20131226138805235286

Download Report

Transcript 20131226138805235286

Bits Thailand
ธนเสฏฐ์ วงศ์รงั สิพล (แมน)
[email protected]
081-3040229
Field:ข้ อมูลประเภทเดียวกัน
Field Field
Field
Field
Field
Field
Record:ข้ อมูลชุดเดียวกัน
Record
Record
Record
Record
Record
Record
Record
ลักษณะเด่ นของMicrosoft Excel
เป็ นโปรแกรมที่เด่ นทางด้ านการ
คานวณและการสร้ างกราฟ
วิเคราะห์ ข้อมูล เช่ น ช่ วยเรี ยงลาดับ
ข้ อมูล กรองข้ อมูลจานวนมาก
การเข ้าสูโ่ ปรแกรม
Microsoft Excel
•Click ที่ เมนู Start Program
•เลือก Microsoft Excel
Title Bar:
Standard ToolBar:
Menu Bar:
Formatting
Toolbar
Column Heading :หัวข้อมูลแนวตั้ง
Formula bar:
แถบแสดงสูตร
Cell Pointer:ตำแหน่งกรอกข้อมูล
Row Heading : หัวข้อมูลแนวนอน
Sheet Tab :ป้ำยชีต
Work Sheet :
พื้นที่ทำงำน
Status Bar : บรรทัดสถำนะ
Task Pane:
คำสั่งเพิ่มเติม
องค์ประกอบของหน ้าจอ
•Title Bar เป็ นแถบแสดง
ื่ ของโปรแกรม
รายชอ
•Menu Bar เป็ นชุดคาสงั่ ที่
ใชจั้ ดการกับงาน
องค์ประกอบของหน ้าจอ
• Standard Toolbar เป็ น
เครือ
่ งมือหลักทีใ่ ชจั้ ดการกับ
งาน
• Formatting Toolbar เป็ น
เครือ
่ งมือใชจั้ ดรูปแบบ
การเปลีย
่ นภาษา Menu Bar
• Click Start Menu
• Click Programs
• Click Microsoft Office Tools
• Click Microsoft Office Language
Settings
• เลือกภาษาทีต
่ ้องการ
การใชปุ่้ มปรับขนาด Window
• ปุ่ ม
Minimize ย่ อ Window และแสดงชื่อของ
Window ที่ Taskbar
• ปุ่ ม Restore ลดขนาด Window ให้ เท่ าเดิม
• ปุ่ ม
Maximize ขยายขนาดให้ เต็มจอ
• ปุ่ ม
Close จะปิ ด Window ที่ทางานอยู่
องค์ประกอบของหน ้าจอ(ต่อ)
• Formatting Toolbar เป็ นเครือ
่ งมือ
้
ทีใ่ ชในการตกแต่
งเอกสาร
• Formula Bar เป็ นแถบแสดงสูตร
หรือข ้อมูลทีอ
่ ยูภ
่ ายใน Cell
• Task Pane หน ้าต่างควบคุมการ
ทางาน
การจัดการกับเครือ
่ งมือ Toolbar
• Click เมนู View, Toolbar,
Customize
• Click เครือ
่ งหมายถูกหน ้า
เครือ
่ งมือทีต
่ ้องการ
• Click Close
ตารางแผ่นงาน
• Column
: การมองตารางตามแนวตัง้
• Column Heading :
หัวของตารางตามแนวตัง้
• Row : การมองตารางตามแนวบรรทัด
• Row Heading :
หัวของบรรทัดตามแนวนอน
การเลือกข้อมูล
การเลือกเซลดียว
•
คลิก Name Box / กรอกเซล
•
Edit / Go to หรือกด F5
เลือกต่อเนือ
่ งก ัน
•
กด Shift +   หรือ
•
กด CTRL+ Shift +Arrow
เลือกไม่ตอ
่ เนือ
่ งก ัน
•
กด CTRL + คลิกเลือกข้อมูล
เลือกทงหมด
ั้
กด CTRL + A
หลักการคานวณ
• เริ่ มต้ นการคานวณให้ พิมพ์เครื่ องหมาย
=
• ให้ ใช้ ตาแหน่ง Cell แทนค่าคงที่
กำรเคลื่อนย้ำยเซลพอยน์เตอร์




End

Ctrl

Ctrl
Home


กำรเคลื่อนย้ำยเซลพอยน์เตอร์
Tab
Shift
Tab
Enter
Shift
PgUp
Enter
PgDn
กำรเคลื่อนย้ำยเซลพอยน์เตอร์
Ctrl
PgUp
Ctrl
PgDn
กำรป้อนข้อมูล
• ป้อนทีละเซล
• ใช้ AutoFill
• ทำช่วงข้อมูลก่อนป้อน
ป้อนข้อมูลทีละเซล
เซลที่จะป้อน
• พิมพ์ข้อมูล
• นำข้อมูลลงสู่เซล (Enter)
• ยกเลิกไม่นำข้อมูลลงสู่เซล (ESC)
• Activate
ป้อนข้อมูลด้วย AutoFill
• ป้อนข้อมูลที่ Excel ไม่รู้จัก
• ป้อนข้อมูลที่ Excel รู้จัก
• ป้อนข้อมูลตัวเลขอนุกรม
ทำช่วงข้อมูลก่อนป้อน
• เลือกเซลทีต
่ ้องกำรป้อนทั้งหมด
• เคลือ
่ นย้ำยเซลพอยน์เตอร์ด้วย
Enter, Shift+Enter หรือ
Tab, Shift+Tab
• นำข้อมูลลงสูเ่ ซลด้วย Ctrl+Enter
กำรกำหนดเลือกช่วงข้อมูล
• ใช้เมำส์ลำกให้เกิดพื้นที่สเี ข้ม
• ใช้ Shift ร่วมกับกำรเคลือ
่ นย้ำย
เซลพอยน์เตอร์
• ใช้ F8
ลักษณะของช่วงข้อมูล
• เซลมุมซ้ำยบน:เซลมุมขวำล่ำง เช่น
B1:D10
ลาดับการคานวณ
( ) วงเล็บ
^ ยกกาลัง
* คูณ, / หารเอาเศษ,
+ บวก, - ลบ
กำรกำหนดสูตร
• ขึ้นต้นด้วยเครื่องหมำย
=
• ใช้ค่ำของเซลแทนค่ำ
ตัวเลข
ตัวอย่ำงลำดับกำรคำนวณ
2^2+1 = 4+1 =5
2^(2+1) = 2^3
4^1/2
= 4/2
=8
=2
4^(1/2) = 4^0.5 =2
Function พืน้ ฐาน
=SUM
=MAX
=MIN
=COUNT
=AVERAGE
( Cell เริ่มต้ น
:Cell สุดท้ าย )
ฟังก์ชันสถิติพื้นฐำน
SUM(ช่วงข้อมูล)
AVERAGE(ช่วงข้อมูล)
COUNT(ช่วงข้อมูล)
MAX(ช่วงข้อมูล)
MIN(ช่วงข้อมูล)
STDEVP(ช่วงข้อมูล)
VARP(ช่วงข้อมูล)
หำผลรวมตัวเลข
หำค่ำเฉลีย
่
นับจำนวนข้อมูล
หำค่ำมำกทีส
่ ด
ุ
หำค่ำน้อยทีส
่ ด
ุ
ค่ำเบีย
่ งเบนมำตรฐำน
หำค่ำควำมแปรปรวน
กำรคัดลอกสูตรคำนวณ
• Copy, Paste
• AutoFill
• Fill Down
• Ctrl+Enter
กำรอ้ำงอิงค่ำของเซล
• Relative Reference
A1, B12, IV300
• Absolute Reference (F4)
$A1
A$1
$A$1
Number:ตัวเลข,Date/Time,สกุลเงิน
Alignment:จัดตำแหน่ง
กำรจัดรูปแบบเซล
1.Format / Cell
Font:จัดแบบอักษร
Border:จัดเส้นกรอบตำรำง
Patternt:ใส่สีพื้น
Protection:ป้องกันเซล
จัดรูปแบบด้วยเครื่องมือ
จัดรูปแบบตัวเลขโดยกำหนดเอง
[Blue]#,##0.00;[Red](-#,##0)
[Blue]#,##0.00;[Red](-#,##0);[Green]”zero”
[Blue]#,##0.00 "baht"
จัดรูปแบบวันที่/เวลำโดยกำหนดเอง
่ 0๕
ว = ว ัน เชน
่ ธ ันวาคม
ด = เดือน เชน
่ ๒๕๔๗
ป = ปี เชน
่ 2547
B = ปี เชน
d = วัน เช่น 05
m = เดือน เช่น December
y = ปี เช่น 2004
Function
ที่มีเงื่อนไขเข้ ามาเกี่ยวข้ อง
=IF(Criteria, Value if True,
Value if False)
สามารถกาหนดเงื่อนไขได้ สูงสุด 7 เงื่อนไข
Criteriaเงื่อนไข
Value if Trueค่ าที่ได้ ถ้าเป็ น
จริงตามเงื่อนไข
Value if False ค่ าที่ได้ ถ้า
ไม่ เป็ นไปตามเงื่อนไข
Function
ทีม
่ เี งือ
่ นไขเข ้ามาเกีย
่ วข ้อง
=IF(เงือ
่ นไข, ค่าผลลัพธ์เมือ
่ เงือ
่ นไข
เป็ นจริง, ค่าผลลัพธ์เมือ
่ เงือ
่ นไขเป็ น
เท็จ)
ื้ รถยนต์,ซอ
ื้ มอเตอร์ไซค์)
=ถ ้า(ถูกรางวัลที่ 1,ซอ
กรณี 2 ผลลัพธ์
คะแนน < 50
จริง
เกรด F
เท็จ
เกรด P
=IF(C5<50,”F”,”P”)
กรณี 3 ผลลัพธ์
คะแนน < 50
จริง
เกรด F
เท็จ
คะแนน < 70
จริง
เกรด P
เท็จ
เกรด G
=IF(C5<50,”F”,IF(C5<70,”P”,”G”))
คะแนน < 50
จริง
เท็จ
จริง
เท็จ
จริง
คะแนน < 60
คะแนน < 70
เท็จ
คะแนน < 80
จริง
เกรด F
เกรด D
เกรด C
เกรด B
เท็จ
เกรด A
กรณี 4 ผลลัพธ์
Function DateDif(คานวณหาวัน เดือน ปี )
=DateDif(วันเริ่มต้ น,วันสิน้ สุด,”สิ่งที่ต้องการ
หา วัน เดือน ปี ” )
เช่ น DateDif(A2,B2,”y”) = หาปี
DateDif(A2,B2,”ym”) = หาเดือน
DateDif(A2,B2,”md”) = หาวัน
Function ที่มีเงื่อนไขเข้ ามาเกี่ยวข้ อง
(ข้ อมูลที่ใช้ ค้นหา,
ตารางข้ อมูล,คอลัมน์ ของข้ อมูล
ผลลัพธ์ ,ค้ นหาแบบประมาณ)
0 ค้ นหาแบบค่ าแท้ จริง
1 ค้ นหาแบบประมาณ
=VLOOKUP
Function ที่มีเงื่อนไขเข้ ามาเกี่ยวข้ อง
(ข้ อมูลที่ใช้ ค้นหา, ตาราง
ข้ อมูล,ต้ องการคาตอบจากRow ที่เท่าไหร่
มาแสดงค่า,ค้ นหาแบบประมาณ)
0 ค้ นหาแบบค่าแท้ จริ ง
1 ค้ นหาแบบประมาณ
=HLOOKUP
Error Message
#NAME?
#REF!
#DIV/0!
#N/A
#VALUE!
#NUM!
ถูกต้อง
ชื่อฟังก์ชัน
กำรอ้ำงอิง
กำรหำรด้วย 0
Not Available
คำนวณค่ำไม่ได้
กำรอ้ำงอิงค่ำของเซลไม่
IsError
ตรวจสอบว่ำข้อมูลเป็น Error
Message หรือไม่ ให้ผลลัพธ์เป็น
ค่ำจริงเท็จ (Boolean)
IsError(ข้อมูล)
Function อื่นๆ
=BahtText(Cellที่ต้องการอ่ าน)
Function อื่นๆ
=Rank( Cellที่จัดเรี ยง, ช่ วงข้ อมูล
เปรี ยบเทียบ, การจัดเรี ยง)
0 เรียงตัวเลขมากขึน้ ก่ อน (Default)
1 เรียงตัวเลขน้ อยขึน้ ก่ อน
ฟั งก์ ชันในการนับ
• COUNT
• COUNTA
• COUNTBLANK
• COUNTIF
ฟั งก์ ชัน COUNT
เป็ นฟั งก์ชนั ที่ใช้ นบั เฉพาะตัวเลขที่อยู่
ในช่วงที่กาหนด
รูปแบบ
COUNT(ช่วงข้ อมูล)
เช่น COUNT(A1:B5)
COUNTA
เป็ นฟั งก์ชนั ที่ใช้ นบั ทังข้
้ อความและตัวเลขที่
อยูใ่ นช่วงที่กาหนด
รูปแบบ
COUNTA(ช่วงข้ อมูล)
เช่น COUNTA(A1:B5)
COUNTBLANK
เป็ นฟั งก์ชนั ที่ใช้ นบั เฉพาะเซลว่างอยูใ่ นช่วงที่
กาหนด
รูปแบบ COUNTBLANK(ช่วง
ข้ อมูล)
เช่น
COUNTBLANK(A1:B5)
COUNTIF
เป็ นฟั งก์ชนั ที่ใช้ นบั เฉพาะที่เป็ นไปตาม
เงื่อนไข
รูปแบบ COUNTIF(ช่วงข้ อมูล,เงื่อนไข)
เช่น COUNTIF(A1:B5,”หญิง”)
LARGE
เป็ นฟั งก์ชนั ที่ใช้ นบั ค่าสูงสุดปแบบ
COUNTIF(ช่วงข้ อมูล,เงื่อนไข)
เช่น COUNTIF(A1:B5,”หญิง”)
Error Message
#NAME?
#REF!
#DIV/0!
#N/A
#VALUE!
#NUM!
ถูกต้อง
ชื่อฟังก์ชัน
กำรอ้ำงอิง
กำรหำรด้วย 0
Not Available
คำนวณค่ำไม่ได้
กำรอ้ำงอิงค่ำของเซลไม่
Conditional Formatting
Format เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง
กำหนดเงื่อนไขได้ 2 วิธีดังนี้
1. ใช้ค่ำของเซลทีต
่ ้องกำร Format เป็นข้อมูล
เปรียบเทียบในเงื่อนไข
(Cell Value Is)
2. ใช้ค่ำของเซลอืน
่ เป็นข้อมูลเปรียบเทียบใน
เงื่อนไขหรือเปรียบเทียบข้อมูลในเซลทีจ
่ ะ
Format นั้นกับสูตรคำนวณ (Formula Is)
Conditional Formatting
32,500.00
ไม่ต้องทำ
อะไรกับ H2
ไม่จริง
H2 >= 500,000
จริง
เปลี่ยนสี
ตัวอักษรให้
H2
องค์ประกอบของเงื่อนไข
ค่ำของเซล
ใดๆ
Cell value is
•เซลทีจ
่ ะตบแต่ง
•เซลอืน
่ ๆ
Formula is
Operators
=
<>
>
>=
<
<=
ข้อมูล
เปรียบเทียบ
•ค่ำคงทีใ
่ ดๆ
•ค่ำเซลใดๆ
•ผลลัพธ์ของ
สูตร
ปัญหำโจทย์
1.
ผู้จัดกำรต้องกำรทรำบว่ำ แผนกใดใช้จ่ำยมำกทีส
่ ุด
และแผนกนั้น ใช้จ่ำยเงินเกินงบหรือไม่
(ใช้ Exercise 21)
2.
ผู้จัดกำรต้องกำรทรำบว่ำ เดือนใดใช้จ่ำยมำกทีส
่ ุด
และเดือนใดใช้จ่ำยงบประมำณน้อยทีส
่ ุด
(ใช้ Exercise 22)
SumIf
หำผลรวมแบบมีเงื่อนไข
SumIf(ช่วงข้อมูลที่จะ
เปรียบเทียบกับข้อมูล
เงื่อนไข,ข้อมูลเงื่อนไข,
ข้อมูลที่จะหำผลรวม)
Timevalue
เปลี่ยนค่ำเวลำที่เป็น Text ให้
เป็นเวลำในเอกเซล
Timevalue(“h:mm”)
Table Analysis
ใช้หำค่ำของผลลัพธ์ที่เกิดจำก
ควำมสัมพันธ์ของตัวแปร
อิสระ
เมื่อตัวแปรอิสระไม่เกิน 2 ตัว
เปลี่ยนแปลงไป
Scenarios
กำรจำลองภำพเหตุกำรณ์เพื่อหำ
ค่ำของผลลัพธ์ เมื่อตัวแปรอิสระ
เปลี่ยนแปลงไป
โดยสำมำรถกำหนดควำม
เปลี่ยนแปลงให้กับตัวแปรอิสระ
ได้สูงถึง 32 ตัวแปร
Solver
ค้นหำค่ำเป้ำหมำย ซึ่งอำจจะมีได้สำม
ลักษณะคือ
1. ค่ำมำกที่สุด
2. ค่ำน้อยทีส
่ ุด
3. ค่ำที่เหมำะสม
ภำยใต้เงื่อนไขข้อจำกัดของ
ทรัพยำกร
Linear Programming(LP)
• สมกำรเป้ำหมำย
(Objective Function)
• สมกำร/อสมกำร
ข้อจำกัด(Constraints
Function)
สมกำรเป้ำหมำย/ข้อจำกัด
ไม้สัก
100
โต๊ะ(X)
ตู้(Y)
16
12
ไม้แดง กำไร
80
8
16
250
200
สมกำรเป้ำหมำย 250X+200Y
ข้อจำกัด 1 คือ 16X+12Y<=100
ข้อจำกัด 2 คือ 8X+16Y<=80
Solver
•
•
•
•
Set Taget Cell
Equal to
By Changing Cells
Subject to the
Constraints
Array Function
{ ฟั งก์ชน
ั }
• Shift+Ctrl+Enter
TRANSPOSE
ใช้เปลี่ยนข้อมูลจำกแนวบรรทัดเป็น
แนวคอลัมน์ หรือจำกแนวคอลัมน์
เป็นแนวบรรทัด
TRANSPOSE(ข้อมูล)
MMULT
ใช้สำหรับคูณเมทริกซ์
MMULT(เมทริกซ์)
กำรคูณเมทริกซ์(1)
เงื่อนไขในกำรคูณ
1. จำนวนคอลัมน์ของตัวตั้งต้องเท่ำกับ
จำนวนแถวของตัวคูณ
2. เมทริกซ์ทเี่ ป็นผลลัพธ์มข
ี นำดเท่ำกับ
จำนวนแถวของตัวตั้ง*จำนวน
คอลัมน์ของตัวคูณ
กำรคูณเมทริกซ์(2)
(2*3)+(-1*1)+(3*2) 6-1+6
2 -1 3
3
0
11
2
X
4 2 0
1
=
14
4
2
2
(2*0)+(-1*4)+(3*2) 0-4+6
8
MINVERSE
ใช้สำหรับหำอินเวอร์สเมทริกซ์
(เมทริกซ์*อินเวอร์สเมทริกซ์=
เมทริกซ์เอกลักษณ์)
MINVERSE(เมทริกซ์)
MDETERM
ใช้หำค่ำดีเทอร์มิแนนท์ของ
เมทริกซ์ (ใช้ในกำรแก้
สมกำร)
MDETERM(เมทริกซ์)
FREQUENCY
ใช้สำหรับนับจำนวน
ข้อมูลที่อยู่ในช่วงที่
กำหนด
FREQUENCY(ข้อมูล)
ฟังก์ชันฐำนข้อมูล
•
•
•
•
DSUM
DAVERAGE
DCOUNT
DSTDEVP
DMIN
DMAX
ฟังก์ชันฐำนข้อมูล
DSUM(ฐำนข้อมูล,ฟิลด์ที่
ต้องกำรกระทำ,เงื่อนไข)
ฟิลด์ที่ต้องกำรกระทำ
• ชื่อฟิลด์ เช่น “Salary”
• หมำยเลขของฟิลด์ เช่น 8
• ค่ำของเซลที่เก็บชื่อฟิลด์
เช่น H1
เงื่อนไข
• เขียนไว้ใน Worksheet
• เช่น Position
Engineer
• กำหนดค่ำของเซลทั้งสอง
เป็นเงื่อนไข เช่น K1:K2
โครงสร้ำงของเงื่อนไข
ชื่อฟิลด์ Operator
ข้อมูลเปรียบเทียบ
เช่น
Position = “Engineer”
Operator
Equals
Does not equals
Is greater than
Is greater than or equal to
Is Less than
Is Less than or equal to
=
<>
>
>=
<
<=
Operator (ต่อ)
Begins with
Suree
Surang
Sujinda
Ends with
Waraporn
Somporn
Suporn
Operator (ต่อ)
Contains
ผลิต
Does not contain
แผนกผลิต
แผนกควบคุมกำร
แผนกผลิตอะไหล่
ฝ่ำยบัญชี
ฝ่ำยบุคคล
ฟังก์ชันสถิติพื้นฐำน
SUM(ช่วงข้อมูล)
AVERAGE(ช่วงข้อมูล)
COUNT(ช่วงข้อมูล)
MAX(ช่วงข้อมูล)
MIN(ช่วงข้อมูล)
STDEVP(ช่วงข้อมูล)
VARP(ช่วงข้อมูล)
หำผลรวมตัวเลข
หำค่ำเฉลีย
่
นับจำนวนข้อมูล
หำค่ำมำกทีส
่ ุด
หำค่ำน้อยทีส
่ ุด
ค่ำเบี่ยงเบนมำตรฐำน
หำค่ำควำมแปรปรวน
Error Message
#NAME?
#REF!
#DIV/0!
#N/A
#VALUE!
#NUM!
ไม่ถูกต้อง
ชื่อฟังก์ชัน
กำรอ้ำงอิง
กำรหำรด้วย 0
Not Available
คำนวณค่ำไม่ได้
กำรอ้ำงอิงค่ำของเซล
การรั กษาความปลอดภัยให้ ข้อมูลในชีทงาน
ซ่ อนสูตรคานวณไม่ ให้ แสดงในแถบสูตร
• เปิ ดชีทงานที่ต้องการขึ ้นมา
• เลือกช่องเซลล์ที่ต้องการซ่อนสูตรคานวณ
• คลิกเมนู Format Cells
• คลิกแท็บ Protection
• คลิกทาเครื่ องหมายถูกหน้ า Hidden
ซ่ อนสูตรคานวณไม่ ให้ แสดงในแถบสูตร (ต่ อ)
• คลิกเมนู Tools Protection
Protecsheet
• ตัง้ รหัสผ่ านสาหรับใช้ ยกเลิกการป้องกันชีทงาน
• คลิกปุ่ ม OK
• พิมพ์ รหัสผ่ านสาหรับใช้ ยกเลิกการป้องกันชีทอีก
ครัง้
• คลิกปุ่ ม OK
การป้องกันข้ อมูลโดยต้ องการให้ บาง
Cell แก้ ไขได้
• Click เลือกช่วงของข้ อมูลที่ต้องการให้
แก้ ไขได้ ภายหลังการป้องกัน
• Click Menu Format, Cells,
Protection
การป้องกันข้ อมูลโดยต้ องการให้
บาง Cellแก้ ไขได้
• Click ยกเลิกเครื่ องหมายถูกหน้ า
Locked, Click OK
• Click Menu Tools,
Protection, Protect Sheet
การป้องกันข้ อมูลโดยต้ องการให้
บาง Cell แก้ ไขได้
• พิมพ์ หมายเลข Password, Click
OK
• พิมพ์ หมายเลข Password ซา้ อีกครั ง้ ,
Click OK
ป้องกันการแก้ ไขส่ วนประกอบของสมุดงาน
• คลิกเมนู Tools Protection
Protecworkbook
• คลิกเครื่ องหมายถูกในช่อง
ส่วนประกอบที่ต้องการป้องกัน
Stucture ป้องกันการย้ าย เพิ่ม ลบ เปลี่ยนชื่อ และซ่ อนชีทงาน
Windows ป้องกันการปรั บขนาดและย้ ายตาแหน่ งหน้ าต่ างสมุด
งาน
ป้องกันการแก้ ไขส่ วนประกอบของสมุดงาน (ต่ อ)
• ตังรหั
้ สผ่านสาหรับการใช้ ยกเลิกการ
ป้องกันสมุดงาน
• คลิกปุ่ ม OK
การยกเลิกการป้องกันทุกประเภท
• Click Menu Tools, Protection,
UnProtect Sheet
• พิมพ์หมายเลข Password เหมือนครัง้ ที่ทา
การป้องกัน
• Click Ok
การยกเลิกการป้องกันสมุดงาน
• Click Menu Tools, Protection,
UnProtect workbook
• พิมพ์หมายเลข Password เหมือนครัง้ ที่ทา
การป้องกัน
• Click Ok
กำรจัดกำรกับฐำนข้อมูล
Database Tool
- Sort
- Form
- Filter
- Subtotal
- Pivot Table
กำรจัดเรียงข้อมูล
• คลิกใน Field ที่จะใช้ เป็ นหลักในการเรี ยง
• คลิกปุ่ ม
Sort Ascending
เรี ยงจากน้ อยไปมาก
หรื อปุ่ ม
Sort Descending
เรี ยงจากมากไปน้ อย
กำรเรียงแบบมีเงื่อนไข
•
•
•
•
•
•
•
คลิกในข้ อมูล
คาสั่ง Data, Sort
เลือก Field แรกที่จะเรียงจากช่ อง Sort by
เลือก วิธีการเรียงที่ Ascending หรือ Descending
เลือก Field ที่จะเรียงเป็ น Field ที่ 2 ที่ Then by
คลิกปุ่ ม Option เพื่อกาหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม
คลิก OK
การจัดการข้ อมูลด้ วยฟอร์ ม
เพิ่มและแก้ไขข้อมูล
• คลิกที่เซลใดเซลหนึ่งภายในข้ อมูล
• คาลั่ง Data, Form
• พิมพ์ ข้อมูลที่ต้องการแก้ ไข กด Tab เมื่อต้ องการเลื่อน
ไป Field ถัดไป เสร็จแล้ วกด Enter
• ไม่ สามารถใส่ สูตรลงในแบบฟอร์ มได้ ถ้ ารายการนัน้ มี
ข้ อมูลในการคานวณอยู่กไ็ ม่ สามารถแก้ ไขได้
กำรค้นหำข้อมูล
•
•
•
•
•
คลิกที่เซลใดเซลหนึ่งภายในข้ อมูล
คาลั่ง Data, Form
คลิกปุ่ ม Criteria
พิมพ์ ข้อมูลที่ต้องการค้ นหาลงในฟิ ลด์ นัน้ กด Enter
คลิกปุ่ ม Find Next เพื่อดู Record ต่ อไป (ห้ ามใช้ Scroll
bar)
• คลิกปุ่ ม Close จบการสืบค้ น
กำรกรองข้อมูล
• กรองแบบอัตโนมัติ
• กรองแบบซับซ้ อน
กรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ
•
•
•
•
•
คลิกในข้ อมูล
คาสั่ง Data, Filter, Autofilter
คลิกปุ่ มลูกศรของฟิ ลด์ แรกที่เป็ นเงื่อนไข
เลื่อนเมาส์ มาคลิกค่ าที่ต้องการค้ นหา
ถ้ าต้ องการระบุเงื่อนไขเพิ่มเติม คลิกที่ปุ่มลูกศรของ
ฟิ ลด์ ถัดไป
• หากต้ องการแสดงข้ อมูลทัง้ หมดใช้ คาสั่ง Data,
Filter, Show All
กรองข้อมูลแบบซับซ้อน
• คลิกในข้ อมูล
• คาสั่ง Data, Filter,
Advanced filter
กำรหำผลสรุปย่อย (Subtotals)
•
•
•
•
•
•
เรียงข้ อมูลในฟิ ลด์ ท่ จี ะหาผลสรุ ปย่ อย เช่ น เรียงตามเพศ
คลิกในข้ อมูล
คาสั่ง Data, Subtotals
ที่ At each change in เลือกฟิ ลด์ ท่ จี ัดเรียงไว้ คือ เพศ
ที่ Use function เลือกฟั งก์ ชันที่จะหาผลสรุ ปย่ อย เช่ น Count
ที่ Add subtotal to เลือกฟิ ลด์ ท่ จี ะให้ โปรแกรมคานวณหาผลสรุ ป
เช่ น ตาแหน่ ง
• เลือก Replace current subtotals
• คลิก OK
ยกเลิกกำรหำผลสรุปย่อย
คาสั่ง Data, Subtotals,
Remove All
กำรสร้ำง Pivot Table
•
•
•
•
•
•
•
คลิกในข้ อมูล
คาสั่ง Data, PivotTable and PivotChart Report
เข้ าสู่ PivotTable and PivotChart Wizard
Step1 สร้ างข้ อมูลแบบใด
Step2 กาหนดข้ อมูลที่จะนามาสร้ างรายงาน
Step3 เลือกสถานที่วางรายงาน
ลากฟิ ลด์ ข้อมูลมาวางใน Column, Row, Data
Pivot Table
Page
Field
Column Field
Row
Field
Data Item
ฟังก์ชันกำรผ่อนชำระเงิน
PMT(อัตรำดอกเบี้ยต่อเดือน
,จำนวนงวดผ่อนชำระ,
เงินต้น)
RATE
NPER
PV
FV
อัตราดอกเบี ้ย
ระยะเวลาในการผ่อนชาระ
จานวนเงินต้ นหรื อเงินกู้
ค่าของเงินในอนาคต
TYPE ช่วงเวลาในการจ่ายเงิน
(0 จ่ายช่วงสิ ้นเดือน, 1 จ่ายช่วงต้ นเดือน)
การหาค่ าเสื่อมราคาแบบเส้ นตรง
=SLN(COST, SALVAGE,
LIFE)
COST
SALVAGE
LIFE
ต้ นทุนของทรัพย์สนิ
มู ล ค่ า ซ า ก ห รื อ มู ล ค่ า
ท รั พ ย์ สิ น ที่ เ ห ลื อ อ ยู่
หลัง จากตัดค่าเสื่อ มราคา
ทังหมด
้
อ า ยุ ก า ร ใ ช้ ง า น ข อ ง
ทรัพย์สนิ
การคานวณหาค่ าของเงินสุทธิในปั จจุบัน
=NPV(Discount rate, Cash
flows)
Discount rate
Cash flows
อั ต ร า ด อ ก เ บี ้ ย ใ น
ปั จจุบัน
ช่ ว ง ข อ ง ข้ อ มู ล
(สูงสุดได้ 29 ชุด)
การหาอัตราดอกเบีย้ ที่ได้ จากการลงทุน
=IRR(Cash flow, Guess)
Cash flow
Guess
ช่วงของข้ อมูล
เป็ นเปอร์ เซ็นต์ที่ทาให้
คอมพิวเตอร์ ทางานหา
คาตอบออกมาให้ ได้
โปรแกรมจะใช้ คา่ 10%
เป็ น Default
Consolidate
เป็นกำรรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ 2
ชุดขึ้นไป ที่มีหัวข้อเหมือนกัน
แต่ตัวเลขต่ำงกันมำแสดงอยู่
ในชุดเดียวกัน จะทำได้ต่อเมื่อ
มีแหล่งข้อมูลตั้งแต่ 2 ชุดขึ้น
ไป และแฟ้มเปล่ำ 1 แฟ้ม
Consolidate
• อยู่ที่ Sheet ว่ำง
• คำสัง่ Data, Consolidate
• ที่ Reference เลือก เซลทีม
่ ข
ี อ
้ มูลโดยเลือกรวมหัว
เรื่องด้วย แล้วคลิกปุ่ม Add
• ที่ Reference ลบข้อควำมทิง้ เลือกช่วงเซลชุดที่ 2
คลิกปุ่ม Add ทำซ้ำจนกว่ำจะหมดข้อมูล
• เลือก Function
• คลิกที่ Top row left column และ Create link to source data
• คลิก OK
กำรแจกแจงข้อมูล
• Goal Seek
• Table
• Scenario
Goal Seek
• คือ กำรค้นหำเป้ำหมำย
• คำสั่ง Tools, Goal Seek
• ที่ Set cell คลิกเลือกเซลที่จะเปลีย
่ น (มี
สูตรในกำรคำนวณ)
• ที่ To value พิมพ์ค่ำเป้ำหมำยที่ต้องกำร
• ที่ By changing cell คลิกที่เซลที่จะให้แปลง
ค่ำ
Table
• คือ กำรกำหนดช่วงข้อมูลที่จะ
ให้แสดงผลลัพธ์เมื่อมีกำร
เปลี่ยนตัวแปร มี 2 ชนิดคือ
• ตำรำงข้อมูลแบบตัวแปรเดียว
• ตำรำงข้อมูลแบบสองตัวแปร
Scenario
คือ กำรกำหนด
สถำนกำรณ์สมมติ เพื่อ
เปรียบเทียบข้อมูล ใช้ช่วย
ในกำรตัดสินใจ โดย
สำมำรถกำหนดตัวแปรได้
สูงสุดถึง 32 ตัวแปร
Scenario
คำนวณเซลผลลัพธ์ด้วยสูตรก่อน
คำสั่ง Tools, Scenario
คลิกปุ่ม Add
พิมพ์ชอ
ื่ สถำนกำรณ์ เช่น Contract A
เลือกเซลทีจ
่ ะเปลีย
่ น เช่น B1:B3 คลิก
OK
• พิมพ์เงื่อนไข
• ทำซ้ำจนครบทุกเงือ
่ นไข โดย
เปลี่ยนตำมสถำนกำรณ์
•
•
•
•
•
Scenario (ตอ)
่
• คลิกปุ่ม Summary
• เลือกชนิดรำยงำน เป็นสรุป
สถำนกำรณ์สมมติ
• กำหนดเซลผลลัพธ์ คือเซลที่มี
สูตร เช่น B4 คลิก OK
• จะได้ Sheet ใหม่ ซึ่งมีค่ำสรุป
Macro
Macro คือวิธีการบันทึกขัน้ ตอนการ
ทางานหลายๆ อย่ างเก็บไว้ เมื่อเรี ยก
Macro ที่ได้ สร้ างขึน้ แล้ ว Macro จะ
ช่ วยให้ เราสามารถทาขัน้ ตอนเหล่ านัน้
ที่บันทึกเก็บไว้ ได้ อย่ างรวดเร็ วในครัง้
เดียว
ชนิดของ Macro
• ใช้ Macro Recorder
เป็ นการบันทึกการทางาน
• เขียน Macro ขึ ้นมาใช้ เอง ด้ วย
ภาษา Visual Basic
หลักเกณฑ์ในการตังชื
้ ่อ MACRO
• ต้ องเริ่ มต้ นด้ วยตัวอักษรเท่านัน้
• สามารถใช้ เครื่ องหมาย Under
Score ขันชื
้ ่อ Macro ได้
• ตังชื
้ ่อ Macro ได้ ไม่เกิน 46
ตัวอักษร
หลักเกณฑ์ในการตังชื
้ ่อ MACRO
• สัญลักษณ์ตา่ งๆไม่สามารถนามาใช้ ใน
การตังชื
้ ่อ Macro ได้
• ไม่ควรใช่ Keyword มาตังชื
้ ่อ
Macro เพราะจะทาให้ เกิด
Error ได้
SUBTOTAL หาผลรวม ค่ าเฉลี่ย และอื่นๆ
อย่ างรวดเร็ว
SUBTOTAL (หมายเลขประจา
ฟั งค์ ชัน, บริเวณที่จะให้ ทา
SUBTOTAL
หมายเลขประจาฟังก์ชัน
1.
2.
3.
4.
5.
6.
AVERAGE
COUNT
COUNTA
MAX
MIN
PRODUCT
7.STDEV
8.STDEVP
9.SUM
10.VAR
11.VARP
Function อื่นๆ
=Left(Cellที่จะสาเนา, จานวนตัวอักษรที่
ต้ องการสาเนา)
=Mid(Cellที่จะสาเนา, ตาแหน่ งเริ่มต้ น,
จานวนตัวอักษรที่จะสาเนา)
=Right(Cellที่จะสาเนา, จานวนที่
ต้ องการสาเนา)
Function อื่นๆ
=Len(Cellที่จะนับตัวอักษร)
=Search(ข้ อความที่ต้องการค้ นหา,
Cell ที่ต้องการค้ นหา )
=Trim( Cell ที่จะตัดช่ องว่ าง)
ทาสาเนาคานาหน้ าชื่อ
• ตัง้ เงื่อนไขตรวจสอบว่ าเป็ นนางสาวหรื อไม่
left(A1,6)=“นางสาว”
• ถ้ าเงื่อนไขเป็ นจริง
left(A1,6)
• ถ้ าเงื่อนไขเป็ นเท็จ
left(A1,3)
ทาสาเนาชื่อ
นางเพียงเพลิน อินทรสุวรรณ
14 - 3 = จน.ตัว14หนังสือที่เป็ นชื่อ
ทาสาเนาชื่อ
• ตัง้ เงื่อนไขตรวจสอบว่ าเป็ นนางสาวหรื อไม่
left(A1,6)=“นางสาว”
• ถ้ าเงื่อนไขเป็ นจริง
Mid(A1,7,ช่ องว่ าง-6)
Mid(A1,7,Search(“ “,A1)-6)
• ถ้ าเงื่อนไขเป็ นเท็จ
Mid(A1,4,ช่ องว่ าง-3)
Mid(A1,4,Search(“ “,A1)-3)
ทาสาเนานามสกุล
• =Right(A1,Len(A1)Search(“ “,A1))
การสร ้างกราฟ
•Click เลือกชว่ งของข ้อมูลที่
ต ้องการนาไปสร ้างกราฟ
•Click เมนู Insert, Chart
•Click เลือกประเภทของกราฟ
ทีต
่ ้องการสร ้าง, Click Next
การสร ้างกราฟ
แผนภูมิคอลัมภ์ (Column) :
แสดงการเปลี่ยนแปลงของชุดข้ อมูลเดียวกันเมื่อเวลาเปลี่ยนไป
แผนภู มิ แ บบคอลัม ภ์ ใช้ใ นการ
แสดงข้อ มู ล ที่ เ ปลี่ ย นแปลงเมื่ อ
เที ย บกับ ช่ ว งเวลา แผนภู มิ น้ ี จะ
แบ่ ง แยกประเภทข้ อ มู ล ไว้ใ น
แแนวนอน
ผ น ภู มิ และแสดงค่
ค อ ลั ม ภ์ แาบของข้
บ ซ้ออมูนล
ไว้ในแนวตั้งแสดงความสั ม พัน ธ์
(Stack)
ระหว่ า งชุ ด ข้อ มู ล ย่ อ ยๆ กับ ชุ ด
แผนภูมิคอลัมภ์แบบ
จะ
ข้อมู3ลมิทัต้ งิ หมด
แสดงข้อมูลได้ถึงสองแกน
ตัวอย่ างแผนภูมิ Column
แผนภูมแิ ท่ ง (Bar) :
เปรียบเทียบความมากน้ อยของข้ อมูล
แผนภู มิ แ ท่ งใช้ในการเปรี ย บเที ย บ
ข้อ มู ล โดยการแยกประเภทของ
ข้อ มู ลในแนวตั้ง และแสดงค่ า ของ
ข้อมูลในแนวนอน แผนภูมิชนิดนี้ จะ
เน้น ในการแสดงค่ าของข้อ มู ล โดย
ไม่ได้เน้นแสดงเรื่ องของเวลา
แผนภูมิ แ ท่ งแบบซ้อ น (Stack)
ใช้ ส าหรั บแสดงความสั ม พั น ธ์
ระหว่างข้อมูลย่อยกับข้อมูลทั้งหมด
ตัวอย่ างแผนภูมิ Bar
แผนภูมเิ ส้ น (Line) :
หาแนวโน้ มของข้ อมูลเมื่อเวลาเปลี่ยนไป
แผนภูมิเส้น ใช้แสดงแนวโน้มของ
ข้อมูลเมื่อเทียบกับช่วงเวลา
ตัวอย่ างแผนภูมิ Line
แผนภูมวิ งกลม (Pie) :
แสดงสัดส่ วนของข้ อมูลที่สนใจต่ อผลรวมทัง้ หมด
แผนภูมิแบบวงกลม ใช้แสดงขนาดสัดส่ วน
ของข้อมูล หนึ่ งเมื่ อน าไปเปรี ย บเที ย บกับ
ผลรวมของข้อมูลทั้งหมด มักจะใช้เมื่ อเรา
ต้หากว่
อ งการเน้
มู ล ใดเราสามารถที
คื อ ข้ อ มู ล ที่จ่ มะี
าข้อมูลนมีว่คา่ น้ข้ อยมาก
ความส
ญ ก ๆ มองเห็ น ได้ง่ า ยขึ้ น โดย
่ ว นเล็
ท าให้สาคั
การรวมเข้ า ด้ ว ยกั น เป็ นส่ วนหนึ่ งใน
แผนภูมิวงกลม และแตกส่ วนนั้นออกเป็ น
แผนภู มิ ว งกลมขนาดเล็ ก กว่ า ถัด ไปจาก
แผนภูมิหลัก
ตัวอย่ างแผนภูมิ Pie
แผนภูมิชนิดนี้แสดงข้อมูลได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น
แผนภูมโิ ดนัท (Doughnut) :
แผนภูมแิ บบวงกลมที่แสดงได้ หลายๆ ชุดข้ อมูล
แผนภูมิโดนัทคล้ายๆ กับแผนภูมิวงกลมคือ
แสดงความสั ม พัน ธ์ ร ะหว่ า งส่ ว นหนึ่ งกับ
ทั้ง หมด แต่ แ ผนภู มิ แ บบนี้ สามารถแสดง
ข้อ มู ล ได้ม ากกว่ า เนื่ อ งจากแต่ ล ะวงของ
โดนั ท แทนที่ ห นึ่ งชุ ด ข้ อ มู ล ในขณะ ที่
แผนภู มิ แ บบวงกลมจะแสดงได้เ พี ย งชุ ด
ข้อมูลเดียว
ตัวอย่ างแผนภูมิ Doughnut
แผนภูมสิ ามมิติ :
กราฟทรงกระบอก
กราฟทรงกรวย
กราฟทรงพีระมิด
การสร ้างกราฟ
• ดูขอบเขตของชว่ งข ้อมูลว่าถูกต ้อง
หรือไม่และเลือกแนวการแสดงผล
ของกราฟ, Click Next
• กาหนดรายละเอียดของกราฟ,
Click Next
• เลือกพืน
้ ทีใ่ นการแสดงกราฟทีส
่ ร ้าง
เสร็จแล ้ว
ขัน้ ตอนที่ 2 : เลือกข้ อมูลที่จะนามาสร้ างเป็ น
แผนภูมิ
ขัน้ ตอนที่ 3 : ปรับส่ วนประกอบของแผนภูมิ
ชื่อเรื่ อง
ชื่อแผนภูมิ
คาอธิบายแกน X
คาอธิบายแกน Y
ขัน้ ตอนที่ 3 : ปรับส่ วนประกอบของแผนภูมิ
ต้องการให้แผนภูมิแสดงแกน X
และแกน Y หรื อไม่
ประเภท
มาตราส่วนเวลา
ขัน้ ตอนที่ 3 : ปรับส่ วนประกอบของแผนภูมิ
ปรับแต่งเส้นตาราง เพื่อช่วยให้
ประมาณขนาดกราฟได้ง่าย
เส้นตารางหลัก
เส้นตารางรอง
ขัน้ ตอนที่ 3 : ปรับส่ วนประกอบของแผนภูมิ
ปรับแต่งคาอธิ บายแผนภูมิ
ขัน้ ตอนที่ 3 : ปรับส่ วนประกอบของแผนภูมิ
ปรับแต่งป้ ายแสดงชื่อข้อมูล สามารถ
ใส่ ค่าตัวเลขให้กบั กราฟ
ค่า
ชื่อชุดข้อมูล
ชื่อประเภท
ขัน้ ตอนที่ 3 : ปรับส่ วนประกอบของแผนภูมิ
การแสดงตารางข้อมูลคู่กบั แผนภูมิ
แสดงตารางข้อมูล
แสดงคียค์ าอธิบายแผนภูมิ
ขัน้ ตอนที่ 4 : เลือกชีทที่วางแผนภูมิ
สร้างเป็ น Sheet ขึ้นมา พร้อมตั้งชื่อ
ให้อยูท่ ี่เดียวกับตารางข้อมูล
คลิก
การกาหนดขอบเขตของงานพิมพ์
• Click เมนู File, Page Setup
การพิมพ์งาน
•Click เมนู File, Print
การติดตัง้ MS-Office 2003
ติดต่อ
0-2237-3840-4 126
[email protected]