จะได้ว่า สามารถวาดกราฟของ f(x) = x2-6x+10 ได้คร่าวๆ ดังนี้ เรื่องที่ 2.2.2 การประยุกต์ค่าต ่าสุด และค่าสูงสุด 1. อ่านโจทย์ให้ละเอียดและทาความเข้าใจ สถานการณ์ของโจทย์ ซึ่งอาจจะวาดภาพ ประกอบ ถ้าเป็ นไปได้ 2. กาหนดตัวแปรและสร้างฟั งก์ชนั ของตัวแปร เดียวจากโจทย์ และหาค่าของตัวแปรที่ทาให้ ฟั งก์ชนั ให้ค่าต ่าสุดหรือสูงสุด 3. ดาเนินการตามขั้นตอนในการหาค่าต ่าสุด หรือค่าสูงสุดของฟั งก์ชนั ที่ได้จากข้อ 2 โดย การหาค่าวิกฤตของฟั งก์ชนั ตัวอย่าง ต้องการทากล่องกระดาษแบบไม่มีฝารูป สี่เหลี่ยมจัตรุ สั ยาว 20 นิ้ว โดยตัดมุมทั้งสี่ออกเป็ น รูปสี่เหลี่ยมจัตรุ สั เล็กๆ ถ้าต้องการให้กล่องที่ได้มี ปริมาตรมากที่สุด จะต้องตัดมุมออกเป็ นรูป สี่เหลี่ยมจตุรสั ขนาดด้านละเท่าใด วิธีทา 1. สามารถวาดภาพคร่าวๆ ได้ดงั นี้ 2. กาหนดตัวแปรและสร้างฟั งก์ชนั ของตัวแปร เดียวจากโจทย์ และหาค่าของตัวแปรที่ทาให้ ฟั งก์ชนั ให้ค่าต ่าสุดหรือสูงสุด กาหนดให้ x แทน ความยาวของด้านของสี่เหลี่ยม จตุรสั ของมุมที่ตอ้ งการตัดออก V แทนปริมาตรของกล่อง ซึ่งมีค่า กว้าง x ยาว x สูง จากภาพจะพบว่า กล่องที่ตอ้ งการมี ความกว้าง = 20-2x ความยาว = 20-2x ความสูง = x จากสูตรการหาปริมาตรของกล่อง (V) เท่ากับ ความกว้าง x ความยาว x ความสูง 2 ดังนั้นจะได้ V =x(20 2x) ; 0 < x < 10 = = 400x 80x 4x d = dx (400 x 80 x 4x = 400 160x 12x x(400 80x 4x 2 ) 2 จะได้ dV dx 3 2 2 3 ) 3. ดาเนินการตามขั้นตอนในการหาค่าต ่าสุดหรือ ค่าสูงสุดของฟั งก์ชนั ที่ได้จากข้อ 2 โดยการหา ค่าวิกฤตของฟั งก์ชนั กาหนดให้ dV dx = 0 เพื่อต้องการหาค่าวิกฤต (x) ที่ทาให้กล่องมีปริมาตรมากที่สุด จะได้ว่า =0 100 40x 3x = 0 (3x 10)(x 10) = 0 10 x = 10, 3 400 160x 12x 2 2 10 ดังนั้นจะต้องตัดมุมออกด้านละ นิ้ว 3 เรื่องที่ 2.2.3 กฏโลปิ ตาล เมื่อพิจารณาฟั งก์ชนั บางฟั งก์ชนั เช่น f(x) = ln x x 1 มาหาค่าลิมิตเมื่อ x 1 จากความรูท้ ี่ได้เรียนมา ในหน่วยที่ 1 จะพบว่า เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่า ln x lim มีค่าหรือไม่ x 1 x 1 ln x lim x 1 x 1 นั้นมีค่า แต่ยงั ไม่สามารถตอบได้ในทันที เนื่องจาก เมื่อพิจารณาลิมิตของตัวเศษของฟั งก์ชนั ดังกล่าว มีค่าเท่ากับ 0 และลิมิตของตัวส่วนฟั งก์ชนั ก็มีค่าเท่ากับ 0 เช่นกัน เราจะเรียกรูปแบบของลิมิตดังกล่าวว่า รูปแบบยังไม่กาหนด (Indeterminate Forms) รูปแบบยังไม่กาหนดมีท้งั หมด 7 รูปแบบด้วยกัน 0 นั ่นคือ , , 0 , , 00 , 0 ,1 0 1. รูปแบบ 2. 2 x 4 0 เช่น lim 0 x2 x 2 รูปแบบ ln x เช่น lim x x 3. รูปแบบ0 เช่น lim x (csc x ) x0 4. รูปแบบ 5. รูปแบบ 0 0 6. รูปแบบ 0 7. รูปแบบ 1 1 1 เช่น lim x x x0 เช่น lim x x x0 1 เช่น lim x x x 1 เช่น lim (x 1) x x0 กฏโลปิ ตาล ให้ f และ g เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องและหาอนุพนั ธ์ ได้บนช่วง (a, b) ที่มี c อยู่ โดยที่ g ( x) 0 สาหรับทุกค่า x (a, b) ยกเว้นที่ x c ถ้า lim f ( x ) 0 lim g ( x ) x c หรือ x c lim f ( x ) lim g ( x ) xc xc f ( x) และ lim หาค่าได้ แล้ว x c g ( x) f ( x) f ( x) lim lim x c g ( x ) x c g ( x ) กฏโลปี ตาลยังใช้ได้เมื่อ หรือ x หรือ x c หรือ x c x รูปแบบยังไม่กาหนดแบ่งออกเป็ น 3 กลุ่ม 1. รูปแบบยังไม่กาหนด 0 0 และ 0 0 ในการหาค่าลิมิตของฟั งก์ชนั ที่มีรูปแบบ และ นั้น สามารถใช้กฎโลปี ตาลมาคานวณหา 0 โดยถ้าผลลัพธ์ที่ได้ยงั อยูใ่ นรูปแบบ และ 0 อีกก็สามารถใช้กฏโลปี ตาลต่อไปได้เรือ่ ยๆ ตัวอย่าง จงหา x2 4 lim x2 x 2 วิธีทา สามารถแก้ปัญหาโจทย์ได้ 2 วิธีคือ วิธีที่ 1 แยกตัวประกอบ x2 4 lim x2 x 2 = lim x 2 x2 = ( x 2)( x 2) lim x2 x2 4 วิธีที่ 2 ใช้กฏโลปิ ตาล 2 x 4 และ g(x) กาหนดให้ f(x) = 2 จะพบว่า lim x 4 x2 = 0 และ lim x 2 0 ทาให้ได้ว่า x2 x2 4 0 อยูใ่ นรูปแบบ lim 0 x2 x 2 = =x–2 จาก กฏโลปิ ตาล f (x) lim g(x ) xa จะได้ว่า = x2 4 lim x2 x 2 f ( x ) lim g ( x ) xa = ; g(x) 0 2x lim 1 x2 = lim 2x x2 = 2(2) = 4