ความยืดหยุน ่ ของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply ความยืดหยุน ่ ของอุปสงค์ (Elasticity of Demand) ความยืดหยุน ่ ของอุปสงค์ (Elasticity of Demand) หมายถึง อัตราการ เปลีย่ นแปลงความต้องการซื้อสินค้าต่อ อัตราการเปลีย่ นแปลงปัจจัยต่างๆ ที่ กาหนดอุปสงค์ เช่น ราคา.

Download Report

Transcript ความยืดหยุน ่ ของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply ความยืดหยุน ่ ของอุปสงค์ (Elasticity of Demand) ความยืดหยุน ่ ของอุปสงค์ (Elasticity of Demand) หมายถึง อัตราการ เปลีย่ นแปลงความต้องการซื้อสินค้าต่อ อัตราการเปลีย่ นแปลงปัจจัยต่างๆ ที่ กาหนดอุปสงค์ เช่น ราคา.

ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์และอุปทาน
Elasticity of Demand and Supply
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ (Elasticity of
Demand)
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ (Elasticity of
Demand) หมายถึง อัตราการ
เปลีย่ นแปลงความต้องการซื้อสินค้าต่อ
อัตราการเปลีย่ นแปลงปัจจัยต่างๆ ที่
กาหนดอุปสงค์ เช่น ราคา รายได้ ราคา
สินค้าชนิดอืน
่ ทีเ่ กีย่ วข้อง เป็ นต้น
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ (Elasticity of Demand)
• ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา
(Price Elasticity of Demand)
• ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได้
(Income Elasticity of Demand)
• ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคาสินค้าอืน
่
ทีเ่ กีย่ วข้องหรือความยืดหยุน
่ ไขว้
(Cross Price Elasticity of Demand)
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคา (Price
Elasticity of Demand) เป็ นการวัดการ
เปลีย่ นแปลงปริมาณความต้องการซื้อ
สินค้าเมือ่ ราคาสินค้าเปลีย่ นแปลง โดยวัด
ออกมาในรูปของร้อยละ
Ed
=
% Q
% P
วิธีการวัดค่าความยืดหยุน
่
• การวัดความยืดหยุน
่ แบบจุด
(Point Elasticity of Demand)
• การวัดค่าความยืดหยุน
่ แบบช่วง
(Arc Elasticity of Demand)
การวัดความยืดหยุน
่ แบบจุด
(Point Elasticity of Demand)
P
ความยืดหยุน
่ ณ จุด A เท่ากับ ?
P2
้
Q เปลีย
่ นแปลงไปเท่าใด เมือ
่ P เพิม
่ ขึน
B
P1 : ราคาเดิม
A
P1
Q2
Q1
P2 : ราคาใหม่
Q1 : ปริมาณเดิม
Q2 : ปริมาณใหม่
Q
สูตรความยืดหยุน
่ ของอุปงค์แบบจุด (Point
elasticity of Demand)
Ed
Ed
Ed
=
=
=
% Q
% P
Q1 - Q2
P1 - P2
Q2 - Q1
P2 - P1
x
x
P1
Q1
P1
Q1
ตัวอย่าง สินค้าราคา 20 บาท มีคนซื้อ
10 ชิน
้ แต่ราคาลดลงเป็ น 18 บาท คน
จะซื้อเพิม
่ เป็ น 15 ชิน
้ ค่าความยืดหยุน
่
ที่ A คือ
Ed
=
=
=
=
Q2 - Q1
x
P2 - P1
15 - 10
18 - 20
5
2
5
x
P1
Q1
x
20
10
20
10
P
20
A
B
18
D
0
10
15
Q
ค่าความยืดหยุน
่ ที่ A = -5 หมายถึงว่า ถ้า
ราคาเปลีย่ นไป 1% ปริมาณซื้อจะ
เปลีย่ นไป 5% ส่วนเครือ
่ งหมายเป็ นลบ
เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างราคาและ
ปริมาณความต้องการซื้อมีทศ
ิ ทางตรงกัน
ข้าม ค่าความยืดหยุน
่ จะพิจารณาเฉพาะตัว
เลขเท่านัน
้
สาหรับค่าความหยือหยุน
่ ทีจ่ ุด B คือ
Ed
=
=
=
=
Q 1 - Q2
x
P1 - P2
10 - 15
20 - 18
5
2
3
x
P2
Q2
x
18
15
18
15
P
20
A
Ed = - 5
B
18
10
15
Ed = - 3
Q
จะเห็นว่าค่าความยืดหยุน
่ ทีจ่ ุด A = -5 ที่ B
= -3 ได้คา่ ไม่เท่ากันทัง้ ๆทีก
่ าร
เปลีย่ นแปลงของปริมาณการซื้อ และราคา
ทีม
่ ค
ี า่ เท่ากัน เพียงแต่การใช้ราคาปริมาณ
เริม
่ แรกทีแ
่ ตกต่างกัน ดังนัน
้ เพือ
่
แก้ปญ
ั หาว่าจะใช้คา่ ใดเป็ นเริม
่ แรก การ
คานวณค่าความยืดหยุน
่ จึงมีอก
ี สูตรหนึ่ง
คือ
ค่าความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์บนช่วงใด
ช่วงหนึ่งบนเส้นอุปสงค์ (Arc elasticity of
demand) คือ ช่วง AB
Ed
Ed
=
=
% Q
% P
Q1 - Q 2
P1 - P2
x
P1 + P2
Q 1 + Q2
P1 : 20 บาท
Q1 : 10 ชิน
้
P2 : 18 บาท
Q2 : 15 ชิน
้
Ed
=
=
=
Q1 - Q2
x
P1 - P2
10 - 15
2
Q1 + Q2
x
20 - 18
5
P1 + P2
x
38
25
20 + 18
10 + 15
=
3.8
ซึง่ ค่า -3.8 นี้ไม่วา่ จะใช้ราคาและปริมาณใด
เป็ นตัวเริม
่ ต้นก็ตามจะได้คา่ เท่ากับ -3.8 เสมอ
P
20
A
Ed = - 3.8
B
18
10
15
Q
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคาสินค้าและ
ความสัมพันธ์กบั รายรับของผูข
้ าย
Ed
=
% Q
% P
ถ้า % Q > % P
ถ้า
ถ้า
ถ้า
ถ้า
% Q
<
% Q =
% Q =
% P =
% P
% P
0
0
  Ed 
  Ed 
  Ed 
  Ed 
  Ed 
>
<
=
=
=
1
1
1
0

Price Elasticity of Demand
ปัจจัยทีก
่ าหนดค่าความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์
ความยืดหยุน
่ มาก (Elastic)
ความยืดหยุน
่ น้อย(Inelastic)
- สินค้าทีม
่ ข
ี องทดแทนได้มาก - สินค้าทีม
่ ข
ี องทดแทนได้น้อย
- สินค้าฟุ่ มเฟื อย
- สินค้าจาเป็ น
- สินค้าคงทนถาวร
- สินค้าทีม
่ รี าคาเพียงเล็กน้อย
% Q
(Elastic Demand ; 1 < Ed < )
1. อุปสงค์ทม
ี่ ีความยืดหยุน
่ มาก
P
P
> % P
TR
5
P
x Q
= TR
P
x Q
= TR
4
50
100
Q
% Q
(Inelastic Demand ; 0 <  Ed  < 1)
2. อุปสงค์ทม
ี่ ีความยืดหยุน
่ น้อย
P
P
< % P
TR
5
P
x Q
= TR
P
x Q
= TR
4
90 100
Q
% Q
Ed  = 1)
3. อุปสงค์ทม
ี่ ีความยืดหยุน
่ คงที่
(Unitary Elastic Demand ;
P
P

TR คงที่
400 บาท
400 บาท
5
4
80
100
= % P
Q
% P
(Perfectly Elastic Demand ; Ed = )
4. อุปสงค์ทม
ี่ ีความยืดหยุน
่ มากทีส
่ ด
ุ
=0
P
้ อยูก
TR มากหรือน้อยขึน
่ บั ปริมาณซื้อ
D
4
50
100
Q
% Q
(Perfectly Inelastic Demand ; Ed = 0)
5. อุปสงค์ทม
ี่ ีความยืดหยุน
่ น้อยทีส
่ ด
ุ
P
=0
D
้ อยูก
TR มากหรือน้อยขึน
่ บั ราคา
5
4
100
Q
สรุป
ความ
ยืดหยุน
่
Elastic
Unitary
Elastic
Inelastic
การเปลีย่ นแปลงราคา
ค่าความ
ยืดหยุน
่
1 < Ed <
ราคาเพิม
่

 Ed  = 1
0 <  Ed  < 1
ราคาลด
้
รายได้รวมลดลง รายได้รวมเพิม
่ ขึน
รายได้รวมคงที่
รายได้รวมคงที่
้
รายได้รวมเพิม
่ ขึน
รายได้รวมลดลง
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได้
(Income Elasticity of Demand : EY)
• เปอร์เซ็นต์การเปลีย่ นแปลงของปริมาณซื้อต่อ
เปอร์เซ็นต์การเปลีย่ นแปลงของรายได้
EY
=
% Q
% Y
วิธีการวัดค่าความยืดหยุน
่
• การวัดความยืดหยุน
่ แบบจุด
(Point Elasticity of Demand)
• การวัดค่าความยืดหยุน
่ แบบช่วง
(Arc Elasticity of Demand)
การวัดความยืดหยุน
่ แบบจุด
(Point Elasticity of Demand)
EY
=
Q1 - Q2
Y1 - Y2
x
Y1
Q1
Y1 : รายได้เดิม
Q1 : ปริมาณเดิม
Y2 : รายได้ใหม่
Q2 : ปริมาณใหม่
การวัดค่าความยืดหยุน
่ แบบช่วง
(Arc Elasticity of Demand)
EY
=
Q1 - Q2
Y1 - Y2
x
Y1 + Y2
Q1 + Q2
ถ้าค่าความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ รายได้มี
เครือ
่ งหมายเป็ นบวกแสดงว่าเป็ นสินค้าปกติ
(Normal Goods) หรือสินค้าฟุ่ มเฟื อย
(Superior Goods) และถ้ามีเครือ
่ งหมายเป็ น
ลบแสดงว่าเป็ นสินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior
้
Goods) เพราะเมือ่ ผูบ
้ ริโภคมีรายได้เพิม
่ ขึน
จะซื้อสินค้าชนิดนัน
้ ลดลง
ความยืดหยุน
่ ของอุปสงค์ตอ
่ ราคาสินค้าอืน
่ ทีเ่ กีย่ วข้องหรือ
ความยืดหยุน
่ ไขว้
(Cross - Price Elasticity of Demand : EC)
• เปอร์เซ็นต์การเปลีย่ นแปลงของปริมาณซื้อต่อ
เปอร์เซ็นต์การเปลีย่ นแปลงของราคาสินค้าอืน
่ ที่
เกีย่ วข้อง
Ec
=
% QX
% Py
การวัดความยืดหยุน
่ แบบจุด
(Point Elasticity of Demand)
EC
=
Qx 1 - Qx 2
Py1 - Py2
Py1
x
Qx 1
Py1 : ราคา y เดิม
Qx1 : ปริมาณ x เดิม
Py2 : ราคา y ใหม่
Qx2 : ปริมาณ x ใหม่
การวัดค่าความยืดหยุน
่ แบบช่วง
(Arc Elasticity of Demand)
EC
=
Q x 1 - Qx 2
Py1 - Py2
x
Py1 + Py2
Q x 1 + Qx 2
• สินค้าทีเ่ กีย่ วข้องกันแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้
• สินค้าทีใ่ ช้ประกอบกัน (Complementary Goods) เป็ น
สินค้าทีใ่ นการอุปโภคบริโภคต้องใช้รว่ มกัน ถ้าขาดสิง่ ใดสิง่
หนึ่งจะไม่สามารถบริโภคได้ เช่น รถยนต์และน้ามัน เป็ น
ต้น ความสัมพันธ์ของสินค้าทีต
่ อ
้ งใช้ประกอบกันจะมีทศ
ิ ทาง
ตรงกันข้ามหรือเป็ น • สินค้าทดแทนกัน (Substitute Goods) เป็ นสินค้าทีใ่ น
การอุปโภคบริโภค ถ้าหาสินค้าชนิดหนึ่งไม่ได้สามารถใช้
สินค้าอีกชนิดหนึ่งทดแทนได้ เช่น เนื้อหมูกบั เนือ
้ ไก่ เป็ น
ต้น ความสัมพันธ์ของสินค้าทีใ่ ช้ทดแทนกันได้จะมีทศ
ิ ทาง
เดียวกันหรือเป็ น +
ความยืดหยุน
่ ของอุปทาน (Elasticity of Supply : Es)
• ความยืดหยุน
่ ของอุปทานต่อราคา
(Price Elasticity of Supply)
: เปอร์เซ็นต์การเปลีย่ นแปลงของปริมาณขายต่อ
เปอร์เซ็นต์การเปลีย่ นแปลงของราคาสินค้านัน
้
Es
=
% Q
% P
วิธีการวัดค่าความยืดหยุน
่
• การวัดความยืดหยุน
่ แบบจุด
(Point Elasticity of Supply)
Es
=
Q 1 - Q2
P1 - P2
x
P1
Q1
• การวัดค่าความยืดหยุน
่ แบบช่วง
(Arc Elasticity of Supply)
Es
=
Q1 - Q2
P1 - P2
x
P1 + P2
Q 1 + Q2
ค่าความยืดหยุน
่ และลักษณะของเส้นอุปทาน
1. อุปทานทีม
่ ค
ี วามยืดหยุน
่ น้อยทีส
่ ด
ุ
(Perfectly Inelastic Supply ; Es = 0)
P
% Q
S
100
Q
=0
2. อุปทานทีม
่ ีความยืดหยุน
่ น้อย
(Inelastic Supply ; 0 < Es < 1)
P
25%
S
% Q
5
4
100 110
10%
Q
< % P
3. อุปทานทีม
่ ีความยืดหยุน
่ คงที่
(Unitary Elastic Supply ; Es = 1)
P
25%
S
5
% Q
4
100 125
25%
Q
= % P
4. อุปทานทีม
่ ีความยืดหยุน
่ มาก
(Elastic Supply ; 1 < Es < )
P
S
25%
% Q
5
4
100
60%
160
Q
> % P
5. อุปทานทีม
่ ีความยืดหยุน
่ มากทีส่ ด
ุ
(Perfectly Elastic Supply ; Es = )
P
% P
4
S
Q
=0
Price Elasticity of Supply
ปัจจัยทีก
่ าหนดค่าความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
• ความยากง่ายและเวลาทีใ่ ช้ในการผลิต
สินค้าทีส่ ามารถผลิตได้งา่ ยและใช้เวลาใน
การผลิตสัน
้ อุปทานของสินค้ามีคา่ ความ
ยืดหยุน
่ สูง
• ปริมาณสินค้าคงคลัง สินค้าทีม
่ ส
ี น
ิ ค้าคงคลัง
สารองมาก อุปทานของสินค้าจะมีความ
ยืดหยุน
่ สูง
ปัจจัยทีก
่ าหนดค่าความยืดหยุน
่ ของอุปทาน
• ความหายากของปัจจัยการผลิต ถ้าปัจจัยทีใ่ ช้
ในการผลิตสินค้ามีจานวนจากัดและหายาก
ต้องใช้เวลาในการหาปัจจัยการผลิตนาน
อุปทานของสินค้าชนิดนัน
้ จะมีความยืดหยุน
่ ต่า
• ระยะเวลา ถ้าระยะเวลานานความยืดหยุน
่ ของ
อุปทานจะมากเพราะผูผ
้ ลิตสามารถ
เปลีย่ นแปลงการใช้ปจั จัยการผลิตได้ทก
ุ ชนิด
แม้แต่เทคโนโลยีและเครือ
่ งมือเครือ
่ งจักรต่างๆ
ประโยชน์ของค่าความหยืดหยุน
่ ของอุปสงค์
•
•
•
ในการวางนโยบายหรือมาตรการของรัฐ เช่น การ
จัดเก็บภาษี จากสินค้า รัฐจะต้องรูว้ า่ สินค้านั้นมีความ
หยืดหยุน
่ เท่าไร เพือ
่ จะได้ทราบว่าภาระภาษี จะตกไป
บุคคลกลุม
่ ใด
ช่วยให้หน่ วยุรกิจสามารถดาเนินกลยุทธทางด้านราคา
ได้อย่างถูกต้องว่าสินค้าชนิดใดควรตัง้ ราคาสินค้าไว้สงู
หรือตา่ เพียงใด ควรเพิม
่ หรือลดราคาสินค้า จึงจะทาให้
้
รายได้รวมกาไรของธุรกิจจะเพิม
่ ขึน
นามาใช้ประกอบการพยากรณ์ แนวโน้มกิจกรรมทาง
เศรษฐกิจ